Monday, 19 May 2025
ค้นหา พบ 48194 ที่เกี่ยวข้อง

‘อัษฎางค์’ ฟาด ‘ส.ศิวลักษณ์’ ใช้ความคิดเห็นส่วนตัว ด้อยค่าเพลงชาติไทย บิดเบือนว่าเป็นเพลงปลุกระดม เอาเปรียบคนกลุ่มน้อยและยากจะรวมเลือดเนื้อได้

(2 มี.ค.67) นายอัษฎางค์ ยมนาค นักวิชาการอิสระ โพสต์ในเฟซบุ๊กว่า 'เอ็ดดี้ อัษฎางค์ ยมนาค' ระบุว่า เพลงชาติไทยโกหกเรื่อง 'รวมเลือดเนื้อเป็นหนึ่งเดียว' ในทัศนะของ ส.ศิวลักษณ์

ส.ศิวลักษณ์ ไม่รู้ใครไปสรรเสริญว่าเป็น 'ปัญญาชนสยาม' เป็นปัญญาสยามแบบไหนถึงออกมาพูดอะไรแปลกๆ เสมอ ดังเช่นคลิปนี้ก็พูดถึงเพลงชาติว่า เนื้อเพลงชาติไทยท่อนที่ร้องว่า "ประเทศไทยรวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย"

ส.ศิวลักษณ์พูดว่า… "รวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทยมันมีไม่ได้ ผมเห็นว่าเพลงชาตินี้ ปลุกระดมมาก และมีความเท็จอยู่ในนั้นมาก เพราะรวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทยมันเป็นไปไม่ได้ ประเทศใหญ่โตมันต้องมีหลายเชื้อชาติ

ถ้อยคำในเพลงชาติ มันเป็นเพลงที่ผิด รวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทยมันมีไม่ได้ คนมลายูที่ปักษ์ใต้ เขาเป็นมลายู ไม่ใช่ไทย อันนี้เราไม่ได้เอาเปรียบเขาหรือ ? แปลกมากนะคนไทย... อะไรเป็นสิ่งที่ผิด ก็ปล่อยไว้"

ส.ศิวลักษณ์ กล่าวหาเพลงชาติไทยว่า "เป็นเพลงปลุกระดม เอาเปรียบคนกลุ่มน้อยและไม่มีทางจะรวมเลือดเนื้อได้ "ความจริงคำว่า 'ประเทศไทยรวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย' เป็นประโยคที่สะท้อนเจตนารมณ์ของความเป็นเอกภาพและความเท่าเทียม"

กล่าวคือ ทุกคนเป็นคนไทย อันหมายถึง การเป็นเจ้าของประเทศร่วมกันเพราะใครจะมาเป็นคนไทยไม่ได้ ถ้าไม่มีพ่อหรือแม่หรือสามีภรรยาที่เป็นคนไทย ดังนั้น เมื่อใครได้ชื่อว่าเป็นคนไทย ก็ชื่อว่าเป็นเจ้าของประเทศ 'ประเทศไทยรวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย'

ประเทศไทยรวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย เป็นประชารัฐ ไผทของไทยทุกส่วนอยู่ดำรงคงไว้ได้ทั้งมวล ด้วยไทยล้วนหมาย รักสามัคคี

แปลว่า

ประเทศไทยเป็นถิ่นที่รวมชนผู้มีเลือดเนื้อเชื้อชาติของไทยไว้ให้ได้อยู่อาศัยร่วมกัน แผ่นดินทุกส่วนของประเทศไทยย่อมเป็นของชาวไทยทุกคน ประชาชนไทยรักษาแผ่นดินไทยทั้งหมดไว้ได้ ก็ด้วยทุกคนมีน้ำใจสามัคคี

ขอพาปัญญาชนสยามไปเปิดหูเปิดตาหน่อย กับประเทศออสเตรเลีย ซึ่งถือเป็นประเทศที่มีความหลากหลายในด้านเชื้อชาติมากที่สุดในโลกประเทศหนึ่ง

