Saturday, 28 June 2025
ค้นหา พบ 49068 ที่เกี่ยวข้อง

‘อ.ยิ่งศักดิ์’ ยุติหน้าที่พิธีกร “คนดังนั่งเคลียร์” ด้วยเหตุผลส่วนตัว มีปัญหาด้านสุขภาพ

(20 ม.ค. 68) เรียกได้ว่าเป็นตำนานมาอย่างยาวนาน ไม่ว่าทีมงานจะเปลี่ยนไปกี่ชุด หรือจะย้ายช่องไปกี่รอบ แต่พิธีกรรายการ “คนดังนั่งเคลียร์” ก็ยังเป็น “อาจารย์ยิ่งศักดิ์ จงเลิศเจษฎาวงศ์” เพราะด้วยคาแรกเตอร์ที่ถามตรงใจคนดูแบบเป็นกันเอง ทำให้เจ้าตัวยืนหนึ่งมาตลอด 12 ปี ล่าสุดทางช่อง 8 ซึ่งเป็นต้นสังกัดของรายการนี้ ได้ออกแถลงการณ์ว่าพิธีกรชื่อดังได้ยุติบทบาท วางมือจากรายการนี้แล้ว เรียกได้ว่าปิดตำนานได้อย่างน่าใจหาย

“รายการ คนดังนั่งเคลียร์ ทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 8 ในเครือ อาร์เอส กรุ๊ป ขอเรียนแจ้งให้ทราบว่า อาจารย์ยิ่งศักดิ์ จงเลิศเจษฎาวงศ์ จะยุติบทบาท การทำหน้าที่เป็นพิธีกรดำเนินรายการ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ด้วยเหตุผลส่วนตัว มีปัญหาด้านสุขภาพ จึงไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่พิธีกรประจำรายการ ซึ่งออกอากาศสด ทุกวันจันทร์-ศุกร์ ต่อไปได้

ขอขอบคุณ อาจารย์ยิ่งศักดิ์ จงเลิศเจษฎาวงศ์ พิธีกรผู้เป็นตำนานฝีปากกล้า ตลอด 12 ปีที่ผ่านมา เราขอส่งกำลังใจให้กับอาจารย์ทุกเส้นทางต่อจากนี้ และเชื่อมั่นว่าความทรงจำดีๆ ที่อาจารย์ได้มอบให้รายการและผู้ชมจะยังคงอยู่ตลอดไป

สำหรับการดำเนินรายการ คนดังนั่งเคลียร์ หลังจากนี้ คุณเมย์ ชนิตร์นันทน์ ปุณณะนิธิผู้ประกาศข่าวมากประสบการณ์กว่า 24 ปี จะเข้ามารับหน้าที่ในบทบาทพิธีกรประจำรายการอย่างเต็มตัว การันตีด้วยความเชี่ยวชาญในฐานะคนข่าวตัวจริง เป็นตัวแทนท่านผู้ชม ถามเจาะลึก ตรง ทุกประเด็น ซอกแซกแบบตรงจุด และส่งคำถามแทนใจจากผู้ชมทางบ้าน ภายใต้คอนเซปต์ของรายการ 'เคลียร์เร็ว เคลียร์แรง' สด 5 วันรวด ฟาดทุกกระแส ถามแทนใจคนดู ถูกจริตคนไทยแฟนๆสามารถติดตามรายการ คนดังนั่งเคลียร์ ได้ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 14.05 น. ทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 8 กดเลข 27 และทางออนไลน์ที่เฟซบุ๊ก ช่อง 8 / ยูทิวบ์ Thaich8”

ทูตเยอรมนีปูดแผนทรัมป์สมัยสอง สั่นคลอนประชาธิปไตย-ยักษ์ใหญ่เทคโนโลยีร่วมกุมอำนาจ

(20 ม.ค. 68) แอนเดรียส มิคาเอลิส เอกอัครราชทูตเยอรมนีประจำสหรัฐฯ  ออกคำเตือนว่า รัฐบาลใหม่ของโดนัลด์ ทรัมป์ อาจส่งผลกระทบต่อความเป็นอิสระของหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายและสื่อมวลชนในสหรัฐฯ โดยมีแนวโน้มที่จะให้อำนาจกับบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ร่วมกำหนดทิศทางการปกครองประเทศ รายละเอียดดังกล่าวถูกเปิดเผยในเอกสารลับที่สำนักข่าวรอยเตอร์ได้รับการตรวจสอบ

