Tuesday, 20 May 2025
ค้นหา พบ 48205 ที่เกี่ยวข้อง

“ศูนย์ดวงตาสภากาชาดไทย” จับมือ “กระทรวงสาธารณสุข” ดำเนินโครงการ “ดวงตาสดใส ใกล้บ้าน” ช่วยเหลือผู้ป่วยโรคกระจกตาพิการทั่วประเทศ

ศูนย์ดวงตา สภากาชาดไทย มีภารกิจในการจัดเก็บและรวบรวมดวงตาจากผู้บริจาคที่เสียชีวิตแล้ว ด้วยเทคนิคมาตรฐานสากล เพื่อมอบให้กับจักษุแพทย์นำไปใช้ในการรักษาผู้ป่วยอย่างเท่าเทียมและยุติธรรม ทั้งนี้เพื่อเพิ่มโอกาสในการช่วยเหลือผู้ป่วยโรคกระจกตาพิการให้ได้รับการปลูกถ่ายกระจกตาได้อย่างรวดเร็ว “ศูนย์ดวงตา สภากาชาดไทย”

นำโดยผู้ช่วยศาสตราจารย์ แพทย์หญิงลลิดา ปริยกนก ผู้อำนวยการศูนย์ดวงตาสภากาชาดไทย ร่วมกับ “กระทรวงสาธารณสุข” นำโดยนายแพทย์โสภณ เมฆธน ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข และประธานคณะกรรมการจัดหาและบริการดวงตาแห่งสภากาชาดไทย ได้จัดทำโครงการ “ดวงตาสดใส ใกล้บ้าน” ให้ผู้ป่วยได้รับการปลูกถ่ายกระจกตา ณ โรงพยาบาลใกล้บ้าน ให้เข้าถึงบริการได้อย่างรวดเร็ว เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

“กระจกตา” ที่ท่านบริจาค ช่วยผู้ป่วยโรคกระจกตาพิการให้กลับมามองเห็นได้อีกครั้ง

ปัจจุบันโรคกระจกตาพิการ เป็นสาเหตุสำคัญอันดับต้น ๆ ที่ทำให้ผู้ป่วยสูญเสียการมองเห็น ส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตในสังคมด้วยความยากลำบาก รวมถึงประเทศสูญเสียโอกาสในการพัฒนาประเทศจากทรัพยากรมนุษย์ที่เจ็บป่วยและขาดโอกาสในการรักษาพยาบาลอย่างทั่วถึงและรวดเร็ว วิธีการรักษาผู้ป่วยโรคกระจกตาพิการส่วนใหญ่ คือ การผ่าตัดปลูกถ่ายกระจกตา

โดยนำกระจกตาของผู้บริจาคดวงตาที่เสียชีวิตแล้วมาปลูกถ่ายให้แก่ผู้ป่วย ดังนั้น กระจกตาบริจาคจึงมีความสำคัญและจำเป็นอย่างยิ่งต่อการนำไปช่วยเหลือผู้ป่วยโรคกระจกตาพิการ เพื่อให้ผู้ป่วยกลับมามองเห็นและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอีกครั้ง

“สธ.” จับมือ “ศูนย์ดวงตา” จัดโครงการ “ดวงตาสดใส ใกล้บ้าน” เพิ่มโอกาสการเข้าถึงบริการที่รวดเร็ว

เพื่อเป็นการบูรณาการร่วมกันแก้ไขปัญหาดังกล่าว ศูนย์ดวงตาสภากาชาดไทย ร่วมกับ กระทรวงสาธารณสุข โดยกองบริหารการสาธารณสุข คณะกรรมการการพัฒนาระบบบริการสุขภาพ (Service Plan) สาขาตา คณะกรรมการการพัฒนาระบบบริการสุขภาพ (Service Plan) สาขาการรับบริจาคและปลูกถ่ายอวัยวะ ได้จัดทำโครงการ “ดวงตาสดใส ใกล้บ้าน”

เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยโรคกระจกตาพิการให้ได้รับการปลูกถ่ายกระจกตา ณ โรงพยาบาลใกล้บ้าน เพิ่มโอกาสในการเข้าถึงการบริการที่รวดเร็ว ประหยัดค่าใช้จ่าย และลดระยะเวลาการรอคอยดวงตาบริจาคลง เพื่อให้ผู้ป่วยโรคกระจกตาพิการได้รับการปลูกถ่ายกระจกตาเร็วขึ้น และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดย ศูนย์ดวงตาสภากาชาดไทย และศูนย์ประสานงานการปลูกถ่ายกระจกตาประจำเขตสุขภาพ จะดำเนินการโทรศัพท์ติดตามสอบถามความสมัครใจของผู้ป่วยกระจกตาพิการที่ขึ้นทะเบียนรอรับดวงตาบริจาคไว้กับสภากาชาดไทย ให้กลับไปปลูกถ่ายกระจกตาในโรงพยาบาลตามภูมิลำเนาที่อยู่ใกล้บ้าน

