Saturday, 10 May 2025
ค้นหา พบ 47993 ที่เกี่ยวข้อง

เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับกุมกรณีมีปลอมข้อมูลในภาพถ่ายบัตรประชาชนของผู้อื่น และนำไปประกอบการหลอกจำหน่ายสินค้าออนไลน์

จากกรณีในสื่อสังคมออนไลน์มีการแชร์ภาพและข้อความเกี่ยวกับชายหนุ่มรายหนึ่ง ซึ่งมีบัตรประชาชนถึง 7 ใบ โดยแต่ละใบจะมีชื่อและนามสกุลไม่ซ้ำกัน แต่ใบหน้าเจ้าของบัตรประชาชนเป็นคนเดียวกัน และมีที่อยู่อาศัยอยู่ในพื้นที่ ต.ลาดหญ้า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ซึ่งจากกรณีดังกล่าวชาวบ้านได้มีการร้องเรียนไปยังกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อให้เร่งดำเนินการตรวจสอบเกี่ยวกับการออกบัตรประชาชนดังกล่าว ว่ามีที่มาอย่างไร ตามที่ได้มีการเสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าล่าสุดโดยการอำนวยการสั่งการของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร.,พล.ต.ท.ยรรยง เวชโอสถ ผบช.ภ.4,พล.ต.ต.หัสชัย เรืองมาลัย รอง ผบช.ภ.4, พล.ต.ต.พิษณุ อุณหเสรี ผบก.ภ.จว.อุดรธานี,พล.ต.ต.ณัฐนนท์ ประชุม ผบก.สส.ภ.4,พ.ต.อ.พงศ์ฤทธิ์ คงสิริสมบัติ รอง ผบก.สส.ภ.4,พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิศมัย รอง ผบก.สส.ภ.4  มีรายละเอียด ดังนี้
ข้อ1. บุคคลตัวจริง ที่ปรากฏภาพใบหน้า ในบัตรประชาชนทั้ง 7 ใบคือ  นายภาคิน (สงวนนามสกุล) อายุ 32 ปี  ที่อยู่บ้านเลขที่ 145 ม.1 ต.ลาดหญ้า อ.เมืองกาญจนบุรี จ.กาญจนบุรี ซึ่งจากการสืบสวนทราบว่า นายภาคินฯได้เคยส่งภาพบัตรประชาชนตนไปกู้เงินออนไลน์ แต่หลังจากกลุ่มคนร้ายได้ภาพบัตรประชาชนของนายภาคินฯ ไปแล้วนั้น เชื่อว่าได้นำภาพบัตรประชาชนของนายภาคินฯ ดังกล่าว ไปทำการแก้ไขในส่วน ชื่อ นามสกุล และเลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก ให้ตรงกับ ชื่อ นามสกุล ของเจ้าของบัญชีธนาคารที่ไปจ้างเปิดไว้(บัญชีม้า) แต่คงส่วนภาพใบหน้านายภาคินฯ ไว้ เพื่อให้ประชาชนหลงเชื่อ 

ซึ่งรายชื่อของบุคคลอื่นทั้ง 7 ราย ที่ปรากฏ ชื่อ นามสกุล และ เลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก ประกอบภาพใบหน้าของนายภาคินฯ ได้แก่ 1)นายนฤเบศร์ (สงวนนามสกุล)  2)นายชินดนัย (สงวนนามสกุล) 3)นายประทีป (สงวนนามสกุล) 4)นายชัยสิทธิ์ (สงวนนามสกุล) 5)นายชาญณรงค์ (สงวนนามสกุล) 6)นายพรพล (สงวนนามสกุล) และ 7) นายพงศธร (สงวนนามสกุล) 

