Monday, 12 May 2025
ค้นหา พบ 48014 ที่เกี่ยวข้อง

ศาลสั่งจำคุก 'อานนท์ นำภา’ 2 ปี 8 เดือน ผิด ม.112 และ 116 จากคดีม็อบ 'แฮร์รี่ พอตเตอร์' รวมโทษจำคุกหกคดี 18 ปี 10 เดือน 20 วัน

(19 ธ.ค. 67) iLaw และศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานคำพิพากษาศาลอาญาของอานนท์ นำภา จากการปราศรัยในการชุมนุม 'เสกคาถาผู้พิทักษ์ ปกป้องประชาธิปไตย' หรือม็อบแฮร์รี่ พอตเตอร์เมื่อปี 2563 ผิดกฎหมายอาญามาตรา 112 และ 116 ลงโทษจำคุก 4 ปี ให้การเป็นประโยชน์เหลือ 2 ปี 8 เดือน

วันที่ 19 ธ.ค. 2567 เว็บไซต์ iLaw รายงานอ้างศาลที่พิเคราะห์ว่า การที่กล่าวทำนองว่า มีการแทรกแซงรัฐธรรมนูญที่ผ่านประชามติมาแล้วเป็นการดูหมิ่นกษัตริย์ การเชิญชวนให้มาฟังความคิดเห็นของจำเลยไม่ได้กระทำในความมุ่งหมายของรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่การติชมโดยสุจริต  เพื่อสร้างความปั่นป่วนและกระด้างกระเดื่อง

เช่นเดียวกับเฟซบุ๊กศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ที่ระบุว่า การปราศรัยทำให้กษัตริย์เสื่อมเสียพระเกียรติ การกระทำของจำเลยไม่อยู่ในความมุ่งหมายของรัฐธรรมนูญ จึงเป็นความผิดตามมาตรา 112 และมาตรา 116 ให้ลงโทษบทหนักที่สุดคือมาตรา 116

คำพิพากษาล่าสุดเป็นคดีตามมาตรา 112 คดีที่ 6 ของอานนท์ นำภา ซึ่ง 5 คดีแรกอานนท์ถูกลงโทษจำคุกแล้ว 16 ปี 2 เดือน 20 วัน ทำให้รวมโทษล่าสุด 6 คดีอยู่ที่จำคุก 18 ปี 10 เดือน 20 วัน

แกร็บเปิดสถิติปี 67 เรียกรถไปดู ‘หมูเด้ง’ ฟีเวอร์พุ่ง 267% อาหารไทย-อเมริกาโน่เย็น ครองเมนูอันดับ 1

(19 ธ.ค.67) แกร็บ ผู้นำซูเปอร์แอปในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เผยข้อมูลสถิติ 'ที่สุดแห่งปี 2024' ครอบคลุมทั้งธุรกิจการเดินทางและเดลิเวอรีในประเทศไทย โดยปีที่ผ่านมา บริการเรียกรถผ่านแอปฯ ยังคงได้รับความนิยมทั้งจากคนไทยและต่างชาติ โดยเฉพาะบริการใหม่อย่าง GrabCar SAVER ที่เติบโตขึ้นกว่า 400% พบกระแส 'หมูเด้งฟีเวอร์' ดันยอดเรียกรถไปสวนสัตว์เขาเขียวเพิ่มขึ้น 267% ขณะที่นักท่องเที่ยวจีนและประเทศในอาเซียนติดท็อป 5 ใช้บริการมากที่สุด โดยเน้นเรียกรถไปห้างสรรพสินค้าและแหล่งช้อปปิ้ง ฟากบริการฟู้ดเดลิเวอรี เมนู 'อาหารไทย' และ 'อเมริกาโน่เย็น' ยังครองใจผู้ใช้บริการเป็นอันดับหนึ่ง กระแสไวรัลของหมีเนยดันยอด Butterbear พุ่งเป็นประวัติการณ์ ขณะที่ 'ดูไบช็อคโกแลต' 'ชาผลไม้พรีเมียม' และ 'สมูตตี้เพื่อสุขภาพ' เป็นเมนูมาแรงแห่งปี

ปี 2567 เรียกรถผ่านแอปฯ ยังคงเติบโต รับอานิสงส์ 'ท่องเที่ยวคึกคัก-หมูเด้งฟีเวอร์-ไลน์อัพอีเวนท์' บริการเรียกรถผ่านแอปฯ ยังคงได้รับความนิยมจากคนไทยและต่างชาติ โดยมียอดใช้บริการสูงขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะบริการใหม่อย่าง GrabCar SAVER ซึ่งเพิ่งเปิดตัวเพื่อนำเสนอทางเลือกใหม่สำหรับผู้โดยสารที่ต้องการเรียกรถในราคาที่ประหยัดลง โดยมีอัตราการเติบโตสูงถึงกว่า 400% ในหัวเมืองหลัก

กระแส 'หมูเด้ง' ที่กลายเป็นขวัญใจของคนทั่วโลก ไม่เพียงช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติให้เข้ามาเที่ยวในประเทศ แต่ยังดันยอดใช้บริการเรียกรถผ่านแอปฯ ที่เดินทางไปสวนสัตว์เปิดเขาเขียวให้เติบโตขึ้นกว่า 267% 

