Monday, 9 June 2025
ค้นหา พบ 48681 ที่เกี่ยวข้อง

ประชุมคณะกรรมการกำกับการประเมินผลการปฏิบัติราชการของ ศรชล. ประจำปี งป.68

(21 ต.ค. 67) พลเรือเอกไพโรจน์ เฟื่องจันทร์ เลขาธิการ ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) มอบหมายให้ พลเรือเอกประกอบ สุขสมัย รองเลขาธิการ ศรชล. เป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการกำกับการประเมินผลการปฏิบัติราชการของ ศรชล. เพื่อร่วมพิจารณากำหนดตัวชี้วัดและติดตามประเมินผลการปฏิบัติงานของ ศรชล. ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีคณะกรรมการฯ และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมการประชุมอย่างพร้อมเพรียง ณ ห้องประชุม ชั้น 29 อาคารโทรคมนาคม บางรัก กรุงเทพฯ ในการนี้ ศรชล.ภาค 1 ได้เข้าฟังแนวทางการปฏิบัติงานให้แก่ผู้ปฏิบัติงาน ศรชล. ประจำปี งป.68 โดยมี พลเรือตรี ไชยนันท์ ชูใหม่ รอง ผอ.ศรชล.ภาค 1 พร้อมฝ่ายอำนวยการฯ เข้าร่วมฟังฯ ณ ห้องประชุม 50 ที่นั่ง บก.ศรชล.ภาค 1 ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล หรือ ศรชล.เป็นหน่วยงานหลักในการบูรณาการการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ที่ได้รับการยอมรับในระดับภูมิภาค เพื่อความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนของประเทศชาติ และประชาชน”

นิราช/นันทพล ทิพย์ศรี รายงาน 0909535645

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ห่วงใยผู้ประสบอุทกภัยชาวเชียงใหม่ ลำปาง และสุโขทัย จัดงบฯ กว่า 1.9 ล้านบาท ลงพื้นที่ฟื้นฟูหลังน้ำลด แจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภค มอบเงินช่วยเหลือกรณีบ้านพังทั้งหลัง และช่วยเหลือค่าฌาปนกิจแก่ญาติผู้เสียชีวิต

(21 ต.ค. 67) ระหว่างวันที่ 16-20 ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการฯ ห่วงใยผู้ประสบอุทัยภัย มอบหมายให้ นายวันชิด ศิรสีห์ รองผู้จัดการใหญ่ พร้อมด้วย นายชุมพล บุญภักดี ผู้ช่วยหัวหน้าแผนกสาธารณภัย นำทีมสาธารณภัยลงพื้นที่แจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภค ประกอบด้วย ข้าวสาร บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ปลากระป๋อง น้ำมันพืช และน้ำปลา แก่ผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ และลำปาง รวมจำนวน 4,000 ชุด มอบเงินสงเคราะห์จำนวน 12,000 บาท กรณีบ้านพังเสียหายทั้งหลัง จำนวน 1 หลัง และ มอบเงินสงเคราะห์ค่าฌาปนกิจให้แก่ญาติผู้เสียชีวิต รายละ 20,000 บาท รวมจำนวน 5 ราย รวมงบประมาณการช่วยเหลือทั้งสิ้น 1,912,000 บาท (หนึ่งล้านเก้าแสนหนึ่งหมื่นสองพันบาทถ้วน) โดยมี ผู้แทนจากหน่วยงานรัฐเป็นประธานในพิธี พร้อมทั้ง คณะมูลนิธิเชียงใหม่สามัคคีการกุศล จังหวัดเชียงใหม่ และมูลนิธิลำปางสงเคราะห์ จังหวัดลำปาง เป็นผู้ประสานงานและร่วมให้ความช่วยเหลือในพื้นที่ 