ชวน “ผู้ขึ้นทะเบียนรอรับบริจาคดวงตาก่อนปี 62” อัปเดตข้อมูลให้เป็นปัจจุบัน

อย่างไรก็ตาม การดำเนินงานตามโครงการ ยังพบอุปสรรคปัญหาสำคัญประการหนึ่ง คือ ข้อมูลของผู้ป่วยบางรายที่ขึ้นทะเบียนรอรับดวงตาบริจาคกับศูนย์ดวงตาสภากาชาดไทยไม่เป็นปัจจุบัน ไม่สอดคล้องกับข้อมูลที่ศูนย์ดวงตาสภากาชาดไทยและโรงพยาบาลเครือข่ายเคยมีอยู่ จึงทำให้ไม่สามารถติดตามผู้ป่วยเข้าร่วมในโครงการได้ ส่งผลทำให้ผู้ป่วยสูญเสียโอกาสในการเข้าร่วมโครงการ

ศูนย์ดวงตาสภากาชาดไทย จึงขอประชาสัมพันธ์ให้ผู้ป่วยที่ขึ้นทะเบียนรอรับดวงตาบริจาคก่อนปีพ.ศ.2562 และยังประสงค์จะรับการผ่าตัดปลูกถ่ายกระจกตาเข้าร่วมโครงการ กรุณาติดต่อศูนย์ดวงตาสภากาชาดไทย โทรศัพท์หมายเลข 0 2256 4039-40 ในวันและเวลาราชการ หรือแจ้งแพทย์ในโรงพยาบาลที่ผู้ป่วยรับการรักษา

เพื่อแจ้งข้อมูลของตนเองให้เป็นปัจจุบัน ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ในการรักษาของผู้ป่วยและเพื่อความรวดเร็วในการให้บริการของโรงพยาบาลที่ผู้ป่วยรับการรักษาต่อไป

ขอขอบพระคุณที่ท่านกรุณาเผยแพร่ข่าวนี้
กลุ่มงานสารนิเทศ สำนักสารนิเทศและสื่อสารองค์กร สภากาชาดไทย
ประสานงาน : นางสาวภริตพร สุธีพิเชฐภัณฑ์ เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ 4
โทรศัพท์ 08 9555 0211 และ 0 2256 4035 หรือ 1664
 

‘ลุงป้อม’ สั่งเข้ม ปิดเว็บพนัน-หลอกลวงทางการเงิน เพิ่มมาตรการเชิงรุกป้องกัน ‘ภัยไซเบอร์’ ทุกรูปแบบ

วันนี้ (14 มิ.ย. 66) เวลา 10.00 น. พล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผช.โฆษก รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (กมช.)

โดยมี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุมมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์

ที่ประชุมได้รับทราบ รายงานเหตุการณ์ภัยคุกคามและผลการดำเนินงาน ที่มีผลกระทบอย่างมีนัย สำคัญ ต่อการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ ห้วง ต.ค.65 - มี.ค.66 จำนวน 943 เหตุการณ์ แยกตามภารกิจ หรือบริการสูงที่สุดได้แก่ หน่วยงานของรัฐด้านการศึกษา ,ภาครัฐอื่นๆ และด้านสาธารณสุข ตามลำดับ ซึ่งการปฎิบัติที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมทางไซเบอร์ที่กระทบประชาชน มีจำนวน 113 เหตุการณ์ 24 หน่วยงาน และรับทราบผลการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการเฝ้าระวังภัยคุกคามทางไซเบอร์ สำหรับระบบเลือกตั้ง (ศซล.) ห้วง 3-15 พ.ค.66 โดยมีการติดตามและรายงานสถานะความพร้อมที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง จำนวน 6 ระบบ ภาพรวมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ได้ขอบคุณ สำนักงาน คณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.)ที่เฝ้าระวังเหตุการณ์ห้วงดังกล่าว สามารถติดตามข่าวสาร ได้อย่างใกล้ชิด และยับยั้ง หรือแก้ไขปัญหาภัยคุกคามทางไซเบอร์ได้ อย่างรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ รวมถึงที่ประชุม ได้รับทราบการลงนามบันทึกความเข้าใจ ร่วมกับหน่วยงานต่างๆมากขึ้น ทั้งกับหน่วยงาน ในประเทศ และต่างประเทศด้วย รองรับการพัฒนาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ ต่อไป

