Sunday, 18 May 2025
ค้นหา พบ 48168 ที่เกี่ยวข้อง

‘แทยอน SNSD’ เตรียมจัดคอนเสิร์ตในไทย 12-13 สิงหาคมนี้ เปิดขายบัตร 15-16 กรกฎาคมนี้ แฟนคลับวอมนิ้วให้พร้อม!!

(13 ก.ค. 66) SM True ยืนยันการกลับมาอย่างยิ่งใหญ่ที่สุดของ ‘โวคอล ควีน’ ที่แฟนเพลงเชื่อใจอย่าง ‘TAEYEON’ ในคอนเสิร์ตเดี่ยวเต็มรูปแบบครั้งที่ห้า TAEYEON CONCERT-The ODD Of LOVE in BANGKOK ในวันเสาร์ที่ 12 สิงหาคม 2566 (เวลา 18.00 น.) และวันอาทิตย์ที่ 13 สิงหาคม 2566 (เวลา 16.00 น.) ณ อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี ยิ่งไปกว่านั้น ครั้งนี้ ‘TAEYEON’ ได้ตอกย้ำถึงพลังความนิยมของเธอในประเทศไทยอีกครั้ง ด้วยการขึ้นแท่นเป็นศิลปินหญิงเดี่ยวเกาหลีคนแรกที่สามารถจัดคอนเสิร์ตเดี่ยว ณ อิมแพ็ค อารีน่า และสามารถจัดได้ถึง 2 รอบการแสดง”

‘TAEYEON’ คือ หนึ่งในสมาชิกของเกิร์ลกรุ๊ประดับตำนานที่เป็นที่รู้จักไปทั่วโลกอย่าง Girls’ Generation โดยนอกจากการสร้างความสำเร็จในจุดสูงสุดของวงการ K-POP อย่างนับไม่ถ้วน ผ่านการทำกิจกรรมกลุ่มแล้วนั้น เธอยังได้รับความรักมากมายอย่างยาวนาน จากการทำกิจกรรมเดี่ยวที่ยืนยันถึงความมากประสบการณ์ และความสามารถอันยอดเยี่ยมในทุกด้าน ทั้งวาไรตี้, พิธีกร, พรีเซ็นเตอร์, การขึ้นปกนิตยสารชื่อดัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฐานะศิลปินเดี่ยว แทยอนสามารถถ่ายทอดหลากหลายแนวเพลงที่มีเอกลักษณ์ของตัวเองได้อย่างโดดเด่น และครองใจแฟนเพลงในทุกผลงาน เช่น I, Rain, Why, 11:11, Fine, Four Seasons, Spark, What Do I Call You, Happy, Weekend จนได้รับการขนานนามว่า “ศิลปินที่แฟนเพลงเชื่อใจและรับฟังผลงานเพลงได้” อีกทั้งในวงการ K-POP ด้วยกัน ศิลปินรุ่นน้องมากมายต่างก็ยกย่องให้เป็น ‘ศิลปินหญิงเดี่ยวต้นแบบ’ ของพวกเธอ

ผลงานล่าสุดของ แทยอน คือ อัลบั้มเต็มชุดที่ 3 ‘INVU’ ที่ปล่อยในเดือนกุมภาพันธ์ 2565 ประกอบด้วยแนวเพลงต่าง ๆ ตั้งแต่บัลลาด ป๊อปแดนซ์ อาร์แอนด์บี ไปจนถึงดิสโก้ ทั้งหมด 13 เพลง ภายใต้ธีมเกี่ยวกับ ‘ความรัก’ ซึ่งประสบความสำเร็จขึ้นแท่นอัลบั้มยอดนิยม เรียกกระแสตอบรับอย่างถล่มทลายไปทั่วโลก เช่น อันดับ 1 บนชาร์ตเพลงดิจิทัลและอัลบั้ม, ชนะอันดับ 1 ในรายการเพลงเกาหลีถึง 8 ถ้วยรางวัล, อันดับ 1 บนชาร์ต iTunes Top Albums ใน 23 ประเทศทั่วโลก, อันดับ 1 บนชาร์ต Digital Album Sales และมิวสิกวิดีโอเพลงเกาหลีของ QQ Music จีน ฯลฯ ไม่เพียงเท่านี้ นิตยสารชื่อดังของสหรัฐอเมริกา TIME ยังเลือกให้เป็นหนึ่งใน ‘2022 Best K-Pop Album’ พร้อมกล่าวชื่นชมว่า “ศิลปินมากประสบการณ์อย่าง TAEYEON วง Girls’ Generation ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ทำไมเธอถึงเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในวงการนี้”

