Wednesday, 14 May 2025
ค้นหา พบ 48047 ที่เกี่ยวข้อง

‘คลัง’ ยัน ‘บัตรสวัสดิฯ’ รอบใหม่ ไปต่อ!! แม้ยุบสภา ย้ำ!! หากยืนยันตัวตนสำเร็จ เริ่มใช้สิทธิ 1 เม.ย. ตามเดิม

จากกรณีที่ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่พระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2566 นั้น กระทรวงการคลังขอยืนยันว่า ไม่มีผลต่อการดำเนินงานในโครงการเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 หรือ บัตรคนจนรอบใหม่ โดยทุกกระบวนการ ทั้งการยืนยันตัวตน การใช้สิทธิรอบใหม่ และการยื่นอุทธรณ์กรณีไม่ผ่านสิทธิ ยังเป็นไปตามที่ประกาศไว้

สำหรับ การยืนยันตัวตนของผู้ได้รับสิทธิ เดินทางไปยืนยันตัวตนที่ธนาคารออมสิน ธนาคารกรุงไทย และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ทุกสาขา ได้ทุกวันจนถึงวันที่ 31 มีนาคม 2566 สาขาทั่วไปตั้งแต่เวลา 09.00-16.00 น. และสาขาในห้างสรรพสินค้าตั้งแต่เวลา 11.00-16.00 น.

ส่วนช่วงระยะเวลามีทั้งหมด 5 รอบ คือ

รอบที่ 1 ยืนยันตัวตนระหว่างวันที่ 1-26 มีนาคม 2566 จะได้เริ่มใช้สิทธิวันที่ 1 เมษายน 2566
รอบที่ 2 ยืนยันตัวตนระหว่างวันที่ 27 มีนาคม-26 เมษายน 2566 เริ่มใช้สิทธิวันที่ 1 พฤษภาคม 2566
รอบที่ 3 ยืนยันตัวตนระหว่างวันที่ 27 เมษายน-26 พฤษภาคม 2566 เริ่มใช้สิทธิวันที่ 1 มิถุนายน 2566
รอบที่ 4 ยืนยันตัวตนระหว่างวันที่ 27 พฤษภาคม-26 มิถุนายน 2566 เริ่มใช้สิทธิวันที่ 1 กรกฎาคม 2566
รอบที่ 5 ยืนยันตัวต้นระหว่างวันที่ 27 มิถุนายน 2566 เป็นต้นไป และเริ่มใช้สิทธิวันที่ 1 สิงหาคม 2566

โดยผู้ที่ยืนยันรอบ 2-4 จะได้รับสิทธิย้อนหลังได้ไม่เกิน 3 เดือน นับจากเดือนแรกที่เริ่มใช้สิทธิได้ (สิทธิย้อนหลังจะให้เฉพาะวงเงินการซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคจาก “ร้านธงฟ้า” เท่านั้น) สำหรับผู้ที่ยืนยันตัวตนรอบที่ 5 จะไม่ได้รับสิทธิย้อนหลัง โดยจะได้รับสิทธิเฉพาะเดือนที่กระทรวงการคลังดำเนินการตั้งวงเงินให้

ขณะที่ ผู้ลงทะเบียนที่ไม่ผ่านเกณฑ์การพิจารณาคุณสมบัติ สามารถขออุทธรณ์ได้ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม-1 พฤษภาคม 2566 (62 วัน) โดยดำเนินการผ่าน 2 ช่องทาง ได้แก่ ขออุทธรณ์ด้วยตนเองผ่านทางเว็บไซต์ https://บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ.mof.go.th หรือ https://welfare.mof.go.th ได้ตั้งแต่เวลา 06.00-23.00 น.ของทุกวัน

หรือขออุทธรณ์ผลการพิจารณาคุณสมบัติผ่านหน่วยงานรับลงทะเบียนทั้ง 7 หน่วยงาน ได้แก่ ธนาคารออมสิน ธนาคารกรุงไทย ธ.ก.ส. สำนักงานคลังจังหวัดทุกจังหวัด ที่ว่าการอำเภอทุกอำเภอ สำนักงานเขตกรุงเทพมหานคร หรือศาลาว่าการเมืองพัทยา ตามวันและเวลาทำการของแต่ละหน่วยงาน

