Monday, 19 May 2025
ค้นหา พบ 48181 ที่เกี่ยวข้อง

กสม. ผนึกกำลังภาคีเครือข่าย กะเทาะ '1 ปี พ.ร.บ. ซ้อมทรมานฯ ข้อท้าทายและความคาดหวัง'

วันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2567 ที่ห้อง Conference Room สถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (TIJ) คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ร่วมกับ สถาบันนิติวัชร์ สำนักงานอัยการสูงสุด มูลนิธิผสานวัฒนธรรม สมาคมเพื่อการป้องกันการทรมาน (APT) และสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (TIJ) จัดการเสวนาเนื่องในโอกาสครบรอบ 1 ปี ของการบังคับใช้พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 โครงการขับเคลื่อนนโยบาย กสม. ประเด็นสิทธิในกระบวนการยุติธรรม หัวข้อ “1 ปี พ.ร.บ. ซ้อมทรมานฯ ข้อท้าทายและความคาดหวัง” 

โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างองค์กรภาคประชาสังคมและหน่วยงานของรัฐ ในการขับเคลื่อนการบังคับใช้ พ.ร.บ. ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 อย่างมีประสิทธิภาพและบรรลุตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย 

ในการนี้ นางสาวพรประไพ  กาญจนรินทร์ ประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ผู้ช่วยศาสตราจารย์สุชาติ เศรษฐมาลินี นางสาวปิติกาญจน์ สิทธิเดช และนายวสันต์  ภัยหลีกลี้ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พร้อมด้วยนายพิทักษ์พล  บุณยมาลิก เลขาธิการ กสม. นายชนินทร์  เกตุปราชญ์ รองเลขาธิการ กสม. ผู้บริหารสำนักงาน กสม. นักศึกษาหลักสูตรประกาศนียบัตรสิทธิมนุษยชนสำหรับนักบริหารระดับสูง (ปสม.) รุ่นที่ 1-2-3  สถาบันพระปกเกล้า ข้าราชการตำรวจ เข้าร่วมรับฟังและแลกเปลี่ยนความเห็นด้วย 

สำหรับกิจกรรมช่วงเช้า มีการกล่าวเปิดการเสวนาโดย ประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และ หม่อมหลวงศุภกิตต์ จรูญโรจน์ เลขาธิการสถาบันนิติวัชร์ สำนักงานอัยการสูงสุด จากนั้น มีการเสวนาหัวข้อ “1 ปี กับการบังคับใช้ พ.ร.บ. ป้องกันและปราบปรามการทรมาน ฯ ” โดยวิทยากรประกอบด้วย (1) นายสุริยน ประภาสะวัต อัยการพิเศษฝ่ายการสอบสวน 1 สำนักงานการสอบสวน สำนักงานอัยการสูงสุด (2) นายรัฐวิช จิตสุจริตวงศ์ ผู้อำนวยการส่วนการสอบสวนคดีอาญา กรมการปกครอง (3) พ.ต.อ.วีร์พล ใหญ่อรุณ รองผู้บังคับการกองคดีอาญา สำนักกฎหมายและคดี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (4) นางสาวนรีลักษณ์  แพไชยภูมิ ผู้อำนวยการกองสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม และ (5) นายอังศุเกติ์ วิสุทธิ์วัฒนศักดิ์ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ดำเนินรายการโดย นายวสันต์ ภัยหลีกลี้ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ

ต่อมามีการเสวนาหัวข้อ “ข้อท้าทายและความคาดหวังต่อผู้บังคับใช้กฎหมาย” โดย (1) นายสมชาย หอมลออ ทนายความและผู้ทรงคุณวุฒิด้านสิทธิมนุษยชน (2) นางสาวปิติกาญจน์ สิทธิเดช กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (3) หม่อมหลวงศุภกิตต์ จรูญโรจน์ เลขาธิการสถาบันนิติวัชร์ สำนักงานอัยการสูงสุด และ (4) นางสาวนริศราวัลถ์ แก้วนพรัตน์ (ผู้เสียหายจากคดีทรมาน กรณีพลทหารวิเชียร เผือกสม) ดำเนินรายการ โดย นายวสันต์ ภัยหลีกลี้ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ

