Tuesday, 10 June 2025
ค้นหา พบ 48681 ที่เกี่ยวข้อง

'พิชัย' หารือ รัฐมนตรีเศรษฐกิจรัฐบาเดิน-เวือร์ทเทิมแบร์ค เยอรมนี ชวนลงทุน Data Center - พลังงาน - อาหาร ในไทย พร้อมเร่งเครื่องเจรจา FTA ไทย – อียู ให้สัมฤทธิ์ผลโดยเร็ว

(21 ต.ค. 67) นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้เข้าร่วมการหารือทวิภาคีกับ ดร.นิโคล ฮอฟไมสเตอร์-เคราท์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจ แรงงาน และการท่องเที่ยวแห่งรัฐบาเดิน-เวือร์ทเทิมแบร์ค สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ณ กระทรวงพาณิชย์ โดยรัฐบาเดิน-เวือร์ทเทิมแบร์ค เป็นรัฐสำคัญที่มีจำนวนประชากร และขนาด GDP ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของเยอรมนี และมีมูลค่าการค้ากับไทย คิดเป็น 1 ใน 5 ของมูลค่าการค้ารวมระหว่างไทย–เยอรมนี โดยมีสินค้าศักยภาพ ได้แก่ ยานยนต์และชิ้นส่วน อุปกรณ์ประมวลผลข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องจักรกล และอุปกรณ์ไฟฟ้า ซึ่งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนแนวทางการส่งเสริมการค้าและการลงทุนระหว่างกัน โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีนวัตกรรม ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และวิศวกรรมขั้นสูง ซึ่งเยอรมนีมีความเชี่ยวชาญและมีความสนใจที่จะขยายฐานการผลิต รวมทั้ง กลุ่มอุตสาหกรรมหรือบริการเป้าหมายที่สองฝ่ายเห็นประโยชน์ร่วมกัน เช่น ยานยนต์ วิศวกรรมเครื่องจักรกล แผงวงจรไฟฟ้า ระบบจัดเก็บข้อมูล (Data Center) พลังงานทางเลือก และ Soft power โดยเฉพาะในสาขาอาหารและการท่องเที่ยว

โดยรัฐบาเดิน-เวือร์ทเทิมแบร์คเป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของบริษัทที่มีชื่อเสียงระดับโลกซึ่งได้เข้ามาลงทุนในประเทศไทย เช่น Daimler (Mercedes-Benz) (ยานยนต์และชิ้นส่วน) Bosch (เทคโนโลยีการขับเคลื่อน ระบบขนส่งอัจฉริยะ อุปกรณ์ไฟฟ้า และเครื่องใช้ในครัวเรือน) Festo (ระบบอัตโนมัติในอุตสาหกรรม เช่น อุปกรณ์ยานยนต์และเซมิคอนดักเตอร์) SAP SE (บริการซอฟต์แวร์) และCarl Zeiss (เลนส์ อุปกรณ์ทัศนศาสตร์ และ MedTech) และมีมูลค่าการค้ากับไทยคิดเป็นร้อยละ 20 ของมูลค่าการค้ารวมไทย-เยอรมนี

นายพิชัย กล่าวเสริมว่า ได้ขอให้เยอรมนีช่วยสนับสนุนการเจรจา FTA ไทย - อียู ให้สามารถสรุปผลได้โดยเร็ว โดยสองฝ่ายเห็นพ้องว่า FTA ไทย - อียู จะเป็นประโยชน์ต่อการค้าและการลงทุนระหว่างไทย – เยอรมนี รวมถึงรัฐบาเดิน-เวือร์ทเทิมแบร์คด้วย ซึ่ง FTA ฉบับนี้ จะช่วยขยายโอกาสและยกระดับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างกันได้อย่างยั่งยืน นอกจากนี้ สองฝ่ายมีแผนที่จะส่งคณะนักธุรกิจและผู้ประกอบการเข้าร่วมกิจกรรมส่งเสริมการค้าระหว่างกัน โอกาสนี้ นายพิชัยยังได้เชิญชวนให้นักธุรกิจรัฐบาเดิน-เวือร์ทเทิมแบร์คเข้ามาลงทุนในประเทศไทย พร้อมย้ำว่า ไทยยินดีให้การอำนวยความสะดวกแก่นักลงทุนจากรัฐบาเดิน-เวือร์ทเทิมแบร์ค ที่ต้องการเข้ามาประกอบธุรกิจในประเทศไทย

