Monday, 19 May 2025
ค้นหา พบ 48185 ที่เกี่ยวข้อง

'โพธิ์เงิน กระตุฤกษ์' ยอดนักกินจอมชักดาบ อดีตนักเรียนนอกรสนิยมสูง แต่ไม่มีสตางค์

วันนี้มาเล่าเรื่องจริงในอดีตในแบบเบา ๆ กันบ้างดีกว่า ผมเชื่อว่าทุกคนคงรู้จักคำว่า 'กินแล้วชักดาบ' คือการฉ้อฉลรูปแบบหนึ่ง โดยการทำตนเป็นลูกค้า ที่มาสั่งและบริโภคอาหารและเครื่องดื่มจากร้านอาหาร ภัตตาคาร เมื่อบริโภคเสร็จแล้วก็ไม่ยอมจ่ายเงิน โดยอาจจะยอมรับแบบตาใสว่าไม่มีเงินจ่าย หรือหาวิธีหลบเลี่ยงออกไปอย่างแยบยล ซึ่งในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน 'ชักดาบ' หมายถึง ไม่ยอมจ่ายเงิน 

ซึ่งที่มาที่ไปของคำว่า 'ชักดาบ' นี้ บ้างก็ว่าเกิดขึ้นช่วงสงครามมหาเอเชียบูรพาโดยทหารญี่ปุ่นที่เข้าไปกินอาหารในร้านค้าของคนไทย พอกินเสร็จเจ้าของร้านจะเก็บเงินก็เอาชักดาบออกมาวางบนโต๊ะแล้วมองหน้าแบบขึงขัง ประมาณว่า “กูไม่จ่าย” เจ้าของร้านก็ไม่กล้าเก็บเรียกเก็บเงินซ้ำ ทหารญี่ปุ่นก็ออกจากร้านไปโดยไม่จ่ายเงินจากทหารหนึ่งกลุ่มก็กลายเป็นทหารหลายกลุ่มที่ทำเหมือนกันจนกลายเป็นพฤติกรรมปกติ ซึ่งทำให้คนไทยเข็ดขยาดและไม่ค่อยอยากรับลูกค้าที่เป็นทหารญี่ปุ่นนัก ซึ่งอันนี้ผมว่าก็ฟังแล้วขำ ๆ นะครับ ซึ่งอาจจะเป็นเรื่องจริงในบริบท ณ ช่วงเวลานั้น แต่เรื่องจริง ๆ เมืองไทยช่วงเวลานั้นมีเงินเฟ้อค่อนข้างสูง เพราะญี่ปุ่นเล่นผลิตเงินใช้เอง บ้างก็ใช้เครดิตไว้กับร้านค้า พอสงครามยุติก็หายต๋อม คนไทยก็รับกรรมเรื่องหนี้ไป ก็อาการโดยรวมทั้ง 'ชักดาบ' หน้าร้าน หรือไม่มาจ่ายหนี้ก็อารมณ์เดียวกัน

ทีนี้ในเมืองไทยมันมีเรื่องราวของ 'ยอดนักชักดาบ' อยู่คนหนึ่ง ในช่วงประมาณปี พ.ศ. 2526 - 2528 ซึ่งยอดชายคนนี้มีชื่อและนามสกุลว่า 'โพธิ์เงิน กระตุฤกษ์'

นายโพธิ์เงิน กระตุฤกษ์ มีชาติกำเนิดที่เรียกได้ว่าดีเยี่ยมเพราะเป็นลูกคนที่ 3 ในจำนวนพี่น้อง 4 คนของ คุณเวช กระตุฤกษ์ เจ้าของสำนักพิมพ์เพลินจิตต์ ซึ่งในเวลานั้นเป็นครองตลาดหนังสือนวนิยายของเมืองไทย โดยมีนักเขียนชื่อดังที่เขียนประจำอย่างมากมาย เช่น ส.บุญเสนอ, จ.ไตรปิ่น, ป.อินทรปาลิต, ไม้ เมืองเดิม, อรวรรณ จนถึง พนมเทียน และน.นพรัตน์ ฯลฯ เรียกว่าสุดยอดในยุคนั้น 