นโยบายรัฐบาลที่ผลักดันให้ประเทศไทยกลายเป็น 'World Class Event Hub' ทำให้ปีนี้เราได้เห็นความคึกคักของวงการอีเวนต์ ไม่ว่าจะเป็น งานประชุมและนิทรรศการ งานแฟร์ รวมถึงการจัดคอนเสิร์ตของศิลปินไทยและเทศ ซึ่งส่งผลให้ยอดใช้บริการเรียกรถผ่านแอปฯ ไปงานเหล่านี้เติบโตขึ้นถึง 25% โดยเฉพาะการเดินทางไปราชมังคลากีฬาสถาน ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ อิมแพ็คอารีนา และไบเทค บางนา 

ต่างชาติมั่นใจใช้บริการเรียกรถผ่านแอปฯ ไป “สนามบิน แหล่งช้อปปิ้ง และเที่ยวเมืองรอง”  ด้วยบริการที่สะดวกสบายและราคาที่โปร่งใสทำให้บริการเรียกรถผ่านแอปฯ ยังคงได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว สะท้อนผ่านยอดใช้บริการที่สนามบินต่าง ๆ ซึ่งเติบโตขึ้นกว่า 67% โดย 5 ชาติที่ใช้บริการมากที่สุด คือ สิงคโปร์ มาเลเซีย จีน อินโดนีเซีย และเวียดนาม ห้างสรรพสินค้าและแหล่งช้อปปิ้งยังคงเป็นจุดหมายปลายทางหลักที่นักท่องเที่ยวต่างชาตินิยมเดินทางไป โดย 5 สถานที่ยอดฮิต คือ ไอคอนสยาม (ICONSIAM) เซ็นทรัลเวิลด์ (CentralWorld) สยามพารากอน (Siam Paragon) ถนนข้าวสาร และตลาดนัดจตุจักร นอกจากนี้ อีกหนึ่งห้างที่มาแรงที่สุด คือ เอ็มสเฟียร์ (EMSPHERE) ไลฟ์สไตล์มอลล์ใจกลางสุขุมวิท ซึ่งเพิ่งเปิดตัวในปีที่ผ่านมา

จังหวัดเมืองรองยังได้รับความนิยมต่อเนื่องจากนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวของรัฐบาล สะท้อนผ่านยอดใช้บริการเรียกรถผ่านแอปฯ ที่เติบโตขึ้นกว่า 90% โดยเฉพาะใน 5 เมืองน่าเที่ยวอย่างเชียงราย ตาก อุดรธานี อุบลราชธานี และพิษณุโลก

ฟีเจอร์มาแรง 'จองรถล่วงหน้า ใช้รถอีวี' ฟีเจอร์จองรถล่วงหน้า (Advance Booking) กลับมาได้รับความนิยมหลังแกร็บประกาศปรับโฉมใหม่ โดยสามารถจองรถล่วงหน้าได้ถึง 7 วันและมีประกันคุ้มครองสูงสุดถึง 800,000 บาท โดยผู้ใช้บริการส่วนใหญ่นิยมใช้บริการเพื่อเดินทางไปสนามบิน ไม่ว่าจะเป็น สุวรรณภูมิ ดอนเมือง ภูเก็ต เชียงใหม่ และกระบี่

คนไทยให้ความสำคัญกับประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมมากขึ้น สะท้อนผ่านจำนวนผู้ใช้บริการที่ใช้ฟีเจอร์เลือกใช้รถอีวี (Grab EV Rides) เพิ่มขึ้นกว่า 200% โดยฟีเจอร์ดังกล่าวพัฒนาขึ้นเพื่อเพิ่มโอกาสค้นหารถ EV ในพื้นที่และช่วงเวลานั้นๆ เพื่อให้บริการเป็นตัวเลือกแรก

'อาหารไทย' และ 'อเมริกาโนเย็น' ครองใจคนไทยเป็นอันดับหนึ่ง อาหารไทยยังคงครองใจผู้ใช้บริการฟู้ดเดลิเวอรี โดยเฉพาะเมนูสั่งง่ายในราคาสบายกระเป๋า โดย 5 เมนูขายดีแห่งปี คือ ส้มตำ ไก่ทอด ข้าวมันไก่ หมูปิ้ง รวมถึงเมนูที่ทำจากหมูอย่าง 'ไข่พะโล้' และ 'ข้าวขาหมู' ซึ่งมียอดสั่งในเดือนกันยายนเติบโตขึ้นกว่า 38% จากอิทธิพลของ 'หมูเด้ง' ฟีเจอร์ ขณะที่กาแฟและชายังคงเป็นเมนูเครื่องดื่มขายดีตลอดปี นำโดย 'อเมริกาโน่เย็น' กาแฟดำไม่ใส่น้ำตาลที่ตอบโจทย์คอกาแฟสายสุขภาพ โดยมียอดสั่งรวมทั้งปีถึง 5 ล้านแก้ว รองลงมา คือ 'ชาไทย' โดยเฉพาะเมนู 'เสลอปี้ชาไทย' สุดฮิตที่แทบทุกแบรนด์ส่งมาชิงตลาด ตามมาด้วยเอสเพรสโซ่เย็น ชาเขียวเย็น และชานมไข่มุก

กระแส 'บัตเตอร์แบร์' แรงไม่หยุด 'ดูไบช็อคโกแลต ชาผลไม้ สมูตตี้' เมนูมาแรงแห่งปี กระแสไวรัลของหมีเนยขวัญใจโซเชียลมาแรงไม่แผ่วตลอดทั้งปี ทำให้ยอดสั่งเมนูต่าง ๆ ของบัตเตอร์แบร์ (Butterbear) พุ่งเป็นประวัติการณ์โดยเติบโตกว่า 1,200% ชาผลไม้พรีเมียมแบรนด์ดังจากประเทศจีนที่ตบเท้าเข้ามาเปิดสาขาในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็น เจี้ยนชา (JIAN CHA) ชาจี (CHAGEE) และ ไนซือ (NaiXue) ได้รับกระแสความนิยมจากคนไทยไม่ขาดสาย โดยมียอดขายเฉลี่ยเติบโตขึ้นถึง 10 เท่า โดยเฉพาะ 'ชาองุ่นปั่นครีมชีส' ที่กลายเป็นไอเทมที่มาแรงที่สุดในปีนี้