จากการสืบสวนสอบสวนพบว่า มีผู้เสียหาย ได้ถูกหลอกลวงให้ซื้อสินค้าผ่านระบบออนไลน์ แต่ไม่ได้สินค้า โดยคนร้ายได้ใช้บัญชีธนาคารของบุคคลดังกล่าวข้างต้น คือ  นายชัยสิทธิ์  นายชาญณรงค์  นายพรพล  นายพงศธร โดยมีพฤติการณ์คือ ใช้ภาพถ่ายบัตรประชาชนของนายภาคินฯ ไปทำการเปลี่ยนแปลง ชื่อ นามสกุล  และหรือ ประจำตัวประชาชน 13 หลัก โดยใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ในการแก้ไขข้อมูลในภาพ ซึ่งไม่ได้มีการทำบัตรขึ้นมาใหม่ เพียงแต่แก้ไขชื่อ นามสกุล ภายในบัตรเพื่อให้ตรงกับ ชื่อเจ้าของบัญชีธนาคารที่ใช้รับโอนค่าสินค้า ก่อนจะนำไปหลอกขายสินค้าให้กับ ผู้เสียหายและประชาชนทั่วไป เมื่อผู้เสียหายพบว่า ชื่อในภาพบัตรประชาชน ตรงกับชื่อที่คนร้ายได้ส่งมาประกอบการซื้อขายสินค้า และตรงกับชื่อในบัญชีธนาคารที่โอนเงินค่าสินค้า ก็หลงเชื่อว่าเป็นเพจ ที่มีการจำหน่ายสินค้าจริง มีตัวตนจริงตามบัตรประชาชน จึงโอนเงินค่าสินค้าไป 

ต่อมา ผู้เสียหายที่ถูกหลอกขายสินค้าออนไลน์ในพื้นที่ จังหวัดขอนแก่น ร้อยเอ็ด ชัยภูมิ และ เลย จึงได้ร้องทุกข์ดำเนินคดีต่อพนักงานสอบสวน  จำนวน 4 คดี รายละเอียด ดังนี้
1.คดีอาญา สภ.คอนสาร จว.ชัยภูมิ ที่ 79/2566 ลงวันที่ 20-มี.ค.-66 ข้อหา ฉ้อโกงประชาชน,พ.ร.บ.คอมฯ ม.14
-หมายจับศาลจังหวัดภูเขียว จ. 33/2566 ลงวันที่ 24 มี.ค.66 นายชัยสิทธิ์  ข้อหา ฉ้อโกงประชาชน,พ.ร.บ.คอมฯ ม.14 อยู่ระหว่างติดตามตัว

2.คดีอาญา สภ.เมืองเลย ที่ 202/2566 ลงวันที่ 20-มี.ค.-66 ข้อหา ฉ้อโกงประชาชน,พ.ร.บ.คอมฯ ม.14 
-หมายจับศาลจังหวัดเลย ที่ 99/2566 ลงวันที่ 21มี.ค.66 นายชาญณรงค์ ข้อหา ฉ้อโกงประชาชน,พ.ร.บ.คอมฯ ม.14 จับกุมตัวแล้ว

3.คดีอาญา สภ.เมืองร้อยเอ็ด ที่ 261/2566 ลงวันที่ 20-มี.ค.-66 ข้อหา ฉ้อโกงประชาชน
-หมายจับศาลจังหวัดร้อยเอ็ด ที่118/2566  ลงวันที่ 21มี.ค.66 นายพรพล ข้อหา ฉ้อโกงประชาชน จับกุมตัวแล้ว
-หมายจับศาลจังหวัดร้อยเอ็ด ที่120/2566  ลงวันที่ 27 มี.ค.66 นายพฤหัส ข้อหา ฉ้อโกงประชาชน จับกุมตัวแล้ว