จากนั้น ที่ประชุมได้พิจารณาเห็นชอบ (ร่าง) ข้อตกลง การเชื่อมต่อระบบแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนข้อมูลภัยคุกคาม ภายใต้โครงการพัฒนาแพลตฟอร์ม สำหรับการรับและแบ่งปันเหตุการณ์ภัยคุกคามทางไซเบอร์ เพื่อเชื่อมต่อระบบให้สามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร ในการเฝ้าระวัง และขยายเครือข่ายความร่วมมือ ระหว่าง สกมช.กับหน่วยงานอื่น ทั้งภายในและภายนอกประเทศ และเห็นชอบ(ร่าง)บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ระหว่าง สกมช.กับ สำนักงาน ปล.สธ.รวมทั้งเห็นชอบ(ร่าง)บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือการส่งเสริมการพัฒนาบุคลากรและนำระบบคุณวุฒิวิชาชีพ ไปใช้ในสถานประกอบการ

พล.อ.ประวิตร ยังได้กำชับให้ สกมช. ให้เร่งขับเคลื่อนมาตรการเฝ้าระวังภัยคุกคามทางไซเบอร์ อย่างต่อเนื่อง เข้มข้นเชิงรุก เน้นป้องกันข้อมูลภาครัฐ และคุ้มครองส่วนบุคคล ต้องเพิ่มระดับความร่วมมือกับทุกหน่วยงานให้มากขึ้น ทั้งในและต่างประเทศ เพื่อพัฒนาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ของประเทศ และคนไทยให้มีประสิทธิภาพ พร้อมย้ำให้ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กำกับและสนับสนุน การดำเนินงานของ สกมช. อย่างเต็มที่ด้วย

กอ.รมน.ภาค4 โฟกัสฟ้อง 3 กลุ่ม ประชามติ.. แยกดินแดนปาตานี

วันนี้ขอเลียบการเมืองไปที่แนวรบด้านความมั่นคงที่กำลังร้อนฉ่าอยู่ที่ปลายด้ามขวานสักหน่อย  กองทัพภาคที่ 4 แถลงชัดเจนแล้วว่าอีกไม่เกิน 2 สัปดาห์ก็จะดำเนินการฟ้องคดีเอาผิดกับบุคลที่เกี่ยวข้องกับการจัดกรรมทำประชามติจำลองแยกปาตานีเป็นเอกราช..ในงานเสวนา “สิทธิในการกำหนดอนาคตตนเอง (Selt Determination) กับสันติภาพปาตานี” เมื่อวันที่ 7มิ.ย.ที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี..

ยังไม่รู้ว่ากองทัพภาคที่ 4 จะฟ้องร้องกล่าวโทษกี่คนและเป็นใครบ้าง  “เล็ก  เลียบด่วน” ฟังพล.ต.ปราโมทย์ พรหมอินทร์  รองแม่ทัพภาคที่ 4 ให้สัมภาษณ์ทางรายการ “รู้ทันข่าว92.5” ของกรมประชาสัมพันธ์ท่านบอกกว้าง ๆ เพียงว่ามีอยู่ 3 กลุ่ม  คือ

1)กลุ่มที่จัดกิจกรรม  

2)คนที่มาร่วมงาน และ

3)ผู้ที่สนับสนุนอยู่เบื้องหลัง..

พล.ต.ปราโมทย์ให้ข้อมูลว่า  ก่อนหน้านี้ก็เคยมีการทำไประชามติจำลอง แต่เป็นการทำประชามติเรื่อง” การกำหนดใจตนเอง” เท่านั้น ไม่เลยธงเหมือนในครั้งนี้ที่ถึงขั้นถามว่าเห็นด้วยกับการแยกตัวเป็นเอกราชหรือไม่..ครั้งนี้จึงเป็นการยกระดับการเคลื่อนไหว  ที่พยายามขยายผลต่อยอดเรื่อง “สิทธิในการกำหนดชะตากรรมตนเอง” ตามข้อมติสหประชาชาติที่ 1514 ออกในปี ค.ศ. 1960  ซึ่งแม้ไทยจะร่วมรับรองแต่เราก็สงวนสิทธิเรื่องการแบ่งแยกดินแดนไว้อย่างชดเจนว่าทำไม่ได้..

