Sunday, 25 May 2025
ค้นหา พบ 48339 ที่เกี่ยวข้อง

จอมทำลายล้าง แพนด้ายักษ์ ‘ซุ่นซุ่น’ สร้างความปวดหัวให้ จนท. เหตุ!! ใช้ฟันอันแข็งแรง แทะเรือของเล่นจน ‘พัง’

(12 มี.ค. 66) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ชวนชมความซุกซนของแพนด้ายักษ์ “ซุ่นซุ่น” ขณะเพลิดกับการเล่นเรือของเล่นที่อุทยานสัตว์ป่าและสวนพฤกษศาสตร์เขตร้อนไห่หนาน นครไห่โข่ว มณฑลไห่หนาน (ไหหลำ) ทางตอนใต้ของจีน 

ซุ่นซุ่นลากเรือของเล่นออกจากสระน้ำและใช้ฟันอันแข็งแรงแทะเรือจนพังภายในเวลาไม่กี่นาทีโดยไม่สนใจเสียงห้ามปราม งานนี้เรียกได้ว่าสร้างความปวดหัวให้ทีมเจ้าหน้าที่ แต่เรียกรอยยิ้มจากผู้คนที่ชื่นชอบความขี้เล่นของแพนด้าตัวนี้ได้ไม่น้อย
 

ว่ากันไปตามสถิติ!! เปรียบเทียบเปอร์เซ็นต์คนจนต่อประชากรยุค 'บิ๊กตู่' เมื่อตัวเลขลดลงเหลือหลักเดียวเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์

(12 มี.ค. 66) ผู้ใช้เฟซบุ๊กคุณ 'LVanicha Liz' ได้นำเสนอข้อมูลเท็จจริงเปรียบเทียบอัตราส่วนของ 'คนจน' ในยุครัฐบาลต่างๆ ภายใต้หัวข้อ '#peopleจนหมดแล้ว จริงแค่ไหน?' ระบุว่า...

ดูเหมือน น.ส.แพทองธาร อาจจะไม่เคยศึกษาตัวเลขเศรษฐกิจของไทยในระดับโลก

ยกตัวอย่างในการเน้นปัญหาของไทย เธออ้างว่าไทยมีความเหลื่อมล้ำ ติดอันดับ Top 5 ของโลก ทั้งๆ ที่อันดับความเหลื่อมล้ำของไทยได้ลดลงอย่างต่อเนื่องจนอยู่ในระดับค่อนข้างดี (ในปี ๒๕๖๓ เป็นอันดับที่ ๙๘ ของโลก) ตามที่ผู้เขียนโพสต์เมื่อวันที่ ๑๒ ก.พ. ๒๕๖๖

ช่วงใกล้เลือกตั้งไม่ควรสุ่มสี่สุ่มห้าพูดในลักษณะที่อาจทำให้ผู้รับเลือกตั้งรายอื่นเสียหาย เพราะอาจผิดกฎหมาย

อีกประเด็นก็คือการระบุว่า #peopleจนหมดแล้ว ในการให้สัมภาษณ์ครั้งเดียวกันนั้น

เธอกล่าวถึงนโยบายถ้าตนเองเป็นนายก รมต. (นาที ๑๙.๔๗) ว่า ๖ เดือนแรกจะลดค่าน้ำค่าไฟ เพราะ #peopleจนหมดแล้ว (นาที ๒๐.๐๓) เธอเน้นว่าต้องทำเดี๋ยวนี้เลย https://www.youtube.com/watch?v=XrIw_2oKEoU

อันที่จริงคนจนไม่ได้ใช้น้ำใช้ไฟสักเท่าไร ...