4.คดีอาญา สภ.เมืองขอนแก่น ที่ 983/2566 ลง 20 มี.ค.66 ข้อหา ฉ้อโกงประชาชน,พ.ร.บ.คอมฯ ม.14 ผู้ต้องหา 2 ราย
-หมายจับศาลจังหวัดขอนแก่น ที่ จ.157/2566  ลงวันที่ 21มี.ค.66 นายพงศธร ข้อหา ฉ้อโกงประชาชน,พ.ร.บ.คอมฯ ม.14 จับกุมตัวแล้ว
-นายปรินทร์ ข้อหา ฉ้อโกงประชาชน,พ.ร.บ.คอมฯ ม.14  แจ้งข้อกล่าวหาแล้ว

จากการสืบสวนสอบสวนเพิ่มเติม พบว่า นอกจากบุคคลที่มีรายชื่อทั้ง 7 ราย ที่ปรากฏตามข่าวข้างต้น แล้วยังพบว่ามีการกระทำผิดในรูปแบบเดียวกัน โดยการนำ ชื่อ นามสกุล และ เลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก ของบุคคลอื่น มาประกอบกับภาพถ่ายบัตรประชาชนของนายภาคิณฯ ซึ่งพิสูจน์ตัวบุคคลได้อีก 2 ราย คือ 1) นายฐิติกร  และ 2) นายอนิวัตติ์  ซึ่งในกรณีนี้ผู้เสียหายในพื้นที่ จังหวัดมหาสารคาม ประจวบคีรีขันธ์ และ ลำพูน ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ ต่อพนักงานสอบสวน อีกจำนวน 3 คดี 

5.คดีอาญา สภ.เมืองมหาสารคาม ที่ 180/2566 ลงวันที่ 20-มี.ค.-66 ข้อหา ฉ้อโกงประชาชน,พ.ร.บ.คอมฯ ม.14  ผู้ต้องหา 2 ราย
-หมายจับศาลจังหวัดมหาสารคาม จ.69/2566 ลงวันที่ 21 มี.ค.66 นายฐิติกร ฉ้อโกงประชาชน,พ.ร.บ.คอมฯ ม.14  อยู่ระหว่างติดตามตัว
-หมายจับศาลจังหวัดมหาสารคาม จ.68/2566 ลงวันที่ 21มี.ค.66 นายเดโช ข้อหา ฉ้อโกงประชาชน,พ.ร.บ.คอมฯ ม.14  อายัดตัวเรือนจำจังหวัดนนทบุรี

6.คดีอาญา สภ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ ที่  671/2565 ข้อหา ฉ้อโกงประชาชน,พ.ร.บ.คอมฯ ม.14
-หมายจับศาลจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ที่ จ.149/2565  ลงวันที่ 6 ธ.ค.65 นายอนิวัตติ์ ข้อหา ฉ้อโกงประชาชน,พ.ร.บ.คอมฯ ม.14  จับกุมตัวแล้ว

7.คดีอาญา สภ.นิคมอุตสาหกรรม จว.ลำพูน ที่  978/2565 ข้อหา ฉ้อโกงประชาชน,พ.ร.บ.คอมฯ ม.14
-หมายจับศาลจังหวัดลำพูน ที่ จ.555/2565  ลงวันที่ 6ธ.ค.65 นายอนิวัตติ์ ข้อหา ฉ้อโกงประชาชน,พ.ร.บ.คอมฯ ม.14  อายัดตัวผู้ต้องหา (จากคดีลำดับ 6.)

ข้อ 7. สรุปการดำเนินคดีทั้ง 7 คดี (ตามข้อ 1)
สรุปการดำเนินคดีทั้ง 7 คดี ผู้ต้องหา 9 ราย 
1) ออกหมายจับ 9 หมายจับ  ผู้ต้องหา 8 ราย (นายอนิวัตติ์  มี 2 หมายจับ)
จับกุมผู้ต้องหาได้  5 ราย    5 หมายจับ
อายัดตัว 1 ราย 2 หมายจับ(อายัดหมาย นายเดโช และ นายอนิวัตติ์  )
หลบหนี 2 ราย  2 หมายจับ
2) แจ้งข้อกล่าวหา 1 ราย ผู้ต้องหา 1 ราย

