Sunday, 25 May 2025
ค้นหา พบ 48339 ที่เกี่ยวข้อง

เพื่อไทยร่วมสาดสี!! ‘เพื่อไทย’ ร่วมเทศกาล ‘โฮลีอินเดีย’ บรรยากาศคึกคัก ยัน!! หากเป็น รบ. พร้อมผลักดัน Soft Power กระตุ้นการท่องเที่ยว

(12 มี.ค. 66) ที่สยามอะเมซิ่งพาร์ค เขตคันนายาว กทม. แกนนำพรรคเพื่อไทย (พท.) นำโดยนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด ประธานคณะกรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่กรุงเทพฯ นางนลินี ทวีสิน อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ พร้อมด้วย ส.ส. ส.ก. และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย ร่วมงาน “โฮลี เฟสติวัล” ครั้งที่ 1 จัดขึ้นโดย สยามอะเมซิ่งพาร์ค ร่วมกับสมาคมอินเดียแห่งประเทศไทย สมาคมวิศวะฮินดูปาริชาดประเทศไทย (VHP)  และภารตะช้อยส์ โดยคณะพรรคเพื่อไทย ได้ร่วมกันบูชาองค์พระพิฆเนศ เยี่ยมชมบูธอาหาร เครื่องดื่ม และสินค้า อินเดียน-ไทยต่างๆ ภายในงาน ก่อนรับชมการแสดง แสง สี เสียง สไตล์บอลลีวู้ด และร่วมเล่นกิจกรรมสาดสีกับผู้มาร่วมงาน บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก

นายสมชาย กล่าวถึงการร่วมงานวันนี้ว่า รู้สึกตื่นเต้น เป็นบรรยากาศที่ไม่เคยสัมผัส จากการพูดคุยกับผู้จัดงาน เห็นว่ามีจุดประสงค์เพื่อให้ชาวไทยได้รู้จักเทศกาลนี้ แล้วก็กระตุ้นให้เกิดการท่องเที่ยว โดยเฉพาะในหมู่นักท่องเที่ยวชาวอินเดีย เสมือนการมาร่วมเทศกาลสงกรานต์ของไทย มองว่างานที่จัดขึ้น นอกจากจะเป็นการดำรงไว้ซึ่งวัฒนธรรมที่สวยงามของชาวอินเดียแล้ว ยังเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทยในการดึงดูดนักท่องเที่ยวเช่นกัน ซึ่งหากพรรคพท.ได้เป็นรัฐบาลก็อยากจะสนับสนุนงานเช่นนี้ เหมือนเป็น soft power รูปแบบหนึ่ง

ผบก.ปส.3 บช.ปส. แจงการดำเนินคดี เครือข่าย 'ทุน มิน ลัด'

(12 มี.ค.66 ) พล.ต.ต.คมสิทธิ์ รังไสย์ ผบก.ปส.3 บช.ปส. เปิดเผยว่า จากกรณี พ.ต.ท.มานะพงษ์ วงศ์พิวัฒน์ สว.สส.สน.พญาไท ชี้แจงขั้นตอนการดำเนินคดีกับเครือข่าย “ทุน มิน ลัด” ตามปรากฏเป็นข่าวที่เกิดขึ้นนั้น 

ประเด็นการดำเนินคดีกับ เครือข่าย “ทุน มิน ลัด” คดีนี้ เริ่มจาก พ.ต.ท.มานะพงษ์ วงศ์พิวัฒน์ สว.สส.สน.พญาไท เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง สว.กก.2 บก.สส.บช.น. 

