Monday, 19 May 2025
ค้นหา พบ 48185 ที่เกี่ยวข้อง

3 สถาบันการเงินระดับโลก เชื่อมั่น!! เปิดตัวบริษัทในเซี่ยงไฮ้ หลังเปิดกว้างทางด้าน 'ธุรกิจ-การเงิน' ในระดับสูง

(1 มี.ค. 67) สำนักข่าวซินหัว เผยว่า เมื่อวันที่ 26 ก.พ. ที่ผ่านมา สถาบันการเงินต่างประเทศอันได้แก่ อัลลิแอนซ์เบิร์นสไตน์ (AllianceBernstein) อามันดิ (Amundi) และเคเคอาร์ (KKR) ได้จัดพิธีเปิดบริษัทพร้อมกันในมหานครเซี่ยงไฮ้ของจีน

บริษัทอัลลิแอนซ์เบิร์นสไตน์ ได้จัดตั้งบริษัทกองทุนสาธารณะที่บริษัทถือครองแต่เพียงผู้เดียวในเซี่ยงไฮ้ ซึ่งถือเป็นบริษัทประเภทนี้แห่งที่ 5 ในจีน ขณะที่ อามันดิ ยังได้ก่อตั้งบริษัทเทคโนโลยีทางการเงินหรือฟินเทค (fintech) ในเซี่ยงไฮ้ ซึ่งถือเป็นบริษัทฟินเทคแห่งที่ 2 ในเซี่ยงไฮ้ที่ก่อตั้งโดยนักลงทุนต่างชาติ ส่วนเคเคอาร์ บริษัทจัดการสินทรัพย์ทางเลือกชั้นนำระดับโลกได้เปิดตัวบริษัทจัดการสินทรัพย์ ณ มหานครแห่งนี้ด้วยเช่นกัน

การเปิดสถาบันการเงินทั้ง 3 แห่งนี้ เป็นผลสำเร็จมาจากการเปิดกว้างทางการเงินระดับสูงและการพัฒนาคุณภาพสูงของนครเซี่ยงไฮ้ สะท้อนถึงความเชื่อมั่นที่นักลงทุนมีต่อเศรษฐกิจและตลาดจีน

เซี่ยตง รองนายกเทศมนตรีเทศบาลนครเซี่ยงไฮ้กล่าวในพิธีเปิดว่า การลงทุนในเซี่ยงไฮ้คือการลงทุนกับอนาคต และเซี่ยงไฮ้จะใช้ประโยชน์จากข้อได้เปรียบที่ครอบคลุมอย่างเต็มที่เพื่อเพิ่มโอกาสทางการตลาด การลงทุน และการพัฒนา พร้อมสนับสนุนให้บรรดาสถาบันการเงินมาพัฒนาธุรกิจของตนในเซี่ยงไฮ้ 

อาเจย์ คาล (Ajai Kaul) ประธานกรรมการบริหารของของอัลลิแอนซ์เบิร์นสไตน์และผู้บริหาร Client Group ประจำเอเชียแปซิฟิก และจงเสี่ยวเฟิง รองประธานบริษัทอามันดิเอเชีย แสดงความมั่นใจในอุตสาหกรรมการจัดการสินทรัพย์ของจีนในอนาคต ทั้งคู่กล่าวว่าเหล่าสถาบันการเงินที่จัดตั้งขึ้นใหม่นี้จะใช้ประโยชน์จากประสบการณ์อันยาวนานที่สั่งสมมาจากธุรกิจบริหารสินทรัพย์ระดับโลก เดินหน้าสำรวจตลาดจีน และจัดหาผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่หลากหลาย

‘เนคเทค’ ผุด ‘สายวัด’ ซอฟต์แวร์วัดขนาด ‘อาหารสัตว์น้ำ' หวังเพิ่มประสิทธิภาพการตรวจสอบแก่ผู้ประกอบการไทย

