Sunday, 18 May 2025
ค้นหา พบ 48172 ที่เกี่ยวข้อง

‘ยูนิโคล่-UNHCR’ เปิดตัวโครงการ ‘Hope Away from Home’ เสื้อยืดพิมพ์ลายการกุศล ที่สร้างสรรค์ขึ้นเพื่อสนับสนุนผู้ลี้ภัย

(23 ก.พ.67) สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) กล่าวว่า เสื้อยืดตามโครงการ ‘Hope Away from Home’ วางจำหน่ายที่ร้านยูนิโคล่ 12 ประเทศทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทย ซึ่งทางยูนิโคล่นอกจากจะบริจาคเงินจำนวน 1 แสนดอลลาร์  (หรือประมาณ 3.54 ล้านบาท) ให้แก่ UNHCR แล้ว ยังบริจาคเงินอีก 3 ดอลลาร์ (หรือประมาณ 106 บาท) จากทุกการจำหน่ายเสื้อยืดจากคอลเลกชันนี้ให้กับ UNHCR อีกด้วย เพื่อส่งต่อความช่วยเหลือในสถานการณ์ฉุกเฉินต่อไป

ซึ่งผลงานการออกแบบคัดสรรมาจากมากกว่า 4,000 ภาพ จากการประกวดภาพวาดศิลปะโดยเยาวชน และผู้ลี้ภัย เยาวชนผู้ออกแบบแสดงออกถึงใบหน้าแห่งความหวังเมื่อต้องถูกบังคับให้เผชิญกับการพลัดถิ่น โดยเสื้อยืดคอลเลกชันนี้พร้อมวางจำหน่ายที่ร้านยูนิโคล่พร้อมกันทั่วโลก ได้แก่ แคนาดา, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, อินเดีย, ญี่ปุ่น, มาเลเซีย, ฟิลิปปินส์, สิงคโปร์, อังกฤษ, อเมริกา และประเทศไทย

“เสื้อแต่ละตัวบอกเล่าเรื่องราวแห่งความหวังอันทรงพลังอย่างสร้างสรรค์ การเลือกสวมเสื้อยืดคอลเลกชันนี้ คุณถือเป็นส่วนหนึ่งของการเคลื่อนไหวเพื่อสนับสนุนงานของ UNHCR ที่กำลังดำเนินการในพื้นที่ทั่วโลกกว่า 135 ประเทศ และหน่วยงานปฏิบัติการ 550 แห่งทั่วโลก เพื่อช่วยเหลือผู้ที่กำลังเผชิญกับภาวะสงคราม ความขัดแย้ง และการประหัตประหาร การสนับสนุนของคุณมีความสำคัญ!” เคลลี่ เคลเมนตส์ รองข้าหลวงใหญ่ UNHCR กล่าว

5 ศิลปินผู้อยู่เบื้องหลังการออกแบบเสื้อยืดคอลเลกชันนี้ ได้แก่

- Asifiwe, อายุ 14 ปี ย้ายจากค่ายลี้ภัยในบุรุนดีมาตั้งถิ่นฐานในสหรัฐ
- Virag อายุ 28 ปี เจ้าหน้าที่ด้านมนุษยธรรมจากประเทศฮังการี
- Mawardi อายุ 20 ปี ผู้ลี้ภัยชาวเอธิโอเปียที่ลี้ภัยไปยังโซมาเลีย
- Afya, อายุ 14 ปี เยาวชนที่อาศัยอยู่ในสหรัฐ
- Georgette อายุ 14 ปี ผู้ลี้ภัยจากสาธารณรัฐคองโก ปัจจุบันอาศัยอยู่ที่ค่ายผู้ลี้ภัยในแทนซาเนีย

ทั้งนี้ UNHCR และ ยูนิโคล่ มีความร่วมมือกันตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ผ่านการให้ความช่วยเหลือมอบเสื้อผ้าสำหรับผู้ลี้ภัย โครงการพึ่งพาตนเอง การจ้างงานผู้ลี้ภัย และการรณรงค์สร้างความตระหนักรู้ คอลเลกชันเสื้อยืดนี้ใช้ชื่อตามแคมเปญ Hope Away from Home ของ UNHCR เพื่อเรียกร้องให้มีการดำเนินการอย่างเร่งด่วน และความร่วมมือด้านมนุษยธรรมเพื่อปกป้องสิทธิของผู้ลี้ภัยทั่วโลก

