Tuesday, 20 May 2025
ค้นหา พบ 48202 ที่เกี่ยวข้อง

'จัสติน ซุน' ศิษย์ 'แจ็ก หม่า' ผู้มั่นใจในอนาคตเงินคริปโต ถูก ก.ล.ต สหรัฐฯ แจ้งจับคดีฉ้อโกงปั่นเหรียญ Tron

'จัสติน ซุน' หรือ 'ซุน หยู่เฉิน' เป็นหนึ่งในนักธุรกิจรุ่นใหม่ที่ศรัทธาในมูลค่าของทรัพย์สินดิจิทัล และสามารถบริหารแพลตฟอร์มซื้อขายเงินคริปโตของตัวเองที่ชื่อ Bittorent Inc. ได้ในวัยยังไม่ถึง 30 ปี และยังเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งเงินคริปโตที่ชื่อว่า Tron (TRX) ในปี 2018 ทำให้เขายืนอยู่ในจุดที่นักธุรกิจ รุ่นใหม่อยากจะไปให้ถึง

แต่กว่าจะมาถึงจุดนี้ จัสติน ซุน ให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างชาติว่า เขามี แจ็ก หม่า เป็นไอดอล และพี่เลี้ยงในการสร้างธุรกิจจากศูนย์สู่หมื่นล้าน โดยแต่แรกเริ่ม จัสติน ซุน เองไม่ได้มีพื้นฐานในด้านธุรกิจ หรือ เทคโนโลยีใด ๆ มาก่อน เขาจบปริญญาตรี จากมหาวิทยาลัยปักกิ่ง ในสาขาประวัติศาสตร์ และ ไปต่อปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยเพนซิลวาเนีย ในด้านเอเชียศึกษา ซึ่งเขาเริ่มรู้จัก และสนใจในการทำธุรกิจคริปโตระหว่างที่ศึกษาต่อในสหรัฐอเมริกานี่เอง

พอจบกลับมา เขาตัดสินใจไปเข้าคอร์สด้านการทำธุรกิจที่สถาบันศึกษาศาสตร์แห่งการเป็นผู้ประกอบการ ของแจ็คหม่า ที่มณฑลเจ้อเจียง และเรียนรู้ที่จะลงทุนในธุรกิจเงินดิจิทัลที่นั่น

แม้ จัสติน ซุน จะชื่นชมในตัวแจ็ก หม่า อย่างมากและเขาเรียนรู้วิธีสร้างอาณาจักรธุรกิจจากสถาบันอบรมของแจ็ก หม่า หลายอย่าง ทั้งการสร้างมูลค่าให้กับองค์กร ที่ส่งผลให้หุ้นมีราคาจนสามารถขยายบริษัทจากหนึ่ง เป็นเครือข่ายที่มีพนักงานหลายพันได้ในเวลาไม่นาน อาทิ โมเดลการสร้าง Alibaba ของเขา แต่มีอยู่จุดหนึ่งที่เขา และ แจ็ก หม่า มีมุมมองต่างกัน 

โดยคนรุ่น แจ็ก หม่า เคยเชื่อว่าธุรกิจที่มีโอกาสทำเงินได้มหาศาลคือ กลุ่ม E-Commerce, ด้านการเงิน และ อสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นมุมมองของนักธุรกิจรุ่นเก่า ที่ตอนนี้มันอิ่มตัวไปแล้ว 

ส่วนในความคิดของจัสติน ซุน เขาเชื่อว่าเงินสกุลคริปโต และ เทคโนโลยี AI จะขับเคลื่อนโลกทั้งใบ และโอกาสในการสร้างธุรกิจของคนรุ่นใหม่ๆ อย่างพวกเขาจะอยู่ที่นั่น ยิ่งเมื่อได้เห็นนโยบายของรัฐบาลจีนที่เข้ามาควบคุมบริษัท Fin Tech เพราะหวั่นเกรงที่จะสูญเสียอำนาจในการควบคุมระบบการเงินของภาครัฐ อีกทั้ง บริษัท Ant Group ของ แจ็ก หม่า ถูกระงับการเข้าตลาดหลักทรัพย์จีนด้วยแล้ว จัสติน ซุน จึงตัดสินใจย้ายประเทศ ทิ้งสัญชาติจีนไปถือพาสปอร์ตเกรนาดา แล้วไปตั้งบริษัทพัฒนาเหรียญคริปโตของตัวเองในสิงคโปร์ ด้วยความเชื่อมั่นในการเติบโตของกระแสเงินคริปโต และการถือพาสปอร์ตต่างชาติช่วยเรื่องการเดินทางที่คล่องตัวกว่าในฐานะพลเมืองโลก 