นอกจากนี้ กระแสความนิยมของ แทยอน ในประเทศไทย เรียกได้ว่า ยืนหนึ่งอย่างไม่เสื่อมคลาย แถมเพิ่มขึ้นทุกครั้งที่กลับมา เพราะสามารถทำลายสถิติเดิมของตัวเองได้อย่างน่าทึ่ง เช่น การเป็นศิลปินหญิงเดี่ยวเกาหลีคนแรกที่สามารถจัดคอนเสิร์ตเดี่ยวเต็มรูปแบบในประเทศไทย ด้วยคอนเสิร์ต ‘TAEYEON solo concert PERSONA in BANGKOK’ เมื่อเดือนพฤษภาคม 2560, การเป็นศิลปินหญิงเดี่ยวเกาหลีคนแรกที่สามารถจัดคอนเสิร์ตเดี่ยวเต็มรูปแบบในประเทศไทยได้ถึง 2 รอบการแสดง ด้วยคอนเสิร์ต ’s...TAEYEON CONCERT in BANGKOK เมื่อเดือนธันวาคม 2561 และล่าสุดกับคอนเสิร์ตในรอบ 4 ปี 6 เดือนอย่าง TAEYEON CONCERT - The ODD Of LOVE in BANGKOK ที่จะจัดขึ้นในสเกลยิ่งใหญ่กว่าเดิม ทำให้เธอเป็นศิลปินหญิงเดี่ยวเกาหลีคนแรกที่สามารถจัดคอนเสิร์ตเดี่ยวเต็มรูปแบบ 2 รอบการแสดง ณ อิมแพ็ค อารีน่า

สำหรับคอนเสิร์ต TAEYEON CONCERT - The ODD Of LOVE เริ่มต้นขึ้นที่กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ ในวันที่ 3-4 มิถุนายน 2566 ต่อด้วยการทัวร์คอนเสิร์ตในแถบเอเชีย ได้แก่ ฮ่องกง วันที่ 10 มิถุนายน, ไต้หวัน วันที่ 24 มิถุนายน, ญี่ปุ่น วันที่ 8-9 กรกฎาคม, อินโดนีเซีย วันที่ 22 กรกฎาคม, ฟิลิปปินส์ วันที่ 30 กรกฎาคม 2566 และประเทศไทย วันที่ 12-13 สิงหาคม ซึ่ง แทยอน จะมาถ่ายทอดรสชาติความรักที่หลากหลายให้ทุกคนได้สัมผัส ผ่านเทคนิคการร้องเพลงชั้นสูง ร่วมด้วยความตระการตาของการแสดงและโปรดักชัน ที่จะเติมเต็มทุกอรรถรสอย่างน่าประทับใจ ตลอดจนทุกบทเพลงจากอัลบั้มล่าสุดที่จะได้รับชมเป็นครั้งแรกในประเทศไทย

เปิดจำหน่ายบัตรคอนเสิร์ตก่อนใคร สำหรับสมาชิก SM True MEMBERSHIP ในวันเสาร์ที่ 15 กรกฎาคม 2566 เวลา 11.00 น. – 12.00 น. เท่านั้น และสำหรับบุคคลทั่วไป ในวันอาทิตย์ที่ 16 กรกฎาคม 2566 เวลา 11.00 น. เป็นต้นไป ทางเคาน์เตอร์เซอร์วิสใน 7- Eleven หรือร้านค้าที่มีสัญลักษณ์เคาน์เตอร์เซอร์วิสทุกสาขาทั่วประเทศ และทางเว็บไซต์ allticket.com/event/TAEYEON_TheODDOfLOVE_in_BKK ราคา (บัตรนั่ง) : 6,500 / 6,000 / 5,500 / 4,800 / 3,800 / 2,800 / 2,000 บาท สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Counter Service Call Center 02-826-7788 หรือติดตามข่าวสารของคอนเสิร์ตทางบัญชีโซเชียล มีเดียของ SM True : เฟซบุ๊ก facebook.com/smtruethailand, อินสตาแกรม instagram.com/smtruethailand และทวิตเตอร์ twitter.com/SMTrueThailand