เสื้อยืดคอลเลกชันพิเศษนี้จะวางจำหน่ายในร้านสาขายูนิโคล่ประเทศไทย ที่ยูนิโคล่สาขาเซ็นทรัลเวิลด์ ที่ให้บริการ UTme!  ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ เป็นต้นไป 

ทัพเรือ แจง 'ขุดดินแลกน้ำ'คลองบางไผ่ โปร่งใสตรวจสอบได้ ประชาชนได้ประโยชน์มีน้ำใช้ ไม่เสียงบประมาณจัดจ้างแล้วมีเงินเหลือส่งเข้าคลัง

เมื่อ 23 ก.พ.67 พล.ร.ท.ชยุต นาเวศภูติกร ผู้บัญชาการฐานทัพเรือสัตหีบ ถึงโครงการ “ขุดดินแลกน้ำ” ว่า เป็นโครงการที่นำเอาวัสดุมูลดินที่ได้จากการขุดลอกแหล่งน้ำธรรมชาติหรือแหล่งอื่นๆ ที่เหมาะสม มาบริหารจัดการให้เกิดประโยชน์ และเปลี่ยนเป็นมูลค่า โครงการนี้ถือเป็นโครงการที่ดีเพราะจะช่วยแก้ปัญหาภัยแล้ง หรืออุทกภัยในทุกพื้นที่และช่วยในการรักษาระบบนิเวศให้กับพื้นที่แหล่งน้ำ โดยค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการทั้งหมด ทางผู้รับเหมาจะใช้เงินจากจากการนำเอามูลดินที่ขุดได้ส่วนหนึ่งมาเป็นค่าใช้จ่าย ส่วนรายได้จากการจำหน่ายดินที่เหลือจะถูกส่งคืนให้กับกองคลัง  ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีกับทางภาครัฐ ที่ไม่ต้องใช้งบประมาณในการดำเนินการ และยังได้เงินจากทางโครงการเพื่อนำไปใช้ในการพัฒนาประเทศต่อไป

สำหรับโครงการขุดลอกอ่างเก็บน้ำคลองบางไผ่ อ.บ้านฉาง จ.ระยอง เป็นหนึ่งในโครงการ “ขุดดินแลกน้ำ” โดยดำเนินการถูกต้องตามกฎหมาย ตามนโยบายของ ผบ.ทร. ที่ต้องจัดทำทุกโครงการให้โปร่งใสและตรวจสอบได้ ดังนั้นถือเป็นสิ่งดีที่ประชาชนให้ความสนใจ ใส่ใจในการปฏิบัติงานของโครงการ ส่วนข้อสงสัยที่เกี่ยวกับความโปร่งใสบางประการที่ต้องการคำตอบ หน้าที่ของตนคือการชี้แจงตามข้อเท็จจริง ซึ่งตนพร้อมที่จะเป็นตัวแทนกองทัพเรือพาทุกท่านที่สงสัย หรือเห็นอะไรไม่ชอบมาพากลในโครงการนี้ ลงพื้นด้วยตัวเอง  และพร้อมตอบทุกข้อซักถาม 

พล.ร.ท.ชยุต กล่าวว่า โครงการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการเพิ่มปริมาตรการกักเก็บน้ำดิบ ด้วยการขุดลอกอ่างเก็บน้ำคลองบางไผ่ โดยแบ่งการดำเนินการออกเป็น 4 ระยะ ซึ่งจะทำให้เพิ่มประสิทธิภาพปริมาตรรองรับน้ำจากเดิม 9.89 ล้านลูกบาศก์เมตร เป็น 21.89 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งจะทำให้หน่วยราชการและประชาชนในพื้นที่จ.ชลบุรีและจ.ระยอง มีน้ำใช้เพื่อการอุปโภคและบริโภค ตลอดช่วงฤดูแล้งอย่างเพียงพอ รวมถึงรองรับเมืองการบินภาคตะวันออกและการพัฒนาประเทศตามโครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) พร้อมทั้งเป็นแหล่งรองรับน้ำหลากช่วยบรรเทาปัญหาอุทกภัยในช่วงฤดูฝนด้วย ซึ่งระหว่างที่เรากำลังดำเนินไป เราเริ่มเห็นผลของโครงการแล้ว เพราะล่าสุดที่เราได้ทำการตรวจสอบ ปรากฏว่ามีปริมาณน้ำเริ่มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