ข้อ3. กรณีกลุ่มผู้ซื้อขาย จัดหาบัญชีม้า ปรากฏจากการสืบสวนขยายผลถึงกลุ่มขบวนการซื้อขายบัญชีม้าในคดีนี้ พบว่ามีการกระทำอยู่ 2 รูปแบบ คือ 
3.1 รูปแบบการซื้อขายบัญชีผ่านสื่อสังคมออนไลน์ (ON LINE) โดยเจ้าของบัญชีม้าจะทำการเปิดบัญชีผ่านระบบออนไลน์ของธนาคาร จากนั้นก็จะส่งรหัสผ่านพร้อมเลขบัญชีให้กับนายหน้าผู้ซื้อหรือติดต่อกับเจ้าของบัญชีม้าเพื่อแลกกับค่าตอบแทน ซึ่งมีการเปิดกลุ่มสำหรับหาผู้จำหน่ายบัญชีม้าทั่วไป ก่อนจะนำบัญชีม้าไปเป็นบัญชีรับซื้อขายสินค้า หรือเกี่ยวข้องในการทำผิดกฎหมายอื่น
3.2 รูปแบบการใช้บุคคลรวบรวมบัญชีม้า (ON SITE)  กรณีนี้เจ้าของบัญชีม้าได้มีการเปิดบัญชีผ่านระบบออนไลน์ หรือเปิดกับธนาคาร โดยตรง ก่อนจะส่งมอบรหัสบัญชี หรือสมุดบัญชี พร้อมบัตรเอทีเอ็มให้กับตัวแทน ซึ่งส่วนมากจะรู้จักกัน ก่อนที่นายหน้าจะรวบรวมส่งให้กับกลุ่มมิจฉาชีพเพื่อนำไปใช้ในการกระทำความผิดต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ทำการสืบสวนและจับกุมตัวบุคคลที่มีหน้าที่รวบรวมบัญชีได้คือ 

1) นายปรินทร์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 28 ปี ภูมิลำเนาอยู่ที่ จ.กาฬสินธุ์ ในความผิดฐาน " ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันกระทำการโดยทุจริตหรือหลอกลวงนำเข้าข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน "  
ซึ่งในส่วนของผู้ร่วมเครือข่ายรายอื่นอยู่ระหว่างสืบสวนขยายผล และตรวจสอบเส้นทางการเงินหาความเชื่อมโยงผู้ที่ได้รวบรวม จัดหาบัญชีเพิ่มเติม

‘ศรีสุวรรณ’ บุกร้อง ‘ชัชชาติ’สอบเจ้าหน้าที่ กทม.  ปม ปล่อยให้เอกชนเก็บค่าผ่านสะพานพระโขนง

‘ศรีสุวรรณ’ บุกร้องผู้ว่ากทม. สอบ เจ้าหน้าที่เอื้อประโยชน์ให้เอกชนเก็บเงินค่าผ่านสะพานพระโขนง

วันนี้(27 มี.ค.66)เวลา 10.00 น. นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้เดินทางมายื่นคำร้องต่อนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เพื่อให้ดำเนินการสอบสวนเอาผิดพนักงานเจ้าหน้าที่ กทม.ที่เกี่ยวข้องกับการละเลยการปฏิบัติหน้าที่ ปล่อยให้ บ.แสนสิริ ได้ก่อสร้างสะพานข้ามคลองพระโขนง เขตวัฒนา แต่มีการเรียกเก็บค่าผ่านทาง ซึ่งไม่เป็นไปตามมาตรการและเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม(EIA) 