‘แพทย์’ แจงสาเหตุ ‘มดดำ คชาภา’ มีอาการหน้าเบี้ยวครึ่งซีก ชี้ เกิดจากเส้นประสาทบนใบหน้าอักเสบ เตือน!! เกิดได้กับทุกวัย

(13 ก.ค. 66) นพ.วีรวุฒิ อิ่มสำราญ รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวถึงกรณีข่าว ‘มดดำ คชาภา’ ตันเจริญ พิธีกร มีอาการหน้าเบี้ยวครึ่งซีกจากเส้นประสาทอักเสบ ว่า อาการปากเบี้ยวหรือหน้าเบี้ยวครึ่งซีก (Bell’s palsy) คือ ภาวะที่กล้ามเนื้อใบหน้าข้างใดข้างหนึ่งอ่อนแรง หรือเกิดอัมพาตชั่วขณะ เป็นอาการที่เกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย โดยมีสาเหตุมาจากการอักเสบของเส้นประสาทบนใบหน้า ส่งผลให้หน้าเบี้ยวครึ่งซีก

นพ.วีรวุฒิ กล่าวต่อว่า เป็นผลมาจากเส้นประสาทใบหน้า หรือเส้นประสาทสมองคู่ที่ 7 ซึ่งอยู่ตรงใบหน้าแต่ละข้างทำหน้าที่รองรับการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อใบหน้า เช่น ยิ้ม ทำหน้าบึ้ง หรือหลับตา รวมทั้งรับรสจากลิ้น และส่งต่อไปยังสมองเกิดการอักเสบส่งผลต่อการรับรส การผลิตน้ำตา และต่อมน้ำลาย ปากเบี้ยว

“อาการนี้ถือเป็นปัญหาสุขภาพที่เกิดขึ้นทันที และมักจะเกิดขึ้นภายใน 48 ชั่วโมง สาเหตุยังไม่ทราบแน่ชัด อาจมีความสัมพันธ์จากการติดเชื้อไวรัสบริเวณใบหน้า เช่น โรคอีสุกอีใส เชื้อเริม ส่วนปัจจัยเสี่ยง ได้แก่ ผู้ที่ตั้งครรภ์ การพักผ่อนไม่เพียงพอ ร่างกายอ่อนแอ และภาวะภูมิคุ้มกันผิดปกติ” นพ.วีรวุฒิ กล่าว

ด้าน นพ.ธนินทร์ เวชชาภินันท์ ผอ.สถาบันประสาทวิทยา กล่าวว่า โรคใบหน้าเบี้ยวครึ่งซีกเป็นโรคที่สามารถหายเองได้ โดยจะฟื้นตัวภายใน 3 สัปดาห์ แล้วจะค่อย ๆ ดีขึ้น โดยแพทย์จะวินิจฉัยจากการซักประวัติ ตรวจร่างกาย และตรวจการทำงานของประสาท (EMG) การรักษาโรคใบหน้าเบี้ยวครึ่งซีก คือ การให้ยาสเตียรอยด์เพื่อลดอาการอักเสบ และการทำกายภาพบำบัดร่วมด้วย ซึ่งจะทำให้ผู้ป่วยฟื้นตัวได้เร็วกว่าเดิม

นพ.ธนินทร์ กล่าวต่อว่า การรักษาทางกายภาพบำบัด เช่น กระตุ้นเส้นประสาทด้วยกระแสไฟฟ้า หรือนวดใบหน้า ช่วยลดภาวะกล้ามเนื้อตึงเกร็ง และการผ่าตัด อย่างไรก็ตาม อาการปากเบี้ยวหรือหน้าเบี้ยวครึ่งซีก ยังไม่มีวิธีการป้องกันที่ชัดเจน เนื่องจากสาเหตุเกิดจากการอักเสบของเส้นประสาทใบหน้าที่มักจะเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว และรุนแรง ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักจะหายภายในระยะเวลาเป็นสัปดาห์