ใครมาจากประเทศตะวันตกบางประเทศจะพบว่า น้ำประปาเมืองไทยจัดว่าราคาต่ำ ส่วนค่าไฟ คนที่เดือดร้อนน่าจะเป็นพวกมีเงินซื้อและใช้แอร์

สุ้มเสียงของเธอคล้ายจะตำหนิว่า รัฐบาลปัจจุบันเป็นตัวทำให้คนไทยยากจน

อันที่จริงเมื่อเปรียบเทียบระหว่างรัฐบาล เมื่อสิ้นสุดรัฐบาลนายทักษิณ นายอภิสิทธิ์, น.ส.ยิ่งลักษณ์ อัตราคนจนต่อประชากร คิดเป็น ๒๑.๙๔, ๑๓.๒๒, ๑๐.๕๒ ตามลำดับ

 

สำนักวิจัยซูเปอร์โพล ประชาชนต้องการ” จุรินทร์ “ ถึง 84.6 เปอร์เซ็นต์

เมื่อวันที่ 11 มี.ค. สำนักวิจัยซูเปอร์โพล เปิดเผยผลสำรวจความเห็นประชาชน 1,102 คน ระหว่างวันที่ 5-10 มี.ค. เรื่อง “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” พบว่าสิ่งที่ประชาชนต้องการคือ  84.6 เปอร์เซ็นต์ ต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงหลังการเลือกตั้ง ส่วน 15.4 เปอร์เซ็นต์ ระบุอย่างเดิมดีอยู่แล้ว เมื่อถามถึงความเชื่อมั่นพบว่า 81.5  เปอร์เซ็นต์ เชื่อมั่นว่า นายชวน หลีกภัย จะช่วยพรรคประชาธิปัตย์ได้ 62.5 เปอร์เซ็นต์ เชื่อมั่นว่า นายบัญญัติ บรรทัดฐาน จะช่วยพรรคประชาธิปัตย์ได้ 84.5 เปอร์เซ็นต์ เชื่อมั่นว่า นายจุรินทร์ รวมพลังกับ นายชวน และนายบัญญัติ จะช่วยพาพรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นรัฐบาลอีกหลังการเลือกตั้ง ทั้งนี้ประชาชน 74.6  เปอร์เซ็นต์ ระบุพรรคประชาธิปัตย์ไม่ใช่พรรคเฉพาะกิจ เป็นพรรคเก่าแก่ในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข...

 

เมื่อถามถึงผลงานเด่นของนายจุรินทร์ 80.9 เปอร์เซ็นต์ ระบุ คือประกันรายได้เกษตรกร พืชเศรษฐกิจ ข้าว ข้าวโพด ยางพารา ปาล์ม มันสำปะหลัง 62.3 เปอร์เซ็นต์ คือส่งออกการค้าระหว่างประเทศ สร้างรายได้ให้ประเทศและประชาชน และ 61.5 เปอร์เซ็นต์ การค้าชายแดน

งานนี้ไม่รอด!! ‘อัยการคดีพิเศษ’ สั่งฟ้อง ‘แยม-สามี’ พร้อมพวกหลายข้อหา ลั่น!! แยกคดี ‘ปล่อยกู้’ เก็บดอกเกินกฎหมายเป็นอีกคดี

(12 มี.ค. 66) นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีที่อัยการสำนักงานคดีพิเศษสำนักงานอัยการสูงสุด ได้รับสำนวนสอบสวนจากพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ซึ่งมีความเห็นสั่งฟ้องนายภูมิพัฒน์ หรืออั้ม ประเสริฐวิทย์ อายุ 42 ปี และน.ส.ธมลพรรณ์ หรือแยม ประเสริฐวิทย์ อายุ 40 ปี ภรรยานายภูมิพัฒน์อดีตนักแสดงแนวพื้นบ้านผู้ต้องหาคดีพนันออนไลน์และฟอกเงินฯว่าด้วยเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวน บก.ป.ได้ส่งสำนวนคดีอาญาที่ 35/2565 โดย พ.ต.ท. ปรัชญา บุญยืน กล่าวหานายสุด ภูวสิษฐ์ กับพวกรวม 16 คน ผู้ต้องหาร่วมกันเพื่อประสงค์แห่งการค้าทำให้แพร่หลายโดยประการใดๆ ซึ่งรูปภาพ ภาพโฆษณา รูปถ่าย ภาพยนตร์ แถบบันทึกเสียง แถบบันทึกภาพ หรือสิ่งใดอันลามก, ร่วมกันจัดให้มีการเล่นหรือทำอุบายล่อ ช่วยประกาศโฆษณาหรือชักชวน โดยทางตรงหรือทางอ้อม ให้ผู้อื่นเข้าเล่น หรือเข้าพนันในการเล่นทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์โดยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน, สมคบกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปเพื่อกระทำผิดความผิดฐานฟอกเงินฯ , ร่วมกันฟอกเงิน, ร่วมกันให้บุคคลอื่นกู้ยืมเงินโดยเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด และร่วมกันประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับของกระทรวงการคลังเป็นทางการค้าปกติโดยไม่ได้รับอนุญาต มายังสำนักงานอัยการคดีพิเศษ