เพลงชาติออสเตรเลียที่ชื่อ 'Advance Australia Fair'

มีเนื้อเพลงท่อนหนึ่งว่า
“Australians all let us rejoice, for we are one and free” แปลว่า “ชาวออสเตรเลียทุกคนจงยินดี ที่เรารวมกันเป็นหนึ่งและมีอิสระเสรี”

นายกรัฐมนตรีของออสเตรเลียประกาศว่า “ออสเตรเลียแสดงเจตนารมณ์ความเป็นเอกภาพของประเทศ จากเนื้อเพลงชาติ ที่สะท้อนถึงการเคารพยอมรับความหลากหลายของเชื้อชาติ“ (ซึ่งหมายถึงทั้งชนพื้นเมือง คนผิวขาวและผู้อพยพใหม่จากทั่วโลกทุกคน)

นอกจากนี้ยังเป็นการแสดงเจตนารมณ์ถึงความเป็นเท่าเทียมกัน” ในเนื้อเพลงชาติออสเตรเลียอีกด้วย

ประเทศออสเตรเลีย ซึ่งถือเป็นประเทศที่มีความหลากหลายในด้านเชื้อชาติมากที่สุดในโลกประเทศหนึ่ง ร้องเพลงชาติด้วยประโยคว่า

'We are one' ซึ่งถ้าคนไทยร้องประโยคนั้นเป็นภาษาไทยก็จะร้องได้ว่า
"ประเทศไทยรวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย" มันมีความหมายเดียวกับประโยคที่บอกว่า "We are one" ในเนื้อเพลงชาติออสเตรเลียนั่นเอง
'We are one' หมายถึง 'เรารวมกันเป็นหนึ่งเดียว' ซึ่งหมายถึง 'การรวมใจ' 'เป็นการแสดงถึงความเป็นเอกภาพและความเท่าเทียมกัน' ไม่ใช่การรวมแบบผสมพันธุ์ อย่างที่ปัญญาชนสยามเข้าใจอยู่คนเดียวว่า “รวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทยมันเป็นไปไม่ได้ ประเทศใหญ่โตมันต้องมีหลายเชื้อชาติ” ออสเตรเลียใหญ่โตกี่เท่าของประเทศไทย โดยใหญ่โตเป็นอันดับ 6 ของโลก และมีผู้คนที่มีเชื้อชาติหลากหลายมหาศาล ยังมีเนื้อเพลงว่า 'We are one'

“รวมเลือดเนื้อเป็นหนึ่งเดียว”

จุดมุ่งหมายสำคัญของเพลงชาติคือ สร้างความภาคภูมิใจ ความจงรักภักดี และความเป็นหนึ่งเดียวของคนทั้งชาติ แต่บางคนกลับพยายามด้อยค่าเพลงชาติ ด้วยทัศนคติที่เป็นปฏิปักษ์กับทุกสิ่งที่ไม่ตรงกับทัศนคติส่วนตัว

อัษฎางค์ ยมนาค 

ชนผู้มีปัญญาบ้างเล็กน้อย

‘อัครเดช’ จี้!! หน่วยงานเกี่ยวข้อง เร่งหาสาเหตุเพลิงไหม้โกดังอยุธยา หวั่น!! 'จงใจเผาทำลาย-กำจัดหลักฐาน' กากสารเคมีอันตราย