ที่น่าสนใจกว่านั้น ฟังแล้วไม่สบายใจเอามากๆ คือ พล.ต.ปราโมทย์.. สถานการณ์ปลายด้ามขวานวันนี้กลุ่มบีอาร์เอ็นยังคงปฏิบัติการทางการทหารเพื่อหล่อเลี้ยงสถานการณ์  ช่วงเดือนรอมฎอนที่ผ่านมาเป็น “รอมฎอนเดือด”ที่สุดในรอบ 10ปี  แต่ที่น่ากลัวไปมากกว่านั้นคือความเคลื่อนไหวทางการเมืองที่ได้ชำแรกแทรกซึมความคิดไปยังกลุ่มต่างๆ ทั้งองค์กรสิทธิมนุษยชน   เยาวชนนักศึกษา  นักการเมืองและพรรคการเมือง..ซึ่งสนับสนุนแนวคิดในลักษณะเลยธง..

ครับ...ก็น่าลุ้นกันด้วยความระทึกใจว่า..ใครบ้างที่จะถูกฟ้องร้องกล่าวโทษ และในข้อหาอะไร  แน่นอนเป็นคดีความมั่นคง แต่จะหนักหนาสาหัสแค่ไหน...และมีใครจาก3พรรคการเมืองโดนด้วยหรือไม่

3 พรรคที่ว่าคือ พรรคเป็นธรรม  พรรคประชาชาติ ที่มีตัวแทนไปเป็นวิทยากรเสวนา  และพรรคก้าวไกลที่มีรูปโฆษณาเด่นหรากว่าใครเพื่อนอย่าง นายรอมฎอน  ปันจอร์ ว่าที่ ส.ส. บัญชีรายชื่อ  แต่ยกเลิกกะทันหันเหมือนนกรู้...

รายงานข่าวแจ้งว่า กอ.รมน. ภาค4 ส่วนหน้าได้จัดประชุมทีมกฎหมาย นักวิชาการ อัยการ ทหาร ตำรวจมาแล้ว 3 ครั้งเพื่อสรุปรูปคดี  ขณะที่ฝ่ายข่าวกอ.รมน.ภาค4 นั้นได้สรุปข้อมูลย้อนหลังโยงใยมาจนถึงวันจัดงานก็รู้แจ้งเห็นชัดว่าใครเป็นใคร ใครคิดอะไร..โดยเฉพาะพฤติการณ์ของนักการเมืองและพรรคการเมืองบางคนบางพรรค ที่ปลุกระดมความคิดการปกครองตนเอง  ความเป็นเอกราชมาตั้งแต่ก่อนเลือกตั้ง และโหมหนักช่วงเลือกตั้งด้วยหวังผลคะแนนเสียงเข้าข่ายที่จะดำเนินการกล่าวโทษให้ยุบพรรคในข้อหาล้มล้างการปกครองได้ แต่ประเด็นนี้ทางกองทัพหรือทหารจะไม่ดำเนินการ...ปล่อยให้เอกชนหรือภาคประชาชนอาศัยช่องทางรัฐธรรมนูญมาตรา 49 ไปดำเนินการกันตามความเหมาะควรกันเอง...

แม้ว่านาทีนี้  บรรดาว่าที่ ส.ส. และนักการเมืองจาก 3 พรรคตั้งการ์ดสูงเวลาให้สัมภาษณ์จนบรรดาแนวร่วมเกิดอาการหมั่นไส้รำคาญกันเอง ก็ไม่ได้ทำให้พฤติการณ์ที่บรรดาว่าที่ ส.ส. และพรรคการเมืองดังกล่าวมาลบหายไปได้...  

เล็ก  เลียบด่วน เชื่อว่าถึงที่สุดวันใดวันหนึ่งคงมีคนไปฟ้องร้องกล่าวโทษให้มีการยุบพรรคแน่นอน..เพราะมาตรา 1 ของรัฐธรรมนูญบัญญัติชัดเจนว่า “ประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียวกัน  จะแบ่งแยกมิได้”..

