Friday, 20 June 2025
ค้นหา พบ 48929 ที่เกี่ยวข้อง

‘บุหรี่ไฟฟ้า’ ภัยทันสมัยในม่านควัน หรือวาทกรรมที่ถูกปั้นเพื่อให้คนกลัว

“...แวดวงนักกลืนควันในอดีต เวลาจุดบุหรี่สูบก็ต้องสูบให้หมดมวน แต่บุหรี่ไฟฟ้าสูบคำสองคำก็พอ ทำให้ลดการสูบลง” คือคำพูดของเด็กหนุ่มใกล้ตัวที่คุยกับผม ซึ่งนั่นอาจเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ ‘บุหรี่ไฟฟ้า’ ได้รับความนิยมอย่างสูงในแวดวงนักกลืนควันวันนี้ ทั้งที่รู้อยู่เต็มบอกว่ามันก็มีอันตรายไม่แตกต่างจากบุหรี่ (จริง)

บรรพบุรุษของบุหรี่รุ่นแรกมีหน้าตาค่อนไปทางซิการ์ คือ มวนโตและห่อพัน (ใบยาสูบ) ด้วยใบยา (อีกที) และดูเหมือนจะมีมาก่อนในดินแดนเม็กซิโกและอเมริกากลาง ราวศตวรรษที่ 9 ซึ่งก็คือบริเวณที่ชาวมายาและแอซเท็กเริ่มสูบยา รวมถึงใบยาที่ออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทกับพิธีกรรมทางศาสนา โดยพบหลักฐานภาพวาดบนเครื่องปั้นดินเผาและภาพแกะสลักบนวิหาร เป็นภาพนักบวชหรือเทพเจ้ากำลังสูบบุหรี่ ซึ่งทั้งซิการ์กับบุหรี่คือ วัฒนธรรมของชนชาวพื้นเมืองแถบแคริบเบียน, เม็กซิโก, อเมริกากลาง และใต้ ก่อนเผยแพร่ไปทั่วโลกเพียงไม่กี่ทศวรรษ

“สูบบุหรี่แก้ขวย ช่วยเข้าสังคม” คือคำโฆษณาจากรัฐบาลยุคมาลานำไทย เชิญชวนให้คนสูบบุหรี่ (ซึ่งเป็นกิจการของรัฐ) นัยว่าช่วยพัฒนาประเทศทางอ้อม ด้วยภาพลักษณ์ของการสูบบุหรี่ยังดูโก้เก๋ ทันสมัย มีอารยะ

คนไทยโบราณไม่ว่าหญิงหรือชายจะมีของติดตัวกันแทบทุกคน สำหรับสตรีไทย คือ ‘กระทายหมาก’ หรือ ‘เชี่ยนหมาก’ ส่วนของบุรุษก็คือ ‘กลักบุหรี่’ หรือ ‘กระป๋องใส่บุหรี่’ ที่ยังไม่ได้มวนพร้อมสูบ สมัยนั้นเวลาจะสูบบุหรี่สักที ก็ต้องนั่งมวนต่อมวน แล้วจุดด้วยไฟที่เกิดจากการตี ‘หินเหล็กไฟ’ จนเกิดประกายติดใส่นุ่นในหลอดที่มีพร้อมอยู่ข้างกาย จึงจะได้สูบบุหรี่สำเร็จได้ดังใจนึก

บุหรี่หรือยาสูบ เคยถูกใช้ต้อนรับแขกผู้มาเยือนควบคู่กับ ‘หมาก - พลู’ โดยเห็นได้จากคำกล่าว “หมากพลู บุหรี่” รับแขกบนชานเรือนของตน ก่อนการแพทย์และสาธารณสุขจะล่วงรู้ถึงภัยร้ายของควันบุหรี่ จนกระทั่งสังคมก็เริ่มเสื่อมความนิยมต่อ ‘บุหรี่’ ลงเป็นลำดับ

แต่หากดูตามสถิติ ‘นักสูบหน้าใหม่’ ก็ยังเพิ่มขึ้นทุกวัน โดยหันหาสิ่งที่เรียกว่า ‘บุหรี่ไฟฟ้า’ มากขึ้น ๆ และด้วยความเชื่อว่า ‘บุหรี่ไฟฟ้า’ มีภัยต่อร่างกายน้อยกว่า ‘บุหรี่’ จริง

สวธ.จัดโครงการถ่ายทอดงานศิลป์กับศิลปินแห่งชาติ 'ศิลปินแห่งชาติสืบสานศิลป์' จุดประกายศิลปินรุ่นใหม่ ต่อยอดภูมิปัญญาพัฒนามรดกศิลป์ถิ่นล้านนา