เอกสารลับฉบับนี้ลงวันที่ 14 มกราคม พร้อมลายมือชื่อของแอนเดรียส โดยเนื้อหาในเอกสารระบุว่า วาระซ่อนเร้นของทรัมป์ในสมัยที่สองจะสร้าง "การสั่นคลอนระบบครั้งใหญ่" และนำไปสู่ "การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างรัฐธรรมนูญ" ซึ่งจะรวบอำนาจไว้ที่ตำแหน่งประธานาธิบดี ขณะเดียวกันลดบทบาทของรัฐสภาและรัฐบาลมลรัฐ

เอกสารยังชี้ให้เห็นว่า หลักการประชาธิปไตยและกลไกการตรวจสอบถ่วงดุลจะถูกลดทอนจนแทบไม่มีความหมาย หน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย สื่อมวลชน และฝ่ายนิติบัญญัติจะถูกควบคุมให้กลายเป็นเครื่องมือทางการเมือง ขณะที่บริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่จะมีบทบาทสำคัญในการกำหนดนโยบายของประเทศ

เมื่อวันที่ 19 มกราคม อันนาเลนา แบร์บ็อค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเยอรมนี ยืนยันว่า เยอรมนีจะยังคงรักษาความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับสหรัฐฯ แต่จะยืนหยัดปกป้องผลประโยชน์ของตนเองเช่นกัน เมื่อถูกถามถึงจุดยืนของเอกอัครราชทูตมิคาเอลิสต่อทรัมป์ แบร์บ็อคกล่าวว่า ท่านทูตเพียงปฏิบัติหน้าที่ตามความรับผิดชอบ
บทบาทสำคัญของฝ่ายตุลาการ

เอกสารลับยังระบุว่า ฝ่ายตุลาการ โดยเฉพาะศาลฎีกา จะมีบทบาทสำคัญต่อความพยายามของทรัมป์ในการผลักดันวาระต่าง ๆ แม้ว่าศาลฎีกาจะมีแนวโน้มสนับสนุนการขยายอำนาจของประธานาธิบดี แต่ผู้เชี่ยวชาญหลายฝ่ายยังเชื่อว่า ศาลจะสามารถยับยั้งสถานการณ์เลวร้ายที่สุดได้

เอกสารยังกล่าวถึงความพยายามของทรัมป์ที่จะควบคุมกระทรวงยุติธรรมและ FBI เพื่อบรรลุเป้าหมายทางการเมือง เช่น การกวาดล้างผู้อพยพ การล้างแค้นศัตรูทางการเมือง และการสร้างความคุ้มกันทางกฎหมายให้ตนเอง

แอนเดรียส มิคาเอลิส คาดการณ์ว่า ทรัมป์และอีลอน มัสก์ เจ้าของแพลตฟอร์ม X (ทวิตเตอร์เดิม) อาจมีบทบาทในการปราบปรามผู้วิพากษ์วิจารณ์ โดยใช้วิธีข่มขู่และบิดเบือนอัลกอริทึมบนแพลตฟอร์มออนไลน์

การสนับสนุนพรรคฝ่ายขวาจัดในเยอรมนีของมัสก์ก่อนการเลือกตั้งระดับชาติเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ทำให้เกิดความไม่พอใจในรัฐบาลเยอรมนี แม้ว่าจะยังไม่มีการถอนตัวจากแพลตฟอร์มดังกล่าว

ในช่วงที่ทรัมป์ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยแรก ความสัมพันธ์ระหว่างเยอรมนีและสหรัฐฯ เต็มไปด้วยความตึงเครียดจากนโยบายการค้าของทรัมป์ รวมถึงการวิพากษ์วิจารณ์เยอรมนีที่ไม่สามารถจัดสรรงบประมาณด้านการทหารให้เป็นไปตามเป้าหมายของนาโต

