Friday, 20 June 2025
ค้นหา พบ 48929 ที่เกี่ยวข้อง

'ดีเจวิว' เจ้าของวลีดัง “เอ้า ไปไป-อะฮิฮิฮิ” เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์

(28 ก.พ. 66) ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ ‘Sarayut Iammongkhon’ ซึ่งเป็นผู้จัดการดีเจวิว ดีเจเด็กชื่อดัง เผยข่าวเศร้าว่า…

“ธัญยธรณ์ โพธิ์มณี หรือ ‘ดีเจวิว’ เจ้าของวลีดัง “เอ้า ไปไป”, “อะฮิฮิฮิ” เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ เมื่อช่วงเวลาตี 1 ของวันที่ 28 ก.พ. ที่ผ่านมา”

ก่อนหน้านี้ ทางผู้จัดการของน้องวิวยังระบุว่า…

“จากที่ดีเจวิว ได้เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ ผม ผจก.ดีเจวิว ขออัปเดตอาการล่าสุดให้เพื่อน ๆ พี่ ๆ น้องๆ ทราบครับ ดีเจวิวหมดสติขณะนำส่งโรงพยาบาล อยู่ในความดูเเลอย่างใกล้ชิดของเเพทย์ครับ ขอกำลังใจจากทุกคนที่รู้จักน้อง ขอให้น้องผ่านพ้นขีดอันตรายนี้ไปได้ ขอปฏิหาริย์จงเกิดกับน้องครับ”

‘มะกัน’ กลับลำ!! ตราหน้า ‘จีน’ ต้นเหตุโควิดระบาด แม้ภายในสหรัฐฯ ยังไร้ข้อยุติ หลุดจากแล็บอู่ฮั่นจริงหรือไม่

(27 ก.พ. 66) จีนปฏิเสธคำกล่าวอ้างที่ว่า โรคระบาดใหญ่โควิด-19 มีสาเหตุจากการรั่วไหล หลุดออกมาจากห้องปฏิบัติการหนึ่งของปักกิ่ง ภายหลังสื่อมวลชนตะวันตก รายงานกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ สรุปแล้วว่า มีความเป็นไปได้มากที่สุด ว่ากรณีนี้จะเป็นต้นตอของโรคระบาด ทั้งที่ทางทำเนียบขาวและประชาคมข่าวกรองของอเมริกายังไม่ฟันธงในเรื่องนี้

ข้อสรุปดังกล่าว ซึ่งบันทึกอยู่ในรายงานลับสุดยอดของสำนักงานของนางแอฟริล เฮนส์ (Avril Haines) ผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรองแห่งชาติสหรัฐฯ ตามรายงานของวอลล์สตรีท เจอร์นัล ถือเป็นการกลับลำของกระทรวงพลังงานอเมริกา ที่ก่อนหน้านี้ เคยระบุว่ายังไม่ได้ข้อสรุปว่า ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ปรากฏตัวขึ้นมาได้อย่างไร

หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลและนิวยอร์กไทม์ส รายงานอ้างผู้คนที่ได้อ่านรายงานลับสุดยอดดังกล่าว ระบุกระทรวงพลังงานลงความเห็นในเรื่องนี้ภายใต้ ‘ความเชื่อมั่นระดับต่ำ’ เป็นการตอกย้ำว่าหน่วยงานต่าง ๆ ยังคงมีความเห็นแตกแยกกันเกี่ยวกับแหล่งที่มาของโควิด-19 และโรคระบาดใหญ่ที่แพร่ระบาดไปทั่วโลกในช่วงต้นปี 2020

อย่างไรก็ตาม ข้อสรุปของกระทรวงพลังงานสหรัฐฯ ซึ่งว่ากันว่ามีพื้นฐานจาก ‘ข้อมูลข่าวกรองใหม่’ ก็ยังนับว่ามีนัยสำคัญ เนื่องจากกระทรวงพลังงานนั้น กำกับดูแลเครือข่ายห้องปฏิบัติการแห่งชาติ รวมถึงห้องแล็บบางแห่ง ซึ่งทำการศึกษาวิจัยด้านชีวภาพในระดับก้าวหน้า

