Tuesday, 17 June 2025
ค้นหา พบ 48864 ที่เกี่ยวข้อง

‘กรณ์’ ควง ‘เทมส์ - อรทัย’ พบปะประชาชน จ.ภูเก็ต เสนอนโยบาย ดันภูเก็ตสู่ ‘เมืองท่องเที่ยวระดับโลก’

(16 ก.พ.66) นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า พร้อมด้วยนางสาวอรทัย เกิดทรัพย์ และ นายเทมส์ ไกรทัศน์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.จ.ภูเก็ต เดินพบปะพี่น้องประชาชนในทั้ง 2 เขต เพื่อนำเสนอนโยบายของพรรคชาติพัฒนากล้าในการพัฒนา จ.ภูเก็ต ให้เป็น World class destination ของนักท่องเที่ยวทั่วโลก 

โดยนายกรณ์ กล่าวว่า ถึงวันนี้ตนมั่นใจในตัวผู้สมัครทั้งสองคน ว่าเป็นคนที่มีคุณภาพและเป็นความหวังของชาวบ้าน ที่เข้ามาแก้ปัญหาให้กับ จ.ภูเก็ต ดูจากผลโพลของท้องถิ่นเอง เราก็มาเป็นที่ 1 แม้ว่าจะเป็นผู้สมัครหน้าใหม่ และพรรคใหม่ก็ตาม ส่วนหนึ่งเป็นเพราะแนวนโยบายของพรรคชาติพัฒนากล้าเน้นเรื่องเศรษฐกิจปากท้อง โดยเฉพาะใน 2-3 ปี ที่ผ่านมาจากปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด-19 คนภูเก็ตเดือดร้อนหนักหนาสาหัสมาก

หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวว่า ในช่วงโควิด ตนลงมาภูเก็ตบ่อยมาก สัมผัสได้ถึงความทุกข์ยาก เพราะภูเก็ตเป็นเมืองท่องเที่ยว รายได้ส่วนใหญ่มาจากการท่องเที่ยว เพราะฉะนั้นในสภาพแวดล้อมที่การท่องเที่ยวถูกปิดล็อกเป็นศูนย์ แน่นอนที่สุดคนที่เดือดร้อนคือ คนภูเก็ต ดังนั้นเราถึงมองว่านโยบายที่จะมาช่วยแก้ปัญหาพี่น้องประชาชนในเรื่องของการทำมาหากินเรื่องปัญหาหนี้สิน ถือว่าเป็นเรื่องที่มีความสำคัญ เวลานี้การท่องเที่ยวเริ่มฟื้นตัว ในแง่ของความสนใจของนักท่องเที่ยวที่จะมาเที่ยวภูเก็ตยังไงมีอยู่แล้ว แต่ทำอย่างไรจะให้คุณภาพชีวิตของคนภูเก็ตเองดีขึ้น และได้ประโยชน์จากรายได้ที่ชาวภูเก็ตช่วยกันสร้างให้กับประเทศ 

นอกจากนี้ การจัดสรรงบประมาณ ไม่ได้สะท้อนความสำคัญของภูเก็ตในฐานะแหล่งรายได้สำคัญของประเทศและไม่ได้สะท้อนความต้องการของคนภูเก็ต ๆ ที่มีประชากรจริงอยู่ 5 แสน แต่ประชากรแฝง ทั้งแรงงานจากนอกเขตพื้นที่ หรือ นักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ ที่มาใช้ทรัพยากรอยู่ที่ จ.ภูเก็ต เป็นหลักสิบล้านคน เพราะฉะนั้น การจัดสรรงบประมาณก็ต้องสะท้อนความเป็นจริงด้วย ที่ผ่านมาผมมองว่า นักการเมืองจากภูเก็ตไม่เคยต่อสู้เรื่องนี้อย่างจริงจัง เป็นหนึ่งในสาเหตุที่เราเน้นเรื่องมุมทางเศรษฐกิจในการนำเสนอนโยบายให้กับชาวภูเก็ต” นายกรณ์ กล่าว