นอกจากนี้ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยจังหวัดสุโขทัย โดยมอบเงินสงเคราะห์จำนวน 12,000 บาท กรณีบ้านพังเสียหายทั้งหลัง จำนวน 4 หลัง และ มอบเงินสงเคราะห์ค่าฌาปนกิจให้แก่ญาติผู้เสียชีวิต รายละ 20,000 บาท รวมจำนวน 2 ราย รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 88,000 บาท โดยมี มูลนิธิร่วมมิตรสุโขทัย จังหวัดสุโขทัย เป็นผู้แทนมอบและร่วมให้ความช่วยเหลือ โดยมอบเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยบ้านพังเสียหาย จำนวน 4 หลัง หลังละ 3,000 บาท เป็นเงิน 12,000 บาท พร้อมมอบเครื่องอุปโภคบริโภค จำนวน 4 ชุด ชุดละ 1,320 บาท เป็นเงิน 5,280 บาท รวมงบประมาณการช่วยเหลือทั้ง 2 องค์กร เป็นเงินทั้งสิ้น 105,280 บาท (หนึ่งแสนห้าพันสองร้อยแปดสิบบาทถ้วน) 

นับตั้งแต่เกิดอุทกภัยใหญ่ในช่วงเดือนกรกฎาคม2567 เป็นต้นมา มูลนิธิป่อเต็กตึ๊งได้ลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยภาคเหนือ - อีสาน ในโครงการฟื้นฟูหลังน้ำลดแล้วทั้งสิ้น 11 จังหวัด รวมงบประมาณการช่วยเหลือไม่ต่ำกว่า 11.5 ล้านบาท

เมื่อเกิดอุทกภัย มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้จัดทีมบรรเทาสาธารณภัย พร้อมเรือท้องแบน และ โรงครัวเคลื่อนที่เพื่อประกอบอาหารกล่อง พร้อมถุงยังชีพ ชุดยาเวชภัณฑ์ และอาหารสุนัขและแมว นำแจกจ่ายแก่ผู้ประสบภัย เพื่อการบรรเทาทุกข์และช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่ต่างๆ ในเบื้องต้น หลังจากนั้น ฝ่ายสังคมสงเคราะห์ จะดำเนินการประสานหน่วยงานในพื้นที่เพื่อบรรเทาทุกข์ ฟื้นฟูหลังน้ำลด โดยแจกเครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็น รวมถึงมอบเงินค่าฌาปนกิจศพแก่ญาติผู้เสียชีวิตจากอุทกภัย รายละ 20,000 บาท ทั้งนี้ หากมีผู้เสียชีวิตจากเหตุอุทกภัย ญาติของผู้เสียชีวิตสามารถขอรับเงินช่วยเหลือค่าฌาปนกิจศพ จากมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่ สายด่วนป่อเต็กตึ๊ง 1418 ต่อ ฝ่ายสังคมสงเคราะห์

ทั้งนี้ มูลนิธิฯ ยังคงอยู่ระหว่างดำเนินการภารกิจในพื้นที่ และเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อประเมินและเข้าให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยด้านต่าง ๆ ต่อไป

ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งได้ที่ เว็บไซต์ www.pohtecktung.org และ เฟซบุ๊ก แฟนเพจ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง www.facebook.com/pohtecktungofficial

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต
#แอปพลิเคชัน และ #สายด่วน ป่อเต็กตึ๊ง1418
#ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน

‘นอร์กรุงเทพโพล’ เปิดผลสำรวจ ‘นโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยว’ ของรัฐบาล พบ ร้อยละ 61.2 พอใจ อึ้ง!! ร้อยละ 55.7 ตอบท่องเที่ยวดีขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา

(21 ต.ค. 67) ผศ.ดร.สานิต ศิริวิศิษฐ์กุล หัวหน้าศูนย์สำรวจความคิดเห็น นอร์ทกรุงเทพโพล มหาวิทยาลัยนอร์มกรุงเทพ เปิดเผยว่า จากการสำรวจความคิดเห็นของประชาชน ในวันที่ 18 ก.ย. 2567 โดยมีผู้สำรวจจำนวน 1,500 ราย จากทั่วภูมิภาคพร้อมทั้งได้สอบถามกับผู้ประกอบการโรงแรมและธุรกิจด้านการท่องเที่ยวเพิ่มเติม ถึงเรื่อง “นโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยว”