ทั้งนี้ นายวิรุฬห์ ฉันท์ธนนันท์ อธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ ได้มอบหมายให้สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 5 รับผิดชอบพิจารณาสำนวนและแต่งตั้งคณะทำงานอัยการพิจารณาสำนวนดังกล่าว พบว่า ผู้ต้องหาทั้ง 16 รายร่วมกันแบ่งหน้าที่กันทำ จัดให้มีการเล่นการพนันทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ผ่านเว็บไซต์ www.ufa24h.net และแพร่ภาพยนตร์ลามกที่มีภาพเปลือยอวัยวะเพศ และภาพชายหญิงแสดงการร่วมเพศอันมีลักษณะลามก เสื่อมเสียศีลธรรมอันดี ผ่านระบบอินเตอร์เน็ตทางเว็บไซต์ https://hd.star4k.com โดยให้ประชาชนเข้าดูได้ และเรียกเก็บเงินในการสมัครเป็นสมาชิก และมีการโอนเงินระหว่างบัญชีม้า บัญชีพัก บัญชีจ่าย และมีการถอนเงินออกจำนวนมากรวมกันหลายร้อยล้านบาท อันมีลักษณะสมคบกันฟอกเงินและร่วมกันฟอกเงิน จึงมีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้งหมด

ต่อมาวันที่ 9 มีนาคม 2566 อัยการสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 5 ได้ยื่นฟ้องผู้ต้องหาโดยมี นายภูมิพัฒน์ เป็นจำเลยที่ 2 และน.ส.ธมลพรรณ์ เป็นจำเลยที่ 7 ต่อศาลอาญา เป็นคดีหมายเลขดำที่ อ. 669/2566 กับพวกรวม 12 คนในความผิดฐานร่วมกันเพื่อประสงค์แห่งการค้า ทำให้แพร่หลายโดยประการใดๆ ซึ่งรูปภาพ ภาพ โฆษณา รูปถ่าย ภาพยนตร์ แถบบันทึกเสียง แถบบันทึกภาพ หรือสิ่งอื่นใดอันลามก, ร่วมกันจัดให้มีการ เล่น หรือทำอุบายล่อ ช่วยประกาศโฆษณาหรือชักชวน โดยทางตรงหรือทางอ้อม ให้ผู้อื่นเข้าเล่นพนันในการเล่นทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์โดยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน, สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินฯ และร่วมกันฟอกเงิน ส่วนผู้ต้องหาอีก 4 คนได้มีความเห็นควรสั่งไว้เช่นกัน แต่ยังอยู่ระหว่างหลบหนี

ในส่วนข้อหาร่วมกันให้บุคคลอื่นกู้ยืมเงินโดยเรียกดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด และร่วมกันประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับของกระทรวงการคลังเป็นทางการค้าปกติโดยไม่ได้รับอนุญาต ได้กล่าวหานายเชษฎ์ชัย หงส์คำ นายภูมิพัฒน์ และน.ส.ธมลพรรณ์ อัยการได้มีคำสั่งให้แยกสำนวนการสอบสวนเป็นอีกคดีเนื่องจากพยานหลักฐานมีความเชื่อมโยงกับการมีส่วนรู้เห็นเกี่ยวกับเงินที่ได้มาจากการกระทำความผิดหรือไม่ ซึ่งอาจเป็นความผิดฐานสมคบกันฟอกเงิน และร่วมกันฟอกเงิน โดยพนักงานสอบสวนยังสอบสวนประเด็นนี้ในสาระสำคัญไม่ครบถ้วน และคดีจะครบฝากขังครั้งที่ 7 ซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายในวันที่ 9 มีนาคม 2566 เมื่อการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำต่างกรรมต่างวาระกัน จึงให้แยกสำนวนคดีต่อไป
 