'กองทัพเรือ’ จัดกาชาดคอนเสิร์ต ครั้งที่ 49 เพื่อเทิดพระเกียรติ ‘พระบิดาแห่งทหารเรือไทย’

วันนี้ (14 มิ.ย. 2566) ที่หอประชุมกองทัพเรือ พล.ร.อ.เชิงชาย  ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) เป็นประธานการแถลงข่าวการแสดงกาชาดคอนเสิร์ตครั้งที่ 49 "แสงทิพย์แห่งอาภากร เสียงทิพย์จากราชนาวี" เทิดพระเกียรติพระบิดาแห่งทหารเรือไทย พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ในวาระครบรอบ 100 ปี แห่งการสิ้นพระชนม์ 

เพื่อน้อมรำลึกถึงพระกรุณาธิคุณที่ทรงมีต่อกองทัพเรือ และเพื่อเผยแพร่ดนตรีแนวคลาสสิกให้นิยมแพร่หลาย รวมทั้งจัดหารายได้โดยไม่หักค่าใช้จ่าย ทูลเกล้าฯ ถวายสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง สภานายิกาสภากาชาดไทย โดยเสด็จพระราชกุศลบำรุงสภากาชาดไทย ในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติและสาธารณภัย โครงการศูนย์มะเร็งเต้านม กิจการอาสายุวกาชาด ศูนย์รับบริจาคอวัยวะต่อชีวิตเพื่อนมนุษย์ เป็นต้น ซึ่งได้มีการจัดแสดงเป็นประจำทุกปี 
    
ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้กล่าวถึงจุดประสงค์ของการจัดคอนเสิร์ตครั้งนี้ ว่ากองทัพเรือจะเป็นองค์กรกลางนำรายได้ทูลเกล้าฯ ถวาย โดยพระราชกุศลบำรุงสภากาชาดไทย เพื่อสนับสนุนภารกิจของสภากาชาดไทย โดยการแสดงคอนเสิร์ตครั้งนี้ จะจัดขึ้นสองวัน คือวันที่ 27 มิ.ย. และ 28 มิ.ย. (รอบเสด็จพระราชดำเนิน) ในเวลา 19.30 น. ณ หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย

การแสดงกาชาดคอนเสิร์ตครั้งที่ 49 "แสงทิพย์แห่งอาภากร เสียงทิพย์จากราชนาวี" จะบรรเลงเพลงคลาสสิคและเพลงร่วมสมัย โดยวง Symphony orchestra ดุริยางค์ราชนาวี กองดุริยางค์ทหารเรือ และขับร้องโดยนักร้องรับเชิญ ได้แก่ ธงไชย แมคอินไตย์ สหรัถ สังคปรีชา ปิยนุช เสือจงพรู (จิ๋ว นิวจิ๋ว) กิต The Voice อาร์ม กรกันต์ เป็นต้น

ขอเชิญชวนผู้มีจิตศรัทธาร่วมบริจาคเงินโดยเสด็จพระราชกุศลบำรุงสภากาชาดไทย โดยไม่หักค่าใช้จ่าย ผ่านบัญชี ธนาคารไทยธนชาต บัญชีเลขที่ 115-1-07541-115 และบัญชีธนาคารกรุงไทย หมายเลขบัญชี 662-3-43960-9 ชื่อบัญชี "กาชาดคอนเสิร์ตครั้งที่ 49" ทั้งนี้ ผู้บริจาคเงิน จะได้รับสิทธิประโยชน์จากสภากาชาดไทยและกองทัพเรือ นอกจากนั้น ใบเสร็จรับเงิน ยังสามารถลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่า สามารถตรวจสอบรายละเอียดได้ที่ Facebook Fanpage : กองทัพเรือ Royal Thai Navy และกองประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขานุการกองทัพเรือ และกรมการเงินทหารเรือ โทรศัพท์ 02-4755683
 

‘เปลว สีเงิน’ ชี้!! ไม่มีใครขวางจัดตั้ง รบ. ทุกอย่างทำตามขั้นตอน แนะ ‘ติ่งส้ม’ ดูกลเกม ‘พท.’ เป็นตัวอย่าง อย่ามัวแต่พล่ามไปเรื่อย

วันที่ (14 มิ.ย. 66) ‘เปลว สีเงิน’ นักหนังสือพิมพ์และคอลัมนิสต์ชื่อดัง ได้นำเสนอบทความ ในหัวข้อ “พล่านกันเอง "จนพัง" โดยระบุว่า…

ท่านว่าที่นายกฯ พิธาครับ

หมู่นี้ ท่านไม่ซ่าเหมือนโซดาเปิดขวดใหม่ๆ เลยนะครับ

ไม่เอาน่า… โซดาตายไม่ดีหรอก แฟน ๆ ‘สุราเสรี’ เขาจะเซ็ง เพราะเติมลงไป ปร่าเหมือนน้ำล้างตีน!!

