Thursday, 12 June 2025
ค้นหา พบ 48754 ที่เกี่ยวข้อง

บิ๊กบอสเมาไม่ขับหวังพึ่งสภา เสนอขอวันนอร์แก้กฎหมาย แบ่งค่าปรับจราจรให้คนแจ้ง

เมื่อวานนี้ (24 ต.ค.67) ที่รัฐสภา เขตดุสิต กรุงเทพฯ นายดำรง พุฒตาล ประธานมูลนิธิเมาไม่ขับ ได้มอบหมายให้นายแพทย์แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ พร้อมเหยื่อผู้สูญเสียจากอุบัติเหตุบนท้องถนน เข้ายื่นหนังสือต่อนายวันมูหะหมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา โดยมีนายกมลศักดิ์ ลีมาเมาะ ประธานคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร เป็นผู้แทน นายวันมูหะหมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา เป็นผู้รับหนังสือ ทั้งนี้เนื้อหาในหนังสือที่ประธานมูลนิธิเมาไม่ขับได้ยื่นต่อประธานรัฐสภา 

มีใจความสำคัญว่าสถานการณ์ความสูญเสียจากอุบัติเหตุทางถนนในประเทศไทยอยู่ในขั้นวิกฤตจนกลายเป็นโศกนาฏกรรมบนท้องถนนที่ คนไทยต้องเผชิญ โดยในแต่ละวันจะมีคนไทยเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนเฉลี่ยวันละ 40 คน หรือคิดเป็นความสูญเสียทางเศรษฐกิจปีละประมาณ 5 แสนล้านบาท หากย้อนหลังไป 10 ปี ( 2556-2566 ) คนไทยเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนประมาณ 200,000 คน เท่ากับประชากรในจังหวัดเล็ก ๆ แห่งหนึ่งสูญหายไปหมดทั้งจังหวัด สำคัญที่สุดคนที่เสียชีวิต ส่วนใหญ่เป็นคนวัยทำงาน ซึ่งเป็นวัยที่เป็นกำลังสำคัญของชาติในการสร้างงาน สร้างเศรษฐกิจ ล่าสุดได้เกิดความสูญเสียของเด็กถึง 20 คน นับเป็นโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีก

ปัจจุบันเทคโนโลยีและการสื่อสารโซเชียลมีเดียเข้ามามีบทบาทสำคัญในการแก้ปัญหา จนเกิดการเปลี่ยนแปลงในหลายด้านที่ดีขึ้น ในลักษณะการกำกับควบคุมกันเองของคนในสังคมแตกต่างจากอดีตที่พึ่งพาเจ้าหน้าที่รัฐเท่านั้นในการนำผู้กระทำผิดบนท้องถนนมาลงโทษ ขณะที่ปัจจุบันการบันทึกหลักฐานเชิงประจักษ์สามารถทำได้จากกล้องหน้ารถ กล้องจากโทรศัพท์มือถือ หรือกล้องซีซีทีวี ที่ปรากฏโดยทั่วไป ซึ่งเจ้าหน้าที่รัฐและประชาชนสามารถนำหลักฐานนั้นมาใช้ประกอบการดำเนินคดีผู้กระทำผิดบนท้องถนนได้เนื่องจากไม่จำเป็นต้องอาศัยการเผชิญหน้าระหว่างเจ้าหน้าที่กับผู้กระทำผิดเสมอไป และบันทึกภาพหลักฐานได้แม้ไม่ได้เกิดซึ่งหน้าต่อหน้าเจ้าหน้าที่รัฐ นอกจากนี้ภาพเหตุการณ์ในโซเชียลมีเดียนำไปสู่การแสวงหาข้อเท็จจริงของคนในสังคมโดยไม่จำเป็นต้องรอกระบวนการทางกฎหมายเพียงอย่างเดียวทำให้หลายกรณีที่ผู้กระทำผิดยอมสารภาพต่อสังคม ซึ่งลดกระบวนการดำเนินการทางกฎหมายของเจ้าหน้าที่รัฐได้