‘สุทิน’ กางแผนแก้ปัญหาภาคอีสานทุกมิติ พร้อมยก ‘ปัญหาน้ำ-ที่ดิน’ เป็นวาระแห่งชาติ

(5 เม.ย.66) สุทิน คลังแสง รองหัวหน้าพรรค และผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวในรายการพิเศษ เลือกตั้ง 66 เปลี่ยนใหม่หรือไปต่อ ตอนแม่ทัพอีสาน ร่วมดีเบตกับพรรคการเมืองอื่นอีกรวม 6 พรรค ดำเนินรายการโดย กิตติ สิงหาปัต เผยแพร่ทางสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 วันที่ 4 เมษายน 2566 ถึงปัญหาของชาวอีสานว่าวันนี้ปัญหาของชาวอีสานสลับซับซ้อนมากขึ้น มีทั้งปัญหาเฉพาะหน้าต้องแก้ไข ปัญหาเก่าที่ค้างคาไม่เสร็จและปัญหาใหม่จากปัจจัยนอกประเทศที่มากระทบ ดังนั้น การแก้ปัญหาอีสานจะมาคิดแยกส่วนไม่ได้แต่ต้องมองทั้งระบบ คิดและขับเคลื่อนไปอย่างมียุทธศาสตร์พร้อมกัน

สุทิน คลังแสง กล่าวว่าจากคำถามของพี่น้องประชาชนที่สะท้อนมา อยู่ในนโยบายของพรรคเพื่อไทย  โดยปัญหาของภาคอีสานต้องตั้งหลักคิดดีๆ ไม่ใช่จะแก้เรื่องใดเรื่องหนึ่งยกกันขึ้นมาแล้วก็จบ อีสานมีทั้งปัญหาเฉพาะหน้า ปัญหาเก่าดั้งเดิมที่แก้ไม่เสร็จ และปัญหาใหม่ที่เราเผชิญกับโลกที่ต้องสู้ให้ได้ 

ปัญหาเฉพาะหน้าคือ วันนี้คนอีสานมีอาชีพ 2 อาชีพมากสุดคือเกษตรกรและขายแรงงาน ต้องยอมรับกัน เพราะฉะนั้น ปัญหาเฉพาะหน้าที่ต้องแก้คือดันราคาสินค้าเกษตรขึ้นให้มีราคาสูงทุกตัว และค่าแรงขั้นต่ำต้อง 600 บาทเป็นพื้นฐานไล่เรียงกันไป บางจังหวัดอาจสูงมากไปถึง 1 พันบาทขึ้นอยู่กับว่าเป็นอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสูง ดังนั้นนี่คือปัญหาเฉพาะหน้าที่ต้องเอาให้คนอีสานรอดตายก่อน คือดันสินค้าราคาเกษตรขึ้น ลดราคาปัจจัยการผลิต ลดราคาปุ๋ยให้ลง และผู้ใช้แรงงานได้ค่าแรง 600 บาท

ปัญหาดั้งเดิม คือ น้ำและดิน อีสานมีทั้งปัญหาแล้งจัดและท่วมจัด รวมถึงที่ดิน เพราะคนอีสานยากจน ไม่มีที่ดินทำกิน ไม่มีเอกสารสิทธิ์ หรือบางครั้งมีเอกสารสิทธิแต่ก็เป็นดินไม่มีคุณภาพ ฉะนั้นเราต้องแก้ปัญหาน้ำและดินเชิงรุก เพื่อนำไปสู่ขั้นถัดไปคือ การสร้างเขตเศรษฐกิจพิเศษใหม่ เพื่อให้พี่น้องอีสาน ได้ทำงานอยู่ในบ้านเกิด ทำงานอยู่ในอีสาน ไม่ต้องอพยพไปทำงานกรุงเทพฯ หรือจังหวัดใกล้เคียง ถ้าที่กรุงเทพมีนวนคร อีสานทำไมจะมีไม่ได้ และจังหวัดที่มีสาธารณูปโภคพื้นฐานพร้อมคือขอนแก่น เป็นจังหวัดแรก จากนั้นก็มีที่อุบลราชธานี อุดรธานีในกลุ่มอีสานเหนือกลางและใต้ ทำเขตเศรษฐกิจใหม่ ดังนั้นต่อไปก็ไม่ต้องไปขายแรงงานลงไปถึงกรุงเทพ แต่สามารถทำงานในอีสานได้