ข้อสรุปนี้ ทำให้กระทรวงพลังงานสหรัฐฯ ยืนอยู่ฝ่ายเดียวกับสำนักงานสอบสวนกลาง (FBI) ที่เชื่อว่า โควิด-19 ซึ่งคร่าชีวิตประชากรโลกไปเกือบ 7 ล้านคน มีต้นตอจากความผิดพลาดในห้องแล็บของจีน ซึ่งทำให้เชื้อไวรัสรั่วไหลออกมาสู่ภายนอก

อย่างไรก็ตาม ล่าสุด จอห์น เคอร์บี (John Kirby) โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว เมื่อวันจันทร์ (27ก.พ. 66) ที่ผ่านมา ว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ยังคงไม่บรรลุความเห็นเป็นเอกฉันท์ว่าโรคระบาดใหญ่ ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ เริ่มต้นขึ้นได้อย่างไร แม้มีรายงานข่าวอ้างกระทรวงพลังงาน สรุปว่า มีความเป็นไปได้มากที่สุด ว่าไวรัสจะหลุดออกมาจากห้องปฏิบัติการหนึ่งในจีน

“ประชาคมข่าวกรองและหน่วยงานที่เหลือของรัฐบาล ยังคงตรวจสอบเรื่องนี้” นายจอห์น เคอร์บีกล่าว

“ยังไม่มีข้อสรุปอย่างชัดเจน ดังนั้น มันจึงเป็นเรื่องยากสำหรับผมที่จะพูด หรือผมควรรู้สึกเช่นไร ที่ผมต้องออกมาปกป้องรายงานข่าวของสื่อมวลชน เกี่ยวกับความเป็นไปได้ของข้อบ่งชี้ในเบื้องต้น สิ่งที่ประธานาธิบดีต้องการคือ ข้อเท็จจริง”

โพลิติโก (Politico) เว็บไซต์ข่าวการเมืองสหรัฐฯ รายงานด้วยว่า มีหน่วยงานของรัฐบาลกลางอื่น ๆ หลายแห่ง ที่เห็นแย้งกับข้อสรุปของทางกระทรวงพลังงาน โดย 4 หน่วยงานลงความเห็นภายใต้ ‘ความเชื่อมั่นระดับต่ำ’ ว่า ไวรัสติดต่อโดยธรรมชาติผ่านสัตว์ ส่วนอีก 2 หน่วยงาน ในนั้นรวมถึง ซีไอเอ (CIA) ยังไม่ลงความเห็นในข้อสรุประหว่าง 2 ทฤษฎีแหล่งที่มาของโควิด-19

นายเจค ซัลลิแวน (Jake Sullivan) ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาว เน้นย้ำว่า ยังคงมีมุมมองในหลากหลายในประเด็นนี้

“ในตอนนี้ ยังคงไม่มีคำตอบอย่างชัดเจนที่ปรากฏออกมาจากประชาคมนานาชาติ ในเรื่องเกี่ยวกับคำถามดังกล่าว” นายเจค ซัลลิแวน กล่าวกับซีเอ็นเอ็น

ในส่วนของจีน ได้ออกมาปฏิเสธอีกรอบ โดย นางเหมา หนิง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เรียกร้องให้ “หยุดโหมกระพือคำกล่าวอ้างว่า โควิดมีต้นตอจากการรั่วไหลออกมาจากห้องปฏิบัติการ หยุดป้ายสีจีน และหยุดเล่นการเมืองในประเด็นแกะรอยหาแหล่งที่มาโควิด”

นางเหมา หนิง กล่าวระหว่างแถลงข่าวอีกว่า “ข้อสรุปทางวิทยาศาสตร์ที่เชื่อถือได้ ที่ร่างโดยบรรดาผู้เชี่ยวชาญร่วมจากจีนและองค์การอนามัยโลก ไม่พบความเป็นไปได้ของการรั่วไหลหลุดจากห้องปฏิบัติการ”

‘ธนกร’ ปัด ‘รทสช.’ อยู่เบื้องหลังพาชูวิทย์บุกทำเนียบ ชี้!! ที่ผ่านมา ก็วิจารณ์นายกฯ มาตลอด 1 ปี