แต่ด้วยความที่ครอบครัวอาจจะไม่อบอุ่นเพราะเมื่อเขาเกิดมาไม่นาน คุณแม่ของเขาก็ป่วยหนัก ต้องจ้างพยาบาลมาดูแล ส่วนคุณพ่อด้วยความความเจ้าชู้ ก็เลยได้พยาบาลที่ดูแลแม่ของเขานั่นแหละมาเป็นภรรยาอีกคน ส่วนเขาได้รับการเลี้ยงดูจากแม่นมแทน แถมยังโดนแม่บอกว่าเขาเป็นตัวอัปมงคล เลยถูกส่งไปอยู่โรงเรียนประจำ แล้วก็ถูกส่งไปเรียนที่ประเทศอังกฤษ เรียกว่าขาดอบอุ่นสุด ๆ ทำให้ตัวเขาเป็นคนที่ชอบเรียกร้องความสนใจ โดยเฉพาะการเปย์เพื่อน หน้าใหญ่ เพื่อต้องการเป็นคนดังในหมู่เพื่อน ๆ จนความฟุ้งเฟ้อ ฟุ่มเฟือย ติดตัวจนกลายเป็นคน 'จมไม่ลง' และกลายมาเป็น 'ยอดนักชักดาบ' 

เมื่อกลับมาถึงเมืองไทยก็มาทำงานหลาย ๆ อย่าง จนพ่อของเขาเสียชีวิต กิจการต่าง ๆ ก็ล่มสลาย ส่วนตัวเขาก็ไม่มีอะไรที่เป็นชิ้นเป็นอันนัก จะมีที่พอนับได้ก็คงเป็นบริษัททัวร์ที่ไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าไหร่นัก ท้ายที่สุดไม่รู้เหตุผลใดที่ทำให้เขากลายเป็นจอมชักดาบ ซึ่งการชัดดาบของเขานั้นเป็นการชักดาบ ตั้งแต่ร้านเพิงริมถนนไปจนถึงร้านหรูในโรงแรมระดับ 5 ดาว 

ยอดชายจอมชักดาบผู้นี้มีการเตรียมตัวมาอย่างดี พร้อมรับสถานการณ์จากร้านที่เขาเข้าไป ทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นสถานเบาอย่างการด่าทอ เหยียดหยาม ข่มขู่ ไปจนถึงสถานหนักอย่างการถูกตบ ถูกต่อย ถูกกระทืบ เรียกว่าแกรับได้ทุกสถานการณ์ 

การไป 'ชักดาบ' ของโพธิ์เงินนั้น ด้วยความเป็นหนุ่มนักเรียนนอกบุคลิกดี แกจะแต่งตัวอย่างดี สวมใส่เสื้อเชิ้ต กางเกงขายาว บางที่ก็ใส่สูทอย่างหรู เวลาเข้าไปร้านอาหารไหน หรือภัตตาคารใด เขาก็ต้อนรับแกอย่างพระเอก โดยไม่รู้ว่าตอนจบจะกลายเป็นพระเอกจะกลายเป็นโจร

ไม่ใช่แค่ร้านอาหารอย่างเดียวนะครับที่แกเข้าไปชักดาบ 'อาบอบนวด' สถานบันเทิงของท่านชายแกก็เคยไปป่วน 'อาบน้ำฟรี' มาแล้ว โดยเรียกหมอนวดมานวดแบบบีคอร์ส (อาบน้ำแบบพิเศษ) พอถึงเวลาเก็บเงิน แกก็บอกไปอย่างหน้าด้าน ๆ ว่าไม่มีเงิน เรียกว่าไม่ได้สงสารหมอนวดเลย 

ว่ากันว่าโพธิ์เงิน เคยถูกตำรวจจับกุมถึง 28 ครั้ง ซึ่งแกบอกว่าไม่ใช่ แกเคยทำมาร่วม '100 กว่าครั้งแล้ว' และแกตั้งใจจะทำให้ครบ 40,000 ครั้ง (ช่างกล้าจริง ๆ) เคยโดยหมั่นไส้และโดนสั่งสอนมานับไม่ถ้วนจนสุดท้ายญาติพี่น้องน่าจะเอือมระอาเลยปล่อยให้แกโดยจับดำเนินคดีไป ครั้งสุดท้ายถูกขังคุกนาน 45 วัน ข้อหาฉ้อโกงทรัพย์ถูกคุมประพฤติเป็นเวลา 1 ปี โดยคดีที่แกโดนตำรวจจับจนขึ้นเป็นข่าวคราวหน้าหนึ่งในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐมีดังนี้