โดยจากการสำรวจประชาชนถึงความพึงพอใจต่อการบริหารจัดการท่องเที่ยวของรัฐบาลชุดปัจจุบันเพียงใด พบว่าพอใจ 61.2% แบ่งเป็น พอใจมาก 32.5% พอใจ 28.7% ขณะเดียวกันผู้ให้สำรวจยังให้ความคิดเห็นว่ามีความพอใจระดับกลาง 20.4% ไม่พอใจ 12.3 % และไม่พอใจมาก 6.1%

ผศ.ดร.สานิต กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ยังได้สอบถามถึงการบริหารจัดการท่องเที่ยวไทยในปี 2567 เป็นอย่างไรเมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา พบมีความคิดเห็นว่าดีขึ้น 55.7% เหมือนเดิม 22.8% และ แย่ลง 21.5% อีกทั้งยังถามความคิดเห็นของประชาชนด้วยว่า ภาคการท่องเที่ยวมีส่วนช่วยเศรษฐกิจไทยมากน้อยเพียงใด พบว่ามีส่วนช่วยเศรษฐกิจในระดับมากที่สุด 35.4% ระดับมาก 27.8% ระดับปานกลาง 18.3% ระดับน้อย 12.6% และน้อยที่สุด 5.9%

สำหรับความคิดเห็นผู้สำรวจภาคประชาชนถึงประเด็น “มาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวไทยใดที่มีประโยชน์ต่อการดึงนักท่องเที่ยวชาติมากที่สุด” พบว่ามาตรการที่มีประโยชน์มากสุดคือ การเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยเป็นพิเศษ และทำประกันนักท่องเที่ยวทุกคนในวงเงิน 1 ล้านบาท 27.3% การส่งเสริมการจัดอีเวนท์ให้การท่องเที่ยวไทยตลอดทั้งปี เช่น ผลักดันเทศกาลลอยกระทง เทศกาลสงกรานต์เป็นเทศกาลระดับโลก 16.8% การเร่งพัฒนาสินค้าและบริการด้านท่องเที่ยวที่ได้มาตรฐาน และสร้างความแตกต่าง 12.1% 

การเพิ่มความถี่ของเที่ยวบินไปยังในเมืองรองที่มีศักยภาพสูง 10.2% สร้างความมั่นใจในการเดินทางผ่านรูปแบบการทำหนังโฆษณา และการดึง Influencer 8% การประสานกับเอเย่นต์ และบริษัทนำเที่ยว ให้เสนอแพ็คเกจและโปรโมชั่นที่ดึงดูดความสนใจนักท่องเที่ยวต่างชาติ 6% ฟรีวีซ่านักท่องเที่ยวต่างชาติ  93 ประเทศ/เขตแดน 5.6% ส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็น Entertainment Hub ในเอเชีย 5.3% จัดตั้ง Online Crisis Management โดยจะมีทีมทำหน้าที่มอนิเตอร์ข่าวสารเกี่ยวกับภาพลักษณ์การท่องเที่ยวไทย 5.1% และเพิ่มความถี่ของเที่ยวบินไปยังในเมืองรองที่มีศักยภาพสูง 4.2%

ผศ.ดร.สานิต ยังได้สอบถามถึง “โครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวไทยในปี 2567 โครงการใดมีประโยชน์ต่อการส่งเสริมการท่องเที่ยวไทยมากที่สุด” พบว่าโครงการที่มีส่วนส่งเสริมการท่องเที่ยวไทยมากที่สุดคือโครงการ Amazing Thailand 365 วัน มหัศจรรย์เมืองน่าเที่ยว 22.7% มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรอง (เมืองน่าเที่ยว) 16.3% โครงการการทำตลาดการท่องเที่ยวแพลตฟอร์มออนไลน์ 10.7% โครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวกลุ่มจังหวัดด้วยการจัดกิจกรรมบนอัตลักษณ์ถิ่น “มหกรรมเสน่ห์ไทย” 10.1% โครงการเที่ยวกับบัสทัวร์ทั่วไทย 2567 9.5% โครงการ ททท. 999 ไทยเที่ยวไทย Tourism Department Store งานไทยเที่ยวไทย 8.7%