นายกรณ์ กล่าวต่อว่า การบริหารจัดการตัวงบประมาณ คนที่รู้มากที่สุดว่าคนในพื้นที่ต้องการอะไร และมีความเดือดร้อนเรื่องอะไร คือ ท้องถิ่น โดยส่วนตัวตนเดินทางไปมาทั่วประเทศ พบว่ามาตรฐานคุณภาพของผู้บริหารท้องถิ่นสูงขึ้นเรื่อย ๆ และโดยเฉพาะมาตรฐานของผู้บริหารท้องถิ่นของภูเก็ต ถือว่าสูงมาก ในช่วงโควิดเราจะเห็นว่า แนวความคิดในการแก้ปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนชาวภูเก็ต ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเข้าถึงวัคซีน ข้อเสนอเรื่องของแซนด์บ็อกซ์ มันเป็นแนวความคิดของคนภูเก็ตเสนอขึ้นไปให้ส่วนกลางได้พิจารณาทั้งสิ้น สุดท้ายเรื่องดี ๆ ที่มีให้กับภูเก็ต ล้วนเป็นจุดเริ่มต้นจากการผลักดันของคนภูเก็ตเอง แต่หลายเรื่องกลับใช้เวลานานมาก และไม่ได้ตอบสนองเต็มรูปแบบอย่างที่ควรจะเป็น มันยิ่งทำให้มีภาพที่ชัดเจนว่า หนึ่งในพื้นที่ที่มีความพร้อมที่จะบริหารตนเอง บริหารงบประมาณของตนเอง ก็คือ ภูเก็ต เรื่องนี้ ไม่ควรจำกัดอยู่แค่ในกรุงเทพมหานคร มันถึงเวลาของภูเก็ตเช่นเดียวกัน

'จีน' หัวใส นำ ‘กากไขมัน’ จากเหลาหม้อไฟ ส่งให้ยุโรปไปผลิตน้ำมันเติมเครื่องบิน

บริษัทจีนหัวใส นำไขมันเหลือทิ้งจากหม้อไฟกว่า 1.2 หมื่นตันในแต่ละเดือน ส่งออกเป็นพลังงานเครื่องบินได้

หม่าล่าหม้อไฟเสฉวน ได้รับความนิยมอย่างมากในจีน นอกจากรสชาติจะเข้มข้น เผ็ดร้อน ยังอุดมไปด้วยไขมันจากพืช และ สัตว์ ที่ช่วยให้รสชาติกลมกล่อม และนุ่มนวลขึ้น เป็นที่ถูกใจชาวจีนอย่างยิ่ง จึงไม่แปลกใจที่จะเห็นร้านหม้อไฟอยู่ทุกหน ทุกแห่ง ในประเทศจีน 

และในแต่ละปี ก็จะมีไขมันเหลือทิ้งจากภัตตาคารหม้อไฟเป็นจำนวนมาก เฉพาะในนครเฉิงตูก็มีไขมันเหลือทิ้งมากถึง 12,000 ตันในแต่ละเดือน จึงเริ่มมีความคิดที่ว่า เราสามารถนำไขมันเหล่านี้ไปทำอะไรได้บ้าง?

จนในปี 2016 มีบริษัท Start-up ในเฉิงตู ได้ตระเวนเก็บเศษไขมันจากร้านอาหารเอาไปขายต่อให้กับโรงกลั่นในสิงคโปร์ และ ยุโรป เพื่อนำไปรีไซเคิลใหม่เป็นน้ำมันที่ใช้กับเครื่องบิน เป็นไปได้หรือนี่!

จากกระแสตื่นตัวเรื่องปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศที่กดดันอุตสาหกรรมการบินที่มีส่วนในการปล่อยก๊าซคาร์บอนในชั้นบรรยากาศอยู่ราวๆ 2% ให้พยายามหาแหล่งพลังงานสะอาด ก่อให้เกิดมลภาวะน้อยลง ด้วยเหตุนี้ สายการบินชั้นนำของโลก อาทิ British Airways, Cathay Pacific และ Delta ออกมาประกาศว่าใช้แหล่งพลังงานสะอาดทดแทนให้ได้ 10% ของน้ำมันเชื้อเพลิงจากฟอสซิลภายในปี 2030 

น้ำมันเหลือทิ้งจากอุตสาหกรรมร้านอาหารจึงตอบโจทย์ในด้านพลังงานยั่งยืน จากการรีไซเคิลน้ำมันที่มีอยู่เดิม ลดปริมาณการถางป่าเพื่อเพาะปลูกพืชน้ำมันใหม่ อีกทั้งภัตตาคาร ร้านอาหารจีน ก็ใช้น้ำมันในการปรุงอาหารจำนวนมาก โดยเฉพาะ หม้อไฟที่มีส่วนประกอบของไขมันจำนนมาก จึงทำให้จีนกลายเป็นประเทศผู้ส่งออกน้ำมันเหลือใช้รายใหญ่ที่สุดในโลก

รู้จัก 'มาม่า' เมนูเปี่ยมโภชนาการประจำวันที่ 1 และ 16 และสโลแกนที่ไม่เคยเปลี่ยนตลอด 50 กว่าปี