เมนูเพื่อสุขภาพยังคงเป็นที่นิยมในกลุ่มฟู้ดดี้สายเฮลท์ตี้ ไม่ว่าจะเป็น อาซาอิโบลว์ที่ดังต่อเนื่องข้ามปี สลัดแร็ปผักล้น ไปจนถึงสมูตตี้เพื่อสุขภาพที่เป็นกระแสจาก 'น้ำปั่น Erawon' จนกลายเป็นอีกหนึ่งเมนูฮิตติดลมบน โดยเฉพาะ Oh! Juice แบรนด์น้องใหม่จากโอ้กะจู๋ ที่ปั่นทั้งกระแสและยอดขายไปอย่างถล่มทลายจนเติบโตขึ้นกว่า 400% ภายในระยะเวลา 3 เดือน 

ฟากของหวานอย่าง 'ดูไบช็อกโกแลต' รวมถึงเมนูขนมหวานที่มีส่วนผสมของถั่วพิตาชิโอ กลายเป็นไอเทมสุดฮอตแห่งปี โดยเฉพาะแบรนด์ The Rolling Pinn ที่มียอดขายถล่มทลายในช่วงครึ่งปีหลัง และทำให้ธุรกิจเติบโตขึ้นกว่า 20 เท่า 

ฟีเจอร์มาแรง 'สั่งเป็นกลุ่ม กินที่ร้าน' ฟีเจอร์คำสั่งซื้อกลุ่ม (Group Order) ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นโดยมียอดสั่งอาหารเติบโตขึ้นสองเท่าหลังแกร็บฟู้ดอัปเกรดฟีเจอร์ให้สามารถสั่งอาหารร่วมกันได้สูงสุดถึง 10 คนและเพิ่มทางเลือกในการแบ่งจ่ายได้ถึง 3 ออปชัน เทรนด์การกินข้าวนอกบ้านดันให้ฟีเจอร์กินที่ร้าน (Dine Out) เติบโตขึ้น โดยมียอดใช้บริการเติบโตขึ้นกว่า 11 เท่าในไตรมาสสุดท้าย โดยเฉพาะในร้านบุฟเฟต์ ซึ่ง 3 ร้านที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ โม โม่พาราไดซ์ (Mo-Mo-Paradise) โคเอ็น (Kouen) และซูกิชิ (Sukishi)  

เชียงใหม่-สัมมนาสื่อมวลชนกรมประชาสัมพันธ์ เขต 3 และ 4 เพื่อปกป้องเด็กและเยาวชนจากการเสพติดบุหรี่ไฟฟ้า

(19 ธ.ค.67) มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ (มสบ.) ร่วมกับ กรมประชาสัมพันธ์ และ ศูนย์พัฒนาศักยภาพกำลังคนด้านการควบคุมยาสูบ (พศย.) สนับสนุนโดย สสส. จัดสัมมนาสื่อมวลชนสังกัดกรมประชาสัมพันธ์ เขต 3 และ 4 เพื่อปกป้องเด็กและเยาวชนจากการเสพติดบุหรี่ไฟฟ้า โดยมี นางปาญณิสา ไชยพรหม ผู้อำนวยการสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทยจังหวัดเชียงใหม่ ผู้แทนผู้อำนวยการสำนักประชาสัมพันธ์เขต 3 กรมประชาสัมพันธ์ กล่าวเปิดการสัมมนา ณ โรงแรมเชียงใหม่ แกรนด์วิว อ.เมือง จังหวัดเชียงใหม่

โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อสร้างความตระหนักและร่วมกันสื่อสารเรื่องบุหรี่ไฟฟ้าให้กับกลุ่มสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย และสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย และเพื่อเชื่อมประสานองค์กรสื่อของภาครัฐเข้าร่วมเป็นภาคีเครือข่ายขับเคลื่อนสังคมปลอดบุหรี่ไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง  มีกลุ่มเป้าหมาย นักจัดรายการ สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย สังกัดสำนักประชาสัมพันธ์เขต 3 และ 4 นักจัดรายการ สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย สังกัดสำนักประชาสัมพันธ์เขต 3 และ 4 ผู้อำนวยการ ส่วนข่าวและรายการภูมิภาค สังกัดสำนักประชาสัมพันธ์เขต 3 และ 4

นางปาญณิสา ไชยพรหม ผู้อำนวยการสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทยจังหวัดเชียงใหม่ ผู้แทนผู้อำนวยการสำนักประชาสัมพันธ์เขต 3 กรมประชาสัมพันธ์ กล่าวว่า สื่อมวลชนทุกท่าน มีภารกิจที่ยิ่งใหญ่  ที่จะช่วยกันปกป้องเด็กและเยาวชนไม่ให้เสพติดบุหรี่ไฟฟ้า หรือแม้แต่บุหรี่ธรรมดา เพราะสารพิษ นิโคติน ในบุหรี่ทำลายระบบประสาทและสมอง และมีสารก่อมะเร็งจำนวนมาก