ทั้งนี้สืบเนื่องจาก บ.แสนสิริได้ขออนุญาตสำนักการโยธา กทม.ก่อสร้างอาคารที่พักอาศัยขนาดใหญ่พิเศษโครงการ The Base Park East และโครงการ The Base Park West โดยจัดทำรายงาน EIA ซึ่งผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการผู้ชำนาญการฯแล้วทั้ง 2 โครงการ โดยได้ระบุไว้ในรายงานว่า ในการดูแล บำรุงรักษา ถนนภาระจำยอมบนโฉนดที่ดิน 8 แปลง และสะพานข้ามคลองพระโขนง ตลอดจนระบบสาธารณูปโภคริมถนน ฯลฯ นั้น หากเกิดกรณีสะพานชำรุดเสียหาย นิติบุคคลอาคารชุดจะเป็นผู้ดำเนินการประสานไปยังสำนักงานเขตวัฒนาเพื่อซ่อมแซมด้วยค่าใช้จ่ายของบริษัทที่ถือครองกรรมสิทธิ์เองทั้งสิ้น รวมทั้งรับผิดชอบค่าไฟฟ้าส่องสว่างที่เกิดขึ้นในที่ดินภาระจำยอมนั้นด้วย 

‘สุวัจน์-กรณ์’ เปิดตัว 16 ว่าที่ผู้สมัครฯ นครราชสีมา ชพก. พร้อมชู ‘โคราชโนมิกส์’ บนแนวคิด ‘งานดี-มีเงิน-ของไม่แพง’

(27 มี.ค.66) นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติ นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรค นายเทวัญ ลิปตพัลลภ เลขาธิการพรรค นายแพทย์วรรณรัตน์ ชาญนุกูล ที่ปรึกษาพรรค พันเอกวินัย สมพงษ์ ที่ปรึกษาพรรค นายวัชรพล โตมรศักดิ์ รองหัวหน้าพรรค นายสมบัติ กาญจนวัฒนา รองเลขาธิการรพรรค ร่วมกันเปิดตัวผู้สมัคร สส.โคราช ทั้ง 16 เขต พร้อมผู้สมัคร สส.ระบบบัญชีรายชื่อ โดยชูนโยบาย ‘โคราชโนมิกส์’ เตรียมสู้ศึกการเลือกตั้งและขับเคลื่อนประเทศ บนแนวคิด ‘งานดี-มีเงิน-ของไม่แพง’

นายสุวัจน์ กล่าวว่า วันนี้ได้มีการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครสส.ทั้ง 16 เขต เพราะวันที่ 3 เมษายนนี้จะต้องไปสมัครแล้วขั้นตอนต่อไปก็จะนําไปสู่การทํา primary vote ภายในอาทิตย์นี้เพื่อให้ถูกต้องถือว่าได้เปิดตัวต่อพี่น้องประชาชน ต้องขอขอบคุณชาวโคราชที่ได้มาให้การสนับสนุนให้กําลังใจกว่า 2,000 คน และถือโอกาสนี้พาผู้สมัครทั้ง 16 ท่าน ไปแสดงตนต่อหน้าอนุสรณ์สถานพล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ เพื่อที่จะยึดอุดมการณ์ แนวคิดในการทํางานเพื่อรับใช้ชาวโคราชโดยเฉพาะในการเลือกตั้งครั้งนี้พรรคชาติหน้ากล้า มีความมุ่งมั่นที่จะต้องได้ชัยชนะ ที่จังหวัดนครราชสีมา ต้องทวงแชมป์คืน ต้องกลับมาเป็นแชมป์ที่โคราชให้ได้ เพื่อที่จะได้มาผลักดันโครงการที่สําคัญ ซึ่งได้ประกาศนโยบายไปแล้ว คือ นโยบายโคราชโนมิกส์ ในการที่จะเอาเศรษฐกิจยุคทองของคนโคราชกลับมา เหมือนที่ท่านพลเอกชาติชายได้เคยสร้างเอาไว้ ซึ่งนโยบายโคราชโนมิกส์นั้น เป็นเรื่องที่จะสร้างโคราช สร้างอีสานให้เป็นระเบียงเศรษฐกิจใหม่ ด้านการลงทุนของประเทศให้ยิ่งใหญ่เหมือนกับตอนที่ท่านชาติชาย เปิดประตูอีสานสู่อินโดจีน แปรสนามรบเป็นสนามการค้าเหมือนภาคสอง 