'เพื่อไทย' เดินเครื่อง 'อิ๊งค์' ลั่น!! เลือกวันไหนก็พร้อม พรุ่งนี้ก็ได้ 'เศรษฐา' เล็งรื้อยุทธศาสตร์ 20 ปี 'ชลน่าน' ปัดหลีกทาง 'ธรรมนัส'

(21 มี.ค.66) ที่ศาลหลักเมือง กรุงเทพมหานคร นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย , น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย, นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และนางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด ประธานคณะกรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่กรุงเทพมหานคร เข้าสักการะศาลหลักเมืองกรุงเทพมหานคร พร้อมเติมน้ำมันตะเกียงประจำวันเกิด

โดย น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า "วันนี้ถือว่าเป็นวันดี ยุบสภาปุ๊บ เราก็รีบมาไหว้เลย ซึ่งจริง ๆ ก็วางแผนกันไว้อยู่แล้วว่าอยากจะมาไหว้ศาลหลักเมืองอยู่แล้ว" เมื่อถามว่า เมื่อมีการยุบสภาแล้วจากนี้ถือว่าเป็นการเดินหน้าหาเสียงเลือกตั้งอย่างเต็มที่หรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า เราลุยเต็มที่มาสักพักแล้ว ไม่มีอะไรที่จะทำให้ช้าลง เราจะเร่งเครื่องเต็มที่ต่อไป

ขณะที่ นายเศรษฐา กล่าวว่า เราเริ่มกันตั้งแต่วันนี้แล้ว อีกเดี๋ยวก็จะไปพบกลุ่มหอการค้า ตามด้วยไปคลองสาน จ.นนทบุรี จ.สระบุรี ตารางแน่นมากต่อวัน ตอนนี้เดินหน้าเต็มที่

เมื่อถาม น.ส.แพทองธาร ว่ายังไหวหรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ตอนนี้เดินทางประมาณ 1 - 2 ชั่วโมง หากออกนอก กทม.ยังไหว แต่คงไม่ได้ไปค้างนอกสถานที่แล้ว จากนี้จะเป็นนายเศรษฐาช่วยเดินเต็มกำลัง

เมื่อถามถึงการโฟนอินไปร่วมเวทีปราศรัยที่ จ.ระยอง เป็นครั้งแรก น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า เราก็ตื่นเต้น กลัวว่าโทรเข้าไปแล้วสัญญาณจะขัดข้อง หรือพี่น้องประชาชนจะไม่ได้ยิน แต่ได้รับเสียงตอบรับ และเสียงให้กำลังใจดีมากๆ อย่างไรก็ตาม จะมีการปรับรูปแบบในเวทีต่อๆ ไป โดยจะมีทั้งวีดีโอคอล และคลิปวีดีโอ อะไรที่เราจะสามารถกระจายไปได้ เราก็จะฝากทีมหาเสียงกระจายไปด้วย

เมื่อถามว่า กกต.มีการประชุมเคาะวันเลือกตั้งซึ่งแนวโน้มน่าจะเป็นวันที่ 14 พ.ค.นั้น น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า เราพร้อมอยู่แล้ว เลือกตั้งพรุ่งนี้เลยก็ได้

เมื่อถามถึงแพลนคลอด น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า คลอดก่อนวันที่ 14 พ.ค.อยู่แล้ว ซึ่งเราวางกันไว้ตอนแรกคือช่วงปลาย เม.ย.ต้นเดือน พ.ค.ซึ่งตนจะต้องไปใช้สิทธิเลือกตั้งแน่นอน จะเดินทางไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้าหรือตรงวันเท่านั้น โดย นายเศรษฐา กล่าวแทรกขึ้นมาว่า หากเลือกตั้งวันที่ 14 พ.ค.จริง การปราศรัยวันสุดท้ายก็น่าจะมีโอกาส

เมื่อถามว่า มีโอกาสที่ชื่อของ น.ส.แพทองธาร จะได้เข้าไปอยู่ในผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ หรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับกรรมการบริหารพรรคจะพิจารณา ตนอยู่ตรงไหนก็ได้ อะไรก็ได้ที่มีส่วนช่วยประเทศชาติ เพราะอย่างที่บอกว่าทุกอย่างทำคนเดียวไม่ไหว ทุกอย่างต้องช่วยกันเป็นทีม ตรงไหนที่พรรคและประชาชนเห็นว่าตนเหมาะสมก็ตรงนั้น