“ผู้ป่วยที่เป็นโรคนี้ควรปิดตาข้างที่มีอาการ หรือใส่แว่นกันแดด ร่วมกับใช้น้ำตาเทียม และปิดตาเวลานอนเพื่อลดอาการเคืองตา ตาแดง หรือมีแผลที่แก้วตา ดังนั้นเมื่อผู้ป่วยมีอาการใบหน้าเบี้ยวครึ่งซีก ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุของอาการ เพราะผลของการรักษาจะได้ผลดีถ้าได้เริ่มรักษาภายใน 3 วัน” นพ.ธนินทร์ กล่าว

‘แก๊งมือฆ่าหั่นศพ’ เครียด-คอตก หิ้วฝากขังศาลพัทยา คาด ถูกค้านประกันตัว หลังโดนเพิกซ่าวีซ่าทั้งหมด .

(13 ก.ค. 66) จากการเสียชีวิตของ นายฮันส์ ปีเตอร์ แรลเตอร์ มัค นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ชาวเยอรมัน ถูกฆ่าหั่นศพหมกตู้แช่แข็งเพื่ออำพรางศพ ภายในบ้านหลังหนึ่ง ในหมู่บ้านในอำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี โดยตำรวจขอศาลอนุมัติออกหมายจับ 3 ผู้ต้องหา ก่อนจับตัวชาวเยอรมัน 3 คน คือนางเพธา คริสเติล กรุนด์กริฟ อายุ 54 ปี นายโอลาฟ ธรอสเทน บริงก์มันน์ อายุ 52 ปี และ น.ส.นิโคล เฟรเวล อายุ 52 ปี ตามที่เสนอข่าวไปนั้น

ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 13 ก.ค. 66 พ.ต.ต.วชิรวิชญ์ วิสุทธิ์เสรีพันธุ์ สว.สอบสวน สภ.หนองปรือ จ.ชลบุรี พร้อมกำลังตำรวจเกือบ 10 นาย คุมตัวนางเพธา, นายโอลาฟ และ น.ส.นิโคล เฟรเวล ชาวเยอรมันทั้ง 3 คน นำตัวออกจากห้องขัง ขึ้นรถควบคุม เพื่อเดินทางไปยังศาลจังหวัดพัทยา เพื่อยื่นคำร้องฝากขังผัดแรก ระหว่างที่ตำรวจควบคุมตัวออกมา ผู้ต้องหาทั้ง 3 คน มีสีหน้าเคร่งเครียด คอตก และไม่ตอบคำถามใด ๆ กับนักข่าว

สำหรับ นางเพธาและนายโอลาฟ ถูกตำรวจออกหมายจับ ในข้อหากล่าวหา ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และปิดบังซ่อนเร้นอำพรางศพ ส่วน น.ส.นิโคลหญิงพิการ เป็นผู้เช่าบ้าน ที่นำตู้แช่แข็งไปวางในห้องนอน ก่อนจะพยายามหลบหนีและกรีดแขนตัวเองฆ่าตัวตาย

ถูกตำรวจตั้งข้อหา “ปิดบังซ่อนเร้นอำพรางศพ” โดยชาวเยอรมันทั้ง 3 คน ถูกตำรวจตรวจคนเข้าเมือง จ.ชลบุรี ทำเรื่องเพิกถอนวีซ่า และหนังสือเดินทาง จึงทำให้คาดการณ์ว่า น่าจะไม่ได้รับการประกันตัวในชั้นศาล อีกครั้งยังเป็นคดีอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญ

นายชาฮ์รูค อายุ 27 ปี สัญชาติไทยเชื้อชาติปากีสถาน ผู้ต้องหาคนสุดท้าย ที่ถูกตำรวจจับได้ที่ จ.กาญจนบุรี พบว่าตำรวจย้ายไปฝากขังที่ห้องควบคุม สภ.บางละมุง เมื่อช่วงดึกที่ผ่านมา เพื่อไม่ให้นายโอลาฟ และนางเพธา พบหรือพูดคุยกัน เนื่องจากว่าจะเกรงว่าจะเสียรูปคดี