โดยในปี 2566 เยอรมนีถือเป็นคู่ค้าอันดับที่ 1 ของไทยในสหภาพยุโรป การค้าระหว่างไทย – เยอรมนี มีมูลค่า 10,737.90 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเป็นการส่งออกจากไทยไปเยอรมนี 4,555.82ล้านดอลลาร์สหรัฐ สินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่แผงวงจรไฟฟ้า อัญมณีและเครื่องประดับ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และเครื่องจักรกลและส่วนประกอบ ขณะที่ไทยนำเข้าจากเยอรมนี 6,182.09 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สินค้านำเข้าที่สำคัญ เช่น เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์เวชกรรมและเภสัชกรรม เคมีภัณฑ์ และเครื่องมือเครื่องใช้เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์การแพทย์

4 บิ๊กอสังหาหั่นเป้าปี 67 จากยอดปฏิเสธสินเชื่อพุ่ง!! REIC ชี้ กำลังซื้อซึบซม แต่มีแสงสว่างที่ภูเก็ต-สงขลา

(22 ต.ค. 67) จากกระแสข่าวถึงสภาวะตลาดของกลุ่มธุรกิจหมวดอสังหาริมทรัพย์มีแนวโน้มซบเซาอย่างต่อเนื่อง ย้อนไปไม่นานนี้ในการประกาศผลประกอบการในไตรมาสที่ 2 ของปี 2567 มีธุรกิจผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์อย่างน้อย 4 เจ้าด้วยกันที่ได้ประกาศปรับลดเป้าต่าง ๆ ของบริษัทลง 

บริษัทแรก คือ บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด(มหาชน)โดย ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ ได้เปิดเผยว่า ได้มีการปรับลดเป้าหมายการเปิดตัวของโครงการจาก 17 โครงการในปีนี้เหลือ 13 โครงการ เนื่องมาจากปัญหาอัตราการปฏิเสธสินเชื่อของธนาคารที่สูงมาก 

บริษัทต่อมา คือ บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด(มหาชน) ที่นายอุเทน โลหพิชิตพิทักษ์ ประธษนเจ้าหน้าที่บริหาร ได้ประกาศปรบลดโครงการใหม่จาก 30 โครงการเหลือ 29 โครงการ พร้อมทั้งปรับยอดขายในปีนี้จาก 27,000 ล้านบาทเหลือ 22,400 ล้านบาท

นอกจากนี้ทางพฤกษายังได้ปรับกลยุทธ์ด้วยการเน้นทำตลาดอังหาริมทรัพย์ระดับพรีเมี่ยมมากขึ้น เพื่อเอาตัวรอดจากสถานการณ์ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้ 

บริษัทที่ 3 ได้แก่ บริษัท พร็อพ เพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด(มหาชน) โดยนายวงศกรณ์ ประสิทธิ์วิภาค กรรมการผู้จัดการ ได้แจ้งว่า จากสถานการณ์ของตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่มีภาวะชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง อันเนื่องมาจากการปฏิเสธสินเชื่อของธนาคาร จึงทำให้ทางบริษัทต้องปรับลดเป้าการเปิดตัวโครงการใหม่จาก 7 โครงการ เลือ 1 โครงการ สำหรับโครงการอื่น ๆ จะเลื่อนการเปิดตัวไปในปีหน้า 

บริษัทสุดท้าย คือ บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด(มหาชน) ที่ใช้เวที Opportnity Day เปิดเผยผ่าน นางสาวกนกไพลิน วิไลแก้ว ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน ว่า ทางบริษัทมีการปรับเป้าหมายรายได้ของปีนี้เหลือ 1.5 หมื่นล้านบาท จากที่เคยตั้งเป้าไว้ที่ 1.7 หมื่นล้านบาท 

จากข้อมูลทั้งหมดสอดคล้องกับรายงาน ‘สถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัยทั่วประเทศ ไตรมาส 2 ปี 2567 และครึ่งแรกปี 2567’ ของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ที่เปิดเผยว่า 