แม้การเปลี่ยนแปลงรัฐบาลในสหรัฐฯ อาจไม่ส่งผลให้เอกอัครราชทูตต้องพ้นตำแหน่งโดยอัตโนมัติ เอกสารลับฉบับนี้สะท้อนให้เห็นถึงมุมมองที่ชัดเจนจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเยอรมนีต่อความเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้นในสหรัฐฯ

แพทองธาร ส่งคำอวยพรตรุษจีน ย้ำสายใยวัฒนธรรมไทย-จีน นำสู่ความสัมพันธ์แน่นแฟ้น

(20 ม.ค. 68) แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีไทย ส่งคำอวยพรเนื่องในโอกาสใกล้ถึงเทศกาลตรุษจีน โดยกล่าวย้ำถึงสายใยเชื่อมโยงทางวัฒนธรรมระหว่างไทยและจีนซึ่งเธอเชื่อว่าจะนำสู่ความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นระหว่างสองประเทศ

แพทองธารกล่าวในข้อความวิดีโอภาษาอังกฤษที่ส่งให้กับสำนักข่าวซินหัวของจีน ระบุว่าเทศกาลตรุษจีนเป็นช่วงเวลาพิเศษที่สมาชิกครอบครัวมารวมตัวเพื่อเฉลิมฉลองและแบ่งปันความทรงจำที่ดีของปีที่ผ่านมา พร้อมอวยพรให้ปีข้างหน้าเป็นอีกปีที่ดีและเจริญรุ่งเรือง

เทศกาลตรุษจีนจะมีการเฉลิมฉลองทั่วจีน รวมถึงในกลุ่มชาวไทยเชื้อสายจีนที่มีสัดส่วนจำนวนมากในกลุ่มประชากรไทย ซึ่งแพทองธารระบุว่าช่วงเวลานี้คือเทศกาลที่สะท้อนถึงสายใยเชื่อมโยงทางวัฒนธรรมที่มีมาเนิ่นนานระหว่างคนไทยและคนจีน

แพทองธารแสดงความเชื่อมั่นว่าสายสัมพันธ์นี้จะแข็งแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง นำสู่ความสัมพันธ์ฉันท์มิตรและความร่วมมือที่เพิ่มพูนระหว่างไทยและจีนเพื่อประโยชน์ของประชาชนทั้งสองฝ่าย และขอใช้โอกาสนี้อวยพรให้ทุกคนมีสุขภาพแข็งแรง มีความสุข และความเจริญรุ่งเรืองในเทศกาลตรุษจีนที่กำลังจะมาถึง

‘ติ๊ก ชิโร่’ บินจากใต้มางาน ศพ ‘น้องจูเนียร์’ เสียชีวิตรายที่ 2 หลังนอนโคม่า 3 เดือน พ่อจี้เจรจาเยียวยา

(20 ม.ค. 68) ‘ติ๊ก ชิโร่’ บินจากใต้มางาน ศพ “น้องจูเนียร์” เหยื่อเมาขับ หลังตายตามพี่สาวเป็นศพที่ 2 ระบุมาไม่ทันรดน้ำศพเพราะเครื่อง ดีเลย์ ชี้ยอดเยียวยาจาก 9 ล้านบาท เป็น 24 ล้านบาท มากเกินไป ยันหากเจรจาในราคาที่พอใจทั้ง 2 ฝ่ายจะขายบ้านบางหลังรถบางคันเยียวยาแน่นอน ขณะที่ พ่อ 2 ศพพี่น้องกังวลโร่พบเพจดังเป็นสื่อกลางช่วย ทั้งกรณีเยียวยาไม่เป็นธรรมรวมถึงพฤติกรรมย้อนแย้ง ขณะที่ตำรวจจ่อเรียกตัวนักร้องดังแจ้งข้อหาเพิ่ม