อีกทั้งตำรวจเชื่อว่า นายชาฮ์รูคอาจเป็นตัวกุญแจสำคัญในการไขปมสังหารในครั้งนี้ทั้งหมด ซึ่งนายโอลาฟและนางเพธา ไม่ยอมปริบอกให้การใด ๆ กับตำรวจทั้งสิ้น

'ดร.สุวินัย' วิเคราะห์!! แผนบันได 5 ขั้น 'รัฐไทย' พิชิต 'เครื่องมือ' ขั้วมหาอำนาจเจ้าโลกเก่า

(13 ก.ค.66) ดร.สุวินัย ภรณวลัย ประธานยุทธศาสตร์วิชาการ สถาบันทิศทางไทย อดีตอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก 'Suvinai Pornavalai' ว่า...

จงอ่านเกมให้ขาด อ่านหมากให้ทะลุก่อน แล้วค่อยเลือกเถิดว่าจะสู้กับอะไร และสู้เพื่อใคร

- สถานการณ์ภาพรวมในขณะนี้ เราควรมองว่าเป็นการเผชิญหน้าระหว่าง พรรคก้าวไกลและมวลชนด้อมส้ม กับ อำนาจรัฐไทยโดยตรง

- ผมขออ่านหมากว่า กลยุทธ์ของรัฐไทย 2566 งวดนี้ น่าจะมาในมาด 'ดุดัน แข็งกร้าว พร้อมบวก' ซึ่งผิดจากท่าทีเมื่อปี 2553-2554 ตอนพวกเสื้อแดงเผาเมืองอย่างสิ้นเชิง 

- เหตุเพราะบริบทการเมืองระหว่างประเทศในปัจจุบันแตกต่างกว่าเมื่อสิบกว่าปีก่อนมาก มีการเผชิญหน้ากันระหว่าง ขั้วมหาอำนาจเจ้าโลกเก่า กับขั้วมหาอำนาจเจ้าโลกใหม่ ... โดยที่ประเทศไทยอยู่ในตำแหน่งภูมิรัฐศาสตร์ที่มหาอำนาจทั้งสองฝ่ายต่างต้องการดึงมาอยู่ในฝั่งตัวเอง ขณะที่รัฐไทยพยายามวางตัวเป็นกลาง แบบไผ่ลู่ลมจนถึงที่สุด

- พรรคก้าวไกล คือ เครื่องมือใหม่ล่าสุดที่ฝั่งขั้วมหาอำนาจเก่าต้องการใช้เพื่อคุมประเทศไทยให้อยู่ในอาณัติ เหมือนอย่างที่ได้ทำสำเร็จแล้วที่ประเทศฟิลิปปินส์ผ่านการเลือกตั้งครั้งล่าสุด จนทำให้ขั้วมหาอำนาจเก่าสามารถตั้งฐานทัพหลายแห่งในประเทศฟิลิปปินส์ได้อย่างชอบธรรม ตามยุทธศาสตร์เผชิญหน้ากับขั้วมหาอำนาจใหม่ของตน

- แต่ครั้งนี้ก้าวไกลน่าจะเจอตัวบทกฎหมายไทย และรัฐธรรมนูญไทย สั่งสอน อย่างหนักหน่วงกว่าในอดีต

- ถึงแม้พรรคก้าวไกลและพิธาจะรู้ดีว่า ตัวเองผิดอยู่แล้ว และคงแพ้ยับแน่ ในทางกฏหมาย  แต่เนื่องจากเป้าหมายของ กุนซือก้าวไกล นั้นมุ่งไปที่ ...

>> "ลากด้อมส้มลงถนน เพื่อให้โดนทางการปราบตามหน้าที่"  

พิธาและพรรคก้าวไกลจึงไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมอะไรทั้งสิ้น

- จังหวะการตอบโต้ของรัฐไทยในรูป "นิติสงคราม" คาดว่าน่าจะแบ่งได้เป็น 5 จังหวะ หรือ 5 ขั้นตอนด้วยกัน คือ...