กรมส่งเสริมวัฒนธรรม (สวธ.) ร่วมกับ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย จัดกิจกรรมถ่ายทอดงานศิลป์กับศิลปินแห่งชาติ ๓ สาขา 'ศิลปินแห่งชาติสืบสานศิลป์' ถ่ายทอดประสบการณ์ สืบสานองค์ความรู้ จากศิลปินแห่งชาติสู่เยาวชน ปั้นศิลปินรุ่นใหม่ต่อยอดศิลปวัฒนธรรมของชาติ ระหว่างวันที่ ๒๗-๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖ โดยมีนายโกวิท ผกามาศ อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม เป็นประธาน คุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล ประธานกรรมการกองทุนส่งเสริมงานวัฒนธรรม พร้อมคณะกรรมการกองทุนฯ  ศิลปินแห่งชาติ ผู้ทรงคุณวุฒิ หัวหน้าส่วนราชการ โดย รศ.ดร.ชยาพร วัฒนศิริ อธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ให้การต้อนรับ ทั้งนี้ มีคณาจารย์ เด็กนักเรียนและเยาวชนในพื้นที่จังหวัดเชียงรายและใกล้เคียง เข้าร่วมกิจกรรมเปิดประสบการณ์เรียนรู้งานศิลป์กับศิลปินแห่งชาติอย่างอบอุ่น 

วันที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖ นายโกวิท ผกามาศ อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กล่าวว่า โครงการถ่ายทอดงานศิลป์กับศิลปินแห่งชาติ นี้ มีความสำคัญในการส่งเสริมให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมในการส่งเสริมงานศิลปะและวัฒนธรรมไปสู่เยาวชน และผู้ที่สนใจในส่วนภูมิภาค  โดยศิลปินแห่งชาติ ได้ให้ความกรุณาอุทิศตนและเสียสละเวลามาถ่ายทอดองค์ความรู้ ประสบการณ์ และเทคนิควิธีการต่าง ๆ เพื่อฝึกฝนและสร้างแรงบันดาลใจในการพัฒนาทักษะในงานศิลปะ ทั้งด้านทัศนศิลป์ วรรณศิลป์ และศิลปะการแสดง ให้แก่ นักเรียน เยาวชน ที่จะเป็นกำลังสำคัญในการสืบทอดมรดกทางวัฒนธรรมของชาติ โดยภายในงานยังมีการจัดแสดงผลงานฝีพระหัตถ์ของ อัครศิลปิน วิศิษฏศิลปิน และผลงานศิลปะของศิลปินแห่งชาติ ถือเป็นการเปิดโอกาสให้เยาวชน และประชาชนในส่วนภูมิภาค ได้สัมผัสกับผลงานศิลปะอันทรงคุณค่าที่จะช่วยสร้างแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์งานศิลปะต่อไป

กิจกรรมที่จัดขึ้นในครั้งนี้ ได้รับความร่วมมือจากเครือข่ายทางวัฒนธรรม ให้การสนับสนุนการดำเนินงานในด้านต่าง ๆ อาทิ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย สมาคมขัวศิลปะ  โรงเรียนและสถาบันการศึกษาในจังหวัดเชียงราย ทั้งยังได้รับเกียรติจากศิลปินแห่งชาติ จำนวน ๑๓ ท่าน 
นำผลงานมาจัดแสดง และเป็นวิทยากรถ่ายทอดองค์ความรู้ ประสบการณ์ในการสร้างสรรค์งานศิลป์ ประกอบด้วย ฐานการเรียนรู้ รวม ๙ ฐาน ดังนี้  ฐานที่ ๑ เทคนิคจิตรกรรมและสื่อผสม นายธงชัย รักปทุม  ฐานที่ ๒ เทคนิคสร้างสรรค์ภาพพิมพ์ ดร.กมล ทัศนาญชลี  ฐานที่ ๓ เทคนิคประติมากรรม นายศราวุธ ดวงจำปา  ฐานที่ ๔ เทคนิคสถาปัตยกรรม นางสาววนิดา พึ่งสุนทร  ฐานที่ ๕ เทคนิคศิลปะผ่านเลนส์ ได้แก่ นายวรนันทน์ ชัชวาลทิพากร 

สืบนครบาล รวบแซนดี้ กระเป๋าหลุยส์ 11 หมายจับ COMEBACK ก่อเหตุซ้ำซากไม่เกรงกลัวกฎหมาย

ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ให้ปราบปรามกลุ่มองค์กรอาชญากรรมที่กระทำความผิดในโลกออนไลน์ทุกรูปแบบที่สร้างความเดือนร้อนให้กับประชาชนผู้สุจริตจำนวนมาก หลังจากที่สืบสวนนครบาล IDMB ได้มีการเผยแพร่การจับกุมตัว น.ส.อรอุมา (สงวนนามสกุล) หรือ 'แซนดี้ กระเป๋าหลุยส์' ในช่วงปลายปี 65 ที่ผ่านมา ต่อมาชุดลาดตระเวนออนไลน์ บก.สส.บช.น. ได้รับแจ้งเรื่องความเดือนร้อนของประชาชนทางเพจ 'สืบสวนนครบาล IDMB' เข้ามาอีกจำนวนมาก โดย น.ส.อรอุมา หรือ แซนดี้ กระเป๋าหลุยส์ ได้ประกันตัว แล้วหลบหนี ไปทำอาชีพหลอกขายของแบรนด์เนมออนไลน์ผ่านกลุ่มโอเพ่นแชท 'เดอะ แซนดี้ แบรนด์ 2' กลับมาคงสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนเป็นจำนวนมาก แอบอ้างขายกระเป๋าแบรนด์เนมนำเข้าจากต่างประเทศราคาถูก รับผ่อนของ รับพรีออเดอร์รุ่นที่หายากมากที่ไม่มีการผลิตแล้ว มูลค่าความเสียหายหลายล้านบาท แซนดี้อ้างขายกระเป๋าแบรนด์เนมมาเป็นเวลานาน 9 ปี แต่มามีปัญหาในช่วงโควิด การนำเข้าจากต่างประเทศมีความล่าช้า เป็นเหตุให้ผู้สั่งซื้อไม่พอใจ ต้องการเงินคืน แต่ตนขอหักค่ามัดจำ ซึ่งผู้สั่งซื้อไม่ยินยอม

ต่อมาวันที่ 27 ธ.ค. 65 เวลาประมาณ 07.25 น. พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร.ในฐานะ ผอ.ศอปส.ตร.  พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.ธนากร อ่อนทองคำ พ.ต.ท.รัฐนันท์ สมวงศ์ พ.ต.ต.นิทัสน์ มีทอง และเจ้าหน้าที่ กก.สส.4 บก.สส.บช.น. สืบสวนติดตามจับกุมตัว น.ส.อรอุมา หรือ แซนดี้ กระเป๋าหลุยส์ อายุ 29 ปี ที่อยู่ 16 ซอยกรุงเทพนนท์ 3 แยก 4/7 ตำบลบางเขน อำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี ตามหมายจับศาลแขวงธนบุรีที่ 56/2566 ลง 15 ก.พ.66 โดยกล่าวหาว่า “ฉ้อโกงและโดยทุจจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ฯ” ท้องที่ สน.เทียนทะเล

จากการตรวจสอบยังพบหมายจับในระบบอีกจำนวน 10 หมาย ประกอบด้วย
1.) หมายจับศาลจังหวัดภูเก็ต ที่ 712/2565 ลงวันที่ 2 ธ.ค.65 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน 'ฉ้อโกงประชาชนฯ' ท้องที่ สภ.เมืองภูเก็ต
2.) หมายจับศาลจังหวัดนครปฐม ที่ 474/2565 ลงวันที่ 9 ธ.ค.65 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ฉ้อโกงและโดยทุจจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ฯ” ท้องที่ สภ.โพธิ์แก้ว
3.) หมายจับศาลอาญา ที่ 2857/2565 ลงวันที่ 16 ธ.ค. 65 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน 'ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนฯ' ท้องที่ สน.บางเขน
4.) หมายจับศาลจังหวัดนครปฐม ที่ 495/2565 ลงวันที่ 22 ธ.ค. 65 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน 'ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนฯ' ท้องที่ สภ.เมืองนครปฐม
5.) หมายจับศาลจังหวัดจันทบุรี ที่ จ.315/2565 ลงวันที่ 26 ธ.ค. 65 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน 'ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนฯ' ท้องที่ สภ.โป่งน้ำร้อน
6.) หมายจับศาลจังหวัดนครปฐม ที่ 34/2566 ลงวันที่ 6 ม.ค. 66 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน 'ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนฯ' ท้องที่ สภ.โพธิ์แก้ว
7.) หมายจับศาลอาญามีนบุรี ที่ จ.10/2566 ลงวันที่ 6 ม.ค. 66 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน 'ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนฯ' ท้องที่ สน.บางชัน
8.) หมายจับศาลจังหวัดพัทยา ที่ จ.59/2566 ลงวันที่ 23 ม.ค. 66 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน 'ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนฯ' ท้องที่ สภ.เมืองพัทยา
9.) หมายจับศาลจังหวัดสมุทรสาคร ที่ 40/2566 ลงวันที่ 3 ก.พ. 66 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน 'ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนฯ' ท้องที่ สภ.กระทุ่มแบน
10.) หมายจับศาลอาญาตลิ่งชัน ที่ จ.70/2566 ลงวันที่ 8 ก.พ. 66 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน 'ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนฯ' ท้องที่ สน.บวรมงคล