‘ก้าวไกล’ เป็นพรรคตรวจสอบมิใช่หรือ เห็นตรวจสอบดะ (ไม่เลือก) ไม่เว้นแม้กระทั่งงบประมาณ ‘สถาบันพระมหากษัตริย์’ ที่เว้นตรวจสอบ เห็นมีแต่คดี ‘แม่สมพร-ธนาธร-พี่สาว’ รุกป่าสงวน กับคดีน้องชายว่าด้วย ‘สินบน 20 ล้าน’ เจ้าพนักงานทุจริตที่ดินทรัพย์สินฯ เท่านั้น

น่าจะส่ง ‘แอลคาโปน-วิโรจน์’ ไปตรวจสอบตำรวจหรืออัยการดูหน่อยนะว่า “มันติดอยู่ขั้นตอนไหน จะสิบปีแล้ว คดีจึงยังไม่ไปถึงศาล?”

ทีคดี ‘เอ๋-ปารีณา’ รุกป่าละก็ แหม… แจ้งปุ๊บ จับปั๊บ ฟันฉับทันที พ้นสภาพ ส.ส. ถูกตัดสิทธิการเมืองตลอดชีวิต คดีอาญาว่าด้วยโทษคุกตามมาเป็นพรวน

หรือกับ นายกฯ พลเอกประยุทธ์ ตอนเป็นรัฐบาลอำนาจเต็ม ถ้าจับแก้ผ้าตรวจได้ ก้าวไกลคงทำไปแล้ว เพราะช่วงนั้น เห็นทั้งตรวจ ทั้งสอบทุกอิริยาบถ กระทั่งจะตด ก็แทบเอาเครื่องมาตรวจจับว่า ‘สร้างมลพิษภาวะ’ เข้าข่ายผิดมาตราไหน?
.
ตรวจแค่นายกฯ ไม่พอ ยังลามปามไปถึงบิดาท่านด้วยซ้ำ!!
.
แล้วนี่ พิธา แค่เห็น ‘เงาเนื้อในน้ำ’ เที่ยวเดินสายโอ่อวดตัวเองไปทั่วบ้าน-ทั่วเมือง “ผมนายกฯ คนที่ 30 ของประเทศไทย”

แต่พอถูกตรวจสอบเรื่อง ‘ถือหุ้นสื่อไอทีวี’ เข้าหน่อยเท่านั้น เป็นไงล่ะ… แรก ๆ ยังปากแจ๋ว สื่อ, นักวิชาการ, อาจารย์มหาวิทยาลัยช่วยกันอุ้มไข่พ่อส้ม อุ้มไป-อุ้มมา ชักหนัก เพราะเป็นไข่ไส้เลื่อน

เมื่ออุ้มไม่ไหว… ขบวนการ ‘ออกลาย-ออกสันดานโจร’ ทันที

ไอ้ตาปลาดุก เจ้าของแผนชั่วร้าย ‘ปฏิวัติชนิดขุดราก-ถอนโคน’ ขู่ฟอด

ถ้าพิธา-ก้าวไกล ไม่ได้เป็นนายกฯ ไฟจาก ‘เหนือจรดใต้’ จะลุกพรึ่บ!! เหนือ-อีสานบอก ดี กูจะได้เผาข้าวหลาม ใต้บอก ไม่ต้องก็ได้ ไฟบ้านกู ลุกทุกวันอยู่แล้ว

เมื่อขู่ไม่มีใครสน ก็ไปเค้น กกต.ให้รีบประกาศรับรอง ส.ส. อยากเข้าไปเป็นรัฐบาลไว ๆ ความเจริญจะได้กระจายกลิ่นฟุ้ง กกต. (ไม่ได้บอก) ก้าวไกล มี ส.ส. 151 มิใช่หรือ?