พุทธศักราช 2515 ผู้บริหารบริษัทในเครือ 'สหพัฒนพิบูล' มองเห็นโอกาสสร้างแบรนด์บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในประเทศไทย โดยตกลงร่วมทุนกับ 'ยูนิ - เพรสซิเดนท์' จากไต้หวัน ตั้ง 'ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์' ขึ้นเพื่อผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปขึ้นมา โดยใช้ชื่อผลิตภัณฑ์ตั้งต้นนั้นว่า 'มาม่า'

โดยชื่อ ‘มาม่า’ มีต้นกำเนิดจากคำว่า ‘แม่’ ด้วยเพียงสองเหตุผล คือ เป็นคำแรกที่เด็กเริ่มพูด (ในแทบทุกชาติ ทุกภาษา) และ 'แม่' คือคนทำอาหารอร่อย ๆ ให้เรากิน

ส่วนที่เรียกว่า 'บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป' ก็เพราะผู้บริโภคต้อง 'ปรุง' อีกนิดก็กินได้

แม้ 'มาม่า' จะมีแป้งและไขมันเป็นส่วนประกอบหลัก และหากรับประทานติดต่อกันป็นเวลานาน อาจขาดสารอาหารหลักได้ หรือเมื่อบริโภคติดต่อกันในปริมาณที่มากก็เสี่ยงต่อไตจะเป็นอันตราย เนื่องจากมีสารโซเดียมค่อนข้างสูง ยิ่งในผู้แพ้ผงชูรสยิ่งต้องระมัดระวัง จึงมักมีคำแนะนำให้ใส่ไข่ ผัก หรือเนื้อสัตว์เพิ่มลงไปด้วย เพื่อเพิ่มสารอาหาร และป้องกันไม่ให้ร่างกายได้รับโซเดียมมากจนเกินไป

แต่สำหรับสภาวะเศรษฐกิจฝืดเคืองชั่วคราว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทุกวันที่ 1 และ 16 ของทุกเดือน 'มาม่า' จึงมักเป็นชื่อที่ผู้คนโหยหากัน ด้วยราคาอันเป็นมิตรที่น่าคบหาได้ในยามยาก แถมเพียบพร้อมด้วยคุณค่าทางโภชนาการ เช่น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปซองขนาด 60 กรัม จะให้พลังงานประมาณ 300 กว่าแคลอรี เพียงพอสำหรับหนึ่งมื้อ เพราะพลังงานที่คนต้องการคือ 2000 - 2500 แคลอรีต่อวัน โดยได้รับสารอาหารทั้งคาร์โบไฮเดรท โปรตีน ไขมัน วิตามินเอ ธาตุเหล็ก และไอโอดีน

ชื่อ 'มาม่า' นั้น ถือได้ว่าประสบความสำเร็จในการสื่อสารกับลูกค้าอย่างสูง จนกลายมาเป็นชื่อเรียกแทนประเภทสินค้าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป หรือ Generic Name ที่เราเรียก ‘มาม่า’ แทนบะหมี่กึ่งทุกยี่ห้อ และคำถามที่ต้องเจอต่อก็คือ “เอามาม่ายี่ห้อไหน?”

ความสำเร็จรับมือโควิด-19 และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ

เกียรติยศและรางวัลแห่งความสำเร็จ : เกิดจากความร่วมมือของคนไทยทั้งประเทศ ที่รัฐบาลนี้ นำมาสู่ประชาชนชาวไทย คือ ‘การสร้างโอกาสในวิกฤต’ 

โดย ‘ปีแรก’ ของการระบาด ประเทศไทยถือว่าเป็นอันดับ 2 ของโลก และอันดับ 1 ของเอเชีย ที่สามารถฟื้นตัวจากโควิดได้ดี เป็นอันดับ 6 ของโลก และอันดับ 1 ของเอเชีย ที่มีการบริหารจัดการเกี่ยวกับโรคระบาดและด้านสุขภาพได้ดีที่สุด อีกทั้งไทยเป็นอันดับ 5 ของโลก ที่มีความมั่นคงทางสุขภาพ

องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้เลือกประเทศไทยเป็น 1 ใน 4 ประเทศจากทั่วโลก และเป็นประเทศเดียวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในการดำเนินโครงการกลไกทบทวนการเตรียมความพร้อม กรณีภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขและสุขภาพถ้วนหน้า (Universal Health and Preparedness Review : UHPR) และถอดบทเรียนความสำเร็จการรับมือวิกฤตโควิด