นายสุวัจน์ กล่าวว่า นโยบายที่สําคัญก็คือ การที่จะดึงนักลงทุนต่าง ๆ มาลงทุนโดยอาศัยความได้เปรียบของภูมิรัฐศาสตร์ ฉะนั้น เรื่องระบบการคมนาคม เรื่องการสร้างโคราชให้เป็นเมืองอาหารป้อนโลก โคราชเป็นเมืองท่องเที่ยวอินเตอร์ และโครงสร้างพื้นฐานทางด้านแก้ไขปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้ง ต้องพร้อม ซึ่งเรามั่นใจ หลังจากที่ได้เปิดตัวนโยบายโคราชโนมิกส์ไปแล้ว พี่น้องประชาชนจําติดปากแล้วว่าโคราชโนมิกซ์ก็คือ การเอาเศรษฐกิจยุคทองของคนโคราชกลับมา คือ นโยบายแปรสนามรบ เป็นสนามการค้าภาคที่สอง แต่มาในเวอร์ชั่นของภาคเศรษฐกิจ บวกกับนโยบายโดยภาพรวมทั้งประเทศของพรรคชาติพัฒนากล้า เรื่อง ‘งานดี มีเงิน ของไม่แพง’

นายสุวัจน์ กล่าวว่า ฉะนั้น เรามีความมั่นใจว่าในการเลือกตั้งครั้งนี้ โดยเฉพาะที่จังหวัดนครราชสีมา ต้อง come back ต้องเป็นแชมป์ที่โคราช อย่างแน่นอน เพื่อมาทํางานให้ชาวโคราช

นายสุวัจน์ กล่าวว่า บรรยากาศเรื่องการเลือกตั้งมาได้ดี เพราะตอนนี้มีการแบ่งเขตแล้ว กําหนดวันสมัครแล้ว กําหนดวันเลือกตั้งแล้ว คิดว่าการเลือกตั้งครั้งนี้คงจะเป็นการเลือกตั้งที่ค่อนข้างที่จะเหมือนกับว่าท้องฟ้าเปิด ไม่มีความได้เปรียบเสียเปรียบในเรื่องของกติกาก็เป็นเรื่องที่ดีต้องขอบคุณทาง กกต. ด้วย จากนี้ไปก็เป็นเรื่องของการควบคุมในแง่ operation ในเรื่องของการปฏิบัติในภาคสนามว่าทําอย่างไรที่จะจัดการกับเรื่อง Money Politics หรือการซื้อเสียงหรืออะไรที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย

“วันนี้ เปิดตัวผู้สมัครทั้ง 16 เขต เอาขึ้นเวทีมวยชกครบทุกเซต แต่ไม่ใช่ว่าจะไปต่อยไปหาเรื่องกับใคร  พรรคชาติพัฒนากล้าไม่มีเรื่องมีราวกับใครอยู่แล้ว เรามีแต่เพื่อน แต่วันนี้ที่ใช้เวทีมวยเป็นการเปิดตัวเพราะมวยคือ การต่อสู้ วันนี้เราต่อสู้กับปัญหาของประเทศ เรามีผู้สมัคร 16 คน ก็ปัญหาของประเทศมา 16 ข้อ คือ ปัญหาเงินเฟ้อ น้ำมันแพง ค่าไฟแพง ตกงาน นักท่องเที่ยว ความยากจน น้ำท่วม น้ำแล้ง ที่ดินทํากินของเกษตรกร ราคาพืชผลเกษตรตกต่ำ การลงทุนสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ คือ ปัญหาที่เราต้องไฟต์ก็เลยใช้เวทีมวย และให้ผู้สมัครแต่ละคนต่อยกับปัญหา สู้กับปัญหา ฉะนั้น ยืนยันได้ว่าพี่น้องประชาชนมั่นใจในในพรรคชาติพัฒนากล้า ในการเอาจริงเอาจังในเรื่องนโยบายทํางานกันจริง ๆ วันนี้ระดมผู้มีประสบการณ์ หวังว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ เราจะได้รับโอกาสในการเข้าไปทํางานเพื่อแก้ไขปัญหาบ้านเมือง” นายสุวัจน์ กล่าว