ช่วงบ่าย มีการกล่าวสุนทรพจน์ภาคภาษาอังกฤษ โดยเยาวชนผู้ชนะการประกวดโครงการ Safe in Custody และการเสวนาวิชาการหัวข้อ “ก้าวต่อไปกับการป้องกันการทรมาน” ซึ่งเป็นการพูดคุยเกี่ยวกับ (1) สิ่งที่อยากเห็นและความคาดหวังต่อการป้องกันการทรมาน โดย นายอัรฟาน ดอเลาะ รองประธานสภาเด็กและเยาวชนแห่งประเทศไทย (2) สะท้อนปัญหาการซ้อมทรมาน : สู่แนวทางการป้องกัน โดย นางสาวพรเพ็ญ คงขจรเกียรติ  มูลนิธิผสานวัฒนธรรม (3) การเข้าเป็นภาคีพิธีสารเลือกรับของอนุสัญญาต่อต้านการทรมานและการปฏิบัติหรือการลงโทษอื่นที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือที่ย่ำยีศักดิ์ศรี (OPCAT) : ประโยชน์และข้อท้าทาย โดย ผศ.ดร. รณกรณ์ บุญมี คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (4) กสม. กับงานด้านการตรวจเยี่ยมและทิศทางในอนาคต โดย นายชนินทร์ เกตุปราชญ์ รองเลขาธิการ กสม. ดำเนินรายการ โดย นายชนินทร์ เกตุปราชญ์ รองเลขาธิการ กสม.

ธรรมะประจำวันอาทิตย์ที่ 3 มีนาคม 2567

‘หลวงปู่ชา สุภทฺโท’ พระเกจิชื่อดังที่หลายคนรู้จักและนับถือท่านเป็นอย่างมาก จากคำสอนที่ลึกซึ้ง โดยวันหนึ่งมีคนถามหลวงปู่ว่า ชาติหน้ามีจริงหรือไม่? ซึ่งผู้ถามก็ได้คำตอบที่ทำเอาต้องรีบก้มกราบอย่างไม่ติดใจ ดังนี้...

โยม : ชาติหน้ามีจริงไหมครับ ?
หลวงปู่ชา : ถ้าบอกจะเชื่อไหมล่ะ ?
โยม : เชื่อครับ
หลวงปู่ชา : ถ้าเชื่อคุณก็โง่

คำพูดดังกล่าวของหลวงปู่เล่นเอาคนถามงง ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ ซึ่งหลวงปู่ชา ได้อธิบายไว้ว่า…

หลายคนถามอาตมาเรื่องนี้ อาตมาก็ถามเขาอย่างนี้เหมือนกันว่า ถ้าบอกแล้วจะเชื่อไหม ถ้าเชื่อก็โง่ เพราะอะไร? ก็เพราะมันไม่มีหลักฐานพยานอะไรที่จะหยิบมาให้ดูได้ ที่คุณเชื่อเพราะคุณเชื่อตามเขา คนเขาว่าอย่างไร คุณก็เชื่ออย่างนั้น คุณไม่รู้ชัดด้วยปัญญาของคุณเอง คุณก็โง่อยู่ร่ำไป ทีนี้ถ้าอาตมาตอบว่า คนตายแล้วเกิดหรือว่าชาติหน้ามี อันนี้คุณต้องถามต่อไปอีกว่า ถ้ามีพาผมไปดูหน่อยได้ไหม เรื่องมันเป็นอย่างนี้ มันหาที่จบลงไม่ได้ เป็นเหตุให้ทะเลาะทุ่มเถียงกันไปไม่มีที่สิ้นสุด ทีนี้ ถ้าคุณถามว่าชาติหน้ามีไหม อาตมาก็ถามว่า พรุ่งนี้มีไหม ถ้ามีพาไปดูได้ไหม 