เมื่อถามว่า แม้มีการเปิดตัว ส.ส.เขต ทั้ง 400 คนไปแล้ว แต่หลายพื้นที่ก็ยังมีการปรับเปลี่ยนอยู่ เช่น จ.พะเยา ก็มีการเปลี่ยนตัวผู้สมัคร ซึ่งทำให้คนสังเกตว่ามีการหลีกทางให้ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า แกนนำพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเพียงข้อสังเกต ซึ่งข้อเท็จจริงแล้วอยู่ในกระบวนการ ซึ่งการปรับเปลี่ยนตัวผู้สมัครนั้นสามารถเกิดขึ้นได้ หากมีการรับฟังเสียงจากพี่น้องประชาชนผ่านช่องทางการทำไพรมารีโหวต กรรมการสรรหา และกรรมการบริหาร ก็ยังสามารถเปลี่ยนตัวผู้สมัครได้ตลอด เพราะเป็นขั้นตอนกระบวนการคัดเลือก กรณี จ.พะเยา เราก็ดำเนินการตามขั้นตอน หากจะมองว่าเป็นการดีลกัน แต่พี่น้องประชาชนไม่เห็นด้วยก็ไม่สามารถทำได้

เหมืองทองอัคราได้ฤกษ์เปิดกิจการ ชาวบ้าน250คน เฮดีใจได้งานทำเม็ดเงินสะพัด10-12ล้านบาท/เดือน ส่งผลเศรษฐกิจชุมชนคึกคัก

เหมืองทองอัคราพิจิตรได้ฤกษ์กดปุ่มเดินเครื่องจักรเพื่อผลิตทองคำและเงิน เบื้องต้นเดินหน้าแค่ 1 โรงงาน โดยขณะนี้มีการจ้างพนักงานชาวบ้านคนพื้นที่ 250 คน รวมค่าแรงประมาณ 10-12 ล้านบาท/เดือน ส่งผลตลาดร้านค้าในชุมชนคนรอบเหมืองทองคึกคักขึ้นมาทันตาเห็น ตอบคำถามที่มีข่าว ป.ป.ช.ชี้มูล เจ้าหน้าที่ของรัฐและฝ่ายอัคราในเรื่องการออกเอกสารสิทธิ์ที่ดินว่า ข่าวมีความคลาดเคลื่อน ในขณะที่ตั้งความหวังจะได้รับโอกาสให้เข้าชี้แจงด้วยพยานและหลักฐาน มั่นใจอัคราไม่ได้ทำผิดกฎหมาย
 
วันที่ 21 มีนาคม 2566 นายวรงค์ สราญฤทธิชัย ผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายบริหารองค์กร , นายเชิดศักดิ์ อรรถอารุณ ผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายความยั่งยืนขององค์กร  บริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน)   ตั้งอยู่ที่ หมู่ที่ 9 ตำบลเขาเจ็ดลูก อำเภอทับคล้อ จังหวัดพิจิตร  ได้เปิดโอกาสให้ผู้สื่อข่าวเข้าร่วมสังเกตการณ์การเปิดเดินเครื่องจักร  โดย นายเชิดศักดิ์  อรรถอารุณ  ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า วันนี้เป็นวันแรกในการที่ บ.อัครา กลับมาเปิดดำเนินการอีกครั้งภายหลังจากที่ได้รับใบอนุญาตต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินกิจการครบถ้วนแล้ว โดยในช่วงเวลานี้ บ.อัครา เริ่มการผลิตจากโรงงานที่ 2 ที่เพิ่งซ่อมแล้วเสร็จเพียงแห่งเดียวก่อน และหลังจากนี้อีกระยะหนึ่งถึงจะซ่อมโรงงานที่ 1 ที่เป็นโรงงานเก่ากว่า  หากเมื่อซ่อมโรงงานที่ 1 เสร็จ บ. อัคราก็จะมีสองโรงงานที่ทำงานได้พร้อมๆ กัน และมีผลผลิตทองคำประมาณปีละ 5.5 ล้านตันสินแร่ สำหรับขณะนี้วันนี้ บ.อัคราเปิดเดินเครื่องเฉพาะโรงานที่ 2 ซึ่งได้มีการจ้างพนักงาน 90% เป็นคนในพื้นที่ 3-4 อำเภอ (พิจิตร-พิษณุโลก-เพชรบูรณ์ ) ซึ่งอยู่รอบๆ บ.อัครา ประมาณ 250-260 คน ซึ่งต้องมีการจ่ายค่าจ้างพนักงานในทุกระดับรวมกัน 10-12 ล้านบาทเศษ/เดือน  ซึ่งเม็ดเงินหล่านี้จะช่วยหมุนเวียนกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ชุมชนที่อยู่รอบๆเหมืองทองอัครา ซึ่งสังเกตได้จากร้านค้าในชุมชน ตลาดนัด ตลาดสดยามเช้า-เย็น ร้านของชำ ต่างคึกคักด้วยเม็ดเงินจากค่าแรงส่วนนี้ ส่งผลให้การเงิน เม็ดเงิน หมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจทวีคูณเป็น 2-3 เท่าตัว จึงถือได้ว่าการเปิดดำเนินกิจการของ บ.อัครา ในครั้งนี้ช่วยให้คนมีงานทำ มีเงินเดือน มีรายได้ทางตรงและร้านค้าในชุมชนก็ ได้รับอานิสงส์มีรายได้ทางอ้อมไปได้ด้วยกันทั้งคู่