11 มกราคม 2526 โดนจับกุมข้อหาฉ้อโกงเนื่องจากกินอาหาร ที่ร้าน ‘แม่พลอย’ ย่านเยาวราช ในราคา 513 บาท แล้วไม่จ่ายเงิน

7 กรกฎาคม 2526 โดนจับกุมข้อหาฉ้อโกงเนื่องจากกินอาหารและใช้บริการอาบอบนวด ทั้งแบบบีคอร์ส และธรรมดา ในสถานอาบอบนวด 'วิลันดา' ซึ่งตั้งอยู่ที่ศูนย์การค้าออสก้า ถ.เพชรบุรีตัดใหม่ แล้วไม่จ่ายเงิน 

25 มกราคม 2528 โดนจับกุมเนื่องจากกินอาหาร ที่ห้องอาหาร 'โรส' บนชั้นสองของโรงภาพยนตร์อินทรา ในราคา 200 บาท แล้วไม่จ่ายเงิน ถูกเจ้าของแจ้งความดำเนินคดี และถูกศาลสั่งกักขังแทนค่าปรับเป็นเวลา 10 วัน

8 กุมภาพันธ์ 2528 โดนจับกุมข้อหาฉ้อโกงเนื่องจากกินอาหาร ร้าน 'เจ๊ฮ้อ' ตลาดโต้รุ่ง ประตูน้ำ ถนนเพชรบุรี ในราคา 520 บาท แล้วไม่จ่ายเงิน เลยถูกจับส่งตำรวจใน แถมถูกลูกค้าในร้านตบสั่งสอน

18  มีนาคม 2528 ถูกศาลลงโทษจำคุก 45 วัน ให้คุมประพฤติเป็นเวลา 1 ปี โทษฐานกระทำความผิดข้อหาฉ้อโกงทรัพย์ (ค่าอาหาร) 

ซึ่งหลังจากถูกศาลลงโทษจำคุกและคุมประพฤติเรื่องราวของแกก็ค่อย ๆ หายไปจากหน้าหนังสือพิมพ์ ส่วนหนึ่งอาจะเพราะร้านอาหารและสถานบริการต่าง ๆ ได้มีติดรูปของแกไว้เพื่อป้องกันการชักดาบเป็นที่เรียบร้อยแล้วนั่นเอง 

ปัจจุบันแกได้เสียชีวิตมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว แต่เรื่องราวความกล้าในการ 'ชักดาบ' ของแก เรียกได้ว่าเป็นตำนานที่คงไม่มีใครอยากจะเลียนแบบนัก แต่ 'โพธิ์เงิน กระตุฤกษ์' ก็เป็นเพียงคนเล็ก ๆ ที่ริอ่าน 'กินฟรี เที่ยวฟรี' 

ไม่เหมือนกลุ่มคนบางจำพวกที่มักใช้อำนาจหน้าที่ของตนในการเบ่งกินฟรี เที่ยวฟรี อย่างที่เรา ๆ ท่าน ๆ เคยได้ยินได้ฟังกันมาตลอดในบ้านเรา เมืองเรา เอวัง

‘ททท.’ คว้ารางวัลชนะเลิศ ‘แบรนด์ยอดเยี่ยมบนโซเชียลมีเดีย’ สาขาหน่วยงานรัฐบาล-รัฐวิสาหกิจ ในงาน Thailand Social Award ครั้งที่ 12

เมื่อวานนี้ (1 มี.ค. 67) นายนรินทร์ ทิจะยัง ผู้อำนวยการฝ่ายดิจิทัลและเทคโนโลยีสารสนเทศ เป็นผู้แทนการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ขึ้นรับรางวัลชนะเลิศ BEST BRAND PERFORMANCE ON SOCIAL MEDIA สาขา GOVERNMENT & STATE ENTERPRISE ในงานประกาศรางวัล THAILAND SOCIAL AWARDS ครั้งที่ 12 ณ ทรู ไอคอน ฮอลล์ ศูนย์การค้าไอคอนสยาม โดยมีหน่วยงานที่เข้ารอบสุดท้าย ได้แก่ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่า และพันธุ์พืช กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงวัฒนธรรม และสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ 