และปัจจุบันนี้ ได้มีการระบาดของบุหรี่ไฟฟ้าในกลุ่มเด็กและเยาวชน ซึ่งถือว่าเป็นอนาคตของชาติที่น่าเป็นห่วง เราพบกลุ่มผู้เสพหน้าใหม่ที่เป็นเยาวชนอายุเพียง 13 ปี และยังสืบทราบมาว่ามีการนำไปขายในโรงเรียน สถานศึกษา โดยเด็กและเยาวชนเป็นคนรับไปจำหน่ายเอง ซึ่งรูปลักษณ์ตัวการ์ตูนที่หลากหลาย สีสันสดใส มีกลิ่นหอม ราคาถูกและหาซื้อง่ายผ่านออนไลน์ เป็นสาเหตุของการเข้าถึงในเด็กและเยาวชนได้ง่าย

ดังนั้น รัฐบาลจึงให้ความสำคัญถือเป็นปัญหาในระดับประเทศ และมีข้อสั่งการ แจ้งในที่ประชุม ครม.เมื่อวันที่ 9 เมษายน พ.ศ.2567 ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดปราบปรามผู้ที่ลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้าในช่องทางต่าง ๆ บูรณาการความร่วมมือ เพื่อกวาดล้างอย่างจริงจัง รวมทั้งให้กระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เผยแพร่ความรู้และรณรงค์เรื่องโทษและอันตรายอย่างรุนแรงของบุหรี่ไฟฟ้า

กรมประชาสัมพันธ์ ได้ร่วมกับ มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ ศูนย์พัฒนา ศักยภาพกำลังคนด้านการควบคุมยาสูบ (พศย.) และภาคีเครือข่ายด้านการควบคุมยาสูบแต่งตั้งคณะทำงานด้านการสื่อสาร ประชาสัมพันธ์ เพื่อป้องกันเด็กและเยาวชนจากการเสพติด บุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า โดยเล็งเห็นถึงความสำคัญของพลังการสื่อสาร ประชาสัมพันธ์ ในรูปแบบ ต่าง ๆ ทั้งสื่อโทรทัศน์ สื่อวิทยุ สื่อออนไลน์ และสื่อบุคคล อย่างเป็นรูปธรรม และต่อเนื่องเพื่อสร้างการรับรู้ถึง มหันตภัยพิษร้ายจากบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งจะช่วยเป็นเกราะป้องกันได้อีกทางหนึ่ง 

การจัดสัมมนาครั้งนี้ ต่อเนื่องจากการสัมมนาคณะทำงานด้านการสื่อสารประชาสัมพันธ์ เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เพื่อให้ข้อมูล ความรู้กับบุคลากรและสื่อมวลชนใน สังกัดของกรมประชาสัมพันธ์ ในส่วนภูมิภาค ภาคเหนือ เพื่อเป็นกลไกสำคัญนำข้อมูลสื่อสารเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ ส่งต่อถึงเด็กและเยาวชน ผู้ปกครอง รวมถึงประชาชนในพื้นที่ ที่จะเป็นพลังสำคัญ ในการขับเคลื่อนร่วมกันปกป้องเด็กและเยาวชนจากบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า 

เปิดปมปลิดชีพ 'อิกอร์ คิริลลอฟ' นายพลรัสเซีย ผู้แฉตะวันตกหนุนยูเครนใช้อาวุธชีวภาพ

(19 ธ.ค. 67) เป็นข่าวน่าสนใจอีกครั้งในรัสเซียเมื่อพลโทอิกอร์ คิริลลอฟ (генерал-лейтенант Игорь Кириллов) หัวหน้ากองกำลังป้องกันรังสี เคมี และชีวภาพ (РХБЗ) ของกองทัพรัสเซีย พร้อมด้วยนายอิลยา โปลิการ์ปอฟ (Илья Поликарпов) ลูกน้องคนสนิทถูกลอบสังหารจากเหตุระเบิดในเช้าวันที่ 17 ธันวาคม 2024 ที่ผ่านมาด้วยระเบิดในเขตของอาคารที่พักอาศัยบริเวณถนนเรียซานสกี้ โพรสเปคทางตะวันออกเฉียงใต้ของมอสโก โดยอุปกรณ์ระเบิดถูกติดตั้งไว้ในสกู๊ตเตอร์ที่จอดอยู่บริเวณทางเข้าอพาร์ทเมนท์แห่งหนึ่ง โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นเวลาประมาณ 6 นาฬิกา พลังของอุปกรณ์ระเบิดแบบทำเองนั้นมีพลังของ TNT ประมาณ 300 กรัม เป็นไปได้มากว่าระเบิดดังกล่าวจะเปิดใช้งานด้วยสัญญาณวิทยุหรือการโทรจากโทรศัพท์มือถือ การสืบสวนของทางการรัสเซียสงสัยว่าหน่วยข่าวกรองหลักของกระทรวงกลาโหมหรือหน่วยรักษาความปลอดภัยของยูเครนเป็นผู้จัดวางระเบิด หลายคนถามว่าทำไมพลโทอิกอร์ คิริลลอฟ จึงเป็นเป้าหมายการลอบสังหารของทางหน่วยรักษาความปลอดภัยของประเทศยูเครน ผมพิจารณาแล้วพบว่าเหตุผลการลอบสังหารพลโทอิกอร์ คิริลลอฟมีเหตุผลสำคัญ 2 เหตุผลดังนี้