ตำรวจ ปส.(NSB) ทลายเครือข่ายขบวนการค้ายาเสพติดทั่วประเทศ จับกุมผู้ต้องหาได้ 20 คน ของกลางยาบ้า 15.5 ล้านเม็ด , ไอซ์ 880 กก. , คีตามีน 450 กก. ยึดทรัพย์กว่า 24 ล้านบาท

วันนี้ (21 มี.ค.66) เวลา 10.00 น. พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร.(กม)/ผอ.ศอ.ปส.ตร.,พร้อมด้วย        พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร., พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ปส.,พล.ต.ต.นพดล ศรสำราญ รอง ผบช.ปส.,พล.ต.ต.จิระวัฒน์ พยุงธรรม รอง ผบช.ปส., พล.ต.ต.พรพิทักษ์ รู้ยืนยง รอง ผบช.ปส., พล.ต.ต.บรรพต มุ่งขอบกลาง รอง ผบช.ปส., พลัฏฐ์ วิเศษสิงห์ ผบก.สกส.บช.ปส.,พล.ต.ต.เอกภพ อินทวิวัฒน์ ผบก.ขส.บช.ปส., พล.ต.ต.ปิยะวัฒน์ บุญยืนอนนต์ ผบก.ปส.1, พล.ต.ต.ธนรัชน์ สอนกล้า ผบก.ปส.2, พล.ต.ต.คมสิทธิ์ รังไสย์ ผบก.ปส.3 และ พล.ต.ต.พรศักดิ์ สุรสิทธิ์ ผบก.ปส.4 ร่วมแถลงผลการจับกุมเครือข่ายยาเสพติด

โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจปราบปรามยาเสพติด(NSB) เดินหน้าทำลายเครือข่ายยาเสพติดทั้งรายใหญ่ และรายย่อย ตามนโยบายเร่งด่วนของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร จะพบว่าสถานการณ์ยาเสพติดขณะนี้เครือข่ายมีความพยายามอย่างหนักในการลักลอบลำเลียงยาเสพติดจำนวนมาก โดยซุกซ่อนปะปนมากับสินค้าทางการเกษตร หรือแม้แต่การดัดแปลงช่องลับของรถซุกซ่อนยาเสพติด ส่วนมากจะถูกลำเลียงมาจากพื้นที่ภาคเหนือตอนบน เพื่อเข้าสู่พื้นที่ชั้นในของประเทศ ก่อนจะกระจายไปยังเครือข่ายรายย่อย ล่าสุด ตำรวจ ปส. (NSB) สามารถทลายได้หลายเครือข่ายรวมผู้ต้องหา 20 คน ของกลางเป็น ยาบ้า 15.5 ล้านเม็ด, ไอซ์ 880 กก., คีตามีน 450 กก., รถยนต์ 9 คัน, มือถือ 11 เครื่อง และยึดทรัพย์มูลค่ากว่า 24 ล้านบาท โดยแยกเป็น 7 คดีดังนี้