ทั้งนี้ ททท. ได้รับรางวัลชนะเลิศ 4 ครั้งในรอบ 5 ปี (2563 / 2564 / 2566 / 2567) โดยเป็นผลงานของ 5 แพลตฟอร์มหลักของ ททท. ได้แก่ Facebook Page Amazing Thailand, Instagram @TourismThailand, Tiktok @Amazing Thailand, Twitter @go2Thailand @AmazingThailand และ YouTube Channel Amazing Thailand  

โดยคิดคะแนนจากการวัดประสิทธิภาพการสื่อสารจากช่องทางหลักของแบรนด์ (Own Chanel) และจากช่องทางที่คนอื่นพูดถึงแบรนด์ (Earn Channel) รวมถึงประสิทธิภาพเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ เช่น จำนวนผู้ติดตาม การเติบโตของผู้ติดตาม การแสดงความคิดเห็น การสนับสนุนเนื้อหาของแบรนด์และแนะนำให้กับบุคคลอื่น เป็นต้น 

ทั้งนี้ กองสารสนเทศการตลาด โดยงานการตลาดออนไลน์ ได้มีความมุ่งมั่นในการทำงานด้าน social media อย่างเป็นระบบโดยอาศัยข้อมูลต่าง ๆ ประกอบการทำงาน ส่งผลให้การนำเสนอข้อมูลด้านการท่องเที่ยวของไทย มีประสิทธิภาพ เป็นที่ยอมรับ

‘THAILAND SOCIAL AWARDS’ เป็นงานประกาศรางวัลผลงาน Social Media ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของประเทศไทย จัดขึ้นเพื่อให้ความสำคัญกับวงการ Social Media ที่เป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศ อีกทั้งยังร่วมส่งเสริมการใช้ Social Media อย่างสร้างสรรค์ และยกระดับวงการ Social Media ด้วยการมอบรางวัลเชิดชูผู้ใช้ Social Media ยอดเยี่ยมในสาขาต่าง ๆ โดย บริษัท ไวซ์ไซท์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้พัฒนาเทคโนโลยีซอฟต์แวร์ด้านการวิเคราะห์ข้อมูลการตลาด

‘กาย-ฮารุ’ พูดเต็มปาก "ไม่ต้องใช้ความกล้า" พาลูกๆ เที่ยว 3 จว.ชายแดนใต้ หลังความหลากหลาย 'เชื้อชาติ-ศาสนา-ประเพณี' สร้างยิ้ม จนได้มิตรภาพดีๆ กลับบ้าน

(2 มี.ค.67)จากเพจเฟซบุ๊ก 'Guy Haru Family' ของครอบครัวสุดน่ารัก กาย รัชชานนท์ และ ฮารุ สุประกอบ ได้โพสต์ภาพ และข้อความ เล่าเรื่องราวพาลูกๆ เที่ยว 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยได้ระบุว่า รีวิว ปัตตานี ยะลา นราธิวาส จากคนนอกพื้นที่ 

ก่อนมาเราต้องใช้ 'ความกล้า' ที่จะตัดสินใจพาตัวเองและลูกมา ด้วยข่าว ด้วยเสียงคนรอบข้าง ด้วยมโนภาพว่าจะอันตราย แต่วันนี้เราอยู่ครบ 6 วัน 3 จังหวัด พูดได้เต็มปากว่าเรา 'ไม่ต้องใช้ความกล้า' เพราะที่นี่ 'ไม่ได้น่ากลัว'

ที่นี้คือนิยามของคำว่า 'พหุวัฒนธรรม' สังคมที่มีความหลากหลายในมิติของภาษา เชื้อชาติ ศาสนา ประเพณีวัฒนธรรม ที่คนพื้นที่อยู่ร่วมกันได้อย่างสงบ และคนนอกพื้นที่แบบเราไม่ต้องกลัว ขอแค่มาด้วยความเป็นมิตร เราจะได้มิตรภาพดีๆ กลับไป