อย่างนี้คุณก็พาไปดูไม่ได้ ถึงแม้ว่าพรุ่งนี้จะมีอยู่ แต่ก็พาไปดูไม่ได้ อย่างนี้เป็นต้น ถ้าวันนี้มี พรุ่งนี้ก็ต้องมี แต่สิ่งนี้มันเป็นของที่จะหยิบยกมาเป็นวัตถุตัวตนให้เห็นไม่ได้

ความจริงแล้ว พระพุทธองค์ท่านไม่ให้เราตามไปดูถึงขนาดนั้น ไม่ต้องสงสัยว่า ชาติหน้ามีหรือไม่มี ไม่ต้องถามว่า คนตายแล้วจะเกิดหรือไม่เกิด อันนั้นมันไม่ใช่ปัญหา มันไม่ใช่หน้าที่ของเรา หน้าที่ของเราคือ เราจะต้องรู้เรื่องราวของตนเองในปัจจุบัน เราต้องรู้ว่า เรามีทุกข์ไหม ถ้าทุกข์ มันทุกข์เพราะอะไร นี้คือสิ่งที่เราต้องรู้ และเป็นหน้าที่โดยตรงที่เราจะต้องรู้ด้วย"

พระพุทธเจ้าท่านสอนให้เราถือเอาปัจจุบันเป็นเหตุของทุกอย่าง เพราะว่าปัจจุบันเป็นเหตุของอนาคต คือถ้าวันนี้ผ่านไป วันพรุ่งนี้มันก็กลายมาเป็นวันนี้ นี่เรียกว่าอนาคตคือพรุ่งนี้ มันจะมีได้ก็เพราะวันนี้เป็นเหตุ ทีนี้อดีตก็เป็นไปจากปัจจุบัน หมายความว่า ถ้าวันนี้ผ่านไป มันก็กลายเป็นเมื่อวานเสียแล้ว นี่คือเหตุที่มันเกี่ยวเนื่องกันอยู่ 

ฉะนั้น พระพุทธเจ้าท่านจึงสอนให้เราพิจารณาเหตุทั้งหลายในปัจจุบัน เท่านี้ก็พอแล้ว ถ้าปัจจุบันเราสร้างเหตุไว้ดี อนาคตมันก็จะดีด้วย อดีตคือวันนี้ที่ผ่านไป มันย่อมดีด้วย และที่สำคัญที่สุดคือ ถ้าเราหมดทุกข์ได้ในปัจจุบันนี้แล้ว อนาคตคือชาติหน้าก็ไม่จำเป็นที่จะต้องพูดถึง

ธรรมะสุดยอด
ธรรมะเป็นสิ่งที่อยู่เหนือคำพูด

คำสอนธรรมะทั้งหลายนั้น มันเป็นคำสมมุติกันขึ้นมาพูด ตัวธรรมะแท้ ๆ นั้นอยู่เหนือคำพูด ผู้มีปัญญารู้เห็นธรรมะ ท่านไม่ต้องการอะไร ไม่เอาอะไรอีกแล้ว เพราะถ้าจะเอาความสุข ความสุขมันก็ดับ ถ้าจะเอาความทุกข์ ความทุกข์มันก็ดับ จะเอาวัตถุสมบัติข้าวของอะไรต่าง ๆ สิ่งทั้งหลายเหล่านั้นมันก็จะดับเหมือนกัน

แม้นแต่ร่างกายที่คนหวงแหนกันนี้ เกิดขึ้นแล้ว ที่สุดแล้ว มันก็ดับ

'ด้อมส้มรักเจ้า' ประกาศกร้าว!! ก้าวไกลแลนด์สไลด์รอบหน้า ต้องยึด รธน. 60 คัดทิ้งผู้สมัครถ่อย ไม่ถอยให้คอร์รัปชัน ยึดมั่นใน 'ชาติ-ศาสน์-กษัตริย์'