(1 มี.ค.67) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดย เนคเทค พัฒนาซอฟต์แวร์วัดขนาดอาหารกุ้ง ในชื่อ ‘สายวัด (SAIWAT)’ เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพงานตรวจสอบขนาดอาหารสัตว์ ทดแทนการวัดด้วยเวอร์เนียที่เป็นเครื่องมือวัดแบบเดิม ซึ่ง SAIWAT จะเป็นซอฟต์แวร์ที่ช่วยให้ผู้ประกอบการในกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารสัตว์น้ำ บริษัทผู้ผลิตอาหารสัตว์ สามารถตรวจวัดขนาดอาหารได้ตามมาตรฐาน เพราะขนาดที่เล็กใหญ่ของอาหารสัตว์มีผลต่อการเจริญเติบโตของสัตว์น้ำ ด้วยคุณสมบัติโดดเด่นของ SAIWAT ที่สามารถวัดอาหารที่มีขนาดเล็กมากใช้มือจับวัดยาก วัดได้พร้อมกันตั้งแต่ 100-800 เม็ด ใช้เวลาไม่นาน ขึ้นอยู่กับขนาดของอาหารเม็ด (ประมาณ 1-3 นาที) พร้อมสรุปรายงานวิเคราะห์เชิงสถิติทั้งตารางและกราฟฮิสโตแกรม ออกเป็นไฟล์ pdf, excel หรือ word เป็นผู้ช่วยที่สามารถทำงานได้ต่อเนื่อง เพียงต่อกับเครื่องสแกนเนอร์ก็ทำได้แล้ว

ผู้ประกอบการที่สนใจใช้งานติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ ทีมวิจัยการวิเคราะห์ยุทธศาสตร์ด้วยปัญญาประดิษฐ์ เนคเทค โทร. 0 2564 6900 ต่อ 2251, 087-7007834 (รุ่งกานต์)

‘Gadhouse’ แบรนด์เครื่องเล่นแผ่นเสียงไทย ผู้ปลุกกระแส ‘แผ่นเสียง’ ให้ฟื้นคืนชีพอีกครั้ง

จากรายการ THE TOMORROW มหาชนต้องรู้ ออกอากาศทางสถานีวิทยุ ส.ทร. FM93.0 MHz และสื่อออนไลน์ ในเครือ THE STATES TIMES ได้พูดคุยกับ คุณเพชร วัชรพล เตียวสุวรรณ์ ผู้ก่อตั้งแบรนด์ Gadhouse เมื่อวันที่ 2 มี.ค.67 กับการปลุกกระแสความนิยมเครื่องเล่นแผ่นเสียงให้กลับมาอีกครั้ง ท่ามกลางการสมรภูมิ Music Streaming ที่แข่งขันกันอย่างดุเดือดในปัจจุบัน เบื้องหลังความสำเร็จนี้เป็นอย่างไร คุณเพชร ได้เล่าให้ฟังว่า...

จุดเริ่มต้นของแบรนด์ Gadhouse เริ่มต้นจากการนำเข้าเครื่องเสียงแบรนด์ต่างๆ มาจำหน่ายในเฟซบุ๊ก โดยยังไม่ได้มีแบรนด์ของตัวเอง ในชื่อ Gadhouse ซึ่งมาจากคำว่า House of Gadget 

เมื่อถามว่า ทำไมถึงขายเครื่องเล่นแผ่นเสียงซึ่งหลายคนมองว่าตกยุคไปแล้ว และในปัจจุบันนิยมฟังผ่าน Streaming มากกว่า? คุณเพชร บอกว่า “เริ่มต้นจากความชอบและเชื่อว่าตลาดแผ่นเสียงยังไม่ตายไปจากคนที่ชอบฟังเพลงจริงๆ ซึ่งการหวนกลับมาของแผ่นเสียงก็น่าจะเป็นเพราะ Streaming ด้วย เนื่องจากปัจจุบันทุกอย่างมันรวดเร็วไปหมดแค่ปลายนิ้ว แต่ขณะเดียวกันความเร็วแบบฉาบฉวยเหล่านี้ ก็กระตุ้นคนอีกกลุ่มที่เริ่มโหยหาวิถี Slow Life อยากเสพสุนทรีย์ และแสวงหาเสน่ห์จากปกที่ให้รายละเอียดของอัลบั้ม เนื้อเพลงและศิลปิน และพวกเขากำลังมองหาร้านที่จะตอบโจทย์ และเราคือคำตอบ”

เมื่อถามถึงทิศทางอุตสาหกรรมดนตรีของโลกในปัจจุบัน? คุณเพชร เผยว่า “หลัก ๆ ตลาดถูกขับเคลื่อนจากสหรัฐอเมริกา, ยุโรป และญี่ปุ่น ซึ่งแน่นอนว่าตลาด Streaming ก็เติบโตสูงมากๆ จากตลาดเหล่านี้ รองลงมาก็จะเป็นกลุ่ม Vinyl, ซีดี และเทปคาสเซ็ต ที่เริ่มขยับตัวขนานไปกับ Streaming” 