(28 ก.พ. 66) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงกรณีนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เข้ายื่นหนังสือกับนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เลขาธิการนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ที่ทำเนียบรัฐบาล หลายฝ่ายมองว่าเป็นเกมการเมือง ว่า ไม่ได้เกี่ยวกับพรรค รทสช. ต้องมองว่าที่ผ่านมาตลอดระยะเวลา 1 ปี นายชูวิทย์ก็วิพากษ์วิจารณ์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มาโดยตลอด นายกฯ ก็ไม่เคยตอบโต้เลย ตนเองก็รู้จักกับนายชูวิทย์ เดินสวนกันไปมาหลายครั้ง ก็ไม่เคยโกรธ เพราะนายชูวิทย์ก็ทำหน้าที่ของเขา ดังนั้น ต้องให้ความเป็นธรรมกับพรรคด้วย ว่าพรรค รทสช.ไม่ได้อยู่เบื้องหลัง หรือไม่ได้เกี่ยวข้องกับนายชูวิทย์ ต่างคนต่างมีหน้าที่

ผู้สื่อข่าวถามว่า ทางพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ติดใจตรงที่นายพีระพันธุ์ มารับหนังสือจากนายชูวิทย์ด้วยตัวเอง นายธนกร กล่าวว่า นายพีระพันธุ์มารับหนังสือในฐานะเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ซึ่งความจริงไม่มีอะไร และหากย้อนดู หลายเรื่องที่นายชูวิทย์พูดก็มีประโยชน์ ซึ่งรัฐบาลก็ดำเนินการมาตลอด ตรงไหนที่ยังไม่ได้ทำ เราก็จะดำเนินการ

“เรื่องนี้อย่าไปคิดว่าพรรคไหนอยู่เบื้องหลัง และความสัมพันธ์ระหว่างหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยกับนายกรัฐมนตรี ก็ดีมาตลอด ไม่มีปัญหาอะไรกันเลย ให้เกียรติซึ่งกันและกันมาโดยตลอด เรื่องนี้ต้องแยกออกจากกัน การวิพากษ์วิจารณ์ของนายชูวิทย์ เป็นสิ่งที่เขาสามารถทําได้ ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับพวกผม” นายธนกร กล่าว

แม่ทัพภาคที่ 3 ประชุมคณะกรรมการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 3 เพื่อขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาภัยคุกคามด้านความมั่นคงในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ

ที่กองบัญชาการกองทัพภาคที่ 3 ค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก พลโท สุริยะ เอี่ยมสุโร แม่ทัพภาคที่ 3 ในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 3 ร่วมประชุมคณะกรรมการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 3 ประจำปี 2566 เพื่อขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาภัยคุกคามด้านความมั่นคง ที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนและประเทศชาติ โดยเฉพาะผลกระทบที่เกิดขึ้นโดยตรงต่อประชาชนในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ ทั้งด้านทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม 

ซึ่งแนวโน้มการบุกรุกพื้นที่ป่าและรับรอบการตัดไม้ทำลายป่า ยังคงมีความรุนแรงทำให้พื้นที่ป่าลดลงอย่างต่อเนื่อง และส่งผลกระทบต่อสมดุลทางธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมโดยรวม ทำให้เกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติที่มีความรุนแรงมากขึ้น ปัญหาด้านยาเสพติดซึ่งยังคงความรุนแรง โดยพื้นที่ภาคเหนือด้านจังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดเชียงราย ยังคงเป็นพื้นที่นำเข้าหลักและเป็นทางผ่านของยาเสพติดเข้าสู่พื้นที่ตอนใดของประเทศ ส่งผลให้ปัญหาการแพร่ระบาดของยาเสพติดยังคงความรุนแรงต่อเนื่อง และด้านแรงงานต่างด้าวและผู้รับรอบเข้าเมือง 

แนวโน้มแรงงานต่างด้าวสัญชาติเมียนมาที่ขาดคุณสมบัติและมีข้อจำกัดในการดำเนินการจะยังคงลักลอบเข้าเมืองเพื่อเข้ามาทำงานในประเทศไทยอย่างต่อเนื่องแม้ว่าจะถูกจับกุมและผลักดันกลับประเทศแต่ยังคงความพยายามลักลอบหลบหนีเข้ามาใหม่ โดยส่วนใหญ่พบในพื้นที่อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก และอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ตลอดจนภัยสังคมในรูปแบบต่าง ๆ 