(1 มี.ค.67) จากช่องติ๊กต็อก @dlyplmpud ด้อมส้มผู้รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ไปพร้อม ๆ กับสนับสนุนพรรคก้าวไกล ได้โพสต์คลิปวิดีโอเปิดใจต่อพรรคก้าวไกล แนะนำว่าควรปรับเปลี่ยนตัวพรรคอย่างไรบ้าง เพื่อแลนด์สไลด์ในภายภาคหน้า โดยระบุว่า…

สวัสดีครับผู้สนับสนุนพรรคก้าวไกลที่รักชาติ รักสถาบันทุกท่าน…ถึงแม้เราจะเลือกก้าวไกล แต่เราก็รักในชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เหมือนกันกับทุกคน ดังนั้น ผมขอสนับสนุนให้พรรคก้าวไกลสมัยหน้าเราแลนด์สไลด์ และต้องคัดเลือกผู้สมัครที่มีประวัติสวยงาม ประวัติไม่ดีหรือเป็นอาชญากรตัดออกจากพรรคให้หมด พร้อมดําเนินการปราบปรามคอร์รัปชันอย่างเต็มรูปแบบ กล้าชนกับทุกคอร์รัปชัน โดยอิงตามรัฐธรรมนูญ 2560 ซึ่งเป็นประชาธิปไตย เป็นรัฐธรรมนูญที่ประชาชนลงมติมา 16 ล้านเสียงให้เป็นรัฐธรรมนูญที่บังคับใช้ฉบับนี้ ดังนั้นขอสนับสนุนให้พรรคก้าวไกลดําเนินการตามรัฐธรรมนูญ 2560 ผู้ประกันรัฐธรรมนูญ 2560 มีโทษถึงประหารชีวิตสําหรับคนที่ทุจริตและคอร์รัปชัน

ซึ่งพรรคก้าวไกลต้องรักษารัฐธรรมนูญฉบับนี้ไว้เพราะเราจะมาต่อต้านคอร์รัปชันอย่างเต็มรูปแบบ พร้อมตัดคนที่โกหกออกจากพรรค เพราะคนที่โกหกไม่ทําชั่วไม่มี และกําจัดคนที่คิดล้มล้างสถาบันออกไปจากพรรคให้หมด อย่าให้การสนับสนุนใด ๆ กับคนพวกนี้ ซึ่งเป็นคนคิดชั่ว อย่าให้มาแปะเปื้อนกับพรรคที่สวยงามของเรา

สนับสนุนให้พรรคก้าวไกลคัดเลือกผู้สมัครที่มีคุณธรรมจริยธรรมสูงลงสมัครรับเลือกตั้ง อย่าเอาผู้สมัครที่แสดงพฤติกรรมเถื่อนถ่อยและนิสัยที่ไม่ดีทางโซเชียล ไม่ว่าจะเป็นโซเชียลใด ๆ มาเป็นผู้แทน ซึ่งจะเป็นแบบอย่างที่ไม่ดีของเยาวชน และสนับสนุนให้พรรคส่งเสริมและอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมที่ดีงามและมารยาทที่ดีงาม นําความสวยงามของความเป็นคนไทยไปสู่สากล นําไทยให้เป็นผู้นําสากล ไม่ใช่เอาสากลมาครอบงําประเทศไทย ขอสนับสนุนพรรคก้าวไกลทุกวิถีทางช่วยกันพี่น้อง…

ค่าแรงขั้นต่ำถูกกว่าจีน 2 เท่าครึ่ง ดัน 'เวียดนาม' ขึ้นแท่นโรงงานโลกแทนจีน แถมประสิทธิภาพการผลิตสูงสุดในอาเซียน ชนะสิงคโปร์ ทิ้งห่างไทย