เมื่อวานนี้ (1 มี.ค. 67) นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.)การอุตสาหกรรม สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึง กรณีที่เกิดเหตุเพลิงไหม้โกดังเก็บสารเคมีในอำเภอภาชี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ว่า สถานที่เกิดเหตุดังกล่าวไม่ใช่โรงงาน แต่เป็นโกดังที่เก็บสารเคมีและอาจมีวัตถุอันตรายที่รับมาจากโรงงานอุตสาหกรรมเพื่อกำจัด ซึ่งที่ผ่านมาทาง กมธ.อุตสาหกรรมได้รับการร้องเรียนจากสส.ในพื้นที่รวมถึงประชาชนและได้เคยลงพื้นที่ร่วมกับทางกรมโรงงานอุตสาหกรรม และจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งจากการที่ได้เคยลงพื้นที่ไปพบว่าในสถานที่ดังกล่าวน่าจะมีปัญหาเกี่ยวกับการจัดการของเสียเคมีวัตถุที่อาจเข้าข่ายเป็นวัตถุอันตรายเช่นการกองเก็บและการกำจัดที่อาจไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งทางกรมโรงงานอุตสาหกรรมได้มีความเห็นว่า ผู้ที่ครอบครองจะต้องดำเนินการจัดการกับเคมีวัตถุที่ได้กองเก็บไว้ให้ถูกต้องตามวิธีและตามกฎหมาย

“ดังนั้นกรณีที่เกิดเพลิงไหม้นี้ ผมในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการอุตสาหกรรม ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวเร่งดำเนินการตามกฎหมาย เพื่อสอบสวนหาสาเหตุที่แท้จริงว่าเกิดจากอุบัติเหตุ หรือจงใจเผาเพื่อกำจัดกากสารเคมีอันตรายดังกล่าว ” นายอัครเดช กล่าว

ประธาน กมธ.การอุตสาหกรรม ยังกล่าวอีกว่า ขณะนี้ทาง กมธ.อุตสาหกรรม ได้ดำเนินการยกร่าง พ.ร.บ.โรงงาน ที่มีเนื้อหาครอบคลุมถึงสถานที่จัดเก็บกากสารเคมีผิดวิธี โดยมีการมีเพิ่มโทษทางอาญา และเพิ่มเบี้ยปรับ เพราะที่ผ่านมากฎหมายยังมีช่องว่าง เช่นโทษอาจไม่ครอบคลุมถึงเจ้าของที่ดินที่ให้เช่า หรือโทษอาญาที่ไม่หนักแน่นพอจึงทำให้เกิดช่องว่างทางกฎหมาย โดยในสัปดาห์หน้าทาง กมธ. จะได้นำร่าง พ.ร.บ.โรงงานฉบับที่ได้มีการศึกษาแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ที่กรรมาธิการอุตสาหกรรมได้ตั้งคณะทำงานขึ้นเพื่อศึกษาแก้ไขปัญหานี้ซึ่งเป็นปัญหาที่เคยเกิดขึ้นที่จังหวัดราชบุรีมาแล้วและทำร่างกฎหมายเสร็จพอดีในช่วงนี้เข้ายื่นต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อบรรจุเข้าระเบียบวาระนำไปสู่การพิจารณาเพื่อแก้พรบ.โรงงานต่อไปเพื่อจะได้แก้ปัญหาการลักลอบการกำจัดกากของเสียอุตสาหกรรมผิดวิธีและสร้างผลกระทบต่อสุขภาพของพี่น้องประชาชนและส่งผลเสียต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาวอีกด้วย

ส.วอลเล่ย์บอลฯ ดึง เจ้าแคปหมู สุภาวดี นร.มพย.7 เก็บตัวฝึกซ้อม อนาคตทีมชาติไทย

สมาคมวอลเลย์บอลแห่งประเทศไทยฯ เล็ง 'เจ้าแคปหมู สุภาวดี' แห่ง มพย.7 เก็บตัวฝึกซ้อมร่วมคัดเลือกเข้าแข่งขัน 2 รายการใหญ่

ที่ห้องประชุม ศาลาว่าการเมืองพัทยา สมาคมวอเลย์บอล แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ นำโดย นายธนดิศ ประสพเนตร ผู้จัดการสโมสรวอลเลย์บอล สุพรีม ทิพย ชลบุรี อี.เทค พร้อมด้วย นางสาววิลาวัณย์ อภิญญาพงศ์ หรือ “กัปตันกิ๊ฟ” ผู้ช่วยผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย อดีตนักกีฬาวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย พร้อมคณะ เดินทางเข้าพบ นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา เพื่อขอตัวนางสาว สุภาวดี พันวิลัย หรือ น้องแคปหมู อายุ 16 ปี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนเมืองพัทยา 7 (มพย.7) เข้าร่วมโครงการ Become the next generation 2024 plus