นายแพทย์แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ เปิดเผยว่า มูลนิธิเมาไม่ขับทำงานสนับสนุนการบังคับใช้กฎหมายและการรณรงค์ ลดปัจจัยเสี่ยงทางถนนมา 29 ปี มูลนิธิเมาไม่ขับเชื่อว่าถึงเวลาแล้วที่การจัดการปัญหาความปลอดภัยบนท้องถนนต้องเปลี่ยนแปลงให้ทันโลก โดยเฉพาะการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยเจ้าหน้าที่ในการจัดการคนที่ขับขี่รถบนท้องถนนโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้อื่น จึงจำเป็นต้องมีกฎหมายที่หนุนเสริมการจัดการปัญหานี้ มูลนิธิเมาไม่ขับเสนอผ่านประธานรัฐสภา ในฐานะประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ 

ขอให้แก้กฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อสามารถนำเงินส่วนแบ่งค่าปรับจราจรจากผู้กระทำผิดบนท้องถนนส่วนหนึ่งมอบให้กับประชาชนที่แจ้งเบาะแส เนื่องจากปัจจุบันรถบนท้องถนนมีกล้องหน้ารถ ผู้ใช้รถใช้ถนน มีโทรศัพท์ที่สามารถถ่ายคลิปเหตุการณ์ได้ ตนเชื่อว่า ถ้ากฎหมายฉบับนี้มีการประกาศบังคับใช้ จะเป็นเครื่องมือช่วยเหลือเจ้าหน้าที่และลดพฤติกรรมของผู้ขับขี่บนท้องถนนที่ไม่เคารพกฎจราจรได้เป็นอย่างมาก เพราะจะมีสายตาคนคอยจ้องจับผู้กระทำความผิดตลอด 24 ชั่วโมง สำคัญที่สุดโอกาสลอยนวลยากขึ้น แม้อาจรอดพ้นจากการลงโทษทางกฎหมาย แต่การลงโทษทางสังคมจะรุนแรงกดดันจนเจ้าหน้าที่ต้องไปดำเนินการจับกุมตัวมาลงโทษ รวมไปถึงการถูกสังคมประณาม อาจส่งผลเสียถึงหน้าที่การงาน เนื่องจากต้นสังกัด หน่วยงาน มองว่าสร้างความเสื่อมเสียให้กับองค์กรที่มีบุคลากรที่ไม่รับผิดชอบต่อความปลอดภัยสาธารณอยู่ในองค์กร

กองทัพเรือ เน้นครูฝึกทหารใหม่ ฝึกน้องเล็ก ต้องมีประสิทธิภาพและปลอดภัย ตามนโยบาย ผบ.ทร. ปี 'NAVY-SAFETY 2025' 

ศูนย์ฝึกทหารใหม่ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ เปิดการฝึกทบทวนผู้ปฏิบัติหน้าที่ครูฝึก เพื่อเตรียมรับพลทหารกองประจำการ ผลัด 3/67 เน้นการเป็นปีแห่งความปลอดภัยของกองทัพเรือ  'NAVY-SAFETY 2025' ให้น้องเล็กของกองทัพเรือ

(24 ต.ค.67) น.อ.ทิวา อ่อนละออ ผู้บังคับการศูนย์ฝึกทหารใหม่ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ เป็นประธานเปิดการฝึกทบทวนผู้ปฏิบัติหน้าที่ครูฝึก โดยมีคณะผู้บังคับบัญชา และครูฝึก เข้าร่วมพิธี ณ อาคารฝึกอบรมรวม ศูนย์ฝึกทหารใหม่ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี

การฝึกอบรมดังกล่าว มีวัตถุประสงค์ เพื่อเป็นการเพิ่มพูนความรู้และประสบการณ์ ให้ครูฝึกสามารถถ่ายทอดความรู้วิชาทหารราบ ตามคู่มือแบบฝึกพระราชทาน และอุดมการณ์ความรักชาติและยึดมั่นในสถาบันตามแนวทางโรงเรียนจิตอาสาพระราชทาน ตลอดจนความเข้าใจในแนวทางป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดต่อต่างๆ ให้แก่ทหารกองประจำการ ผลัด 3/67 ที่จะมารายงานตัวและฝึกอบรม ระหว่างวันที่ 1 พ.ย.67 - 1 ม.ค.68 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีหัวข้อการฝึกอบรมประกอบด้วย 
- วิชาทหารราบ บุคคลท่ามือเปล่า ท่าอาวุธ 
- การกู้ฟื้นคืนชีพ (CPR)
- การป้องกันโรคลมร้อน (Heat Stroke)
- พ.ร.บ.การป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ.2565

ทั้งนี้ การฝึกทบทวนจะเน้นหัวข้อที่เกี่ยวเนื่องตั้งแต่ขั้นตอนการรับทหารใหม่ ตลอดจนหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยในระหว่างการฝึกอบรมทหารใหม่ โดยสิ่งสำคัญที่สุดคือ การให้ครูฝึกฯ ทุกนายคำนึงอยู่เสมอในการดูแลเอาใจใส่พลทหารกองประจำการ ผลัด 3/67 ว่าเป็นน้องเล็กของกองทัพเรือ เป็นไปตามนโยบาย ผู้บัญชาการทหารเรือ ที่ได้กำหนดให้เป็นปีแห่งความปลอดภัยของกองทัพเรือ หรือ 'NAVY-SAFETY 2025' ในทุก ๆ ด้าน

รอง นรม./รมว.กห. ตรวจเยี่ยม ทบ. ชื่นชมการพัฒนาขีดความสามารถทางทหารที่มีความต่อเนื่องและเป็นระบบ

รอง นรม./รมว.กห. ตรวจเยี่ยม ทบ. ชื่นชมการพัฒนาขีดความสามารถทางทหารที่มีความต่อเนื่องและเป็นระบบ ขอบคุณที่สนับสนุนนโยบายรัฐบาล การช่วยเหลือประชาชน เน้นย้ำดูแลสวัสดิการทหารชั้นผู้น้อย เดินหน้าการเกณฑ์ทหารแบบสมัครใจ ควบคู่การลดจำนวนกำลังพลใช้เทคโนโลยีเข้ามาทดแทน

พลตรีธนาธิป สวางแสง โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า เมื่อวันที่ 24 ต.ค.67 เวลา 13.30 น. ณ กองบัญชาการกองทัพบก นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี/รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และคณะฯ ได้ตรวจเยี่ยมกองบัญชาการกองทัพบกอย่างเป็นทางการหลังรับตำแหน่ง รมว.กห. 

ซึ่งการตรวจเยี่ยมในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อรับทราบภารกิจ การดำเนินงานที่สำคัญพร้อมมอบนโยบายการปฏิบัติงานของกองทัพบก โดยมี พลเอกพนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก พร้อมด้วยคณะผู้บังคับบัญชาและผู้บังคับหน่วยขึ้นตรงให้การต้อนรับ ณ ประตูทางเข้า บก.ทบ. พร้อมเรียนเชิญขึ้นรถยนต์เกียรติยศ เพื่อกระทำพิธีตรวจแถวกองทหารเกียรติยศ และขึ้นแท่นรับการเคารพ 

จากนั้น ผบ.ทบ. ได้นำคณะฯ ชมนิทรรศการแสดงผลงานที่สำคัญของกองทัพบก อาทิ บทบาทและภารกิจของศูนย์ประสานงานโครงการจิตอาสาพระราชทานกองทัพบก การช่วยเหลือประชาชนและการบรรเทาภัยพิบัติ การรับสมัครทหารกองเกินเข้ารับราชการทหารกองประจำการด้วยระบบออนไลน์และการเตรียมการรับทหารใหม่ผลัดที่ 2/67 เป็นต้น หลังจากนั้นเข้าห้องประชุมเพื่อรับฟังการบรรยายสรุปภารกิจของกองทัพบก ณ ห้อง 241 อาคาร 2