ปส. ร่วมกับจว.พระนครศรีอยุธยา บุกค้น 8 จุด ในจว.พระนครศรีอยุธยา และสระบุรี จับแก๊งค้ายาเสพติดรายใหญ่ในพื้นที่ ตามยึดทรัพย์กว่า 100 ล้านบาท

(28 ก.พ. 66) เจ้าหน้าที่ตำรวจปราบปรามยาเสพติด นำหมายค้นของศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เข้าบุกค้นบ้านนายชัยวัตร ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ในอำเภอภาชี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา หลังมีความเชื่อมโยงกับแก๊งค้ายาเสพติดในพื้นที่จังหวัดพัทลุง ซึ่งถูกตำรวจจับกุมตัวได้พร้อมของกลาง ไอซ์เกือบ 300 กิโลกรัม เมื่อปลายปี 2565

ในเวลา 10.00 น พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร.(กม)/ผอ.ศอ.ปส.ตร., พล.ต.ท.ประจวบวงศ์สุข ผช.ผบ.ตร/รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร, พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ปส., พล.ต.ต.คมสิทธิ์ รังไสย์ ผบก.ปส.3, นายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยาร่วมแถลงข่าวการจับกุมกลุ่มเครือข่ายผู้ายาเสพติดรายใหญ่ 3 เครือข่าย ตั้งแต่ เมื่อปี 2565 ที่ผ่านมา คือ

1.) เครือข่ายนายฮ้อยทมิฬ เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2565 จับกุมกลุ่มผู้ลำเลียงยาเสพติด 3 ราย พร้อมของกลางยาบ้า 7,000,000 เม็ด ในพื้นที่ จว.พระนครศรีอยุธยาและพื้นที่ใกล้เคียงหลายจุด พร้อมยึดทรัพย์ 11 ล้านบาท
2.) เครือข่ายรถบรรทุกโลจิสติกส์ เมื่อวันที่ 21 กันยายน 2565 พนักงานของบริษัทรับขนส่งสินค้าแห่งหนึ่งในพื้นที่ภาคเหนือ ถูกเจ้าหน้าที่จับกุมได้ 1 คน พร้อมยาบ้า 2,000,000 เม็ด ได้ที่ด่านตรวจยาเสพติดสบปราบ จว.ลำปาง และ 3. จว.ลำปาง ต่อเนื่อง อยุธยา
3.) เครือข่ายหนองตาโล่ เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2565 เจ้าหน้าที่ได้ทำการจับกุมกลุ่มลำเลียงยาเสพติด 3 รายพร้อมไอซ์ 279 กิโลกรัม ในพื้นที่ จว.พัทลุง ก่อนจะขยายผลออกหมายจับเครือข่ายเพิ่ม 2 ราย คือ ผู้สั่งการ และผู้ทำหน้าที่ส่งมอบยาเสพติดให้กับกลุ่มผู้ต้องหา และตรวจคันจับกุมและยึดทรัพย์สินในพื้นที่ภาคกลางอีก 6 จุดซึ่งในระหว่างวันที่ 20 - 28 กุมภาพันธ์ 2566 ที่ผ่านมา กองบังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด 3 สามารถขออนุมัติออกหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 3 คดีข้างตัน จำนวน 9 หมาย พร้อมเปิดปฏิบัติการปิดล้อมตรวจคันพื้นที่เพื่อจับกุมบุคคลตามหมายจับ 20 จุด ในพื้นที่จังหวัดเซียงใหม่, เขียงราย, ตาก, สระบุรี และ พระนครศรีอยุธยาเบื้องต้น สามารถจับกุมบุคคลตามหมายจับได้ 4 ราย และตรวจยึดอายัดทรัพย์สินที่คาดว่าจะเกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติดเพื่อนำมาตรวจสอบหลายรายการ อาทิ เงินสด, รถยนต์, รถตู้, รถแทรกเตอร์, รถประจำทาง,รถจักรยานยนต์, ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง และโฉนดที่ดิน รวม 60 รายการ มูลค่าทรัพย์สินประมาณ 100 ล้านบาท


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top