โครงการ Amazing Thailand Passport Privileges  8.1% โครงการ Amazing Green Fest 2024 7.6% และโครงการ Amazing Thailand Passion Ambassador ร้อยละ 6.3% ส่วนของด้านผู้ประกอบการโรงแรมและธุรกิจด้านการท่องเที่ยว ให้ความเห็นว่า นโยบายการท่องเที่ยวมีส่วนช่วยให้ธุรกิจการท่องเที่ยวและโรงแรมฟื้นตัวจนสถานการณ์เทียบเท่าก่อนการแพร่ระบาดของโรคโควิด- 19

จับจองที่นั่งริมฝั่งเจ้าพระยากว่า 7.5 พันที่นั่ง รับชมความวิจิตรขบวนพยุหยาตราทางชลมารค

(22 ต.ค. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเฟซบุ๊กแฟนเพจ ‘กรุงเทพมหานคร’ ได้เผยแพร่ประกาศเชิญชวนประชาชนรับชมการซ้อมใหญ่ ‘ขบวนพยุหยาตราทางชลมารค’ ความว่า

กรุงเทพมหานครขอเชิญชวนประชาชนร่วมชมการซ้อมใหญ่ขบวนพยุหยาตราทางชลมารค เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 เสด็จพระราชดำเนินทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายผ้าพระกฐินโดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค ณ วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร ในวันที่ 22 ตุลาคม 2567 เวลา 15.00 น. เป็นต้นไป ตามจุดที่กำหนด ดังนี้

- ใต้สะพานพระราม 8 ฝั่งธนบุรี จำนวน 4,000 ที่นั่ง
- สวนสันติชัยปราการ จำนวน 1,500 ที่นั่ง
- มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ จำนวน 1,130 ที่นั่ง
- สวนเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา จำนวน 1,100 ที่นั่ง
- โรงพยาบาลศิริราช (อุทยานสถานภิมุข) จำนวน 100 ที่นั่ง
- ตลอดแนวทางเดินริมแม่น้ำเจ้าพระยา

เข้าชมฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย

เพจดัง เผย โลกสองค่ายแบ่งข้างชัดเจน ‘พญามังกร-พญาอินทรี’ ทำยอด iPhone ในจีนตกฮวบ จากเหตุใช้งานในจีนลำบาก

(22 ต.ค. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเฟซบุ๊กแฟนเพจ ‘สะใภ้จีนbyฮูหยินปักกิ่ง’ ได้โพสต์ข้อความแสดงถึงความขัดแย้งทาง ‘ภูมิรัฐศาสตร์’ อย่างรุนแรงระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกา ผ่านการใช้มือถือ ความว่า

ตอนนี้โลกแบ่งเป็น2ค่ายอย่างเห็นได้ชัด

ถ้าใครจะมาทำงาน/เรียนที่จีนแนะนำให้ใช้แอนดรอยด์ทั้งหมด เพราะมันจะมีปัญหามาก …

โดยเฉพาะมือถือ/appในมือถือ/notebookของAppleในจีน
คนที่ทำงานระหว่างไทย-จีน-USA คือต้องมีทุกอย่างx2 เพราะ ปัญหามันเยอะขึ้นทุกวัน…เช่น
ใช้iPhoneเปิดlinkจีนไม่ได้ 
ใช้apple id ต่างชาติโหลดappจีนไม่ได้ 
ใช้iPhoneเปิดเอกสารที่คนจีนส่งต่อ ๆ มาไม่ได้

เวลาติดต่อกับราชการจีน การใช้iPhoneคือตุย แต่พอควักหัวเหว่ย/แอนดรอยด์ออกมา ทุกอย่างแก้ปัญหาได้ในมือถือเครื่องเดียว เครื่องiPhoneรุ่นใหม่ในจีนขายยาก ตัวล่าสุดก็ตัดfeatureเด็ดออก (Open Ai) พอจะเอารุ่นเก่าไปturnก็ไม่ได้ราคา เพราะตลาดมือ 2 คนจีนไม่เอา iPhone แล้ว 

(เราก็เป็นคนนึงที่ใช้iphoneทั้งset ต้องซื้อใหม่ทั้งเซ็ทเช่นกัน)


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top