เชื่อมั่นประเทศไทย!! รถยนต์ไฟฟ้าจีน ‘BYD’ วางศิลาฤกษ์ ‘โรงงาน’ แห่งแรกในไทย ลั่น!! ดันไทย ฐานผลิต EV ของแบรนด์สู่ 'อาเซียน-ทั่วโลก'

(12 มี.ค. 66) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า บีวายดี (BYD) ผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้าชั้นนำของจีน ได้จัดพิธีวางศิลาฤกษ์ของการก่อสร้างโรงงานรถยนต์บีวายดีแห่งแรกในไทย เมื่อวันศุกร์ (10 มี.ค.) ซึ่งถือเป็นก้าวล่าสุดของกลุ่มผู้ผลิตยานยนต์สัญชาติจีนในการขยับขยายธุรกิจในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

รายงานระบุว่าโรงงานรถยนต์บีวายดีแห่งใหม่ตั้งอยู่ที่โครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) จังหวัดระยอง จะทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางการผลิตและกระจายยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ในไทย รวมถึงกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียน และ ภูมิภาคอื่นๆ

อนึ่ง บีวายดี ซึ่งมีบทบาทสำคัญในตลาดยานยนต์ไฟฟ้าระดับโลก เปิดเผยว่ายอดจำหน่ายสะสมของยานยนต์พลังงานใหม่บีวายดีในปี 2022 สูงเกิน 1.86 ล้านคัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 208.6 เมื่อเทียบปีต่อปี

บีวายดีกลายเป็นอีกหนึ่งแบรนด์รถยนต์สัญชาติจีน ต่อจากเอ็มจี (MG) ของเอสเอไอซี มอเตอร์ (SAIC Motor) และเกรท วอลล์ มอเตอร์ (GWM) ที่เข้ามาจัดตั้งการดำเนินงานผลิตในไทย ซึ่งมีแบรนด์รถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นครองตลาดมาอย่างยาวนาน

หลิวเสวียเหลียง ผู้จัดการทั่วไปประจำฝ่ายจัดจำหน่ายยานยนต์ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของบีวายดี ระบุว่าบีวายดีนำรถยนต์รุ่นยอดนิยมอย่าง “แอตโต3” (ATTO3) เข้ามาจำหน่ายในไทยเมื่อปี 2022 ซึ่งทำสถิติบรรลุยอดจำหน่ายเป้าหมาย 10,000 คัน ภายในระยะเวลาเพียง 42 คัน

บีวายดียังจัดพิธีส่งมอบรถยนต์รุ่นแอตโต3 คันที่ 9,999 และคันที่ 10,000 ณ วันทำพิธีวางศิลาฤกษ์ของโรงงานแห่งใหม่ที่มีกำหนดเริ่มต้นการผลิตในปี 2024 ด้วยกำลังการผลิตยานยนต์พลังงานใหม่รายปี 150,000 คัน

การลงทุนของบีวายดีในไทยยังสอดคล้องกับเป้าหมายของรัฐบาลไทย ซึ่งต้องการให้ร้อยละ 30 ของยานยนต์ที่ผลิตภายในประเทศเป็นยานยนต์ไฟฟ้าภายในปี 2030

“การที่บีวายดีตัดสินใจทำให้ไทยเป็นฐานการผลิตในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกสอดคล้องกับโมเดลเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (BCG) ของไทย และทิศทางการพัฒนาอันเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและยั่งยืนของจีน” หวังหลี่ผิง อัครราชทูตที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจและกิจการพาณิชย์ ณ สถานเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทยกล่าว

“การดำเนินการครั้งนี้ไม่เพียงสร้างโอกาสการทำงานและขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจในไทย แต่ยังส่งเสริมการบูรณาการเชิงลึกของกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์พลังงานใหม่ในจีนและไทย” หวังกล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top