ตรีมอกาเซะ ที่แปลว่า ขอบคุณ ภาษา มลายู

ขอบคุณมากนะคะ ปัตตานี ยะลา นราธิวาส 

ขอบคุณเพื่อนร่วมทริป หัวหน้านำทาง แวรุง ไปไหน เราเลือกไม่ผิดจริงๆ ที่มาเที่ยวกับแก๊งนี้ ไว้พาหลานมาหาใหม่น้าาา

'สว.วีระศักดิ์' ยก!! 'น่าน' เมืองแห่งอารยสถาปัตย์ พิกัดท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพที่ทุกเพศวัยต้องมาเยือน

'สว.วีระศักดิ์' ชูผลรายงานศึกษาของวุฒิสภาเรื่อง Accessible for All in Action ในงานเปิดเมืองน่าน เมืองอารยสถาปัตย์เพื่อการท่องเที่ยวของคนทั้งมวล

เมื่อวานนี้ (1 มี.ค.67) ที่ลานข่วงช้างค้ำ อำเภอเมือง จังหวัดน่าน ตรงข้ามวัดภูมินทร์ และวัดช้างค้ำ ได้มีการจัดกิจกรรม 'เปิดเมืองอารยสถาปัตย์ เมืองท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพเพื่อคนทั้งมวล' โดยมีนายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ สมาชิกวุฒิสภา อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นผู้อภิปรายนำ ในวงเสวนา ร่วมกับนายแพทย์ พงษ์เทพ วงศ์วัชระไพบูลย์ ผู้จัดการกองทุนสร้างเสริมสุขภาพ สสส.,  นางณัฏฐิรา แพงคุณ รองอธิบดีกรมการท่องเที่ยว, นายสุรพล เธียรสูตร นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองน่าน, นาย โยธิน ทับทิมทอง ผู้อำนวยการ ททท. สำนักงานจังหวัดน่าน, นาง ศุภรดา กานดิศญากุล ผู้จัดการสำนักงานพื้นที่พิเศษเพื่อการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน สำนักงานอพท. เมืองเก่าน่าน,  ผศ.ดร.จรัญญา พหลเทพ นักวิจัยการยกระดับการท่องเที่ยวเพื่อคนทั้งมวล ตลาดสากล คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ศิลปะและการออกแบบ มหาวิทยาลัยนเรศวร, คุณรพิดา และคุณลลิตา อัชชะกิจ เจ้าของเพจ เข็นแม่เที่ยว จัดโดยมูลนิธิอารยสถาปัตย์ และมีนายกฤษณะ ละไลย เป็นผู้ดำเนินรายการ

ในการนี้ นายวีระศักดิ์ได้ชูเล่มเอกสารรายงานของวุฒิสภา ที่รวบรวมโดยคณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคมฯ วุฒิสภา ว่าด้วยผลการศึกษาเรื่อง รายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง การเข้าถึงโดยสะดวกถ้วนหน้า (Accessibility for All in Action) ว่าด้วยเรื่องนโยบาย ระเบียบ การฝึกปฏิบัติ และการรักษาความต่อเนื่อง ตลอดจนการปรับปรุงด้านกายภาพ อุปกรณ์และระบบงานทางอิเล็กทรอนิกส์มีความจำเป็นต้องสอดประสานกัน และต้องใส่ใจในรายละเอียด เชื่อมกันได้อย่างไร้รอยต่อ 

พร้อมทั้งกล่าวถึงศักยภาพของจังหวัดน่านว่า นอกจากจะเป็นที่รู้จักในฐานะเมืองท่องเที่ยวที่มีทั้งธรรมชาติและวัฒนธรรมที่งดงามหลากหลายแล้ว น่านยังเป็นเมืองเก่าที่มีมรดกทางวัฒนธรรมที่สากลยอมรับ มีที่ตั้งอยู่ระหว่างอารยธรรมล้านช้าง และอารยธรรมล้านนา เป็นเมืองพี่เมืองน้องกับหลวงพระบาง เมืองหลวงเก่าแก่มรดกโลกของสปป.ลาว ซึ่งบัดนี้มีรถไฟจีน-ลาวแล่นผ่าน  