คุณเพชร เสริมว่า “ส่วนตลาดในประเทศไทยเองก็มีทั้งที่เสพเพลงผ่าน Streaming และ Physical Media จากศิลปินที่ชื่นชอบ ในแบบที่ต้องการหาซื้อมาฟังจริงๆ และเลือกเป็นของสะสม ซึ่งสิ่งที่น่าดีใจ คือ ตลาดแผ่นเสียงไทยในปัจจุบันกำลังปรับตัวดีขึ้น ถึงแม้จะไม่มีแผ่นเสียงใหม่ออกมาจำนวนมากเหมือนต่างประเทศ แต่พอค่ายเพลงใหญ่ๆ เริ่มหันกลับมาผลิตแผ่นเสียงเพิ่มมากขึ้น ก็ทำให้แฟนคลับเริ่มกลับมา”

เมื่อถามในส่วนการวิธีการทำตลาดของ Gadhouse แล้ว คุณเพชร บอกว่า “ส่วนใหญ่จะเป็นการทำตลาดในต่างประเทศ โดยปัจจุบันมีจำหน่ายในหลายประเทศ เช่น ญี่ปุ่น, อินโดนีเซีย, ฮ่องกง, ฟิลิปปินส์, สิงคโปร์, สหรัฐอเมริกาและอังกฤษ แต่จะได้รับความนิยมอย่างสูงที่ประเทศญี่ปุ่นและอินโดนีเซีย โดยจุดเด่นของแบรนด์ Gadhouse นั้น คือ การเจาะไปยังกลุ่มลูกค้าที่พึ่งเริ่มต้นเล่นแผ่นเสียง ด้วยฟังก์ชันที่ใช้งานง่าย มีดีไซน์สวย แต่ราคาจับต้องได้ในระดับคุณภาพสูง

ทั้งนี้แบรนด์ Gadhouse ได้วาง Positioning เป็นแบรนด์เครื่องเสียงชั้นนำของไทยโดยมีเครื่องเล่นแผ่นเสียงเป็นสินค้านำร่อง แต่ก็มองการเติบโตของวงการ Vinyl ที่น่าจะเติบโตไปได้เรื่อย ๆ ไว้บ้างแล้ว 

อย่างไรก็ตาม อีกจุดเด่นสำคัญของ Gadhouse คือการเป็นแบรนด์พัฒนาเครื่องเล่นแผ่นเสียง ที่ตอบโจทย์ Sustainability ด้วย โดยมีการผลิตเครื่องเล่นจากขยะและสิ่งเหลือใช้ เช่น กล่องนม เป็นต้น เพื่อรักษ์โลกและสิ่งแวดล้อมไปกับเสียงเพลง 

“ผมอยากให้ Gadhouse เป็นแบรนด์เครื่องเล่นแผ่นเสียงที่เติบโตสูงสุด และเป็นเครื่องเสียงของคนไทยที่ชาวต่างชาติอยากได้มากที่สุด โดยวางเป้าหมายเป็น Top ในระดับโลก ของกลุ่ม Retro Modern ภายใน 5 ปีข้างหน้านี้ ส่วนแผนการจะเป็นอย่างไรก็คงต้องติดตามกันต่อไป” คุณเพชร ทิ้งท้าย

‘ตำรวจ’ รวบ!! ‘ชัยวัฒน์’ อดีตที่ปรึกษากฎหมาย ‘แม่แตงโม’ หลังลวงเงินอดีต สส.รายหนึ่ง 20 ลบ. อ้าง!! จะฝากเข้า ‘เพื่อไทย’

(1 มี.ค.67) มีรายงานว่า พ.ต.อ.ยิ่งยศ สุวรรณโณ ผกก.สน.ลุมพินี พร้อมด้วย พ.ต.ท.ไพรัตน์ คำลี รอง ผกก.(สอบสวน) หัวหน้างานสอบสวน สน.ลุมพินี และ พ.ต.ต.สุทวัฒน์ ศรีพรวรรณ์ สว.(สอบสวน) สน.ลุมพินี พร้อมคณะฯ รับตัวผู้ต้องหาตามหมายจับจากตำรวจทางหลวง จับกุมนายชัยวัฒน์ โลมากุล อดีตที่ปรึกษากฎหมายของนางพนิดา ศิริยุทธโยธิน แม่ของแตงโม ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ กับพวก รวม 3 คน เมื่อวันที่ 25 ก.พ. 65 ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลแขวงปทุมวัน ที่ 117/2566 คดีอาญาที่ 326/2566 และคดีอาญาที่ 604/2566 (รวมคดี) ข้อหาร่วมกันฉ้อโกง, ร่วมกันหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา, ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น และเผยแพร่หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ 