1) พลโทอิกอร์ คิริลลอฟ เป็นนายทหารชั้นสูงของรัสเซียที่เกี่ยวข้องกับสงครามรัสเซีย – ยูเครน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้อาวุธทำลายล้างสูง จากประวัติพลโทอิกอร์ คิริลลอฟ เกิดเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 1970 ในเมืองโคสโตรม (Kostroma) ซึ่งเขาได้รับการศึกษาระดับมัธยมศึกษาที่นั่น เขารับราชการในกองทัพสหภาพโซเวียตตั้งแต่ปี 1987 ในปี 1991 เขาสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนกองบัญชาการทหารระดับสูงด้านการป้องกันสารเคมีในโคสโตรมา ตั้งแต่ปี 1991 เขารับราชการในเยอรมนีในกลุ่มกองกำลังตะวันตก หลังจากกลับจากเยอรมนีในปี 1994 เขาก็รับราชการในเขตทหารมอสโก คิริลลอฟเริ่มรับราชการในกองกำลังป้องกันรังสี เคมี และชีวภาพ (РХБЗ) ในปี 1995 โดยเริ่มจากผู้บังคับหมวด ในปี 2007 เขาจบการศึกษาจากสถาบันการทหารป้องกันรังสี เคมี และชีวภาพ ตั้งชื่อตามจอมพลทิโมเชนโก ในปี 2014 เขาได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเป็นหัวหน้าสถาบันการศึกษาแห่งนี้ และในปี 2017 ก็ได้รับการแต่งตั้งเป็นหัวหน้ากองกำลังฯ ทำให้เขากลายเป็นผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับการใช้อาวุธรังสี เคมี และชีวภาพคนสำคัญของทางรัสเซีย

โดยกองกำลังป้องกันรังสี เคมี และชีวภาพ (РХБЗ) เป็นกองกำลังพิเศษที่ออกแบบมาเพื่อปกป้องประชากรทหารและพลเรือนจากการปนเปื้อนของรังสี สารเคมี หรือชีวภาพ ผลที่ตามมาของการใช้อาวุธทำลายล้างสูง และภัยคุกคามอื่น ๆ ที่คล้ายคลึงกัน พวกเขาเป็นส่วนหนึ่งของกองกำลังภาคพื้นดิน ภารกิจหลักของกองกำลังป้องกันรังสี เคมี และชีวภาพ มีอยู่ด้วยกัน 4 ภารกิจ ได้แก่ การประเมินสถานการณ์ทางรังสี เคมี และชีวภาพ ตลอดจนขนาดและผลที่ตามมาของการทำลายรังสี วัตถุอันตรายทางเคมี และชีวภาพ การป้องกันการผลกระทบของอาวุธทำลายล้างสูง การทำความสะอาดผลที่ตามมาจากอุบัติเหตุที่โรงงานรังสีเคมีและชีวภาพที่เป็นอันตราย การสร้างความเสียหายแก่ศัตรูโดยใช้เครื่องพ่นไฟและเพลิงไหม้ กองกำลังป้องกันรังสี เคมี และชีวภาพ เป็นกองกำลังที่มีวัตถุประสงค์สองวัตถุประสงค์ 1) พวกเขาสามารถแก้ไขปัญหาทางทหารและ 2) มีส่วนร่วมในการกำจัดผลที่ตามมาจากอุบัติเหตุและภัยพิบัติในยามสงบ กองกำลังนี้มีบทบาทสำคัญเข้าร่วมในการทำความสะอาดผลที่ตามมาจากอุบัติเหตุที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชอร์โนบิล และหลังจากการระบาดใหญ่กองกำลังป้องกันรังสี เคมี และชีวภาพ มีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในการต่อสู้กับการแพร่กระจายของโควิด-19 โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกเขามีส่วนร่วมในการฆ่าเชื้อในศูนย์การแพทย์ต่าง ๆ ของรัสเซีย 2) พลโทอิกอร์ คิริลลอฟเป็นผู้เปิดเผยแผนการใช้อาวุธเคมีและชีวภาพของสหรัฐฯ และยูเครนต่อชาวโลก โดยพบว่าหลังจากสงครามเต็มรูปแบบปะทุขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 พลโทอิกอร์ คิริลลอฟเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการออกมาเปิดโปงและกล่าวหาสหรัฐฯ และยูเครนว่าใช้อาวุธชีวภาพที่สร้างขึ้นในห้องปฏิบัติการชีวภาพบางแห่งในเคียฟ 