นายสุวัจน์ กล่าวว่า สำหรับพื้นที่เขต 3 เขต 4 ดึงบ้านใหญ่โคกกรวด ตระกูลกาญจนวัฒนา 
‘กำนันเบ้า-สมศักดิ์’ และ ‘สจ.สมบัติ’ ลงสนามนั้น นายสุวัจน์ กล่าวว่าค่อนข้างมั่นใจมาก ๆ ทั้งสองท่านอาจจะลงสมัครครั้งแรก แต่คนโคราช รู้จักกัน เป็นอย่างดี เพราะว่าครอบครัวกาญจนวัฒนาตั้งแต่สมัยคุณพ่อท่านกํานันประเสริฐ เป็นกํานันที่ได้รับการยอมรับความเป็นนักพัฒนา แล้วก็ตกมารุ่นลูก คือ กำนันเบ้า-สมศักดิ์ แล้วก็รุ่นหลาน ‘กำนันกาญจนา’ (ลูกสาวกำนันเบ้า) ถือว่าเป็นครอบครัวนักพัฒนาครอบครัวที่อยู่กับพี่น้องประชาชนรู้ปัญหาจริง ๆ ฉะนั้น การที่ทั้งสองท่านได้ตัดสินใจมาร่วมงานกับพรรคชาติพัฒนากล้าต้องขอบคุณทั้งสองท่าน “ผมมั่นใจมากว่าทั้งสองท่านจะได้รับการสนับสนุนจากพี่น้องประชาชน แล้วจะเป็น ส.ส.ที่ดีเป็นหน้าเป็นตาให้กับเมืองโคราช”

ผู้สื่อข่าวถามว่า มองเรื่องการเมืองสองขั้วอย่างไร นายสุวัจน์ กล่าวว่า ทางการเมืองของแต่ละพรรคก็เป็นเรื่องแต่ละพรรค แต่สําหรับพรรคชาติพัฒนากล้า เราไม่ได้วาง position หรือวางตนเองว่าเป็นขั้วการเมืองอะไร เราคิดว่าการเมืองวันนี้ต้องพยายามที่จะทำให้เกิดความร่วมมือ ลดความขัดแย้งให้มากที่สุด และให้เกิดความร่วมมือในการทํางานร่วมกัน ใครจะเป็นฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาลก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ความร่วมมือ การทํางานร่วมกันเพื่อให้พลังทางการเมืองให้เกิดความรู้สึกว่าเราเลือกตั้งมาแล้วการเมืองมีเสถียรภาพ แก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชนได้ ฉะนั้น พรรคชาติพัฒนากล้า ตอนนี้ก็วางตนเองไว้ว่าวันนี้ให้น้ำหนักกับการเลือกตั้งกับสนามเลือกตั้ง กับผลการเลือกตั้ง การตัดสินใจทางการเมืองอะไรที่เกี่ยวข้องจากนี้ไปก็คงขึ้นอยู่กับผลการเลือกตั้ง เราต้องเคารพเสียงประชาชน ผลการเลือกตั้งคือเสียงของประชาชน