(1 มี.ค.67) BTimes เผย เวียดนามกำลังขึ้นแท่นโรงงานโลกแทนจีน หลังค่าแรงขั้นต่ำถูกกว่าจีน 2 เท่าครึ่ง แถมประสิทธิภาพการผลิตเวียดนามแรงสูงสุดในอาเซียนชนะสิงคโปร์และทิ้งห่างไทย และในปีหน้าก็ตั้งเป้าพัฒนาแรงงานฝีมือดีให้ได้ถึง 30% เพื่อดันประสิทธิภาพการผลิตสูงต่อเนื่องอีกด้วย

สถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ เปิดเผยว่าผลิตภาพ หรือผลผลิตต่อการผลิต หรือ Productivity ถือเป็นหัวใจสำคัญของการแข่งขันของทุกประเทศ ซึ่งการเพิ่มผลิตภาพไม่ใช่เพียงการทำให้ตัวเลขอย่าง GDP หรือ Output เพิ่มขึ้น แต่เป็นการดึงดูดการลงทุนทางตรงจากต่างประเทศ หรือเอฟดีไอ ให้ไหลเข้าในประเทศอย่างยั่งยืน

เวียดนามถือเป็นหนึ่งในประเทศที่น่าจับตามอง เนื่องจากมีการผลักดันการเพิ่มผลิตภาพอย่างจริงจังและชัดเจน ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ผลิตภาพของประเทศเวียดนามมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง มีอัตราการเติบโตของผลิตภาพแรงงานเฉลี่ยอยู่ที่ 5.1% ต่อปี ส่งผลสูงกว่าค่าเฉลี่ยของภูมิภาคอาเซียน ที่สำคัญอยู่สูงกว่าสิงคโปร์และไทย 

ถึงแม้แต่ในช่วงปี 2564 ซึ่งเป็นปีที่ได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุดจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 เวียดนามยังคงมีอัตราการเติบโตของผลิตภาพแรงงานอยู่ที่ 4.7% ซึ่งสูงที่สุดในภูมิภาคอาเซียน ปัจจัยหลักที่ส่งผลให้เวียดนามมีอัตราการเติบโตของผลิตภาพสูง ได้แก่ แรงงานเวียดนามที่มีทักษะเพิ่มสูงขึ้น รัฐบาลเวียดนามเน้นการพัฒนาทักษะที่จำเป็นสำหรับภาคอุตสาหกรรม โดยตั้งเป้าหมายเพิ่มจำนวนแรงงานมีฝีมือในประเทศเป็น 30% ภายในสิ้นปี 2568

ด้านค่าจ้างแรงงานที่ต่ำกว่าคู่แข่งนั้น เวียดนามมีค่าจ้างแรงงานต่ำกว่าหลายประเทศ ปัจจุบันค่าแรงขั้นต่ำในพื้นที่เศรษฐกิจสำคัญ เช่น ฮานอย, โฮจิมินห์ อยู่ที่ประมาณ 4,680,000 ด่งต่อเดือน หรือประมาณ 6,700 บาท ขณะที่ค่าแรงขั้นต่ำของจีนอยู่ที่ 1,420 หยวนต่อเดือน หรือประมาณ 17,000 บาท 

ปัจจัยต่อมา คือ นโยบายสนับสนุนการลงทุนจากต่างชาติ เวียดนามมีนโยบายที่เอื้อต่อการลงทุนจากต่างชาติ ทั้งการลดกฎระเบียบในการดำเนินธุรกิจและอุปสรรคจากการค้า การให้สิทธิประโยชน์ด้านภาษีและยกเว้นภาษีนำเข้าเครื่องจักร และวัตถุดิบ รวมถึงการเข้าร่วมเขตการค้าเสรีต่าง ๆ ซึ่งช่วยลดอัตราภาษีนำเข้าสินค้าระหว่างประเทศ