เมื่อวันที่ 19 ม.ค.68 กรณี นายศิริศักดิ์ หรือมนัสนันท์ นันทเสน หรือ ติ๊ก ชิโร่ ศิลปินนักร้องชื่อดังขับรถตู้ชนรถ จยย. 3 พี่น้อง โดย น.ส.เทียนพร หรือเมจิ ศิวพรพิทักษ์ อายุ 28 ปี เสียชีวิตคาที่ นายจักรภัคร หรือจูเนียร์ ศิวพรพิทักษ์ อายุ 21 ปี นักศึกษาชั้นปี 2 มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งร่างกระเด็นตกสะพาน อาการสาหัส ส่วนอีกคนที่นั่งไปด้วยปลอดภัย เหตุเกิดถนนสุขาภิบาล 5 ช่วงสะพานข้ามถนนเทพรักษ์ แขวงออเงิน เขตสายไหม กรุงเทพฯ เมื่อเวลา 04.00 น. วันที่ 10 ต.ค.67 ขณะที่ตำรวจดำเนินคดีเมาแล้วขับหลังผลเลือดพบปริมาณแอลกอฮอล์เกินกำหนด ขณะที่ศิลปินดังขอเยียวยาชดใช้ความสูญเสียที่เกิดขึ้นตามที่เสนอข่าวไปนั้น

ล่าสุด นศ.ปี 2 เหยื่อเมาขับ “ติ๊ก ชิโร่” ดับอีกศพ โดยเมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 19 ม.ค. ที่ทำการเพจสายไหมต้องรอด ซอยสายไหม 38 นายจีรวัฒน์ ศิวพรพิทักษ์ อายุ 56 ปี พ่อผู้เสียชีวิต เข้าพบนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด ระบุว่า ไม่ได้รับการเยียวยาใดๆจากนายศิริศักดิ์ หรือมนัสนันท์ นันทเสน หรือติ๊ก ชิโร่ คู่กรณี หลังขับรถชนลูกสาวและลูกชายเสียชีวิต

นายจีรวัฒน์ ศิวพรพิทักษ์ อายุ 56 ปี กล่าวว่า ที่ผ่านมาอยู่ระหว่างเจรจาพูดคุยกับติ๊ก ชิโร่ มา แต่ไม่ได้ข้อสรุปและอยากเห็นความจริงใจจากติ๊ก ชิโร่ มากกว่านี้ เห็นว่าที่ผ่านมาส่งแต่ตัวแทนมาพูดคุยและยืนกรานจะต่อสู้คดีชั้นศาล แม้จะรับสารภาพชั้นพนักงานสอบสวนก็ตาม วันนี้สูญเสียลูกไป 2 คน กังวลจะไม่ได้รับความเป็นธรรมเรื่องเงินเยียวยานอกจากค่างานศพแล้วไม่ได้แม้แต่บาทเดียว มีเพียงแต่ออกค่าใช้จ่ายตอนดูแลน้องจูเนียร์ที่ศูนย์ฟื้นฟูขณะที่ยังมีชีวิตประมาณ 82,000 บาท เป็นค่าใช้จ่ายตามจริง หลังออกจากโรงพยาบาลอยู่ศูนย์ฟื้นฟู น้องจูเนียร์มีอาการดีขึ้น แต่เมื่อวานนี้น้องปวดท้องรุนแรงนำตัวส่งโรงพยาบาลภูมิพล และเสียชีวิตช่วง 14.00 น. ก่อนนี้ติ๊ก ชิโร่ ได้ส่งตัวแทนเจรจาเสนอว่า มีที่ดินอยู่ที่ จ.นครราชสีมา ถ้าขายได้จะได้เงิน 4-5 ล้านบาท แล้วจะนำเงินมาให้ สอบถามไปที่น้องสาวติ๊ก ชิโร่ เพื่อจะขอดูที่ดินดังกล่าว แต่ไม่ได้รับการตอบกลับ

ด้านนายเอกภพกล่าวว่า สิ่งหนึ่งที่คุณพ่อเป็นกังวลเรื่องการเสนอชดใช้ด้วยที่ดินนั้น คุณพ่อไม่ทราบว่าที่ดินมีจริงหรือไม่จะขายได้เท่าใดมีรายละเอียดอย่างไร เรื่องนี้อยากให้พี่ติ๊ก ชิโร่ออกมาพูดคุยด้วยตนเอง ไม่ใช่ส่งตัวแทนมาพูดคุย อย่างน้อยที่สุดการเยียวยาจะเป็นเหตุบรรเทาโทษได้และการพูดคุยซึ่งหน้าจะตกลงได้รู้เรื่องกว่า