งั้นเอาอาญา ‘มาตรา 151’ โทษคุก 1-10 ปี เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 20 ปี เป็นออเดิร์ฟไปก่อน

โทษฐาน “ผู้ใดรู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง เนื่องจากขาดคุณสมบัติ หรือมีลักษณะต้องห้าม มิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ได้สมัครรับเลือกตั้งหรือทําหนังสือยินยอมให้พรรคการเมืองเสนอรายชื่อ เพื่อสมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ”

เท่านั้นแหละ พระเอกยี่เก ‘มุดเข้าฉาก’ เงียบฉี่!! มีแต่ ติ่งส้ม สื่อ นักวิชาการ อาจารย์ สาวกส้ม ประเภท 3 โลร้อย ออกมาสร้างกระแสเบี่ยง มีขบวนการ ‘ล้มพิธา’ ไม่ให้เป็นนายกฯ บ้าง มีการ ‘ปลุกผี ITV’ ขึ้นมาใหม่บ้าง

ตอนนี้ ‘ก้าวหน้า-ก้าวไกล’ ไปถึงขั้นปลุกกระแสว่า ‘ขั้วอำนาจเก่า’ ชักใย-วางยา หวังชิงความเป็นรัฐบาล!!

โถ โถ เจ้าหนูน้อยเอ๊ย…

เม็ดพริกเจ้ายังจ้อย คิดได้-ทำได้ ตามประสา ‘เด็กมีปัญหา’ เท่านี้แหละ ตรวจสอบคนอื่นได้ พอถูกตรวจสอบบ้าง ร้องเอ๋ง โทษคนโน้นแกล้ง คนนี้วางยา แล้วคลิปกระจอก ๆ นั่นน่ะ มันช่วยฟอกผู้ร้ายให้กลายเป็นพระเอกไม่ได้หรอก บอกให้ด้วยเวทนา!!

ITV น่ะนะ อย่าปลุกผีขึ้นมาเชียว ขอร้อง ไม่ใช่อะไรหรอก ฟื้นวันไหน ก็ต้องยุบ ‘ไทย-พีบีเอส’ ไปวันนั้นน่ะซิ

แล้วแก๊งส้ม แก๊งเอ็นจีโอ แก๊งนอนกิน แก๊งปฏิวัติแบบขุดราก-ถอนโคน จะไปอาศัยสิงอยู่ที่ไหนกันล่ะ?

เพราะ ITV เป็น ‘เชื้อเกิด’ ของ ไทย-พีบีเอส สมัยรัฐบาลพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ ยึดสัมปทานไอทีวี แล้วให้กำเนิด ไทย-พีบีเอส ขึ้นมาแทน เป็นหน่วยงานของรัฐ มีสถานะเป็นนิติบุคคลมหาชน จัดตั้งตาม พ.ร.บ. องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2551 ใช้ ‘งบประมาณประจำปี’ จากการจัดเก็บภาษีเหล้าและบุหรี่ โดยไม่เกินปีละ 2,000 ล้านบาท

เนี่ย…

ถ้า ITV ฟื้น กลับเป็นของ ‘บริษัทไอทีวี’ ตามเดิมได้ รัฐบาลก็ไม่จำเป็นต้องเสียเงินปีละ 2,000 ล้าน ให้มีสถานีโทรทัศน์ของรัฐฯ คอยจิก-คอยกัดรัฐฯ สร้างทัศนคติโน้มน้าวให้คนเกลียดชังรัฐฯ อีกต่อไป เพราะ ITV เมื่อฟื้นมา เขาก็อาจทำหน้าที่นั้นแทนได้ โดยรัฐบาลไม่ต้องจ่ายค่าชังชาติให้ 2,000 ล้าน/ปี ตรงกันข้าม จะได้ค่าสัมปทานเข้ารัฐแทนด้วยซ้ำ!!

นี่พูดเล่นใน ‘เรื่องจริง’ หรอกนะ แต่สำนึกกันบ้างก็ดี พวกจิตคดไม่ต้องกลัว ยังไงๆ รัฐบาลเขาก็ไม่ ‘ทุบหม้อข้าว’ ใบนี้แน่

ในความดูเหมือนบ้านเมืองตอนนี้สับสนอลหม่าน คล้ายว่า รัฐบาล 8 พรรคที่มี ‘ก้าวไกล-พิธา’ เป็นแกนนำ มีปัญหาจนเกิดมลพิษภาวะทางการเมือง เผิน ๆ ก็ประมาณนั้น แต่ถ้าเรามีสติ ถอยห่างจากข่าวสารบิดเบี้ยวและเลอะเทอะจากพวกปัญญาเชิงปฏิบัติสักนิด จากนั้น ใช้สายตาด้วย ‘กฎเกณฑ์-กติกา’ มองกลับเข้าไป ก็จะเห็นว่า มันไม่มีอะไรที่เป็นอุปสรรค-ปัญหาเลย!!