ในเดือนมีนาคม 2022 เขากล่าวหาสหรัฐอเมริกาและพันธมิตรว่าพยายามสร้าง "สารชีวภาพที่สามารถเลือกแพร่เชื้อไปยังกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ" โดยเฉพาะชาวสลาฟ และย้อนกลับไปในปี 2021 กระทรวงกลาโหมยูเครนได้มีคำสั่งให้นักวิทยาศาสตร์ชาวยูเครนรวบรวมเชื้อไข้หวัดนกสายพันธุ์ที่ทำให้เกิดโรคสูง ซึ่งสามารถข้ามกำแพงสายพันธุ์ได้ ทำให้เกิดการระบาดของไข้หวัดนกและการตายของนกจำนวนมากในภูมิภาค Kherson สิ่งนี้ทำให้เกิดความกังวลในหมู่กระทรวงกลาโหมรัสเซียเกี่ยวกับอุบัติการณ์ของโรคไข้หวัดนกที่เพิ่มขึ้นในรัสเซีย และในการบรรยายสรุปครั้งแรกซึ่งจัดขึ้นในเดือนมิถุนายน 2022 พลโทอิกอร์ คิริลลอฟได้กล่าวหาสหรัฐอเมริกาว่ากำลังพัฒนาโครงการชีววิทยาการทหารในดินแดนของยูเครนโดยกำลังศึกษาไวรัสที่สามารถแพร่เชื้อโดยยุงที่เป็นพาหะของโรคไข้เลือดออก ไข้ซิกาและไข้เหลือง ตามข้อมูลของพลโทอิกอร์ คิริลลอฟ กล่าวว่าสหรัฐฯ วางแผนที่จะใช้โดรนเพื่อส่งยุงที่ติดเชื้อไปยังพื้นที่ที่ต้องการและปล่อยยุงออกจากภาชนะเพื่อแพร่เชื้อให้กับกองทัพรัสเซีย ในเดือนสิงหาคม 2023 พลโทอิกอร์ คิริลลอฟ ได้ออกมากล่าวหาสหรัฐฯ ว่าได้สร้าง "แผนกเตรียมรับมือกับการแพร่ระบาด" และกำลังเตรียมการแพร่ระบาดใหญ่ครั้งใหม่ "ด้วยการกลายพันธุ์ของไวรัส" ในเดือนธันวาคมของปีเดียวกัน คิริลลอฟระบุว่าพบเอกสารใหม่ในห้องทดลองของยูเครนในเมือง Rubezhnoye, Severodonetsk และ Kherson ที่ "บ่งบอกถึงลักษณะที่เป็นอันตรายของกิจกรรมทางชีวภาพของเพนตากอน" และยืนยันว่าพนักงานของเขตสงวนชีวมณฑลยูเครนกำลังศึกษาสายพันธุ์ของไข้หวัดนกอยู่ 

นอกจากนี้พลโทอิกอร์ คิริลลอฟยังกล่าวหาว่ายูเครนมีความตั้งใจที่จะสร้าง "Dirty Bomb" และรับรองว่าเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ที่ใช้แล้วสามารถนำมาใช้สำหรับสิ่งนี้ได้ ซึ่งถูกกล่าวหาว่านำเข้าจากยุโรปมาในประเทศเพื่อกำจัด และโครงการนี้ได้รับการดูแลเป็นการส่วนตัวโดยนายอังเดร เออร์มัค (Андрей Ермак) หัวหน้าสำนักงานประธานาธิบดีแห่งยูเครน แหล่งข่าวภายในกระทรวงกลาโหมฯ ของรัสเซียยังระบุว่าในวันที่เกิดการฆาตกรรมพลโทอิกอร์ คิริลลอฟจะจัดให้มีการบรรยายสรุปอีกครั้งแต่ไม่ได้ระบุว่าเป็นหัวข้อใด

ในเดือนตุลาคม 2024 คิริลลอฟกล่าวหากองทัพยูเครนว่าใช้อาวุธเคมีของตะวันตกในเมือง Sudzha ภูมิภาคเคิร์สต์ ส่งผลให้ทหารรัสเซียมากกว่า 20 นายได้รับบาดเจ็บ “สาเหตุของการบาดเจ็บต่อบุคลากรคือการเข้าไปในร่างกายผ่านทางทางเดินหายใจของละอองลอยที่มีคลอรีนจำนวนมาก รวมถึงสารพิษที่ทำให้หายใจไม่ออก” หนึ่งวันก่อนการลอบสังหารหน่วยรักษาความปลอดภัยของประเทศยูเครน (SBU) ได้ออกมาตั้งข้อหานายพลอิกอร์ คิริลลอฟของรัสเซียว่าเป็นผู้ "สั่งการใช้อาวุธเคมี" จำนวนมหาศาลต่อกองทัพยูเครนและอ้างว่าข้อเท็จจริงของการใช้อาวุธดังกล่าวได้รับการยืนยันจากห้องปฏิบัติการอิสระสองแห่งขององค์กรเพื่อการห้ามใช้อาวุธเคมี (OPCW) นายพลคิริลลอฟยังถูกสงสัยในการกระทำผิดทางอาญาเกี่ยวกับอาชญากรรมสงคราม แหล่งข่าวทางตะวันตกและยูเครนหลายสำนัก เช่น “Ukrainian Pravda”, “BBC Russian Service” และ Reuters กล่าวว่าการสังหารคิริลลอฟเป็นปฏิบัติการพิเศษของ SBU “คิริลลอฟเป็นอาชญากรสงครามและเป็นเป้าหมายที่ถูกต้องตามกฎหมาย เพราะเขาสั่งให้ใช้อาวุธเคมีต้องห้ามกับกองทัพยูเครน” ทำให้พลโทอิกอร์ คิริลลอฟยังได้ถูกมาตรการคว่ำบาตรจากทางยูเครนและสหราชอาณาจักร แต่สหรัฐอเมริกาไม่ได้กำหนดมาตรการคว่ำบาตรต่อพลโทอิกอร์ คิริลลอฟ นายมิคาอิล โปโดลยัคที่ปรึกษาหัวหน้าสำนักงานประธานาธิบดีแห่งยูเครน ออกมาปฏิเสธความรับผิดชอบต่อการกระทำดังกล่าว โดยกล่าวว่ายูเครนมุ่งเน้นการทำงานในทิศทางทางกฎหมาย และยังกล่าวว่ายูเครนไม่ได้ใช้ “วิธีการก่อการร้าย” “การตัดสินใจเกี่ยวกับเรื่องนี้หรือนายพลนั้นจะเกิดขึ้นในสนามรบ ไม่ใช่ที่อื่น” เขาเชื่อว่า "ความขัดแย้งที่สะสมภายใน" นำไปสู่การฆาตกรรมของนายพลคิริลลอฟ 