อีกทั้งน่านยังเป็นที่กำเนิดของแม่น้ำน่าน อันเป็นต้นทางของสายน้ำกว่า 40% ของแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นเมืองอากาศดี อาหารดี ผู้คนอารมณ์ดี น้ำดี มีวัฒนธรรมการออกกำลังกายที่ดี เป็นเมืองเจ้าภาพการจัดการแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติ กีฬาเยาวชนพิการแห่งชาติมาแล้ว ผู้บริหารเมืองน่านเข้าร่วมในเครือข่ายการสร้างอารยสถาปัตย์ให้ในพื้นที่มายาวนาน มีสนามบินน่าน ที่เดินทางได้สะดวก

ดังนั้นหากพัฒนาเพิ่มอารยสถาปัตย์ดีมีมาตรฐานเข้าไปให้มากพอ น่าจะเป็นที่หมายของการเดินทางเชิงสุขภาพ การพำนักระยะยาว การฟื้นสุขภาพ การเก็บตัวเพื่อการกีฬาที่คนทุกเพศวัยชื่นชอบทั้งจากภายในและระหว่างประเทศ

สำหรับผู้สนใจสามารถชมย้อนหลังผ่าน LIVE ถ่ายทอดสด รวมพลังชาว จ.น่าน  เปิดเมืองอารยสถาปัตย์ เมืองท่องเที่ยวเชิงสุขภาพเพื่อคนทั้งมวลผ่าน Facebook Page ของ 'Thailand Friendly Design Expo' ในวันศุกร์ที่ 1 มีนาคม 2567 เวลา 14.00-18.00 น. ณ ลานข่วงน้อย ย่านเมืองเก่าน่าน ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ ในการเตรียมพร้อมรองรับสังคมผู้สูงวัย และส่งเสริมธุรกิจการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพอย่างยั่งยืน

*** ลิงก์ LIVE ย้อนหลัง >> https://fb.watch/qxjmmWRnTs/?mibextid=Nif5oz

'สามี พญ.ไทยในสหรัฐฯ' เดินหน้าฟ้องร้านดังเครือวอลต์ดิสนีย์ หลังเสียชีวิตเพราะแพ้อาหาร ฐานร้านประมาทเลินเล่อ

(2 มี.ค. 67) สามีของแพทย์หญิงชาวไทยในนิวยอร์ก ซึ่งเสียชีวิตไม่นาน หลังจากรับประทานอาหารที่ร้านแห่งหนึ่งในดิสนีย์ สปริงส์ เมื่อเดือนที่แล้ว ได้ฟ้องร้องดำเนินคดีกับวอลต์ ดีสนีย์ พาร์คส แอนด์ รีสอร์ทส ฐานประมาทเลินเล่อ ในเอกสารคำร้อง 19 หน้า ที่ยื่นในฟลอริดา เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ตามรายงานของสื่อมวลชนสหรัฐฯ หลายสำนัก ในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (29ก.พ.)

นายเจฟฟรีย์ พิกโคโล เรียกเงินชดเชยกว่า 50,000 ดอลลาร์ ต่อเหตุเสียชีวิตที่เกิดขึ้นโดยมิชอบ (Wrongful Death) ของแพทย์หญิงกนกพร แต่งสวน แพทย์ของโรงพยาบาลนิวยอร์ก ยูนิเวอร์ซิตี แลนโกน ในแมนฮัตตัน ในคำฟ้องที่ยื่นเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ ในออเรนจ์ เคาน์ตี รัฐฟลอริดา

คำฟ้องเน้นว่าแพทย์หญิงกนกพร รับประทานอาหารที่ Raglan Road Irish Pub ในดิสนีย์ สปริงส์ พร้อมกับสามีและแม่สามี เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2023 ทั้งนี้แพทย์หญิงกนกพร มีอาการแพ้ถั่วและผลิตภัณฑ์นม อย่างรุนแรง จึงได้แจ้งให้บริกรทราบว่าเธอจำเป็นต้องรับประทานอาหารที่ปราศจากสารก่ออาการแพ้ดังกล่าว