นายสุวัจน์ กล่าวว่า สำหรับประเด็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคชาติพัฒนากล้านั้น ประธานพรรคฯ กล่าวว่า จะมีการทํา ไพรมารีโหวตในเรื่องของส.ส.เขต และส.ส.ปารตี้ลิสเสร็จแล้วก็จะมาตัดสินใจเรื่องใครจะเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ซึ่งตามรัฐธรรมนูญเสนอได้ 3 ท่านอยู่แล้ว ไม่มีปัญหา มีอยู่แล้วก็ต้องระดมสรรพกําลังกัน ระดมผู้มีประสบการณ์ ระดมความรู้ความสามารถ เพราะบ้านเมืองวิกฤตจริงๆ ก็ต้องระดมกันทุกคนต้องกลับมาช่วยชาติบ้านเมือง กลับมาช่วยพรรคกัน คือสุดท้ายแล้วพี่น้องประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจไม่ว่าจะเป็นใครก็แล้วแต่ก็เชื่อว่าทุกพรรคก็ต้องเสนอคนที่ดีที่สุดแล้วก็ต้องแล้วแต่พี่น้องประชาชน

‘ชัชชาติ’ แจง ‘สวนชูวิทย์’ ไม่ใช่ที่ดินสาธารณะ ยัน!! เอกชนถือครอง - จ่ายภาษีที่ดินตามกฎหมาย

(27 มี.ค.66) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงกรณี นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นหนังสือให้ตรวจสอบสวนของ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ถึงความชัดเจนในการยกที่ดินเป็นสาธารณสมบัติว่า ได้รับรายงานจาก นายขจิต ชัชวานิชย์ ปลัดกรุงเทพมหานครเมื่อช่วงเช้า

เบื้องต้นข้อมูลที่เป็นเอกสารจากกรุงเทพมหานครพบว่า โฉนดที่ดินดังกล่าวยังไม่ได้เป็นที่สาธารณะ กรุงเทพมหานครไม่ได้มีส่วนร่วมเข้าไปปรับปรุงให้เป็นพื้นที่สาธารณะแต่อย่างใด ยังเป็นที่ดินเอกชนอยู่ และมีการจ่ายภาษีที่ดินต่อเนื่องตามกฎหมาย ซึ่งที่ผ่านมาจ่ายภาษีรวม 3,000,000 บาท

'ทนายนิด้า' ซัด 'ทนายตั้ม' แถลงโยนขี้ให้คนอื่น  ยัน!! ไม่ใช่ทนายหญิงเรียก 3 แสน พาออกรายการดัง

‘ทนายนิด้า’ ซัด ‘ทนายตั้ม’ แถลงโยนขี้คนอื่น ไม่มีความเป็นลูกผู้ชาย ท้าตีนถีบหน้า ยัน ไม่ใช่ทนายหญิงเรียก 3 แสน พาออกรายการดัง

จากกรณี ที่สำนักงาน sittra law firm ทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ แถลงเปิดโปง นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง ว่ารับเงินจากเว็บพนันออนไลน์จากอดีตข้าราชการตำรวจ

นอกจากนี้ บางช่วงของการชี้แจงได้มีการพูดถึงการเรียกเก็บเงิน 3 แสน เป็นค่าแถลงข่าว ของ ทนายตั้ม นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ โดยในช่วงหนึ่งของการแถลง ทนายตั้ม มีการอ้างว่ามี ‘ทนายหญิงคนหนึ่ง’ เรียกเก็บเงิน 3 แสน เป็นค่าพาออกรายการดัง

ล่าสุด วันนี้ (27 มี.ค.) เพจ ‘ทนายนิด้า’ หรือ ศรันยา หวังสุขเจริญ ทนายหญิงชื่อดัง ออกมาเคลื่อนไหวโพสต์ข้อความ หลังโดนพาดพิง โดยได้ระบุข้อความว่า

“หลังบ้าน (พยานบอกเล่า) แจ้งนิด้ามา ว่าพี่เขาหมายถึงหนูนี่แหละ ที่เป็นทนายผู้หญิงเรียกเก็บค่าออกโหนกระแสครั้งละ 300,000 บาท งื้อออออออ!!! ไตล้าย

เน้นเปิด ไม่เน้นปิด เน้นทิ้งบอมบ์ เน้นฟังเขาเล่ามา เน้นผมได้ยินมาว่า (หลายเคสละนะ)


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top