นางสาววิลาวัณย์ ชี้แจงว่า สืบเนื่องจากสมาคมกีฬาวอลเลย์บอลแห่งประเทศไทย ได้จัดโครงการ Become the next generation 2024 plus ระหว่างวันที่ 1 มีนาคม – 6 เมษายน 2567 ซึ่งโครงการดังกล่าวข้างต้น เป็นการต่อยอดจากโครงการ “สานพลังเยาวชนสู่คนของชาติ Become The Nest Generation 2” เพื่อพัฒนานักกีฬาวอลเลย์บอลในระดับยุวชน และเยาวชน ให้ก้าวสู่การเป็นตัวแทนทีมชาติไทยในอนาคต และการเตรียมทีมเข้าสู่การพัฒนาให้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง ในการนี้จึงขออนุญาตให้น้องแคปหมู หรือนางสาวสุภาวดี พันวิลัย เข้าร่วมโครงการดังกล่าว ณ อาคารศูนย์วิทยาศาสตร์การกีฬา การกีฬาแห่งประเทศไทย กรุงเทพมหานคร

ซึ่งในปีนี้ไทยเป็นเจ้าภาพการแข่งขัน 2 รายการใหญ่ คือ การแข่งขันวอลเลย์บอลหญิงเนชันส์ ลีก 2024 หรือ VNL 2024 จะแข่งขันรอบสุดท้ายในประเทศไทย อีกหนึ่งรายการใหญ่คือ มาร์เชี่ยน อาร์ต เอเชี่ยน อินดอร์ เกมส์ มีชลบุรีเป็นเจ้าภาพร่วมกับ กทม. แต่ทั้งนี้กฎการแข่งขัน มาร์เชี่ยน อาร์ตฯ ต้องเป็นเยาวชนที่อายุไม่เกิน 20 ปี บวกกับอายุเกิน 2 คน สมาคมวอลเล่ย์บอลฯ จึงต้องจัดโครงการดังกล่าวขึ้น เพื่อให้เยาวชนช่วงอายุไม่เกิน 20 ปี เข้ามาร่วมฝึกซ้อมร่วมกับทีมชาติชุดใหญ่ ที่จะทำการแข่งขัน VNL ซึ่ง “น้องแคปหมู” มีรายชื่อในรุ่นเยาวชนที่มีโอกาสในการที่จะคัดเลือกตัวติดรายการมาร์เชี่ยน อาร์ท เอเชี่ยน อินดอร์ เกมส์  

สำหรับ “แคปหมู” ปัจจุบันสูงถึง 188 เซนติเมตร เคยเข้าไปฝึกซ้อมโชว์ผลงานได้ค่อนข้างดีในรุ่นอายุเดียวกัน รวมถึงโชว์ผลงานได้ดีกว่าพี่ ๆ หลายคนที่อยู่ในไทยแลนด์ ลีก ทำให้มีรายชื่อถูกเรียกเข้าเก็บตัวในชุดนี้ ทำให้มีเปอร์เซ็นต์สูงที่จะมีโอกาสต่อยอดได้ เพราะยังอายุน้อย แต่ปัญหาหลัก ๆ ของทีมเยาวชนคือเรื่องการเรียน จึงอยากให้ต้นสังกัดช่วยอำนวยความสะดวกในเรื่องการเรียน เพื่อให้แคปหมู สามารถเก็บตัวฝึกซ้อมได้อย่างเต็มที่