นายแมทธิว มิลเลอร์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวว่าสหรัฐฯ ไม่ทราบเกี่ยวกับการลอบสังหารนายพลคิริลลอฟที่กำลังจะเกิดขึ้น “ผมไม่มีข้อมูลการระเบิดครั้งนี้ ผมสามารถพูดได้ว่าสหรัฐฯ ไม่ได้ทราบเรื่องนี้ล่วงหน้าและไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง” เมื่อถูกถามว่าคิริลลอฟเป็นเป้าหมายที่ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ นายแมทธิว มิลเลอร์ ตอบว่านายพลรายนี้เกี่ยวข้องกับ “ความโหดร้ายหลายประการ” รวมถึงการใช้อาวุธเคมีต่อกองทัพยูเครน มาเรีย ซาคาโรวาโฆษกกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย ให้ความเห็นว่า “พลโท อิกอร์ คิริลลอฟเปิดเผยอาชญากรรมของแองโกล – แอกซอนอย่างเป็นระบบเป็นเวลาหลายปีและมีข้อเท็จจริงต่าง ๆ อยู่ในมือ เขาทำงานเพื่อมาตุภูมิ เพื่อความจริงอย่างไม่เกรงกลัวต่อการยั่วยุของ NATO ด้วยอาวุธเคมีในซีเรีย การจัดการกับสารเคมีต้องห้ามของอังกฤษ และการยั่วยุในซอลส์บรีและเอมส์เบอรี กิจกรรมที่อันตรายถึงชีวิตในห้องปฏิบัติการทางชีววิทยาของอเมริกาในยูเครน และอื่นๆ อีกมากมาย เขาเปิดหน้าชก ไม่ได้ซ่อนอยู่หลังคนอื่น...” รองประธานสภาความมั่นคงรัสเซีย ดมิทรี เมดเวเดฟ กล่าวว่า “การโจมตีของผู้ก่อการร้ายครั้งนี้เป็นความเจ็บปวดของระบอบการปกครองบันเดรา ด้วยความแข็งแกร่งสุดท้ายของเขาเขาพยายามที่จะพิสูจน์การดำรงอยู่อันไร้ค่าของเขาต่อชาวตะวันตเพื่อยืดเวลาสงครามและความตาย เพื่อพิสูจน์สถานการณ์หายนะในแนวหน้า เมื่อเขาตระหนักถึงความพ่ายแพ้ทางทหารของเขาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เขาจึงโจมตีเมืองที่สงบสุขอย่างขี้ขลาดและเลวทราม” นายเวียเชสลาฟ โวโลดิน ประธานสภาดูมา กล่าวว่า “ เรารู้จัก พลโทอิกอร์ คิริลลอฟ เป็นอย่างดีจากการทำงานร่วมกันของเราในระหว่างการสอบสวนของรัฐสภาในห้องปฏิบัติการทางชีววิทยาของยูเครน หลังจากงานเสร็จสิ้น ปฏิสัมพันธ์ยังคงดำเนินต่อไปภายในกรอบการทำงานของคณะทำงานดูมาเรื่องความปลอดภัยทางชีวภาพ อิกอร์ อนาโตลีเยวิชซึ่งเป็นทหารอาชีพ ผู้รอบรู้ ผู้รักชาติรัสเซียได้ทำอะไรมากมายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของกองทหารป้องกันรังสี เคมี และชีวภาพ เพื่อให้มั่นใจในความมั่นคงและอธิปไตยของประเทศของเรา” นายอันเดรย์ คาร์ตาโปลอฟ หัวหน้าคณะกรรมาธิการกลาโหมดูมาแห่งรัฐกล่าวว่า “ผู้จัดให้มีการก่อการร้ายและผู้กระทำความผิดจะถูกพบและลงโทษ ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นใครและอยู่ที่ไหนก็ตาม”

นายอเล็กซานเดอร์ โซโคลอฟผู้ว่าการภูมิภาคคิรอฟ กล่าวว่า“เราเป็นเพื่อนบ้านในโคสโตรมามาเป็นเวลานาน อิกอร์เป็นเจ้าหน้าที่ที่ซื่อสัตย์และเหมาะสมมาโดยตลอด ผมยังจำวันที่เขาได้รับแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้ากองกำลังป้องกันรังสี เคมี และชีวภาพของกองทัพรัสเซีย หน่วยของเขาได้ทำอะไรมากมายเพื่อต่อสู้กับไวรัสโคโรนา เขาอยู่ในที่ที่มาตุภูมิต้องการเขาเสมอ เขาเปิดเผยการปฏิบัติงานของสายลับพิเศษต่างประเทศในซีเรียและยูเครน” นับตั้งแต่เริ่มสงครามมีการระเบิดหลายครั้งในรัสเซียโดยมีเป้าหมายคือบุคลากรทางทหารหรือบุคคลสาธารณะที่สนับสนุนสงคราม เช่นในเดือนเมษายน ปี 2023 แม็กซิม โฟมิน “นักข่าวทหาร” หรือที่รู้จักในชื่อวลาดเลน ทาทาร์สกี ถูกสังหารในเหตุระเบิดในร้านกาแฟแห่งหนึ่งในเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กโดยดาเรีย เตรโปวาผู้อาศัยในเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กถูกกล่าวหาว่าฆาตกรรมซึ่งตามการสืบสวนเขาได้ปฏิบัติตามคำสั่งของหน่วยบริการพิเศษของยูเครน ในเดือนกรกฎาคม 2024 รถยนต์คันหนึ่งเกิดระเบิดในมอสโกทำให้นายอังเดร ทอร์กาชอฟ เจ้าหน้าที่เสนาธิการกองทัพรัสเซียได้รับบาดเจ็บ ในเดือนพฤศจิกายน 2022 การระเบิดของรถ SUV ในโดเนตสค์ได้คร่าชีวิตนายเซอร์เกย์ เอฟซูคอฟ (Sergei Evsyukov) อดีตหัวหน้าเรือนจำโอเลฟนิกา ในสาธารณรัฐประชาชนโดเนสต์ที่ประกาศตัวเองเป็นเอกราช และกรณีที่มีชื่อเสียงมากที่สุดกรณีหนึ่งคือการเสียชีวิตของนางดาเรีย ดูกินาลูกสาวของนายอเล็กซานเดอร์ ดูกิน นักปรัชญาและนักวิทยาศาสตร์ทางการเมือง ในเดือนสิงหาคม 2022 จากเหตุระเบิดในรถยนต์โดยเคียฟปฏิเสธความเกี่ยวข้องกับการฆาตกรรมดูจินาและเหตุระเบิดอื่นๆ ที่คล้ายคลึงกัน เราต้องจับตาดูว่าทางรัสเซียจะตอบโต้การเสียชีวิตของ67