พ.ต.อ.นเรนทร์ เครื่องสนุก ผกก.สน.คันนายาว เปิดเผยว่า ขณะนี้มอบหมายพนักงานสอบสวนขอผลการชันสูตรพลิกศพจากนิติเวชแล้ว จะพูดคุยกับครอบครัวน้องจูเนียร์ว่าประสงค์จะเรียกค่าเสียหายเพิ่มหรือไม่ เพื่อที่จะเรียกทั้งสองฝ่ายมาเจรจากันใหม่ หากเจรจากันไม่ได้จะส่งฟ้องทันที รวมทั้งเตรียมที่จะเพิ่มข้อกล่าวหาประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายกับติ๊ก ชิโร่ เพื่อส่งฟ้องต่อพนักงานอัยการต่อไป

ต่อมาเวลา 16.00 น. ที่ศาลา 8 วัดพระศรีมหาธาตุ บางเขน ที่ตั้งศพนายจักรภัทร ศิวพรพิทักษ์ หรือน้องจูเนียร์ อายุ 21 ปี มีญาติพี่น้องและเพื่อนน้องผู้ตายทยอยมาร่วมพิธีรดน้ำศพท่ามกลางความโศกเศร้า มีสื่อมวลชนจำนวนมากปักหลักหน้าศาลา 8 เพื่อเฝ้าดูว่า ติ๊ก ชิโร่ จะมาร่วมงานศพน้องจูเนียร์หรือไม่

นายจีรวัฒน์ ศิวพรพิทักษ์ อายุ 56 ปี พ่อผู้เสียชีวิตกล่าวว่า ช่วงเวลา 11.00 น. วันนี้ส่งไลน์แจ้งไปยังติ๊ก ชิโร่ ให้ทราบว่า น้องจูเนียร์เสียชีวิตแล้ว ติ๊กชิโร่ส่งไลน์กลับมาแสดงความเสียใจกับครอบครัวและแจ้งว่าขณะนี้อยู่ที่ จ.สุราษฎร์ธานี เตรียมบินกลับมาร่วมงานรดน้ำศพและสวดศพช่วงเย็นวันนี้ ครอบครัวตนไม่ได้คาดหวังว่าจะมาหรือไม่ ถ้าจะมาร่วมงานศพครอบครัวก็ยินดี แต่ถ้าไม่มาก็ไม่เป็นไร ทั้งนี้ เข้าใจได้ว่าอาจจะเดินทางมาไม่ทันก็เป็นได้

พ่อ 2 พี่น้องที่สังเวยชีวิตจากการเมาแล้วขับกล่าวต่อว่า การเจรจาครั้งล่าสุดที่เกิดขึ้นนั้นเมื่อวันที่ 13 ธ.ค.ที่ผ่านมา เป็นการเจรจาขณะที่น้องจูเนียร์ยังมีชีวิต ถ้าหากติ๊กยังมีเจตนาที่จะพูดคุยเรื่องการเยียวยาในตอนนี้ที่น้องเสียชีวิตไปแล้ว ครอบครัวยินดี ส่วนเรื่องความจริงใจของติ๊กที่จะช่วยเหลือครอบครัวหรือไม่ เรื่องนี้ตอบแทนติ๊กไม่ได้ สำหรับเรื่องคดีไม่ทราบว่ารายละเอียดสำนวนคดีจะมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ รวมทั้งจะดำเนินคดีถึงที่สุดหรือไม่ ขอให้ปล่อยไปตามกระบวนการทางกฎหมาย เนื่องจากหลังจากนี้สำนวนคดีจะเข้าสู่ชั้นอัยการตามขั้นตอน

สำหรับงานสวดพระอภิธรรมศพน้องจูเนียร์ 3 คืน ตั้งแต่วันที่ 19-21 ม.ค.68 เวลา 18.00 น. และฌาปนกิจวันที่ 22 ม.ค. เวลา 14.00 น.