ภาวะของตลาดที่อยู่อาศัยทั้งด้านความต้องการซื้อ(อุปสงค์)ลดลงซึ่งส่งผลให้ด้านการเปิดตัวโครงการ(อุปทาน)ลดลงตามไปด้วย อันเป็นผลมาจากดอกเบี้ยนโยบายที่อยู่ในระดับสูง(รายงานฉบับนี้ออกก่อนที่ กนง. ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย) ส่งผลกระทบต่อความสามารถในการซื้อที่อยู่อาศัย 

นอกจากนี้รายงานฉบับดังกล่าวยังเปิดเผยอีกว่า สินเชื่อที่อยู่อาศัยบุคคลปล่อยใหม่ทั่วประเทศในไตรมาสที่ 2 นั้นลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน คือ ไตรมาส 2 ของปี 2566 ถึง 10.1%

อย่างไรก็ดีมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์ในบางจังหวัด เช่น ภูเก็ต และสงขลา มีการขยายตัวทั้งจำนวนหน่วยอสังหาริมทรัพย์และมูลค่า

จากทั้งหมดที่กล่าวมาทำให้กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ต่างแสดงข้อเรียกร้องผ่านสมาคมต่าง ๆ เพื่อให้ธนาคารแห่งประเทศไทยผ่อนปรนมาตรการ LTV หรือมาตรการที่บังคับให้วางเงินดาวน์บ้าน กรณีซื้อบ้านหลังที่ 2 ขึ้นไป เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อ 

จากสถานการณ์ของตลาดอสังหาริมทรัพย์คงต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ว่าเมื่อไหร่จะสามารถผ่านพ้นสถานการณ์ปัจจุบัน เพราะจากที่เคยเป็นอสังหาริมทรัพย์ยุครุ่งเรืองกลับกลายเป็นอสังหาริมทรัพย์ยุคอัสดงไปเสียแล้ว 

รมว. กต. ส่งที่ปรึกษาเยือนกัมพูชา นำร่องเชื่อมโยงท่องเที่ยวไร้รอยต่อ "6 ประเทศ 1 เป้าหมาย" - ด้าน รมต.ท่องเที่ยวกัมพูชา เห็นพ้องสนับสนุนคิกออฟก่อน "แพทองธาร" เยือนกัมพูชา

(21 ต.ค. 67) นายดุสิต เมนะพันธุ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมด้วยนางสาวชยิกา วงศ์นภาจันทร์ ที่ปรึกษาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และคณะฯ เข้าพบหารือทวิภาคีร่วมกับนายฮวด ฮะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยว ราชอาณาจักรกัมพูชา ในโอกาสการเดินทางเยือนราชอาณาจักรกัมพูชา เพื่อหารือถึงการอำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยว ทั้งการข้ามแดน และการท่องเที่ยวแบบไร้รอยต่อ หลังรัฐบาลไทยได้เห็นชอบนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยว และเศรษฐกิจผ่านนโยบาย "6 ประเทศ, 1 เป้าหมาย" หรือ "6 Countries, 1 Destination" ประกอบด้วย บรูไนฯ, กัมพูชา, สปป.ลาว, มาเลเซีย, เวียดนาม และไทย โดยจะนำร่องการเจรจานโยบายกับกัมพูชาก่อน ก่อนที่จะขยายความร่วมมือไปสู่ประเทศอื่นๆ ต่อไป ซึ่งในการหารือกับกัมพูชาครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจากที่ผู้นำรัฐบาลของทั้ง 2 ประเทศได้เห็นความสำคัญถึงการเดินหน้านโยบาย ทีมที่ปรึกษาจึงเร่งดำเนินการเสนอแผน และกำหนดการต่าง ๆ ตามที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อแสดงความพร้อมในการรับ และนักท่องเที่ยว เชื่อมโยงไทย-กัมพูชาระหว่างกัน รวมถึงขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมืองต่าง ๆ โดยได้เสนอให้มีการจัดทำประเทศ และดินแดนเป้าหมาย ที่ทั้งไทยและกัมพูชา เห็นว่ามีศักยภาพ และจะได้รับสิทธิยกเว้นการตรวจลงตรา และใช้สิทธิ์ Visa on Arrival (VOA) ของทั้ง 2 ประเทศ รวมถึง Fast Lanes และความเป็นไปได้ ซึ่งประเทศไทยได้ร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียน เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคต่าง ๆ ผ่านนโยบายดังกล่าว

ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ยังได้หารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวฯ กัมพูชา ถึงการส่งเสริมการท่องเที่ยวร่วมกัน เพื่อสร้างอัตลักษณ์จุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวเดียวกัน (Single Tourism Destination) ระหว่าง 6 ประเทศ และร่วมกันพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และสร้างความเข้มแข็งแก่ภาคเอกชนด้านการท่องเที่ยวระหว่างกัน ผ่านการจัดทำเส้นทางการท่องเที่ยว ที่เชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวมรดกโลก, การจัดทำปฏิทินท่องเที่ยวในภูมิภาคเพื่อเชื่อมโยงเทศกาลสำคัญระหว่างกัน อาทิ ปีใหม่ไทย-ลาว-ขแมร์ ตรุษจีน, การจัดกิจกรรมเพื่อนำเสนอสิทธิประโยชน์ อาทิ ส่วนลดค่าโรงแรม และช่องทางพิเศษในการเข้าเมือง เป็นต้น รวมถึงการแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างทรัพยากรมนุษย์ในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และการจัดกิจกรรมเพื่อเสริมสร้างเครือข่ายธุรกิจการท่องเที่ยวในภูมิภาค 

ขณะเดียวกัน ยังหารือถึงการพัฒนาความเชื่อมโยงด้านการคมนาคม เพื่อขยายความเชื่อมโยงด้านคมนาคม และการเพิ่มตัวเลือกในการเดินทางให้แก่นักท่องเที่ยว ทั้งทางบก ทางน้ำ ทางราง และทางอากาศ อาทิ การเพิ่มเที่ยวบินระหว่าง 6 ประเทศ โดยขยายเส้นทางสู่เมืองที่น่าสนใจ ซึ่งเบื้องต้นการบินไทย มีโครงการเพิ่มเที่ยวบิน มายังกัมพูชา ที่จังหวัดเสียมราฐแล้ว รวมถึงการเสนอเส้นทางศักยภาพเชื่อมต่อการท่องเที่ยวทางน้ำ และทางราง อาทิ เส้นทางชลบุรี-ระยอง-จันทบุรี-ตราด-เกาะกง-สีหนุวิลล์-กัมปอต-แกบ โดยสามารถผลักดันการท่องเที่ยวทางน้ำจากตราด-สีหนุวิวล์-กัมปอต ให้มาทดแทนการท่องเที่ยวทางบกได้ 

ขณะที่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยว ราชอาณาจักรกัมพูชา ได้เห็นพ้อง นโยบาย "6 ประเทศ, 1 เป้าหมาย" ของไทยในครั้งนี้ และได้รับแผนนโยบาย และกำหนดการต่าง ๆ ของฝ่ายไทย ไปหารือและพิจารณาดำเนินการ กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของกัมพูชา อาทิ กระทรวงมหาดไทย กรมศุลกากรของกัมพูชา ก่อนที่จะเสนอให้คณะรัฐมนตรีกัมพูชา พิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป โดยสนับสนุนนให้นโยบายนี้ ประสบความสำเร็จ และสามารถเริ่มดำเนินการได้ก่อนที่นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะเดินทางเยือนกัมพูชาอย่างเป็นทางการ

'เผ่าภูมิ' บินเปรู ถกเวทีรัฐมนตรีคลัง APEC โชว์วิชั่น 4 นวัตกรรมการเงินไทย สร้างภูมิทัศน์ใหม่ ให้แรงงานนอกระบบ

(22 ต.ค. 67) ดร. เผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังได้กล่าวแสดงวิสัยทัศน์ บนเวทีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเอเปคครั้งที่ 31 ณ กรุงลิมา เปรู โดยส่วนหนึ่งของคำกล่าวได้พูดถึงการยกระดับภาคการเงินไทย สร้างภูมิทัศน์ใหม่การเงินใหม่ ให้แรงงานนอกระบบ โดยสนับสนุนการเข้าถึงแหล่งเงินทุน ดังนี้