คดีดังกล่าวสืบเนื่องมาจากผู้ต้องหากับพวก รวม 3 คน ได้หลอกลวงอดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคการเมืองหนึ่งว่า มีตำแหน่ง สส.บัญชีรายชื่อลำดับที่ 20 ของพรรคเพื่อไทยว่างอยู่ แต่ต้องเสียค่าสมัครเป็นเงิน 40 ล้านบาท ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อ และไปลาออกจากสส.บัญชีรายชื่อพรรคต้นสังกัด เพื่อมาสมัครเป็น สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ตามที่ผู้ต้องหากล่าวอ้าง จากนั้นตามวันที่เกิดเหตุได้มีการนัดหมายเจรจา และจ่ายเงินค่าสมัครที่โรงแรมแห่งหนึ่ง แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 30 มี.ค.66 เวลากลางวัน 

โดยผู้เสียหายจ่ายเงินสด จำนวน 20 ล้านบาทแก่กลุ่มผู้ต้องหา แล้วกลุ่มผู้ต้องหาได้พาไปถ่ายรูป และสมัครเป็น สส.บัญชีรายชื่อ ที่พรรคเพื่อไทย หลังจากนั้นได้กลับมาที่โรงแรมที่เกิดเหตุอีกครั้ง แล้วกลุ่มผู้ต้องหาก็พยายามพูดคุยให้จ่ายเงินอีก 20 ล้านบาท ขอจ่ายกับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่พรรคเพื่อไทย เมื่อไม่ได้พบน.ส.แพทองธาร จึงไม่มีการจ่ายเงินส่วนที่เหลืออีก 20 ล้านบาทแต่พอพรรคเพื่อไทยประกาศรายชื่อ สส.บัญชีรายชื่อ ปรากฏว่าไม่มีชื่อของผู้กล่าวหาที่ 1 แต่อย่างใด จึงเชื่อว่าถูกหลอกลวง จึงมาแจ้งความดำเนินคดีจนกว่าคดีจะถึงที่สุด

หลังจากที่ น.ส.แพทองธาร ผู้เสียหายทราบเรื่องว่ากลุ่มผู้ต้องหาได้แอบอ้างว่าเป็นที่ปรึกษาของ น.ส.แพทองธาร จึงมอบอำนาจให้มีการมาแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ต้องหากับพวก จนกว่าคดีจะถึงที่สุด กระทั่งวันที่ 29 ก.พ.67 เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง 1 กก.1 บก.ทางหลวง กับพวกได้ร่วมกันจับกุมตัวนายชัยวัฒน์ ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลแขวงปทุมวัน ที่ 117/2566 ลงวันที่ 13 พ.ย.66 ที่บริเวณ กม.2-3 ถ.สายเอเชีย ทล.32 ต.เชียงรากน้อย อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยาฯ นำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี

ทั้งนี้ เบื้องต้นในชั้นสอบสวนให้การปฏิเสธข้อกล่าวหา และขอให้การในชั้นศาล ซึ่งวันที่ 1 มี.ค.67 พาตัวนายชัยวัฒน์ไปขอฝากขังที่ศาลอาญากรุงเทพใต้

‘ผบ.ทร.’ ยัน!! ‘เกาะกูด’ เป็นของไทย ไม่มีทางเป็นของ ‘กัมพูชา’ เด็ดขาด

จากกรณีการหาผลประโยชน์บนพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลระหว่างไทย-กัมพูชา ที่กำลังเป็นกระแสวิพากษณ์วิจารณ์อยู่ในขณะนี้ ว่าอาจทำไทยส่อสูญเสียเกาะกูด จ.ตราด ล่าสุด พล.ร.อ.อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผบ.ทร. ได้แสดงจุดยืนที่หนักแน่น ยืนยันเกาะกูดเป็นของประเทศไทย ไม่มีทางเป็นของกัมพูชาเด็ดขาด โดยระบุว่า…

“อย่าง ‘เกาะกูด’ เพื่ออธิบายให้ท่านเข้าใจ สนธิสัญญา ‘ไทย-ฝรั่งเศส’ เกาะกูดเป็นของไทย ไม่มีทางเป็นอื่น เพราะสนธิสัญญาไทยฝรั่งเศสเขียนไว้อย่างนั้น ฉะนั้นไม่ต้องกังวล เกาะกูดไม่มีทางไปเป็นของประเทศกัมพูชาเด็ดขาด”


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top