เมื่อเราสร้างรายได้ สร้างอาชีพให้เขาได้แล้ว สิ่งเหล่านี้จะอยู่โดดเดี่ยวลำพังไม่ได้ เพราะต้องมีการขนส่งคมนาคม ทั้งผู้โดยสารและขนส่งสินค้า เราจะทำรถไฟฟ้าความเร็วสูงที่นายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร เคยได้ทำไว้แต่ตอนนี้คาอยู่ที่ 3 กิโลเมตรยังสร้างไม่เสร็จ ทำต่อเชื่อมรถไฟฟ้าเชื่อมกับลาว จีน เวียดนาม อีกสายจะลงใต้เชื่อมไปสิงคโปร์ อีกทั้งยังจะมีรถไฟอีกเส้นที่เคยศึกษาไว้ที่โคราช นครพนม ที่เคยศึกษาไว้ ก็จะนำมาทำทั้งหมด จากนี้ก็จะเชื่อมทุกเส้นทางเข้าด้วยกัน 

กลับมาที่เรื่อง ดินและน้ำ ในภาคอีสาน ซึ่งจะคิดแยกส่วนไม่ได้ ต้องทำเป็นยุทธศาสตร์ ใช่ เราเคยมีการศึกษาโครงการโขงชีมูล เพราะตอนนั้นน้ำเต็มแม่น้ำโขง เรานำมาใช้ประโยชน์ได้เต็มที่เพราะจีนยังไม่ได้สร้างเขื่อนตอนบนแม่น้ำโขงกักน้ำ แต่ตอนนี้ จีนสร้างเขื่อนกักไว้ถ้าไปสร้างก็กลายเป็นสูบได้แต่ลม ดังนั้น เราเคยคุยตั้งแต่สมัยนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรแล้วว่า รอน้ำจากโขงไม่ได้ ดังนั้นเราจะเอาโครงการบริหารจัดการน้ำทั้งระบบกลับมา เพื่อจัดการน้ำได้ทั้งหน้าฝนหน้าแล้ง

‘สันติ’ โว!! เบอร์ 37 เลขมงคล จําง่าย ติดหู ชี้!! ตอน กกต.ให้จับลำดับคิวขึ้น ก็ได้คิวที่ 37

(5 เม.ย.66) ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะเลขาธิการพรรคพปชร.ให้สัมภาษณ์ถึงหมายเลข 37 ของพรรคพปชร.ว่า เลข 37 ใครๆ ก็จําได้ หลานชายที่บ้านยังจําได้เลย ติดหู ติดสมองแน่นอน เพราะจำง่าย ตัวเลขน้อยอยู่ข้างหน้า ตัวเลขมากอยู่ข้างหลัง 

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีซินแสบางคนทักว่าตัวเลขดังกล่าวไม่เป็นมงคล นายสันติ กล่าวว่า ไม่มงคลตรงไหน 37 เป็นเลขมงคลอยู่แล้ว ถ้าเป็นเลข 6 หรือเลข 4 ก็อีกเรื่อง เมื่อถามยํ้าว่าไม่สนใจเรื่องดวง หรือเลขมงคล ใช่หรือไม่ นายสันติ กล่าวว่า เลข 3 กับ 7 ไม่ดีตรงไหน ตนว่าดีมากแล้ว และเป็นเรื่องดีเสียด้วยซ้ำ เพราะผู้สมัคร ส.ส.เขต ส่วนใหญ่ ได้เลขหลักเดียว จะได้ไม่ซ้ำกัน 