1.นวัตกรรมด้านธนาคาร ผ่านการจัดตั้งธนาคารพาณิชย์ไร้สาขา (Virtual bank) โดยใช้ข้อมูลทางเลือก (Alternative Data)  ในการวิเคราะห์การปล่อยสินเชื่อ อาทิ พฤติกรรมการบริโภค การชำระหนี้ การใช้จ่าย ผ่านช่องทางต่างๆ เพื่อวิเคราะห์สถานะทางการเงินประมวลผลเป็นค่าความเสี่ยงในการให้สินเชื่อ ตอบโจทย์ความต้องการแรงงานนอกระบบได้ดีขึ้น โดยเฉพาะรายย่อย และ SMEs กลุ่มที่ยังไม่ได้รับบริการทางการเงิน (Unserved) และกลุ่มที่ยังไม่ได้รับการบริการทางการเงินอย่างเหมาะสม (Underserved)

2.นวัตกรรมการค้ำประกัน ผ่านการจัดตั้งสถาบันค้ำประกันเครดิตแห่งชาติ หรือ (NaCGA) ซึ่งจะช่วยติดอาวุธแก่ผูัประกอบการ SME และ MSME โดยจะทำหน้าที่เป็นกลไกที่ประชาชนสามารถซื้อประกันความเสี่ยงด้านเครดิตของตนเอง เพื่อลดความเสี่ยงของตนเอง ก่อนติดต่อสถาบันการเงินและ Non bank โดยค่าธรรมเนียมจะอิงตามระดับความเสี่ยงของลูกหนี้ (Risk-Based pricing) ซึ่งช่วยลดต้นทุนทางการเงิน และเพิ่มอำนาจต่อรองแก่ผู้ประกอบการ

3.นวัตกรรมการแก้ไขหนี้ประชาชน ผ่านการจัดทำอารีย์ สกอร์ (Ari Score) เพื่อช่วย SME เข้าถึงสินเชื่อ โดยอารีย์ สกอร์จะเป็นการจัดทำเครดิตสกอริ่งใหม่ จากข้อมูลที่กระทรวงการคลังมีอยู่ ประกอบกับการใช้ AI มาช่วยวิเคราะห์ ชึ่งผู้ที่มีคะแนนที่ผ่านเกณฑ์ จะสามารถไปยื่นขอสินเชื่อได้เลยจากธนาคารรัฐ 4 แห่ง อันจะช่วยลดการพึ่งพาหนี้นอกระบบ และให้โอกาสใหม่แก่ผู้ที่ไม่สามารถยื่นขอสินเชื่อได้ เพราะไม่ผ่านเครดิตบูโร

4.นวัตกรรมการออมแบบมีแรงจูงใจ ผ่านโครงการสลากเกษียณ (retirement lottery) ซึ่งเป็นโครงการของรัฐที่สร้างแรงจูงใจให้คนไทยออม และถูกจริตกับวิถีชีวิตคนไทยที่นิยมการซื้อสลาก เงินที่ผู้ซื้อได้ซื้อสลากทั้งหมดจะถูกเก็บเป็นเงินออมและคืนเป็นเงินออมเมื่อผู้ซื้อมีอายุ 60 ปี สลากเกษียณจะช่วยให้ผู้ซื้อใช้ชีวิตหลังเกษียณแบบมีคุณภาพ (Greater Quality of Life) และดำรงชีวติก่อนเกษียณแบบมีหลักประกันทางการเงิน (Financial security)

‘หมูเด้งเรซซิ่ง’ รันวงการมอเตอร์สปอร์ตบุก ‘โมโตจีพี’ กับรายการ ThaiGP x MOODENG ใครมีบัตรลุ้น 2 เด้ง

หมูเด้งรันทุกวงการ ล่าสุด 'โมโตจีพี' สนามประเทศไทย หรือ ThaiGP สร้างตำนานบทใหม่ จับมือสวนสัตว์เปิดเขาเขียว องค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย คอลแลบ (Collab) 'หมูเด้ง' ซูเปอร์สตาร์ตัวกลม สู่ศึกกรังด์ปรีซ์ที่เร็วและแรงที่สุดในโลก ที่กำลังจะระเบิดศึกบนผืนแผ่นดินไทย จัดแคมเปญเอาใจแฟนความเร็วทั่วโลกที่มีใจรัก ลูกฮิปโปโปเตมัสแคระสุดน่ารัก เจ้าของมีมเกรี้ยวกราดแห่งปี โดยผู้ที่มีบัตรโมโตจีพี เตรียมลุ้นสิทธิ์ 2 เด้ง แบบลิมิเต็ด สนามเดียวในโลก