คดีที่ 1 เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สกส., บก.ขส. และ บก.ปส.3 ได้ร่วมกันจับกุมตัว 4 ผู้ต้องหา เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ม้ง อยู่ใน อ.พบพระ จ.ตาก ใช้รถกระบะจำนวน 4 คัน เพื่อสำรวจเส้นทางและขนยาเสพติด โดยนำผักมาวางปิดบังยาเสพติดไว้เพื่ออำพราง โดยจับกุม นายเอกยุทธ ได้บริเวณด่านตรวจยานพาหนะพยุหะคีรี จากนั้นได้ติดตามไปจับกุมนายธนนันท์ นายธนธัส และจับกุมนายณัฐพล ได้ทั้งหมด พร้อมของกลาง ไอซ์ 600 กก., ยาบ้า 12 ล้านเม็ด, คีตามีน 400 กก., โทรศัพท์มือถือ 6 เครื่อง, รถกระบะ 4 คัน และตรวจยึดเงินสดรวม 5 หมื่นบาท โดยผู้ต้องหาทั้งหมด รับว่ากำลังลำเลียงยาเสพติดไปส่งมอบให้ลูกค้าในพื้นที่ภาคกลาง

 
คดีที่ 2 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ปส.1 ได้สืบสวนขยายผลจากการจับกุมคดียาเสพติด ในพื้นที่ จ.ปทุมธานี โดยหาความเชื่อมโยง ติดตามตรวจสอบเส้นทางธุรกรรมทางการเงิน จนสามารถออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องในเครือข่ายได้อีก 4 ราย และสามารถยึดอายัดทรัพย์สินเครือข่ายนี้ไว้ตรวจสอบ หลายรายการ อาทิเช่น บ้านเดี่ยว 2 ชั้น พร้อมที่ดิน 3 หลัง ราคาประมาณ 20 ล้านบาท และที่ดินเปล่า 1 แปลง รวม 23 ล้านบาท
 คดีที่ 3 เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปส.2 และบก.ขส. ได้วิเคราะห์ข้อมูลกลุ่มขบวนการลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กระทั่งเช้ามืดวันที่ 16 มีนาคม ที่ผ่านมา ได้ร่วมกันตรวจยึดยาบ้า 8 กระสอบ รวม 2,000,000 เม็ด ได้ในบริเวณไร่มันในเขตพื้นที่หมู่ 5 บ้านโคกสว่าง ต.หนองแสง อ.หนองแสง จ.อุดรธานี พร้อมยึดรถกระบะ 2 คัน โดยผู้ต้องหาได้ขับรถกระบะหลบหนีเข้าไปในไร่มันสำปะหลัง แล้วทิ้งรถพร้อมยาเสพติดไว้ ขณะนี้ตำรวจ ปส.2 ได้ติดตามตัว ขยายผลเครือข่ายรายนี้ และติดตามเจ้าของรถมาเพื่อสอบสวนดำเนินคดีต่อไป
- 2 -

คดีที่ 3 เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปส.2 ได้สืบสวนขยายผลจากการจับกุมแก๊งค้ายาเสพติด จ.ปทุมธานี ทราบว่า แก๊งค้ายาเสพติดจะมีการลักลอบส่งยาเสพติดใน จ.ปทุมธานี จึงเฝ้าติดตามจับกุม และนำกำลังเข้าจับกุมนายปรีชา, นายนัฐพงษ์, นายอนุชา,น.ส.มนัดดา ได้ที่บริเวณบ้านเลขที่ 88/6 ต.บึงคำพร้อย อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี พร้อมด้วยคีตามีน 31 กก. ภายในบ้าน และติดตามจับกุมนายอรุณ และนางกรรณิการ์ ที่บริเวณโรงแรมไนซ์อินน์ ต.บางพูน อ.เมืองปทุมธานี จ.ปทุมธานี พร้อมคีตามีน ซึ่งซุกซ่อนอยู่ในรถยนต์รวม 15 กก. ซึ่งผู้ต้องหา รับว่าเป็นยาเสพติดที่จะนำไปส่งให้กับลูกค้าใน จ.ปทุมธานี   รวมคีตามีน   ของกลาง 46 กก. ซึ่งจะได้สืบสวนขยายผลต่อไป