พล.ร.ท.ชยุต กล่าวอีกว่า ประเด็นหลักๆ ที่หลายท่านสงสัยเรื่องการนำกรวด หิน ดิน ทราย ที่ได้จากการขุดลอกไปเป็นค่าจ้างในการขุดนั้น เป็นไปตามสัญญาที่ฐานทัพเรือสัตหีบได้ลงนามกับบริษัทที่รับเหมาโครงการ ได้มีการประเมินราคามูลดินโดยคณะกรรมการกำหนดราคามูลดินขุดลอกงานจ้างขุดลอกอ่างเก็บน้ำคลองบางไผ่ระยะที่หนึ่ง  รวมเป็นยอด 82,338,312 บาท มีเงินส่วนต่างที่เหลือจากการทำโครงการจะอยู่ที่ 16,758,312 บาท ซึ่งฐานทัพเรือสัตหีบจะส่งเข้าคลังเพื่อเป็นรายได้แผ่นดินในนามกรมธนารักษ์ต่อไป 

“ส่วนเรื่องที่มีการตั้งข้อสงสัยเช่น กรณีใบอนุญาตให้มีการใช้เครื่องจักรกลหนักในการประกอบการขุด ขนย้ายทราย เราได้ตรวจสอบก่อนที่จะทำสัญญาแล้วทุกอย่าง มีเอกสารชัดเจน และเรื่องแรงงานที่ใช้ภายในโครงการ คนงานส่วนใหญ่จะเป็นคนในพื้นที่ อันนี้เป็นความประสงค์จากทางกองทัพเรือเองที่อยากจะช่วยสร้างอาชีพให้กับคนในชุมชน สำหรับกรวด หิน ดิน และทราย ที่ได้จากการขุดลอกส่วนหนึ่งทางกองทัพเรือพร้อมที่จะมอบเป็นสาธารณะประโยชน์ ให้กับวัด โรงเรียน โรงพยาบาล ในพื้นที่ที่แจ้งความประสงค์มา โดยเราได้มีการพูดคุยกับทางผู้นำหมู่บ้านในพื้นที่ไปบ้างแล้ว”

พล.ร.ท.ชยุต กล่าวต่อว่า ขณะนี้ทางโครงการยังเดินหน้าทำงานต่อเพื่อให้เสร็จตามกำหนด เพราะผู้ที่จะได้รับผลประโยชน์สูงสุดในโครงการนี้ก็คือประชาชนในพื้นที่  และนี่คืออีกหนึ่งผลงานที่ทางกองทัพเรือสัตหีบ ขอน้อมปฏิบัติตามพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10  คือต้องให้ประชาชนดำรงชีวิตอย่างร่มรื่นเป็นปรกติสุข ปราศจากภยันตรายและความเดือดร้อนยากเข็ญ และต้องปฏิบัติหน้าที่การงานด้วยความสุจริตบริสุทธิ์ใจ เต็มกำลังสติปัญญาความสามารถ เพื่อให้บังเกิดประโยชน์สูงสุดคือความวัฒนาผาสุขของประชาชน

‘ชาตรามือ’ เปิดตัวสาขาแรกในอเมริกา ลูกค้าแห่ต่อคิวซื้อยาวเหยียด พร้อมเผย “คิดถึงเมืองไทย” ขึ้นแท่นซอฟต์พาวเวอร์ไทยในต่างแดน

‘ชาไทย’ ไม่ธรรมดา!! ล่าสุด ‘ชาตรามือ’ เปิดตัวสาขาแรกในสหรัฐอเมริกา ได้รับการต้อนรับอย่างดี นับเป็นอีกเรื่องราวที่น่าภูมิใจของซอฟต์พาวเวอร์ไทยในต่างแดน ลูกค้าต่อคิวยาว แต่เอ่ยเป็นเสียงเดียวกันว่า “คิดถึงเมืองไทย!!”