ข่าวดีรับโค้งสุดท้ายการแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก หรือโมโตจีพี ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ ภายใต้ชื่อรายการ 'PT Grand Prix of Thailand 2024' ศึกสองล้อที่เร็วที่สุดและยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ระหว่าง 25- 27 ตุลาคม 2567 ที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ การแข่งขันกีฬาระดับโลกรายการใหญ่ที่สุดที่มีการจัดในประเทศไทย มีผู้ติดตามชมมากกว่า 800 ล้านคนทั่วโลก จาก 220 ประเทศทั่วโลก

คณะกรรมการฝ่ายจัดการแข่งขัน โดยนายตนัยศิริ ชาญวิทยารมย์ กรรมการผู้อำนวยการ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต เปิดเผยว่า การจัดการแข่งขันโมโตจีพี ถือเป็นศึกสองล้อที่มีผู้ติดตามมากที่สุดในโลก ในแต่ละปีจัดการแข่งขันมากกว่า 20 สนาม แต่ละประเทศที่เป็นเจ้าภาพจะถือโอกาสนี้นำแหล่งท่องเที่ยว เสน่ห์ทางวัฒนธรรม อัตลักษณ์ท้องถิ่นมาโชว์ รวมถึงทำแคมเปญต่าง ๆ ร่วมกับดอร์น่า สปอร์ต เจ้าของลิขสิทธิ์ 

ในปีนี้ 'หมูเด้ง' ได้สร้างมีมและไวรัลไปแล้วทั่วโลก ด้วยความน่ารัก สดใส สามารถสร้างชื่อเสียงและผลักดันการท่องเที่ยวได้อย่างทรงพลัง จึงมีการนำหมูเด้งมาร่วมทำแคมเปญโมโตจีพี สนามประเทศไทยขึ้นมา ซึ่งดีลสุดพิเศษแห่งปีนี้สร้างปรากฏการณ์ใหม่ในการแข่งขันโมโตจีพี 

โดยฝ่ายจัดการแข่งขัน ร่วมกับดอร์น่า สปอร์ต และสวนสัตว์เปิดเขาเขียว องค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย ตัดสินใจนำ 'หมูเด้ง' ซูเปอร์สตาร์แก้มชมพูสู่โลกมอเตอร์สปอร์ต คอลแลบกันภายใต้แคมเปญ ThaiGP x MOODENG โอกาสสุดพิเศษสำหรับแฟนความเร็วที่มีบัตรโมโตจีพี สนามประเทศไทยเท่านั้น

เด้งที่ 1 เพียงแสดงบัตรเข้าชมโมโตจีพี รายการ PT Grand Prix of Thailand 2024 (ยกเว้นบัตร Admission) รับไปเลยส่วนลด 50% สำหรับบัตรเข้าชมความน่ารัก เยี่ยมบ้าน 'หมูเด้ง' ที่สวนสัตว์เปิดเขาเขียว หมดเขตวันที่ 30 พ.ย. 67

เด้งที่ 2 ลุ้นรับเสื้อ MOODENG Limited Edition พิเศษ สำหรับแฟน ๆ โมโตจีพี เพียง 20 ตัว ในโลกเท่านั้น! ตัวเสื้อเป็นสีขาว เนื้อผ้าสวมใส่สบาย ด้านหน้าเป็นมีมใหม่สุดคิ้วท์ 'หมูเด้งเรซซิ่ง' พร้อมข้อความ Time to Race สร้างคาแร็กเตอร์ใหม่ให้ซูเปอร์สตาร์แห่งสวนสัตว์เปิดเขาเขียว สวมบทบาทนักบิดตัวกลมควบรถแข่งโมโตจีพีแบบตะมุตะมิ ที่เชื่อว่าจะกลายเป็นของแรร์ ไอเท็ม มีค่าหายาก สำหรับคนรักหมูเด้งทั่วโลกแน่นอน จากผู้ชมโมโตจีพี สนามประเทศไทยมากกว่า 2 แสนคน จะมีผู้โชคดี เพียง 20 คนเท่านั้น โดย Random ผู้โชคดีจากเลขหลังบัตรในระบบ Allticket ประกาศผลวันที่ 4 พ.ย. 67 ทางเพจ Chang Circuit Buriram


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top