ผบ.ตร.ส่งชุดเฉพาะกิจ ศปทส.ตร. นำโดย รองต่อศักดิ์ฯ ร่วมกับ ตำรวจภาค 2 เร่งตรวจสอบคดี สารซีเซียม 137 สูญหาย ทำความจริงให้ปรากฏ ย้ำดำเนินคดีผู้กระทำผิดที่เกี่ยวข้องทุกราย หวั่นผลกระทบต่อประชาชน

เมื่อวันที่ 21 มี.ค.66 พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง โฆษก ตร. เปิดเผยถึง กรณี สารซีเซียม 137 สูญหายไปว่า “ คดีนี้ได้รับรายงานจากตำรวจว่า เมื่อ 7 มี.ค.66 เวลา 08.00 น. บริษัท เนชั่นแนล พาวเวอร์ แพลนท์ 5 เอ ตรวจพบว่าสารซีเซียม 137 สูญหายไปและ 10 มี.ค.66 ได้มาแจ้งความที่ สภ.ศรีมหาโพธิ ต่อมา 19 มี.ค.66 สำนักงานปรมณูเพื่อสันติ ได้ตรวจพบรังสีจากการหลอมของโรงงาน ที่ กบินทร์บุรี พื้นที่ สภ.ศรีมหาโพธิ   พงส.ได้รับคำร้องทุกข์ไว้ คดีอาญาที่ 363/2566 ในความผิดฐาน “ในกรณีที่เกิดอันตรายหรือเสียหายอันเกิดจากการประกอบกิจการตามใบอนุญาต ผู้รับอนุญาตมีหน้าที่ระงับเหตุเบื้องต้นตามแผนป้องกันอันตรายจากรังสี และต้องแจ้งเหตุดังกล่าวให้พนักงานเจ้าหน้าที่ทราบทันที รวมทั้งต้องให้ข้อมูลและให้ความร่วมมือแก่พนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อแก้ไข บรรเทาหรือระงับซึ่งอันตรายหรือความเสียหายนั้น”  ตาม พ.ร.บ.พลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ ฯ  มาตรา 100, 126 และ 143  คดีอยู่ระหว่างสอบสวนและร่วมประชุมกับคณะกรรมการจังหวัด เพื่อเรียก บริษัทฯ มาแจ้งข้อกล่าวหาตามกฎหมายต่อไป


พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.ได้สั่งการเพิ่มเติม ให้สืบสวนสอบสวนทุกมิติทั้งประเด็น การสูญหายได้อย่างไร มีใครลักลอบเอาออกไป รวมทั้งแหล่งรับซื้อ การส่งผลกระทบต่อประชาชน สิ่งแวดล้อม มีใครต้องร่วมรับผิด รวมทั้งประเด็นอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง 


โดยมอบหมายให้ชุดเฉพาะกิจ ตร. มี พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร.ในฐานะ ผอ.ศปทส.ตร. รับผิดชอบทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พล.ต.ต.วัชรินทร์ พูสิทธิ์ ผบก.ปทส. ตรวจสอบร่วมกับ พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.ภ.2 พิสูจน์หลักฐาน และ กรมควบคุมมลพิษ  ลงพื้นที่สืบสวนสอบสวน ดำเนินการรวบรวมข้อมูลพยานหลักฐาน เพื่อดำเนินคดีเอาผิด กับบุคคลที่กระทำผิดในกรณีนี้ ให้ครบทุกมิติ


โฆษก ตร.กล่าวอีกว่า “ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ห่วงใยประเด็นสารซีเซียม 137 สูญหาย ที่จะส่งผลกระทบต่อประชาชน จึงมอบหมายให้หน่วยงานต่างๆ บูรณาการแก้ปัญหา
   

ผบ.ตร.รับนโยบาย จึงได้ส่งชุดเฉพาะกิจร่วมกับตำรวจพื้นที่ และหน่วยงานเกี่ยวข้องไขข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ขอเวลาตำรวจทำงาน ยืนยันจะเร่งทำความจริงให้ปรากฎ พร้อมดำเนินคดีตามกฎหมาย ตามอำนาจหน้าที่ต่อไป”


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top