เมื่อไม่นานนี้ เพจ ‘ร้านเด็ด อเมริกา - Landed America’ เพจขวัญใจชาวไทยในอเมริกา ซึ่งมีผู้ติดตามกว่า 4.6 แสนคน เผยภาพบรรยากาศร้านเครื่องดื่มที่คนไทยคุ้นเคย นั่นคือ ‘ร้านชาตรามือ’ ที่ตัดสินใจเลือกทำเลในแอลเอ เพื่อเปิดร้านเป็นสาขาแรกในสหรัฐอเมริกา บรรยากาศภายในร้านมีทั้งชาวไทยในสหรัฐฯ และชาวต่างชาติต่อคิวจนยาวจนพ้นหน้าร้าน บรรยากาศคึกคัก มีชาวต่างชาติ ต่อคิวยาวตลอดทั้งวัน

เพจร้านเด็ด อเมริกา เผยว่า ชาตรามือ สาขาลอสแอนเจลิส แคลิฟอร์เนีย ได้รับการตอบรับอย่างดี โดย ‘ชาไทย’ คือเมนูที่ขายดีที่สุด รองลงมาคือ ‘ชาเขียว, ชามะนาว’ ส่วนราคาจำหน่ายที่นี่ ราคาแก้ว 5.50 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ ประมาณ 200 บาท

นอกจากนี้ ยังมี ‘ชากุหลาบ’ ที่เป็นกระแสในเมืองไทย ในเรื่องการช่วยขับถ่าย ซึ่งก็เป็นที่สนใจเช่นเดียวกัน อีกทั้งสามารถเลือกระดับความหวานได้หลายระดับ ตั้งแต่ 0%, 30%, 70%, 100% และ 130% ทำให้ชาวต่างชาติต่างพึงพอใจเป็นอย่างมาก ลูกค้าหลายคนบอกว่าเคยเดินทางไปท่องเที่ยวที่ประเทศไทยมาแล้ว และเคยได้ลองชิมก็ติดใจ จึงเดินทางมาซื้อชาไทยที่ร้านนี้ด้วย

คนไทยในสหรัฐฯ ที่คิดถึงเมืองไทยหรืออยากแนะนำเพื่อนต่างชาติ ให้ลองชิมชาไทยเครื่องดื่มสุดฮิตของประเทศ แวะไปกันได้ ที่ 1100 N Main St, Los Angeles, CA 90012

รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติลงพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี ประชุมตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งแก้ไขปัญหาตามข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี

วันนี้ (23 ก.พ.67) เวลา 13.30 น. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานการประชุมติดตามสถานการณ์อาชญากรรมและยาเสพติดในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี ตามสั่งการของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โดยมี พล.ต.ท.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 , พล.ต.ต.นครินทร์ สุคนธวิท ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี , นายรณภพ เวียงสิมมา รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี และหัวหน้าส่วนราชการจังหวัดกาญจนบุรี เข้าประชุม ณ ศาลากลางจังหวัดกาญจนบุรี โดยในที่ประชุมได้มีการหารือร่วมกันในการบูรณาการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมและยาเสพติดทุกรูปแบบ โดยเฉพาะที่เป็นปัญหาในจังหวัดกาญจนบุรี ได้แก่ การลอบนำเข้าสิ่งของผิดกฎหมายจากประเทศเพื่อนบ้าน , ปัญหาไฟป่าและฝุ่น PM 2.5 และปัญหาหนี้นอกระบบ

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ฯ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีมีความห่วงใยหลายปัญหาสำคัญในจังหวัดกาญจนบุรี วันนี้จึงมาติดตามการแก้ปัญหาต่างๆ เพื่อนำไปสู่การยกระดับการแก้ปัญหาให้เห็นเป็นรูปธรรม ให้จังหวัดกาญจนบุรีเป็นจังหวัดที่โปร่งใส และเป็นต้นแบบในการขจัดปัญหาต่างๆ โดยจะนำข้อสรุปไปรายงานกับนายกรัฐมนตรีด้วย สำหรับปัญหาการลักลอบขนยางพาราข้ามแดน มอบให้ศุลกากรเป็นเจ้าภาพ ต้องตรวจสอบความถูกต้องตามกฎหมายก่อนที่จะปล่อยหรือไม่ปล่อยรถบรรทุกยางพาราออกมา ส่วนเรื่องยางเถื่อน ทุกหน่วยงานต้องเข้มงวดกวดขันปรามปรามจับกุมอย่างจริงจัง เพื่อลดผลกระทบกับเกษตรกร หากพบเจ้าหน้าที่เอื้อประโยชน์ ก็จะดำเนินการทางวินัยอย่างเด็ดขาด 