ในเอกสารคำฟ้องระบุว่า แพทย์หญิงกนกพรและสามี ได้สอบถามบริการเกี่ยวกับวัตถุดิบต่างๆในเมนู จากนั้นบริกรได้ไปสอบถามเชฟต่ออีกทอดว่า "อาหารที่ประกอบนั้นปราศจากสารก่ออาการแพ้หรือไม่" ก่อนที่บริกรจะกลับมาที่โต๊ะและให้คำยืนยันว่ามันไม่มีสารก่อภูมิแพ้ในอาหาร สามารถรับประทานได้

ทั้งคู่ยังได้สอบถามบริกรอีกหลายครั้งว่า มีความมั่นใจใช่หรือไม่ว่าอาหารปราศจากสารก่อภูมิแพ้ ก่อนที่แพทย์หญิงกนกพร จะสั่งอาหารชุบแป้งทอด(Fritter) หอยเชลล์ และหอมทอด ในคำฟ้องได้ระบุไว้

โดยในคำฟ้องยังบอกต่ออีกว่าพออาหารมาถึงโต๊ะ มีอาหารบางจานที่มาเสิร์ฟโดยไม่มีธงจิ๋วปักอาหารว่าเป็น "เมนูปลอดสารภูมิแพ้" กระตุ้นให้แพทย์หญิงและสามีของเธอ ถามบริกรอีกรอบว่าอาหารนั้นปราศจากส่วนผสมของถั่วและผลิตภัณฑ์นมใช่หรือไม่ ซึ่งบริการก็การันตีว่ามันปราศจากสารก่ออาการแพ้

จากนั้นตอนเวลา 20.00 น. หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ แพทย์หญิงและแม่สามี แยกกันออกไปช็อปปิ้งที่ดิสนีย์ สปริงส์ ส่วน พิกโคโล เดินทางกลับห้องพร้อมกับอาหารที่รับประทานไม่หมด

ราว 45 นาทีต่อมา แพทย์หญิงกนกพร มีอาการหายใจลำบาก ตอนที่เธอเข้าไปยังแพลนเน็ต ฮอลลีวูด และล้มฟุบลงกับพื้น โดยในคำฟ้องระบุว่าเธอฉีดยาแก้แพ้ด้วยตนเอง ในระหว่างที่กำลังทุกข์ทรมานจากอาการแพ้อาหาร

แม่สามีโทรศัพท์หาแพทย์หญิง แต่ปลายสายไม่มีใครรับ จากนั้นเธอจึงเดินทางกลับไปยังโรงแรมและโทรศัพท์หาแพทย์หญิงกนกพรอีกรอบ คราวนี้มีใครบางคนรับโทรศัพท์และแจ้งให้ทราบว่าแพทย์หญิงกนกพร ถูกพาตัวส่งโรงพยาบาล

สุดท้ายแล้ว แพทย์หญิงรายนี้ก็ไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาล

ผลการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ชันสูตรศพ พบว่าเธอเสียชีวิตจากภาวะแพ้อย่างรุนแรงเฉียบพลัน สืบเนื่องจากระดับผลิตภัณฑ์นมและถั่วที่สูงลิ่วในระบบร่างกายเธอ

คำฟ้องระบุว่า Raglan Road Irish Pub ล้มเหลวให้การศึกษา ฝึกฝนหรือสั่งให้พนักงาน รับประกันสร้างความมั่นใจว่าอาหารนั้นปราศจากสารก่อภูมิแพ้

นิวยอร์กโพสต์ รายงานว่า แพทย์หญิงกนกพร มีแรงบันดาลใจในการศึกษาด้านการแพทย์ เนื่องจากภาวะอาการที่รุนแรงถึงชีวิตของเธอ และเป็นผู้ที่มีความระมัดระวังในการรับประทานอาหารนอกบ้าน ทั้งการแจ้งเตือนพนักงานเสิร์ฟเรื่องการแพ้อาหารของเธอทุกครั้ง รวมถึงการพกปากกา EpiPen หรือเครื่องฉีดอีพิเนฟรินอัตโนมัติ เพื่อรักษาอาการแพ้รุนแรงในกรณีฉุกเฉินอยู่ตลอดเวลา


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top