ปัจจุบันบริษัทขนาดใหญ่จำนวนมาก อาทิ Adidas Nike IKEA Apple Foxconn Dell และ Samsung เป็นต้น ให้ความสนใจลงทุนและย้ายฐานการผลิตมาที่เวียดนามเพิ่มขึ้น จนอาจทำให้เวียดนามสามารถก้าวขึ้นมาเป็นโรงงานโลก (World Factory) แทนที่จีนซึ่งยังคงได้รับผลกระทบจากสงครามการค้ากับสหรัฐอเมริกาที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อพิจารณาจากมูลค่าการนำเข้าของสหรัฐฯ ในปี 2565 เวียดนามได้ก้าวข้ามเกาหลีใต้ขึ้นมาเป็นคู่ค้ารายใหญ่ของสหรัฐฯ ในลำดับที่ 6 มูลค่าการนำเข้า 127.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนไทยอยู่ในลำดับที่ 14 มูลค่าการนำเข้า 58.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ

อย่างไรก็ตาม การผลิตแรงงานทักษะสูงที่ไม่ทันต่อความต้องการ กระทรวงแรงงาน ผู้พิการ และสวัสดิการสังคมของเวียดนามในปี 2565 รายงานว่า มีแรงงานเพียง 26% เท่านั้นที่ได้รับการฝึกอบรมอย่างสมบูรณ์ ในขณะที่แรงงานที่เหลือยังขาดทักษะและไม่สามารถตอบสนองความต้องการขององค์กรได้ ซึ่งองค์กรในเวียดนามถึง 57% กำลังประสบปัญหาในการสรรหาแรงงานทักษะสูงและถึงแม้เวียดนามจะสามารถเพิ่มอัตราการเติบโตของผลิตภาพแรงงานได้อย่างต่อเนื่อง แต่ผลิตภาพแรงงานกลับยังคงต่ำกว่าหลายประเทศ 

ด้าน Productivity Databook 2023 โดย APO รายงานว่า ในปี 2564 เวียดนามมีมูลค่าผลิตภาพแรงงานต่อคนที่ 20,500 เหรียญสหรัฐ (738,000 บาท) ในขณะที่มาเลเซียอยู่ที่ 60,900 เหรียญสหรัฐ (2,192,400 บาท) ไทยอยู่ที่ 33,000 เหรียญสหรัฐ (1,188,000 บาท) อินโดนีเซีย 26,300 เหรียญสหรัฐ (946,800 บาท) และฟิลิปปินส์ 23,600 เหรียญสหรัฐ (849,600 บาท) ซึ่งสะท้อนว่า อัตราการเติบโตของผลิตภาพแรงงานของเวียดนามมีความเสี่ยงที่จะถูกก้าวข้ามได้ในอนาคต หากประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคอาเซียนมีนโยบายและมาตรการที่สามารถกระตุ้นอัตราการเติบโตของผลิตภาพแรงงาน

สถานการณ์ที่ประเทศกำลังเผชิญส่งผลให้เวียดนามตัดสินใจผลักดันการเพิ่มผลิตภาพแรงงานเป็นแผนระดับชาติตามมตินายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2566 ซึ่งกำหนดเป้าหมายเป็น 1 ใน 3 ประเทศชั้นนำด้านอัตราการเติบโตของผลิตภาพแรงงานในภูมิภาคอาเซียนภายในปี 2573 โดยเพิ่มอัตราการเติบโตของผลิตภาพแรงงานเฉลี่ยต่อปีเป็น 6.5% แบ่งเป็นภาคอุตสาหกรรมแปรรูปและผลิต 6.5 - 7% ภาคเกษตรกรรม ป่าไม้ และประมง 7 - 7.5% และภาคบริการ 7 - 7.5% เพื่อมุ่งให้ผลิตภาพแรงงานกลายเป็นแรงผลักดันสำคัญในการเติบโตอย่างยั่งยืน และทำให้เวียดนามสามารถใช้โอกาสจากการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

‘สุริยะ’ ลั่น!! ‘ถนนเจ็ดชั่วโคตร’ ไม่อยากโทษรัฐบาลไหน ฮึ่ม!! แต่ต้องจบปี 68 หากผู้รับเหมาทำไม่ได้เจอลดเกรด