(1) กกต. เป็นคนชงให้ศาลรัฐธรรมนูญเล่นงาน (ปัจจุบันคือขั้นตอนนี้)

(2) ยุบทั้งคน ยุบทั้งพรรค

(3) ลากลงคดีอาญา ถึงขั้นจำคุก

(4) ไล่กวาดพวกสื่อ อินฟลูฯ ในระดับทำความสะอาดบ้านครั้งใหญ่

หลังจากที่พลเอกประยุทธ์วางมือไปแล้ว จึงไม่มี '3ป' เป็นข้ออ้างทางวาทกรรมให้โจมตีว่าเป็น 'ฝั่งเผด็จการ' เหมือนก่อนหน้านี้แล้ว ... ความเข้มข้นของการกวาดล้าง อาจจะไม่รุนแรงเท่ากับที่จีนได้ทำใน 'โมเดลฮ่องกง' แต่มันจะขับเคลื่อนไปในทิศทางนี้แน่นอน

(5) ส่วนอีกฝ่ายคงตอบโต้ด้วย 'มวลชนจัดตั้ง' กับ 'กองทหารรับจ้างจากต่างชาติ' แน่นอน เพื่อสร้างสถานการณ์ให้แผ่นดินลุกเป็นไฟลามทั้งแผ่นดิน ... เพื่อบีบให้รัฐไทยออกโรงเต็มตัวในที่สุด

- การประชุมรัฐสภาเพื่อโหวตนายกฯ วันที่ 13 กรกฎาคม ... มันคือบทละครฉากนึงเท่านั้น เพราะไม่ว่ามติจะออกมายังไง  ...

กุนซือก้าวไกลก็จะลากมวลชนด้อมส้มลงถนนอยู่ดี 

- การที่คนรุ่นใหม่รู้สึกเลือดพล่านต่อ 'สิ่งที่เป็นอยู่' นั้นผมพอเข้าใจ

แต่คนรุ่นใหม่ต้องใช้สมอง ใช้สติปัญญา อ่านหมาก อ่านเกมส์ให้ออกแบบเห็นป่าทั้งป่าด้วย

ด้วยความปรารถนาดี

‘นักธุรกิจไทย’ โกยยอดขาย ‘ตลาดนัดกลางคืน’ ในไหหลำ ปักหมุดแลนด์มาร์กแห่งใหม่ สวรรค์ของนักท่องเที่ยวขาชอป

เมื่อวันที่ 12 ก.ค. 66 สำนักข่าวซินหัว, ไห่โข่ว รายงานว่า ยามย่ำสู่ค่ำคืนหลังอาทิตย์ลาลับขอบฟ้า ตลาดนัดวัฒนธรรมและความคิดสร้างสรรค์ ‘ไป๋ซา เหมิน’ ในนครไห่โข่ว เมืองเอกของมณฑลไห่หนาน (ไหหลำ) ทางตอนใต้ของจีน กลับมีบรรยากาศคึกคักด้วยทัพนักท่องเที่ยวเดินจับจ่ายซื้อของกันอย่างเพลิดเพลิน

ตลาดนัดกลางคืนไป๋ซาเหมินตั้งอยู่บนพื้นที่ราว 60,000 ตารางเมตร เพิ่งเปิดต้อนรับผู้คนเมื่อราวหนึ่งเดือนก่อนด้วยแผงขายของกินและงานฝีมือทางวัฒนธรรมมากกว่า 600 แผง ซึ่งจากแผงขายของกินทั้งหมด 300 แผง เป็นของพ่อค้าแม่ขายชาวไทยมากกว่า 160 แผง

บรรดาคนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวทยอยเดินทางมาเยือนตลาดนัดกลางคืนแห่งนี้ ที่กลายเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมแห่งใหม่ของไห่โข่วกันอย่างไม่ขาดสาย โดยมีนักท่องเที่ยวตบเท้าเข้าเดินซื้อของสูงถึงราว 800,000 คน ในช่วง 20 วันแรกของการเปิดตลาด