ต่อมาเวลา 18.23 น. หลังพระสวดอภิธรรมเสร็จสิ้น ติ๊ก ชิโร่ พร้อมเพื่อนอีก 2 คน เดินทางมาที่งานศพพร้อมกล่าวแสดงความเสียใจกับพ่อน้องจูเนียร์พร้อมบอกว่ามาช้าเพราะเครื่องดีเลย์ จากนั้นได้เข้าไปกราบศพและกลับมานั่งพูดคุยกับครอบครัวผู้สูญเสีย โดยกล่าวกับสื่อมวลชนว่า ยังไม่ขอเปิดเผยรายละเอียดเรื่องการเยียวยาผู้เสียชีวิต เนื่องจากวันนี้ไม่อยากทำให้บรรยากาศครอบครัวน้องจูเนียร์รู้สึกว่าตนเดินทางมาทำอะไรไม่ดีให้กับครอบครัว ส่วนรายละเอียดทั้งหมดที่สื่อมวลชนอยากรู้จะนัดแถลงข่าวในครั้งต่อไป

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้าจะเดินทางมาที่วัด ติ๊ก ชิโร่ เปิดเผยทางโทรศัพท์ว่า หลังเกิดเหตุช่วยค่าทำศพไปประมาณ 1 แสนบาท กลุ่มเพื่อนๆร่วมใส่ซองอีกกว่า 7 หมื่นบาท ส่วนค่ารักษาน้องจูเนียร์ ได้ออกค่าใช้จ่ายให้ตามจริงและโอนไปอีก 1 แสนบาท หลังจากน้องจูเนียร์ออกจากโรงพยาบาลไปอยู่ที่ศูนย์พักฟื้น ตนดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายทั้งหมด และยังตกลงกับพ่อน้องจูเนียร์ว่า จะจ่ายให้เดือนละ 5 หมื่นบาททุกเดือน หากเดือนไหนค่าใช้จ่ายแค่ 3 หมื่น ก็เหลืออีก 2 หมื่น เดือนหน้าก็เติมไปอีกแค่ 3 หมื่น หากเดือนไหนเกิน 5 หมื่นจะเพิ่มตามจริง หลังเกิดเหตุยังพาพ่อแม่น้องจูเนียร์ไปที่บ้านตนเพื่อให้สบายใจว่าไม่หนีไปไหน ส่วนที่ตนไม่ได้ไปพบตอนตำรวจเรียกเพราะติดงานร้องเพลงต่างจังหวัด

ล่าสุดเมื่อวานนี้ (18 ม.ค.) ยังเอากระเช้าไปให้พี่ชายพ่อน้องจูเนียร์ และพูดคุยกันดีๆอยู่ก่อนที่น้องจูเนียร์จะเสีย ลุงน้องจูเนียร์ยังบอกว่าน้องอาการดีขึ้น สุดท้ายมีการเรียกค่าเยียวยาครั้งแรก 9 ล้านบาท แล้วมาเพิ่มเป็น 24 ล้าน นั่นหมายถึงช่วงที่น้องจูเนียร์ยังไม่เสีย มองว่ามากเกินไป หากตกลงได้ที่ 1-2 ล้าน ยังพอหาเงินได้ ตนบอกกับพ่อน้องว่าจะขายที่ดินต่างจังหวัดได้เงินมา 4-5 ล้านบาทจะให้ไปก่อน อีกอย่างช่วงนี้ยังไม่ได้เงินจากการลงทุนร้านอาหารอีก 2 ล้านบาท ถ้าได้เงินก้อนนี้มาจะเยียวยาไปก่อนเช่นกัน หากเจรจากันในราคาที่พอใจด้วยกันทั้ง 2 ฝ่ายได้ จะขายบ้านบางหลังและรถบางคันนำเงินมาเยียวยาผู้เสียหายอย่างแน่นอน

‘เอกนัฏ’ เผย ‘ฉางอาน’ พร้อมลงทุนในไทยเพิ่ม รองรับยอดใช้รถยนต์ EV ทั่วโลกพุ่ง

(20 ม.ค. 68) นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า นายเซิน ซิงหัว กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฉางอาน ออโต้ เซ้าท์อีสเอเชีย จำกัด ได้นำคณะผู้บริหารบริษัท ฉางอานฯเข้าพบ เพื่อแสดงความยินดีในโอกาสที่ตนเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมหารือแนวทางในการดำเนินกิจการของบริษัท ฉางอานฯ โดยมี นายณัฐพล รังสิตพลปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมคณะผู้บริหารกระทรวงอุตสาหกรรม และการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เข้าร่วมหารือด้วย