ด้านนายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา กล่าวว่า เมืองพัทยา ต้องขอบคุณสมาคมกีฬาวอลเลย์บอลแห่งประเทศไทยมา ณ โอกาสนี้ ที่เล็งเห็นศักยภาพของนักเรียนโรงเรียนในสังกัดเมืองพัทยา ซึ่งโรงเรียนเมืองพัทยา 7 นั้นเป็นโรงเรียนที่สนับสนุนด้านกีฬาเป็นหลัก ควบคู่ไปกับการเรียนการสอนอยู่แล้ว ประกอบกับ นายสุเทพ คล้ายสีแก้ว ผู้อำนวยการโรงเรียนเมืองพัทยา 7 ให้คำยืนยันว่าการเข้าร่วมเก็บตัวฝึกซ้อมฯ ไม่เป็นอุปสรรคต่อการเรียน เมืองพัทยา จึงยินดีสนับสนุนและอนุญาตให้แคปหมู  เข้าร่วมเก็บตัวฝึกซ้อมในโครงการดังกล่าว ซึ่งถือเป็นโอกาสที่ดีของน้อง ที่จะได้มีโอกาสเรียนรู้ทักษะด้านกีฬาวอลเล่ย์บอลจากสโมสรฯ และก้าวไปสู่การเป็นตัวแทนทีมชาติไทย สร้างชื่อเสียงให้กับเมืองพัทยาและประเทศไทย ต่อไปในอนาคต

‘องค์การอนามัยโลก’ หวั่น!! ปี 2035 กว่าพันล้านคนจะป่วยเป็น 'โรคอ้วน' แนะ!! 'เพิ่มภาษีน้ำตาล-หนุนอาหารสุขภาพ' ก่อนต้องเจียดเงินมหาศาลแก้

(2 มี.ค.67) Business Tomorrow รายงานเอกสารเผยแพร่จาก Lancet จากศาสตราจารย์ในมหาวิทยาลัย Imperial College ในลอนดอนกล่าวว่า โรคอ้วนกำลังเพิ่มสูงขึ้น ในขณะที่การมีน้ำหนักที่พอดีกำลังลดลงไปในทั่วโลก นาย Francesco Branca หัวหน้าแผนกสารอารหารแห่ง WHO กล่าวว่า โรคอ้วนอาจเคยเป็นปัญหาของประเทศที่ร่ำรวย แต่ตอนนี้ได้แผ่กระจายเป็นปัญหาระดับโลกเสียแล้ว

จากการเก็บข้อมูลจาก 190 ประเทศทั่วโลกของปี 2022 โรคอ้วนในผู้ใหญ่กำลังเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า ในขณะที่เพิ่มขึ้นสี่เท่าในกลุ่มเด็กอายุ 5-19 ปีจากปี 1990 ไป 2022 ผลวิเคราะห์พบว่าเด็กหญิง เด็กชาย และผู้ใหญ่กำลังมีจำนวนผู้มีร่างกายสมส่วนลดลงไป เด็กหญิง 1 ใน 5 เด็กชายลดไป 1 ใน 3 และลดไปครึ่งหนึ่งของผู้ใหญ่ กระนั้น ก็ยังมีคนหลักร้อยล้านคนที่ยังไม่มีอาหารเพียงพอในการกิน

ประเทศที่มีรายได้ปานกลางถึงต่ำกำลังประสบปัญหาคนเป็นโรคอ้วนพุ่งขึ้นสองเท่ามากขึ้นโดยเฉพาะฝั่งแคริบเบียนและตะวันออกกลาง ในแถบยุโรปบางประเทศก็เพิ่มมากขึ้น ยกเว้นสเปน ที่เริ่มมีตัวเลขโรคอ้วนที่ลดลงหรือคงที่

>> ตัวเลขสถิติที่น่าสนใจ...
- ประเทศตองกาและประเทศอเมริกันซามัวครองแชมป์ร่วมเพศชาย 81% ของประชากรชาย เป็นโรคอ้วน
- ประเทศนาอูรูและประเทศอเมริกันซามัวครองแชมป์ร่วมฝั่งหญิงที่ 70% เป็นโรคอ้วน
- สหรัฐฯ ครองอันดับ 10 ฝั่งชาย และ 36 ฝั่งหญิง