ในโอกาสนี้ รอง นรม./รมว.กห. ได้กล่าวว่ารู้สึกเป็นเกียรติและขอขอบคุณ ทบ. ที่ให้การต้อนรับในวันนี้ หลังจากได้รับฟังการบรรยายสรุปจากทุกส่วนทำให้ผมมีความมั่นใจว่า ทบ. จะยังคงเป็นหน่วยงานหลักด้านความมั่นคงในการขับเคลื่อนและสนับสนุนรัฐบาลในด้านต่าง ๆ อย่างเข้มแข็งและต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปกป้องและเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งถือเป็นความเร่งด่วนสำคัญลำดับแรก ที่ต้องดำเนินการในทุกโอกาส 

ขอชื่นชม ทบ. ในการพัฒนาขีดความสามารถทางทหารที่มีความต่อเนื่องและเป็นระบบ การปรับปรุงโครงสร้างให้ทันสมัย สอดคล้องกับบริบทสังคมในปัจจุบัน ตลอดจนการสนับสนุนรัฐบาลในการแก้ไขปัญหายาเสพติด การป้องกันการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายตามแนวชายแดนได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการที่ได้ริเริ่มการคัดเลือกทหารกองประจำการแบบสมัครใจ โดยขอให้พัฒนาไปสู่การสมัครใจแบบเต็มรูปแบบในอนาคต ควบคู่การลดจำนวนกำลังพล  และนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาทดแทนอย่างสมดุล แต่ต้องมีจำนวนที่เพียงพอต่อการรักษาความมั่นคงของประเทศในยามเกิดเหตุการณ์วิกฤต

ทั้งนี้ เพื่อให้สามารถรองรับภัยคุกคามในรูปแบบต่างๆ อาทิ ภัยคอลเซ็นเตอร์ ภัยยาเสพติด และคงความพร้อมในการป้องกันประเทศ นอกจากนี้ได้เน้นย้ำในการดูแลสิทธิกำลังพลทหารชั้นผู้น้อยในด้านต่างๆ โดยขอให้มีการศึกษาถึงความเหมาะสมและรายละเอียดให้ชัดเจนอย่างเป็นรูปธรรม 

พร้อมกันนี้ ได้กล่าวขอบคุณ ทบ. ในการพัฒนาประเทศและการช่วยเหลือประชาชน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความพร้อม ความเสียสละ และความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน โดยเฉพาะในกรณีอุทกภัยในพื้นที่ภาคเหนือที่ผ่านมา ที่มีการดำเนินการที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นหลักประกันได้ว่า ทบ. จะเป็นที่พึ่งของประชาชนได้อย่างแท้จริง

หลังเสร็จสิ้นการประชุม รอง นรม./รมว.กห. ได้ลงนามในสมุดตรวจเยี่ยม และพบปะสื่อมวลชน และอำลาแถวกองทหารเกียรติยศ ซึ่งหลังจากนี้ นายภูมิธรรม เวชยชัย รอง นรม./รมว.กห. จะมีภารกิจตรวจเยี่ยมเหล่าทัพอย่างต่อเนื่อง โดยในวันพรุ่งนี้จะเดินทางไปตรวจเยี่ยม ทร. และทอ. ตามลำดับ ทั้งนี้ เพื่อรับทราบถึงภารกิจการดำเนินงานที่สำคัญของเหล่าทัพ พร้อมมอบนโยบายของ กห. ให้เป็นแนวทางในการปฏิบัติงานเพื่อการทำงานอย่างประสานสอดคล้อง มุ่งส่งเสริมความมั่นคงชาติ และสร้างความเชื่อมั่นในการเป็นกองทัพของประชาชนอย่างแท้จริง

มูลนิธิพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 5 มอบทุนนักเรียนของ กองทัพเรือ ในวันปิยมหาราช