เมื่อถามว่า เลขดังกล่าวสมพงษ์กับพรรคใช่หรือไม่ นายสันติ กล่าวว่า ใช่ เลขนี้เป็นเลขฟ้าสั่ง ตอนที่ประธาน กกต.ให้จับสลากลำดับคิวขึ้นจับเบอร์ ก็ได้คิวที่ 37 และเมื่อพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพปชร. ขึ้นไปจับลำดับเบอร์ที่จะจับเลือกเลขก็ได้เลข 37 เป็นเลขมงคลอยู่แล้ว มีพรรคไหนบ้างได้เลขเดียวกัน 2 ครั้ง 

เมื่อถามว่า จะต้องปรับกลยุทธ์อย่างไร ให้ประชาชนจำง่ายขึ้น นายสันติ กล่าวว่า ไม่ต้อง เลขนี้จำง่ายอยู่แล้ว เมื่อถามว่จะมีการปรับนโยบายพรรค 3700 เพื่อให้เชื่อมโยงเบอร์ 37 ใช่หรือไม่ นายสันติ กล่าวว่า พรรคมี 3 นโยบายหลัก และกระจายออกมาเป็น 7 นโยบายย่อย และมีนโยบายเบี้ยผู้สูงอายุ 3,000 และบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 700 บาท นโยบายต่างๆ เอื้อให้เข้ากับเลข 37 อยู่แล้ว 

'ก้าวไกลกรุงเทพฯ' ตั้งเวทีริมถนน ประชาสัมพันธ์นโยบาย เน้นคนสัญจรในเมือง ผลตอบรับดี มีประชาชนมาให้กำลังใจ

(5 เม.ย.66) หลังจากเสร็จสิ้นกิจกรรมเมื่อวันที่ 3 เมษายน ที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) รับสมัคร ส.ส. แบบแบ่งเขตทั่วประเทศ และให้ผู้สมัครจับเบอร์ที่จะใช้ในการเลือกตั้ง ผู้สมัคร ส.ส. พรรคก้าวไกลทั่วประเทศ ก็เดินหน้าลงพื้นที่หาเสียงอย่างเข้มข้น

ในช่วง 1-2 วันที่ผ่านมา ได้มีการเผยแพร่ภาพผู้สมัคร ส.ส. กรุงเทพฯ ของพรรคก้าวไกลหลายเขต ใช้วิธีการหาเสียงแบบใหม่ ด้วยการยืนปราศรัยบนเวทีที่ยืนขนาดเล็ก ไม่ว่าจะเป็นเก้าอี้ ยางรถยนต์ แล้วใช้เครื่องเสียงขนาดเล็กประชาสัมพันธ์นโยบายของพรรคก้าวไกลและตัวผู้สมัคร

พิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล เปิดเผยว่าวิธีการหาเสียงแบบนี้ ผู้สมัคร ส.ส.พรรคก้าวไกลหลายเขตทำแล้วได้ผลตอบรับดีมาก เพราะสอดคล้องกับวิถีชีวิตคนกรุงเทพฯ ที่ใช้ชีวิตส่วนใหญ่บนท้องถนน หรือเดินทางสัญจรไปมาทั้งบนถนนและบนทางเท้า รวมทั้งมีต้นทุนในการหาเสียงที่ต่ำกว่ามากเมื่อเทียบกับรถแห่หาเสียงหรือเวทีขนาดใหญ่

“หัวใจสำคัญของการหาเสียงด้วยวิธีนี้ คือความใกล้ชิดกับประชาชน เพราะยืนอยู่ในระยะที่ประชาชนเข้าถึงตัว มีปฏิสัมพันธ์กับผู้สมัคร ส.ส. ได้ เราได้รับเสียงตอบรับที่ดีมากจากประชาชนที่สัญจรผ่านไป-มา บางคนจอดรถให้กำลังใจ บางคนซื้อน้ำ-ซื้อพวงมาลัยให้ บางคนก็เข้ามาพูดคุยสอบถามนโยบายพรรคก้าวไกล การหาเสียงด้วยวิธีนี้สอดคล้องกับค่านิยมพรรคก้าวไกลที่บอกว่าผู้แทนราษฎรของเราต้องเป็นคนธรรมดา ไม่ทำตัวสูงส่งกว่าประชาชนหรือเข้าถึงยาก รวมทั้งยังเป็นวิธีการที่มีต้นทุนต่ำมากๆ ในการหาเสียง” พิจารณ์กล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top