นอกจากนี้...ประเทศไทยได้รับเลือกให้เป็นที่ตั้งสำนักงานเลขาธิการของ ‘ศูนย์อาเซียนด้านการรับมือกับภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขและโรคอุบัติใหม่’ (ASEAN Centre for Public Health Emergencies and Emerging Diseases : ACPHEED) ที่ส่งเสริมโอกาสให้ประเทศไทยเป็น ‘ศูนย์กลางทางการแพทย์และสาธารณสุข’ (Medical Hub) แห่งหนึ่งในโลก และไปไกลได้กว่านั้น คือ เป็นตลาดอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพได้ในอนาคต

การนำพาบ้านเมืองฝ่าวิกฤตต่าง ๆ ดึงพลังความสามัคคีของคนในชาติ จนสามารถเอาชนะ ‘สงครามโควิด’ ได้อย่างงดงาม จนนานาชาติต่างชื่นชม แน่นอนว่าการท่องเที่ยวในปี 64 หลัง ‘เปิดประเทศ’ อย่างเป็นระบบ นักท่องเที่ยวต่างชาติไหลกลับเข้าประเทศตามเป้า 10 ล้านคน ตั้งแต่ยังไม่ครบปี 

ในขณะที่หลายประเทศยังซบเซา เศรษฐกิจโลกยังถดถอย แต่ก็มั่นใจว่าปีหน้า 2566 จะมีชาวต่างชาติมาเยือนไทย ไม่น้อยกว่า 23.5 ล้านคน มองเห็นสร้างรายได้จากกิจกรรมต่าง ๆ รวมถึง 1.2 ล้านล้านบาท ซึ่งยังไม่นับรวมชาวจีนที่ยังคงปิดประเทศ

'โรม' แฉ!! 'ขบวนการไทยเทา' อยู่เบื้องหลังทุนจีนสีเทา เตรียมส่งเรื่องยื่น ป.ป.ช. เตือน 'บิ๊กตู่' อย่าลอยตัวเหนือปัญหา

(16 ก.พ. 66) ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงการอภิปรายทั่วไป ตามมาตรา 152 เมื่อวานนี้ (15 ก.พ.) ว่า เป็นการอภิปรายที่เดือดมาก และมีข้อมูลหลายอย่าง ประชาชนหลายคน และพรรคการเมืองต่าง ๆ ได้เห็นความจริงมากขึ้น พวกเขาเข้ามาชื่นชมในเรื่องของการอภิปราย ซึ่งนายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส. นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ได้โพสต์ชื่นชมตนในเฟซบุ๊ก สิ่งที่ตนอภิปรายทุกคนเห็นและช่วยกันยืนยันว่าเป็นความจริงที่เกิดขึ้นในประเทศของเรา ตนขอเรียกว่า 'ไทยเทา' กำลังเป็นปัญหาของประเทศ ซึ่งเชื่อมโยงกับกลุ่มเมียนมาและทุนจีนสีเทา ซึ่งพยายามเข้ามาในประเทศ และยังมีกลุ่มทุนจีนบางกลุ่มมาในรัฐสภา มาเยี่ยมกรรมาธิการคาสิโน และอาจเกี่ยวข้องกับการค้าอวัยวะเถื่อน

“ในบันทึกชวเลขที่ได้มาจากสภาฯ มีความพยายามเซ็นเซอร์ชื่อของผู้เข้าร่วมประชุม แต่พรรคเข้าก้าวไกลมี ส.ส. ในกรรมาธิการชุดนี้ จึงได้ข้อมูล ตนเห็นทุนสีเทาที่นำโดยไทยเทาพาเข้ามาเกี่ยวกับรัฐสภา เกี่ยวกับอำนาจที่ประชาชนเลือกเข้ามา ความเกี่ยวพันชัดเจนว่าเราไม่สามารถกำจัดได้ เพราะมีผู้มีอำนาจ แม้ตำรวจนครบาลทำหน้าที่ได้ดี สุดท้ายโดนย้าย” นายรังสิมันต์ กล่าว

นายรังสิมันต์ กล่าวว่า การอภิปรายครั้งนี้ ไม่ใช่การเปิดโปงและอยากจะสดุดีพลเมืองดีอย่าง นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง ที่พยายามปฏิบัติการหมาเฝ้าบ้าน หากเราไม่มีนายชูวิทย์ หรือตำรวจน้ำดี ที่พยายามนำข้อมูลต่าง ๆ มาให้ เราไม่สามารถอธิบายได้ และการเปิดโปงครั้งนี้ เป็นจุดเริ่มต้น ตนจะไม่หยุดเพียงเท่านี้ จะนำข้อมูลทั้งหมดไปยื่นต่อ ป.ป.ช. และสำนักงานอัยการสูงสุด


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top