สำนวนที่ 1. เป็นคดีระหว่าง พ.ต.ท.มานะพงษ์ วงศ์พิวัฒน์ ผู้กล่าวหา กับ นายทุน มิน หลัด กับพวกรวม 10 คน ผู้กล่าวหามีการดำเนินการยื่นคำร้องขอออกหมายจับผู้ต้องหา รวม 6 ราย ในฐานะเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวน (ชั้นการสืบสวนความผิดก่อนร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน) และต่อมา ผู้กล่าวหาได้มีการจับกุมตัวผู้ต้องหา รวม 4 ราย ส่งให้ บช.ปส.ดำเนินคดี (หลบหนี 2 ราย) และผู้กล่าวหามีการร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับ นายอุปกิตฯ เพิ่มเติม 1 ราย รวมเป็น 7 ราย ต่อมา อสส. ได้พิจารณาสำนวนที่ 1 เห็นว่า 

“คดีนี้เป็นความผิดตามกฎหมายไทยที่ได้กระทำลงนอกราชอาณาจักร จึงอยู่ในอำนาจของอัยการสูงสุด” ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 20 และได้มีคำสั่งมอบหมายให้ ผบก.ปส.3 เป็นพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบและมอบหมายให้พนักงานสอบสวน บก.ปส.3 เป็นพนักงานสอบสวนทำการสอบสวนร่วมกับพนักงานอัยการ โดยสำนวนแรกพนักงานสอบสวนและพนักงานอัยการได้มีสอบสวนร่วมกันและมีความเห็นว่าพฤติการณ์ผู้ต้องหาในคดีเข้าข่ายเป็น “องค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ” ตาม พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พ.ศ. 2556 เห็นควรให้แจ้งข้อหาในความผิดตามกฎหมายดังกล่าวที่พบเพิ่มเติมอีกส่วนหนึ่ง จากนั้น คณะพนักงานสอบสวนและ คณะพนักงานอัยการสำนวนที่ 1 ได้มีความเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหารวม 9 ราย เนื่องจาก ผู้ต้องหาจำนวน 4 ราย มีการควบคุมตัวผู้ต้องหาใกล้ครบระยะเวลาตามที่กฎหมายกำหนด สำหรับกรณี นายอุปกิตฯ ที่ร้องทุกข์เพิ่มเติมในภายหลังได้มีการแยกดำเนินคดีเป็นอีกสำนวน

สำนวนที่ 2. เป็นการกล่าวหา นายอุปกิตฯ เป็นผู้ต้องหาที่เพิมเติมในภายหลังในชั้นการดำเนินคดีของพนักงานสอบสวนที่ได้มีการแยกดำเนินคดีเป็นอีกสำนวน ซึ่ง อสส. ได้พิจารณาสำนวนที่ 2 เมื่อ 26 ม.ค.66 ยังคงเห็นว่า คดีส่วนนี้เป็นความผิดตามกฎหมายไทยที่ได้กระทำลงนอกราชอาณาจักร เช่นเดียวกันกับสำนวนที่ 1 จึงอยู่ในอำนาจของอัยการสูงสุด ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 20 