ด้วย ในวันที่ 23 ตุลาคม ของทุกปี มูลนิธิพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 5 ณ ป้อมพระจุลจอมเกล้า ได้กำหนดให้มีพิธีมอบทุนการศึกษาให้แก่ บุตรของกำลังพล สังกัดป้อมพระจุลจอมเกล้า ฐานทัพเรือกรุงเทพ นักเรียนดุริยางค์ นักเรียนจ่าทหารเรือ และทุนการศึกษาในระดับอุดมศึกษา แก่นักเรียนพยาบาลศาสตร์ วิทยาลัยพยาบาลกองทัพเรือ เพื่อให้บุตรหลานของกำลังพลป้อมพระจุลจอมเกล้าฐานทัพเรือกรุงเทพ มีโอกาสพัฒนาการศึกษา ความรู้ความสามารถ อันจะเป็นกำลังสำคัญของประเทศชาติต่อไป

สำหรับ ปีพุทธศักราช 2567 นี้ มีผู้ที่สมควรได้รับทุนจากมูลนิธิฯ เป็นทุนเรียนดี และทุนส่งเสริมการศึกษา รวมจำนวนทั้งสิ้น 45 ทุน โดยมี พลเรือเอก ทวีศักดิ์ โสมาภา ประธานกรรมการมูลนิธิฯ พร้อมด้วย พลเรือเอก กำธร พุ่มหิรัญ รองประธานกรรมการมูลนิธิฯพลเรือเอก สมประสงค์ นิลสมัย รองประธานกรรมการมูลนิธิฯ และคณะกรรมการมูลนิธิฯ เข้าร่วมพิธีมอบทุนการศึกษาในครั้งนี้ 

ณ ห้องนิทรรศการใต้ฐานพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 5  ป้อมพระจุลจอมเกล้า ถ.เพชรบุรี แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี กรุงเทพฯ 

ผอ.โรงพยาบาลอาภากรเกียรติวงศ์ ฐานทัพเรือสัตหีบ ภายใต้ปรัชญาการทำงาน 'จะทำสิ่งไรควรทำให้จริง'

พลเรือตรี ชาตรี เปี่ยมสิริ ผู้อำนวยการโรงพยาบาล อาภากรเกียรติวงศ์ ฐานทัพเรือสัตหีบ จบการศึกษา ระดับมัธยมศึกษา จากโรงเรียน พระปฐมวิทยาลัย และระดับอุดมศึกษา ปริญญาตรีแพทย์ศาสตร์ วิทยาลัยแพทย์ศาสตร์ พระมงกุฎเกล้า มีความเชี่ยวชาญ ด้านอายุรศาสตร์ โรคข้อ และรูมาติสซั่ม ศึกษาเพิ่มเติม แพทย์เวชศาสตร์การบิน จากโรงเรียนเวชศาสตร์การบินกองทัพอากาศ 
การบริหารโรงพยาบาลจากคณะแพทย์ศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี และ หลักสูตรเวชศาสตร์ใต้น้ำ และความดันบรรยากาศสูงสำหรับผู้บริหาร กรมแพทย์ทหารเรือ

ประวัติการทำงานที่สำคัญ ได้แก่ หัวหน้ากองเวชศาสตร์ใต้น้ำ รองผู้อำนวยการ โรงพยาบาลทหารเรือกรุงเทพ ผู้อำนวยการกองเวชกรรมป้องกันโรงพยาบาลอาภากรเกียรติวงศ์ รองผู้อำนวยการ โรงพยาบาล สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ รองผู้อำนวยการ โรงพยาบาล อาภากรเกียรติวงศ์ฯ และได้รับโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม เป็น
ผู้อำนวยการโรงพยาบาล อาภากรเกียรติวงศ์ ฐานทัพเรือสัตหีบ เมื่อ 1 ตุลาคม 2567 ปรัชญาในการทำงาน 'จะทำสิ่งไรควรทำให้จริง'


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top