สำหรับการเข้าพบหารือในครั้งนี้ คณะผู้บริหารบริษัท ฉางอานฯ ให้ความสำคัญกับประเทศไทย โดยมองว่าประเทศไทยมีศักยภาพสูงสำหรับการลงทุน เนื่องจากเป็นฐานการผลิตอุตสาหกรรมยานยนต์สำคัญแห่งหนึ่งของโลก และเป็นประเทศที่มีความพร้อมในหลายๆ ด้าน สามารถที่จะรองรับการขยายตัวของยานยนต์ไฟฟ้า หรือ รถยนต์ EV โมเดลใหม่ของบริษัท ฉางอานฯ เป็นอย่างดีซึ่งการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าสอดรับกับตลาดของผู้ซื้อทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทยที่นิยมใช้ยานยนต์ไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น

นายเอกนัฏ กล่าวว่า กระทรวงอุตสาหกรรมและตน รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่บริษัท ฉางอานฯ ได้เล็งเห็นถึงศักยภาพของประเทศไทย ซึ่งมีความพร้อมในด้านต่างๆ ทั้งในด้านของโครงสร้างพื้นฐาน บุคลากร และระบบสนับสนุนต่างๆ ทั้งนี้กระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมให้การสนับสนุนและอำนวยความสะดวกแก่นักลงทุนจากทุกประเทศ รวมถึงบริษัทฉางอานฯ ด้วย เพื่อส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าที่เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมเป้าหมายที่สำคัญของประเทศไทย

นอกจากนี้กระทรวงอุตสาหกรรมได้มีการประชุมคณะอนุกรรมการพัฒนาระบบการออกใบอนุญาต โดยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence : AI) ร่วมกับสถาบันวิศวกรรมปัญญาประดิษฐ์ (AIEI) เพื่อหารือเรื่องนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence : AI) ในการอำนวยความสะดวกให้กับผู้ประกอบการเพื่อการยื่นขอใบอนุญาต และเจ้าหน้าที่กระทรวงอุตสาหกรรมสามารถคัดกรองใบอนุญาต เพื่อให้เกิดความรวดเร็ว โปร่งใส และตรวจสอบได้ในทุกกระบวนงาน

นายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และโฆษกกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า จากเรื่องร้องเรียนถึงระยะเวลาของการดำเนินการออกใบอนุญาต ด้วยจำนวนเจ้าหน้าที่และระบบที่จำกัด ทางกระทรวงอุตสาหกรรมได้ทราบถึงปัญหาและพร้อมที่จะแก้ปัญหา ด้วยการพัฒนาระบบออกใบอนุญาตด้วยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence : AI) ที่จะช่วยลดเวลา และเพิ่มความโปร่งใสในทุกขั้นตอน เพื่อการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพ จึงได้เชิญสถาบันวิศวกรรมปัญญาประดิษฐ์ (AIEI) ที่มีความเชี่ยวชาญในด้านเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence : AI) และมีความร่วมมือกับ 6 มหาวิทยาลัยชั้นนำในประเทศ เข้ามาร่วมทีมในคณะอนุกรรมการพัฒนาระบบการออกใบอนุญาต โดยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence : AI)

โดยการประชุมในครั้งนี้ มุ่งเน้นไปสู่การพัฒนาการยื่นขอและคัดกรองใบอนุญาตการประกอบกิจการโรงงานและการขยายกิจการโรงงาน ใบอนุญาตวัตถุอันตราย ใบอนุญาตกากอุตสาหกรรม การศึกษาการตอบโต้ของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence : AI) และผู้ประกอบการ การกำหนดจุดพิกัดโรงงานที่แม่นยำ รวมถึงแนวทางการพัฒนาระบบติดตามและตรวจสอบ (Track and trace) ของกระทรวงอุตสาหกรรมในอนาคตอีกด้วย

“การประชุมดังกล่าวถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์(Artificial Intelligence : AI) ในการออกในอนุญาต เพื่อลดระยะเวลา สร้างความโปร่งใส พร้อมสร้างความร่วมมือเพื่อร่วมกันพัฒนาระบบ แก้ไขปัญหา ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการ รวมทั้งการเสริมสร้างศักยภาพของกระทรวงอุตสาหกรรมสู่ Industrial 5.0 ต่อไป” นายพงศ์พล กล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top