จึงมอบหมายให้ ผบก.ปส.3 เป็นพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบ และมอบหมายให้พนักงานสอบสวน บก.ปส.3 เป็นพนักงานสอบสวนทำการสอบสวนร่วมกับพนักงานอัยการสำนักงานสอบสวน รวม 7 ท่าน ซึ่งมี นายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานการสอบสวน เป็นหัวหน้าคณะพนักงานอัยการเข้าร่วมปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งคณะพนักงานสอบสวนและคณะพนักงานอัยการก็ได้ร่วมกัน สอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องมาโดยตลอด อย่างรวดเร็ว โดยมีประเด็นที่เป็นข้อสงสัยที่ปรากฏในสื่อสาธารณะหลายสื่อมีเนื้อหาระบุว่า “ศาลได้ให้พนักงานสอบสวนไปออกหมายเรียกเนื่องจาก นายอุปกิตฯ เป็น สว. ภายใน 15 วัน แล้วเหตุใดพนักงานสอบสวนไม่ออกหมายเรียกตามที่ศาลสั่งการ” ประเด็นดังกล่าว คณะพนักงานสอบสวนและคณะพนักงานอัยการ ได้พิจารณาร่วมกันตลอด เห็นว่า พยานหลักฐานในสำนวนหลายประการยังไม่มีความสมบูรณ์เนื่องจากมีเอกสารที่ไม่ใช่ภาษาไทย จำนวนมากประมาณกว่า 1,000 แผ่น จะต้องจัดแปลให้เป็นภาษาไทย เพื่อที่จะพิสูจน์ความผิดได้ซึ่งมีรายละเอียดพยานหลักฐานที่สำคัญมาก ประกอบกับอัยการสูงสุด ได้มีคำสั่งการให้สอบสวนเพิ่มเติมในสำนวนที่ 1 ซึ่งมีรายละเอียดพยานหลักฐานเกี่ยวพันกับผู้ต้องหาใน สำนวนที่ 2 ด้วย รวม 4 ประเด็น ซึ่งคณะพนักงานสอบสวนและคณะพนักงานอัยการ ได้ดำเนินการไปแล้วหลายประเด็น คงเหลือ ประเด็นที่สำคัญที่ต้องใช้ระยะเวลาในการดำเนินการ อาทิ การสั่งให้สอบสวนเกี่ยวกับการซื้อแคชเชียร์เช็คสั่งจ่ายค่าไฟฟ้าตั้งแต่ปี 2551 - ปัจจุบัน การตรวจสอบบัญชีเงินฝากและเส้นทางการเงินของบัญชีที่เกี่ยวข้อง ประมาณกว่า 500 บัญชีที่เกี่ยวข้องกับการจ่ายค่าไฟฟ้า และพิจารณาว่า มีบุคคลอื่นเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับขบวนการเครือข่ายยาเสพติดกลุ่มนี้หรือไม่ อย่างไร รวมทั้ง การตรวจสอบกรรมการผู้มีอำนาจซึ่งเป็นผู้แทนนิติบุคคลในต่างประเทศ เพื่อใช้ในการแจ้งข้อเท็จจริงและแจ้งข้อหากับนิติบุคคลต่างประเทศภายในกำหนดอายุความ 

ในชั้นนี้รายละเอียดในสำนวนไม่อาจเปิดเผยได้หมด เนื่องจาก พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พ.ศ. 2556 การเปิดเผยข้อมูลที่เกี่ยวข้องในสำนวนอาจเป็นความผิดตาม มาตรา ๒๖ ได้ จึงขอชี้แจงความคืบหน้าเพื่อให้สื่อสาธารณะทราบว่า

1. อำนาจในการสอบสวนคดีนี้ มาตรา ๒๐ ป.วิอาญา กฎหมายบัญญัติให้พนักงานอัยการมีอำนาจและหน้าที่ในการสอบสวนเช่นเดียวกับพนักงานสอบสวน บรรดาอำนาจและหน้าที่ประการอื่นที่กฎหมายบัญญัติไว้ให้เป็นอำนาจและหน้าที่ของพนักงานอัยการ และให้พนักงานสอบสวนปฏิบัติตามคำสั่งและคำแนะนำของพนักงานอัยการในเรื่องที่เกี่ยวกับการรวบรวมพยานหลักฐาน การดำเนินคดีในที่ประชุมจึงเป็นการดำเนินการโดยการเห็นชอบร่วมกันทั้งสิ้น 

2. การสอบสวนในคดีอาญากฎหมายบัญญัติไว้ใน มาตรา 131 ป.วิอาญา ว่าการสอบสวน ให้พนักงานสอบสวนรวบรวมหลักฐานทุกชนิดเท่าที่สามารถจะทำได้ ประสงค์จะทราบข้อเท็จจริงและพฤติการณ์ต่างๆ อันเกี่ยวกับความผิดที่ถูกกล่าวหา และเพื่อจะรู้ตัวผู้กระทำผิดและพิสูจน์ให้เห็นความผิดหรือความบริสุทธิ์ของผู้ต้องหา โดย มติที่ประชุมเห็นร่วมกันว่า ต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายและต้องพิจารณาพยานหลักฐานในสำนวนทุกอย่างให้เสร็จสิ้นและต้องรวบรวมพยานหลักฐานทุกชนิด โดยจะต้องไม่มีประเด็นสงสัยและต้องชี้แจงต่อสาธารณชนได้ และคดีไม่ถือว่าล่าช้าแต่เป็นการแสวงหาพยานหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อเป็นประโยชน์ในการอำนวยความยุติธรรมและพิจารณาสั่งคดีของอัยการสูงสุดเนื่องจากเป็น คดีนอกราชอาณาจักรซึ่งเป็นอำนาจของอัยการสูงสุดแต่ผู้เดียว 

3. ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในความผิดที่ถูกกล่าวหาตาม มาตรา 8 พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พ.ศ. 2556 ต้องระวางโทษเป็นสองเท่าของโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิด และตามประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ.2564 มาตรา 180 บัญญัติไว้ต้องระวางโทษเป็นสามเท่าของโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น ผู้ต้องหาได้ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่ออัยการสูงสุด และ บช.ปส. ซึ่งคณะพนักงานสอบสวนและคณะพนักงานอัยการได้รับทราบแล้ว จึงต้องดำเนินการสอบสวนต่อไปด้วยความรวดเร็ว ต่อเนื่องและเป็นธรรมตามกฎหมาย และต้องรวบรวมพยานหลักฐานทุกชนิดให้แล้วเสร็จโดยเร็วที่สุด 

แม่ทัพภาคที่ 2 ตรวจเยี่ยมการฝึกภาคกองพัน ประจำปี 2566 พื้นที่กองกำลังสุรนารี

ที่กองบัญชาการกองกำลังสุรนารี พลโทสวราชย์ แสงผล แม่ทัพภาคที่ 2 เดินทางมาตรวจเยี่ยมการฝึกภาคกองพัน ประจำปี 2566 ในพื้นที่กองกำลังสุรนารี โดยมี พลตรีวีระยุทธ รักศิลป์ ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี พันเอกปิยวัฒน์ สุประการ รองผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี(2) พันเอกสมภพ ภาระเวช รองผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี(3) พันเอกจิรัฐฏ์ ช่วงฉ่ำ เสนาธิการกองกำลังสุรนารี ผู้บังคับหน่วยในพื้นที่ และฝ่ายเสนาธิการกองกำลังสุรนารี ให้การต้อนรับและร่วมปฏิบัติภารกิจ ในโอกาสนี้ได้รับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์การฝึกในภาพรวม ณ ห้องอำนวยการยุทธ์ กองบัญชาการกองกำลังสุรนารี อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ จากนั้นได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมการฝึกฯ ในพื้นที่ชายแดน อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ โดยได้มอบรางวัลให้กับกำลังพลที่ชนะการแข่งขันชุดปฏิบัติการรบในสนามทดสอบกำลังใจ 22 สถานี รับชมการฝึกการส่งกลับสายแพทย์ด้วยอากาศยาน และมอบอุปกรณ์กีฬาให้กับโรงเรียนบ้านน้ำเย็น(กองทัพบกอุปถัมภ์) ต่อมาเดินทางไปตรวจเยี่ยมการฝึกฯ ในพื้นที่ อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ โดยได้มอบสิ่งของบำรุงขวัญให้กับกำลังพล รับชมการฝึกฯ ผ่านจอภาพ เเละรับชมการซักซ้อมแผนบนภูมิประเทศจำลอง ทั้งนี้แม่ทัพภาคที่ 2 ได้ให้โอวาทและเน้นย้ำกำลังพลที่เข้ารับการฝึก ขอให้มุ่งมั่นตั้งใจเข้ารับการฝึกฝนให้เกิดความชำนาญ และให้มีความปลอดภัย รวมทั้งได้ให้แนวทางการใช้กำลังในพื้นที่ให้ปฏิบัติตามแผนได้จริงไม่สับสนหากเกิดเหตุการณ์จริง

นราธิวาส-เปิดตัว 'มาดูดิ' กระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างยอดขายให้พ่อค้าแม่ค้า แค่ปลายนิ้วสัมผัส อิ่มทั้งซอย อร่อยทั้งอำเภอ นราธิวาส