อริณธารัตน์ เทพวรรณ เจ้าของแผงขายอาหารไทยอย่างผัดไท ต้มยำกุ้ง และหมูกรอบ จำนวน 4 แผง สาละวนอยู่กับการทักทายลูกค้ามากหน้าหลายตา โดยเขาเผยว่า ยอดขายเฉลี่ยอยู่ที่ราว 1,000-2,000 หยวน (ราว 5,000-10,000 บาท) ต่อวันต่อแผง

เดิมที อริณธารัตน์ทำธุรกิจคลินิกเสริมความงามในไทย และธุรกิจนำเข้าสินค้าจากจีนมานานกว่า 18 ปี จนกระทั่งราวสามเดือนก่อน เขาได้ยินข่าวว่า ไห่หนานจะเปิดตลาดนานาชาติสำหรับนักท่องเที่ยวจีนและต่างชาติ ซึ่งทำให้เขาสนใจและเริ่มพูดคุยกับเพื่อนในไทย

อริณธารัตน์บอกว่า พอรู้จักตลาดจีนมีขนาดใหญ่และคิดว่าเป็นโอกาสดีทางธุรกิจ จึงตัดสินใจมาเปิดแผงขายอาหารที่นี่ โดยแม้เขาไม่มีความรู้เกี่ยวกับไห่หนาน แต่เคยเดินทางไปหลายเมืองของจีน เช่น กว่างโจว เซี่ยเหมิน เซี่ยงไฮ้ และปักกิ่ง เลยคิดว่าไห่หนานน่าจะเหมือนและเป็นตลาดใหญ่เช่นกัน

“ผมได้ยินว่า ไห่หนานเป็นจุดหมายของนักท่องเที่ยวจากจีนและประเทศอื่น ๆ และวันแรกที่มาถึงที่นี่ ผมรู้สึกว่าเหมือนอยู่กรุงเทพฯ เลย ทำให้คิดว่าเลือกถูกแล้ว” อริณธารัตน์กล่าว พร้อมแสดงความหวังว่าตลาดแห่งนี้จะโด่งดังในจีน และทั่วโลกจนกลายเป็นแลนด์มาร์กห้ามพลาด

ด้าน อภิญญา ฉัติทิวาพร วัย 27 ปี ซึ่งทำธุรกิจเบเกอรีในไทย เจ้าของแผงขายชาไทยหลากหลายเมนูที่ตลาดนัดกลางคืนไป๋ซาเหมิน เผยว่าเธอตั้งใจมาสั่งสมประสบการณ์และเสาะหาโอกาสใหม่ในตลาดแห่งนี้ที่มีขนาดใหญ่มาก ทิวทัศน์สวยงาม ผู้คนเป็นมิตร และอากาศดี

กิตติศักดิ์ โอสถานันต์กุล ผู้จัดการกลุ่มผู้ค้าชาวไทยของตลาดนัดกลางคืนไป๋ซาเหมิน เปิดแผงขายอาหารของตัวเอง พร้อมกับช่วยเหลือผู้ค้าชาวไทยคนอื่นๆ ตั้งแต่งานเอกสาร การขอวีซ่า จนถึงหาที่พักอาศัย โดยเขามองว่าการทำธุรกิจที่ตลาดแห่งนี้เป็นโอกาสใหม่ในการบุกตลาดจีน

แม้การท่องเที่ยวของไห่หนานจะผันผวนตามฤดูกาล แต่กิตติศักดิ์ยังคงมองเชิงบวกและเฝ้ารอฤดูท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวจะแห่แหนกันมาที่นี่ รวมถึงวาดหวังขยับขยายธุรกิจไปยังการเปิดร้านนวดแผนไทยหรือร้านอาหารไทยในอนาคตข้างหน้าด้วย

เจิ้งซือซือ นักท่องเที่ยวจากมณฑลกว่างตง (กวางตุ้ง) ทางตอนใต้ของจีน กล่าวว่าอาหารไทยที่ตลาดนัดแห่งนี้มีรสชาติเหมือนต้นตำรับ พอเจอคนขายที่พูดภาษาไทยก็เหมือนอยู่ประเทศไทย ที่นี่มอบประสบการณ์ยอดเยี่ยม และเดินเที่ยวเล่นได้อย่างสนุก


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top