จับกุมตัวผู้ต้องหาได้ที่บริเวณ หน้าร้านซัก อบ รีด ถนนพ่อขุนทะเล ต.มะขามเตี้ย อ.เมืองสุราษฎร์ธานี จ.สุราษฎร์ธานี

พนันออนไลน์ ระบาด!! ไม่เว้นแม้ในเมียนมา ประเทศที่ปักธงเป็นสิ่งต้องห้ามและผิดกม.

การเล่นการพนันของเมียนมาเป็นสิ่งต้องห้ามและผิดกฎหมายมาแต่ไหนแต่ไร แม้ในเมียนมาจะมีการได้รับอนุญาตให้เปิดคาสิโนตามชายแดน ซึ่งนั่นก็เพื่อดึงดูดเม็ดเงินจากผู้เล่นต่างชาติอย่างไทยหรือจีนนั่นเอง 

ขณะเดียวกันด้วยการเดินทางที่ยากลำบาก ทำให้คนรวยในเมียนมาที่อยากเล่นการพนันเลือก ก็จะเดินทางไปเล่นการพนันในต่างประเทศมากกว่าที่จะเลือกนั่งรถ 8-10 ชม. จาก ‘ย่างกุ้ง’ มา ‘เมียวดี’

ทว่า เมื่อยุคประชาธิปไตยเฟื่องฟู หลายสิ่งหลายอย่างได้รับการพัฒนา รวมถึงการลงทุนด้านระบบอินเทอร์เน็ต ซึ่งแม้มันจะนำมาซึ่งความสะดวกสบายของชาวเมียนมา แต่ในขณะเดียวกันก็ทำให้การพนันออนไลน์ในเมียนมาเติบโตขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจการพนันออนไลน์ที่เฟื่องฟูขึ้นเป็นดอกเห็ด

‘โรม’ ยื่นหลักฐานต่อ ผบ.ตร. ฟัน ‘ส.ว.ทรงเอ-ไทยดำจีนเทา’ ชี้ บางชิ้นยังไม่เคยเผยที่ไหน เตรียมยื่นต่ออัยการสูงสุด-ก.ต.

(28 ก.พ. 66) ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล ยื่นหนังสือถึง พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เพื่อให้ดำเนินการตรวจสอบเอาผิด ส.ว.ทรงเอ สืบเนื่องการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ ตามมาตรา 152 ประเด็นความเกี่ยวข้องระหว่าง ส.ว.ทรงเอ หรือ นายอุปกิต ปาจรียางกูร กับนักธุรกิจชาวเมียนมา ที่มีข้อครหาเรื่องการฟอกเงินและการค้ายาเสพติด

นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตามที่ตนอภิปรายในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับ ส.ว.ทรงเอ และไทยดำจีนเทา มีหลักฐานต่าง ๆ ที่เชื่อว่าเป็นประโยชน์ในการทำคดี ทั้งกรณีของ ส.ว. ทรงเอ และ ไทยดำจีนเทา ที่เกี่ยวข้องไปถึงนายกรัฐมนตรี และเนื่องจากวันนี้เป็นวันสุดท้ายในสภาฯ ชุดนี้ เอกสิทธิ์และความคุ้มกันของ ส.ส.จะไม่มีอีกต่อไป จึงขอเริ่มต้นด้วยการยื่นหนังสือต่อ ผบ.ตร. โดยหลักฐานเอกสารที่เตรียมมา บางส่วนไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อน เชื่อว่าจะช่วยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างคล่องตัวมากขึ้น

ประกอบกับวันนี้ ตนทราบว่า ผบ.ตร. จะชี้แจงกรณี พ.ร.ก.แก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ. ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ.2565 ตนจึงต้องยื่นหนังสือถึง ผบ.ตร. เพื่อให้การทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจทำได้ดีมากยิ่งขึ้น ยืนยันว่า การยื่นหนังสือจะไม่หยุดเพียงเท่านี้ เพราะตั้งใจจะไปยื่นกับอัยการสูงสุดด้วย เนื่องจากบางประเภทคดี เป็นคดีนอกราชอาณาจักร รวมถึงยื่นต่อสำนักคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม (ก.ต.) เนื่องจากก่อนหน้านี้มีการถอนหมายจับ ส.ว.ทรงเอ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top