ที่โรงแรมอิมพีเรียล อ.เมือง นราธิวาส ผู้บริหารฟิล์มกรุ๊ปและผู้บริหารบริษัทมาดูดิ ได้ร่วมเปิดตัวแอปพลิเคชัน 'มาดูดิ' แอปส่งอาหาร 'มาดูดิ' ของชาวนราธิวาส โดยมีนายสนั่น พงษ์อักษร ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส เป็นประธานเปิดงานแอปพลิเคชัน "มาดูดิ" แอปฯ ส่งอาหาร สำหรับชาวนราธิวาส ซึ่งเป็นเรื่องน่ายินดีอย่างยิ่งที่ชาวจังหวัดนราธิวาสจะได้มีแอปพลิเคชั่น "มาดูดิ" ส่งอาหารถึงบ้าน สร้างความสะดวกสบาย และรวดเร็วทันสมัย ตลอดจนเป็นการกระตุ้นยอดขาย และรายได้ให้กับกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าในพื้นที่

นายสมโชติ เสาร์สีอ่อน ผู้บริหารฟิล์มกรุ๊ปและผู้บริหารบริษัทมาดูดิ กล่าวว่า การเปิดตัวแอปพลิเคชัน “มาดูดิ” ครั้งนี้ว่า ต้องการให้เป็นทางเลือกอีก 1 ทางให้กับชาวนราธิวาส และสนับสนุนการดำเนินงานของคนไทยซึ่ง “มาดูดิ” มีการเขียนโปรแกรมโดยคนไทย อีกทั้งโดยหวังขยายตลาดในภาพรวมของพื้นที่ด้วย ทั้งการกระตุ้นยอดขายของพ่อค้าแม่ค้า สร้างอาชีพให้กับประชาชนในพื้นที่ ซึ่งปัจจุบันมีประชาชนเข้าร่วมเป็นพนักงานแล้วกว่า 10 คน โดยในอนาคตคาดจะมีผู้สนใจเข้าร่วมงานกับ “มาดูดิ” มากขึ้นอย่างแน่นอน

ทำแบบนี้ไม่น่ารัก!! ‘เอิร์ธ ฟิวเจอร์แบนด์’ ตัดพ้อ ถูกคนดูสาดน้ำใส่หน้า ‘ไมค์ครึ่งแสน’ เปียกโชก!! คนทำยอมรับว่า เมา-พร้อมรับผิดชอบ

เผยคลิป เอิร์ธ ฟิวเจอร์แบนด์ ถูกสาดน้ำระหว่างโชว์ ไมค์ราคาครึ่งแสนชุ่มโชก คนทำโทรเคลียร์แล้ว ยอมรับเมาขาดสติ พร้อมรับผิดชอบหากของพัง

เหตุการณ์นักร้อง นักดนตรี “ถูกคุกคาม” ระหว่างการแสดงเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า หนนี้เกิดขึ้นกับ เอิร์ธ ธัชณรงค์ หรือ เอิร์ธ ฟิวเจอร์แบนด์

“เอิร์ธ” ระบุทางเฟซบุ๊กส่วนตัวถึงเรื่องที่เกิดขึ้น พร้อมแนบคลิปที่เผยให้เห็นผู้ชมด้านล่างเวทีสาดน้ำขึ้นมาด้านบนจน “ไมโครโฟน” ชุ่มโชก ความว่า ผมไม่เคยใจเย็นแบบนี้มาก่อน ผมเก็บและกัดฟันสุดๆ อยากให้คนที่มางาน หรือแขก ถ้าเมาแล้วควรใช้พฤติกรรมดีๆ ต่อพวกผมบ้างครับ พวกผมเป็นคนเอ็นเตอร์เทนงาน เป็นคนให้ความสุขคน ผมมาเจออะไรแบบนี้มันไม่ไหว งานนี้เจ้าภาพดีกับทีมงานและผมมากๆ มีแค่คนคนเดียวที่ทำให้ผมพัง

ตอนนี้ไม่รู้ของผมพังมั้ย แต่เจ้าภาพน่ารักมาก บอกถ้ามีปัญหาให้ติดต่อได้เลย ผมไม่อยากให้สถานการณ์นี้เกิดกับศิลปิน หรือนักร้องท่านใด 

ปล.ถ้าเป็นสมัยก่อน กูถึงตัวแน่นอน และสุดท้ายไมค์ตัวนี้คือ Sennheiser ew500 g4

ด้วยความเคารพ
 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top