(1 มี.ค. 67) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวถึงกรณีสื่อโซเชียลมีเดียทำคลิปล้อเลียนปมสร้างถนนพระราม 2 ล่าช้า แม้กระทรวงคมนาคมจะประกาศคืนพื้นที่ให้ได้ก่อนเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ จนมีคำถามว่าจะสามารถคืนได้จริงหรือไม่ ว่า วันนี้จะเชิญผู้รับเหมาก่อนสร้างที่ก่อสร้างอยู่ในพื้นที่ถนนพระราม 2 ซึ่งตามกำหนดการต้องสร้างเสร็จภายในปี 2568 เพื่อมายืนยันให้เสร็จจริง เพราะขณะนี้มีความล่าช้าไปจากกำหนดการเดิมที่ทางกรมบัญชีกลางได้เลื่อนให้ เพราะติดเรื่องสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 วันนี้คิดว่าต้องมีการพูดจากันอย่างตรงไปตรงมา และต้องขอความร่วมมือ

“สิ่งนึงที่ผมคิดว่าจะเป็นไม้ตายของกระทรวงคมนาคม คือ เราจะมีสมุดพกที่ดูว่าถ้าเขาทำไม่ได้ตามเป้าหมาย เราจะไปประสานกับกรมบัญชีกลาง ท่านนายกรัฐมนตรีได้พูดแล้วว่า ถ้าทำไม่ได้ต่อไปจะมีการลดระดับ จากผู้รับเหมาชั้นพิเศษลงมาเป็นผู้รับเหมาชั้นหนึ่ง ทำให้เขาไม่สามารถรับงานใหญ่ๆ ได้ และอีกอย่างอาจมีสิ่งที่รุนแรงกว่านั้น คืออาจจะไม่ให้เขาประมูลในโครงการใหม่ๆ ของกระทรวงคมนาคมเลย” นายสุริยะ ระบุ

รมว.คมนาคม กล่าวว่า วันจันทร์ที่ 4 มีนาคมนี้ ตนจะลงพื้นที่ไปตรวจสภาพข้อเท็จจริงด้วยตัวเอง ทั้งเรื่องการสร้างให้ตรงเวลา และเรื่องความปลอดภัย ซึ่งในขณะนี้เริ่มมีการยกคานขึ้นไปในที่สูง ตรงนี้ก็อาจเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย จึงต้องมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาควบคุมดูแลให้เป็นไปตามมาตรฐาน

เมื่อถามว่า ระยะเวลาได้ขยายไปถึงปี 2568 เลยหรือไม่ นายสุริยะ กล่าวว่า “ถูกครับ เพราะเกิดผลกระทบมาจากช่วงโควิด-19 และย้ำว่าปี 2568 เป็นปีสุดท้ายต้องเปิดให้ได้ ส่วนที่ระบุว่าจะคืนพื้นที่ช่วงเทศกาลสงกรานต์ให้ได้นั้น หมายถึงขณะนี้มีการก่อสร้างก็จะต้องไปคืนพื้นที่เพื่อให้เดินทางได้สะดวก”

เมื่อถามย้ำว่า มีโอกาสจะเสร็จเร็วกว่ากำหนดการเดิมหรือไม่ เพราะสร้างมานานแล้ว นายสุริยะ กล่าวว่า ตนคิดว่าถนนพระราม 2 เป็นถนนที่ชาวบ้านเรียกว่า ‘ถนนเจ็ดชั่วโคตร’ แต่ตนคิดว่าเป็นอดีตที่ผ่านมา และไม่อยากจะไปโทษรัฐบาลไหน แต่เมื่อผมเข้ามารับตำแหน่งแล้วปัญหาต่างๆ ที่กำหนดไว้ตามระยะเวลาก็จะต้องทำตามได้ ก่อนปฏิเสธว่าไม่ได้ลงพื้นที่พร้อมนายกรัฐมนตรี เพราะท่านติดภารกิจเดินทางไปต่างประเทศ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top