>> อ้วนครึ่งโลกในปี 2035...
ประชากรที่อายุมากกว่า 5 ปี 774 ล้านคน มีเกณฑ์ที่จะเป็นโรคอ้วนในอนาคต หรือก็คือพบได้ 1 ใน 8 คน ทาง WHO ก็มีการออกมาเรียกร้องให้เพิ่มมาตรการอย่างการเพิ่มภาษีน้ำตาลและสนับสนุนให้โรงเรียนเปลี่ยนมื้ออาหารให้เป็นอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ทั้งนี้ สหพันธ์โรคอ้วนยังเผยอีกว่า โลกของเราจะมีคนเป็นโรคอ้วนครึ่งโลกภายในปี 2035 และส่งผลให้ต้องใช้เงินแก้ปัญหานี้กว่า 4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ

‘ฉางอาน ออโต้’ ตั้งเป้า ส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้า 3,000 คัน ในไทย พร้อมเตรียมเปิดศูนย์บริการ ให้กระจายไปทั่วประเทศ

(2 มี.ค. 67) นายเซิน ซิงหัว ตำแหน่ง กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฉางอาน ออโต้ เซ้าท์อีส เอเชีย จำกัด และประธานกรรมการผู้จัดการ บริษัท ฉางอาน ออโต้ เซลส์ (ประเทศไทย) เปิดเผยแผนการส่งมอบรถ Deepal S07 และ Deepal L07 ว่า

“เพื่อให้สอดรับกับกระแสความต้องการที่เพิ่มมากขึ้น CHANGAN ประสบความสำเร็จในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าประเทศไทย ด้วยการส่งมอบรถ Deepal S07 และรุ่น Deepal L07 ไปแล้วกว่า 3,000 คัน ความสำเร็จครั้งสำคัญนี้ตอกย้ำถึงความแข็งแกร่งของแบรนด์ และความมุ่งมั่นในการขยายศูนย์บริการที่ให้ความสำคัญกับลูกค้า เมื่อมองย้อนกลับไปในช่วงงาน Motor Expo 2023 ที่ผ่านมา CHANGAN มียอดจองมากกว่า 3,000 คัน ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่แสดงถึงความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นในประเทศไทย การส่งมอบรถได้เริ่มตั้งแต่เดือนมกราคม 2567 จนถึงปัจจุบัน CHANGAN ยังตั้งเป้าขยายศูนย์บริการให้ครอบคลุม เริ่มจากกรุงเทพฯ และปริมณฑล ก่อนกระจายไปทั่วประเทศเพื่อเพิ่มการให้บริการอย่างครบวงจร และตั้งเป้าสร้างโชว์รูมทั่วประเทศภายในสิ้นปีนี้ เพื่อสร้างความมั่นใจในการเข้าถึงบริการ และอำนวยความสะดวกสบายให้กับลูกค้าในทุกพื้นที่”

นอกจากนี้ เซิน ซิงหัว ยังได้กล่าวถึงลูกค้าในประเทศไทยที่มอบความไว้วางใจให้กับทางแบรนด์ด้วยว่า “ต้องขอบคุณลูกค้าทุกท่านที่มอบความมั่นใจ และสนับสนุนด้วยดีเสมอมา ซึ่งความไว้วางใจ และความมั่นใจในแบรนด์นี้ คือสิ่งที่ขับเคลื่อน CHANGAN ให้ก้าวไปข้างหน้า สู่ความสำเร็จในการพัฒนาตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยให้มีศักยภาพต่อไป ในนาม CHANGAN Thailand มีการคัดสรรทีมงานผู้เชี่ยวชาญในแต่ละด้าน เพื่อช่วยกันพัฒนาให้รถแต่ละรุ่นที่ออกจากโรงงานนั้นเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่พร้อมเปิดประสบการณ์ด้านเทคโนโลยี พร้อมสมรรถนะ ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคด้านการใช้งานในปัจจุบันอย่างแท้จริง” นายเซิน ซิงหัว กล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top