ส่วนเรื่องปัญหาไฟป่า และฝุ่น pm2.5 แนะนำว่าอาจจะยึดโมเดลการแก้ปัญหาฝุ่นในกรุงเทพมหานครมาประยุกต์ใช้กับพื้นที่ ให้เพิ่มความเข้มในมาตรการต่างๆ เช่น การเพิ่มความเข้มในการบังคับใช้กฎหมายตรวจควันดำยานพาหนะ เป็นต้น ส่วนเรื่องไฟป่าเข้าใจว่าการดับไฟหรือควบคุมจุดความร้อนไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ขอให้ทุกหน่วยงานร่วมมือและช่วยกัน พร้อมขอให้รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรีกำหนดมาตรการต่อเนื่องให้ชัดเจนเป็นรูปธรรม 

สำหรับปัญหาหนี้นอกระบบ ซึ่งกาญจนบุรีเป็นอันดับที่ 13 ของประเทศที่มีลูกหนี้มาลงทะเบียนมากสุด ฝากให้เจ้าหน้าที่แก้ปัญหาหนี้นอกระบบ การทวงหนี้หรือทำร้ายลูกหนี้ การขูดรีดจากการคิดดอกเบี้ยเกินกว่ากฎหมายกำหนด เจ้าหน้าที่ต้องไม่ไปเกี่ยวข้องหรือไปรับผลประโยชน์ ควบคู่กับฝ่ายปกครองทำข้อมูลการไกล่เกลี่ย 

ด้านผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 กล่าวว่า เมื่อวานนี้ (22 ก.พ.67) ตนได้เข้าพบนายกรัฐมนตรี และรับภารกิจมา ในวันนี้ขอให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องช่วยกันอย่างเต็มกำลังมากขึ้น พร้อมกำหนดแนวทางการปฏิบัติ เพิ่มความเข้มข้นในการตรวจค้นที่ด่านทองผาภูมิ ให้ความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการค้นของผิดกฎหมายทุกประเภท ส่วนพื้นที่ตอนในเพิ่มความเข้มข้นในการตรวจสอบ มีการรายงานและติดตามสถานการณ์ผ่านกลุ่มไลน์ที่ตั้งขึ้นมาเฉพาะ โดยจะมีนายกรัฐมนตรีอยู่ในกลุ่มนี้ด้วย ให้รายงานทุกประเด็นทั้งของเถื่อน อบายมุขในพื้นที่ ไฟป่าPM2.5 และหนี้นอกระบบ

หลังการประชุม พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ฯ พร้อมคณะ ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงาน ณ ด่านสามแยกทองผาภูมิ อ.ทองผาภูมิ จว.กาญจนบุรี เพื่อรับฟังปัญหา พร้อมกำชับข้อปฏิบัติและให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้วย

‘ชาดา’ ในลุคสุดคูล!! แต่งชุดวินเทจ ไฮแฟชั่น เดินเล่นสบายๆ ที่ตลาด 4 แยก FLEA Market

เมื่อวันที่ 23 ก.พ. 67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายชาดา ไทย​เศรษฐ์​ รัฐมนตรี​ช่วยว่าการ​กระทรวง​มหาดไทย​ โพสต์ภาพและข้อความผ่านเพจ ‘Chada Thaised’ ระบุว่า…

“เดินเล่นตลาด สี่แยก FLEA Market แยกรัชดา–ลาดพร้าว ของสวยๆ เต็มเลยครับ ลองมาแวะดูกันได้”

โดยนายชาดา แต่งตัวในลุควินเทจ สุดเรียบ หรู สบายๆ แต่ความแฟชั่นนั้นจัดเต็ม จนมีผู้คนเข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก อาทิ

- “ชอบการแต่งตัวของท่านค่ะ”
- “แต่งตัวเทสดีนะ นี่สไตล์ อ.ฟูจิโกะ ฟูจิโอะ ใดๆๆ คือ ช่างภาพหามุมเก่งมาก ถ่ายมาดูดี”
- “กำลังฮิตเลย สไตล์gentlemen”
- “แว้บแรกนึกว่า Vogue ลงงานอะไร”
- “สายแฟชั่นซะด้วยรองเท้าคนละคู่ เท็ตสึกะ โอซามุ สไตล์งี้”
- “ความเดินตลาดวินเทจแบบคนมีเทส”


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top