เอ้าดู… เลือกตั้ง 14 พฤษภาคม รุ่งขึ้นก็รู้คร่าวๆ แล้ว ก้าวไกล ได้รับเลือกตั้งมากสุด 151 เสียง ทุกพรรค ‘ทั้งหมด’ ไม่มีใครเกี่ยงงอน ไม่มีใครขี้แพ้ชวนตี ไม่มีใครออกมาพูดจากวนตีนพรรคชนะอันดับ 1 ก้าวไกล ประกาศเป็นแกนจัดตั้งรัฐบาลได้ราบรื่น เพื่อไทย พรรคอันดับ 2 ด้วยเสียง 141 เมื่อก้าวไกลชวนร่วม 8 พรรคตั้งรัฐบาล ก็พับเพียบรับสนอง มีข้อแม้เพียงว่า “ร่วมด้วย แต่ไม่ขอร่วมในการพูดจาดำเนินการอะไรกับการทำหน้าที่จัดตั้ง”

ฝ่ายรัฐบาลเดิม คือ รัฐบาลประยุทธ์ ทั้งพลังประชารัฐ ภูมิใจไทย ประชาธิปัตย์ ชาติไทยพัฒนา รวมไทยสร้างชาติ เข้าแถว-เปิดทาง ผายมือให้ก้าวไกล

“เชิญจัดตั้งได้ตามสบาย ไม่เกี่ยงงอน ไม่เล่นแง่ ไม่ยื่นแข้งขัดขา ด้วยประการทั้งปวง”

สรุป ทุกอย่างราบเรียบ ทางเปิดโล่งให้ก้าวไกลตั้งรัฐบาล มีเพียงเสียง ‘จิ้งจกทัก’ เท่านั้น นายเรืองไกร เขาทำหน้าที่ตรวจสอบตามวิถีของเขา พบหลักฐาน ‘พิธาถือหุ้นสื่อไอทีวี’ จึงไปร้องให้ กกต. ตรวจสอบ!!

เท่านั้นแหละ… ทั้งพรรคส้ม ทั้งติ่งส้ม พล่านกันเอง ประหนึ่งสิ่งมีชีวิตแต่ไร้สมอง เช่น ราเมือก พ่นพิษตลบกลบเมือง แล้วก็พาโลไปถึง กกต.ว่าประกาศช้าบ้าง จะฟ้อง-จะปลด กกต. บ้าง ต่าง ๆ นานา ทั้งที่มีกติกาเป็นกรอบให้ กกต. ทำงานอยู่แล้ว 2 เดือน คือ หลังเลือกตั้ง ภายใน 2 เดือน เมื่อตรวจสอบผลได้ ส.ส. ถึง 95% แล้ว ให้ประกาศรับรองไปก่อน เพื่อเปิดประชุมสภา

แล้วนี่กี่วันล่ะ? วันนี้ 14 มิ.ย. ก็ 1 เดือนพอดี!! ไม่ถือว่าช้า ยังเหลือเวลาอีกตั้งเป็นเดือนด้วยซ้ำ แต่ กกต. ก็บอกแล้ว ว่าจะประกาศรับรองภายใน มิ.ย. นี้

เอ้า… แล้วบอกสิ ตรงไหน-ใคร ‘จัดฉาก’ หวังไม่ให้พิธาเป็นนายกฯ และตรงไหน ที่ว่า ‘ขั้วอำนาจเก่า’ เดินเกม หวังชิงส้มหล่น?

ไม่เห็นมี มีแต่ก้าวไกลและพวกเดียวกันเองนั่นแหละ ที่ ‘ร้อนตัว-ร้อนท้อง’ เรื่องหุ้นสื่อ แล้วเที่ยวพล่าน พาลโทษคนโน้น-คนนี้ ถึงขั้นปลุกระดม ‘ลงถนน’

พูดถึง ‘ส้มหล่น’ จะสอนให้… ไอ้หนู

ดูและศึกษากลเกม ‘เพื่อไทย’ เขาโน่น เห็นมั้ย พิธาจะแถลงอะไร เพื่อไทยเออออตามไปทุกเรื่อง เพื่อไทย 141 เสียงน่ะหรือ เขาจะมากินน้ำใต้ศอกเด็กวานซืน?

โธ่เอ๊ย เจ้าเด็กน้อย…

รู้ไหม? ทำไมเพื่อไทยจึงเล่นบท ‘พี่ชายที่แสนดี’ เพราะเขารู้น่ะสิ ว่ารายการนี้ ‘นอนรอ’ ได้เลย เดี๋ยว ‘ส้มก็หล่น’ เข้าปากเอง!!


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top