'หมอเดชา ศิริภัทร' ทวงสัญญา 'แอ๊ด คาราบาว' ซัด! อย่าทำไม่แยแสงานที่คุยกันไว้ โทรไปไม่รับให้โทรกลับก็เฉย

(19 ธ.ค. 67) นายเดชา ศิริภัทร ประธานมูลนิธิข้าวขวัญ เจ้าของสูตรน้ำมันกัญชา (ตำรับหมอเดชา) โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ‘Deycha Siripatra’ ว่า ช่วงต้นเดือนธันวาคมนี้ มีข่าว(ฉาว)เกี่ยวกับ คุณแอ๊ด คาราบาว (ภาพบน) ซึ่งยังไม่ตัดสินว่าร้านถูกดีฯ (โชห่วย) ที่คุณแอ๊ดฯ เป็นพรีเซนเตอร์ นั้น กดขี่คู่ค้าด้วยสัญญาทาส หรือไม่

เช่นเดียวกับที่ มีผู้มาแจ้งข่าวให้ผมทราบ (เป็นนัยๆ) ว่า คุณแอ๊ดฯ ไม่สนับสนุนกัญชาแล้วด้วยเหตุนี้ จึงไม่สนับสนุนการสร้างโรงพยาบาลทางเลือก ที่ร่วมทำกับผม มาตั้งแต่ปี 2562

เมื่อได้ฟังข้อมูลนี้ครั้งแรกๆ ผมก็ไม่สนใจ แต่ยิ่งนานวัน ข้อมูลคล้ายๆกัน ก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ผมจึงพยายามติดต่อสอบถาม จากคุณแอ๊ดฯโดยตรง ปรากฏว่าคุณแอ๊ดฯไม่รับการติดต่อ เช่น โทรศัพท์ไปหาหลายครั้ง ก็ไม่รับสาย ขอให้โทรฯกลับเมื่อสะดวก ก็ไม่เคยโทรฯกลับ จนถึงการเขียนจดหมาย ให้คนใกล้ชิดของคุณแอ๊ดฯ นำไปส่งให้โดยตรง ก็ยังเงียบเฉย

ครั้งนี้ ผมจึงแจ้งไปในจดหมายฉบับล่าสุดว่า ขอให้มาร่วมทอดผ้าป่า ในวันที่ 19 ธ.ค. 67 นี้ ถ้าคุณแอ๊ดฯไม่มาร่วม หรือไม่ส่งตัวแทนมาร่วม โดยไม่ชี้แจงเหตุผล ผมจะถือเป็นคำตอบว่า คุณแอ๊ดฯไม่ยินดีร่วมสร้างโรงพยาบาลทางเลือกกับผมอีกแล้ว และจะไม่ร่วมงานกันอีก

ถ้าหาคนมาร่วมงานไม่ได้จริงๆ ก็ขอให้ติดต่อส่งข้อมูลเหตุผลมาบ้าง อย่าทำแบบไม่แยแส เพราะคุณแอ๊ดฯยังมีเรื่อง ที่ยังไม่ได้จัดการให้เรียบร้อยและโปร่งใส อยู่อีกหลายเรื่อง เช่น เรื่องบัญชีธนาคารที่เปิดร่วมกันกับผม เพื่อรับเงินบริจาคมาสร้างโรงพยาบาลทางเลือก เงินยังอยู่ในบัญชีนั้น คุณแอ๊ดฯต้องปิดบัญชีฯและนำเงินทั้งหมด มอบให้คณะกรรมการฯ

ผมจะให้โอกาสคุณแอ๊ดฯครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย ต่อไปผมจะมอบหน้าที่ให้คณะกรรมการฯ ซึ่งมีทั้งนักบัญชีมืออาชีพ และทนายความเป็นกรรมการอยู่ด้วย คงเป็นเรื่องที่จะไม่จบง่ายๆ

ผมจะมาเล่าเรื่องนี้ให้ฟังต่อ หลังจากงานทอดผ้าป่าเสร็จสิ้นลงแล้ว ว่าจะทำอะไรต่อไป คงสนุกแน่... หากคุณแอ๊ดฯ "ขึ้นต้นเป็นลำไม้ไผ่ พอเหลาลงไป กลายเป็นบ้องกัญชา"


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top