Saturday, 5 July 2025
ค้นหา พบ 49200 ที่เกี่ยวข้อง

สุโขทัย-จัดพิธีบวงสรวงบูรพกษัตริย์สุโขทัยทุกพระองค์ เนื่องในวันพ่อขุนรามคำแหงมหาราช

วันนี้ (17 มกราคม 2566) เวลา 07.00 น. ที่ลานด้านหน้าพระบรมราชานุสาวรีย์พ่อขุนรามคำแหงมหาราช ภายในอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย นายสุชาติ ทีคะสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย พร้อมด้วย นางพร้อมจันทร์ ทีคะสุข รองนายกเหล่ากาชาดจังหวัดสุโขทัย ศาล ทหาร ตำรวจ อัยการ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสุโขทัย สมาชิกวุฒิสภา ดร.มนู พุกประเสริฐ นายก อบจ.สุโขทัย พร้อมด้วย คณะผู้บริหาร และบุคลากร อบจ.สุโขทัย ผู้นำทีองถิ่น หัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ ประกอบพิธีบวงสรวงพ่อขุนรามคำแหงมหาราช และบูรพกษัตริย์สุโขทัยทุกพระองค์ จากนั้นผู้แทนจากภาคส่วนต่างๆ ถวายพานพุ่มดอกไม้ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย กล่าวถวายราชสดุดี เนื่องในวันพ่อขุนรามคำแหงมหาราช ประจำปี 2566

ทั้งนี้ พ่อขุนรามคำแหงมหาราชทรงเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์ที่ 3 ในราชวงศ์พระร่วงแห่งราชอาณาจักรสุโขทัย เสวยราชย์สมบัติประมาณปี พ.ศ.1822 ถึงประมาณปี พ.ศ.1841 พระองค์ทรงรวบรวมอาณาจักรไทยจนเป็นปึกแผ่นกว้างขวาง และได้ทรงประดิษฐ์ตัวอักษรไทยขึ้น ทำให้ชาติไทยได้สะสมความรู้ทางศิลปะ วัฒนธรรม และวิชาการต่างๆ สืบทอดกันมากว่า 700 ปี และ เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2376 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงค้นพบแท่นศิลาจารึกของพ่อขุนรามคำแห่งมหาราชที่เนินปราสาท จ.สุโขทัย ต่อมาคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบให้กำหนดวันที่ 17 มกราคมของทุกปีเป็นวันพ่อขุนรามคำแหงมหาราช เพื่อเผยแพร่พระเกียรติที่พระองค์ทรงส่งเสริมให้เกิดความรุ่งเรืองทางปัญญา และศิลปวัฒนธรรมที่โดดเด่น คือ การประดิษฐ์ตัวอักษรไทย และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่พระองค์ทรงมีต่อปวงชนชาวไทยนานัปการ

ครม. ไฟเขียวลดภาษีดีเซลต่ออีก 4 เดือน อนุมัติ 6.2 พันลบ. สร้างอ่างเก็บน้ำ ‘น้ำกิ’ จ.น่าน

คณะรัฐมนตรีลดภาษีดีเซลต่ออีก 4 เดือน เห็นชอบสร้างอ่างเก็บน้ำ ‘น้ำกิ’ พร้อมเวนคืนที่ดินสร้างอ่างเก็บน้ำลำพญา และผลักดันเปิดตลาดน้ำมันปาล์ม

วันนี้ (17 ม.ค. 66) เวลา 14.00 น. ที่ศูนย์แถลงข่าว ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นางสาวรัชดา ธนาดิเรก และนางสาวทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ร่วมกันแถลงข่าวจากการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันนี้ โดยมีประเด็นสำคัญที่น่าสนใจ ดังนี้ ประเด็นแรก คณะรัฐมนตรีเห็นชอบขยายเวลาลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล ซึ่งเป็นมาตรการต่อเนื่องมาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565 ซึ่งจะสิ้นสุด 20 มกราคม พ.ศ. 2566 คณะรัฐมนตรีจึงมีมติขยายเวลาออกไป โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2566 – 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 ซึ่งจะปรับภาษีสรรพสามิตลดลงลิตรละ 5 บาท ตามชนิดของน้ำมันดีเซล ซึ่งจะช่วยรักษาระดับการขายน้ำมันดีเซลในประเทศให้ราคาไม่สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว และส่งผลกระทบต่อค่าครองชีพของประชาชน

นอกจากนี้คณะรัฐมนตรีเห็นชอบการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำน้ำกิ ในจังหวัดน่าน เพื่อกักเก็บน้ำเอาไว้ใช้ในหน้าแล้ง รวมถึงป้องกันอุทกภัย และยังเป็นแหล่งท่องเที่ยว แหล่งขยายพันธุ์ปลาน้ำจืด เมื่อสร้างเสร็จจะเกิดประโยชน์กับประชาชนโดยรอบ กว่า 6,300 ครัวเรือน ระยะเวลาการก่อสร้าง 7 ปี ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2567- พ.ศ. 2573 ใช้งบประมาณ 6,200 ล้านบาท ซึ่งรวมค่าสิ่งก่อสร้างและค่าชดเชยที่ดินแล้ว นอกจากนี้คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติร่างพระราชกฤษฎีกาเวนคืนที่ดิน เพื่อก่อสร้างอ่างเก็บน้ำลำพญา จังหวัดยะลา ซึ่งเป็นโครงการที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมชลประทาน เป็นผู้นำเสนอ โดยใช้พื้นที่ 1,527 ไร่ มีค่าทดแทนทรัพย์สินทั้งโครงการ 475 ล้านบาท โดยใช้งบประมาณประจำปี 2565-2567 ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับประชาชน ครอบคลุมพื้นที่ 8,100 ไร่ กว่า 690 ครัวเรือน ซึ่งจะช่วยกักเก็บน้ำเอาไว้ใช้ในหน้าแล้ง และป้องกันอุทกภัย

‘ALMA’ เปิดตัว ‘Flagship School’ แห่งแรกในอาเซียน หวังเผยแพร่มรดกด้านวัฒนธรรมอาหารอิตาเลียน

(17 ม.ค. 66) เวลา 13.50 น. ALMA - The School of Italian Culinary Arts สถาบันการศึกษาและฝึกอบรมด้านอาหาร เครื่องดื่ม และด้านการบริการชั้นนำระดับโลก จากประเทศอิตาลี จัดงาน 'ALMA Culinary Arts Inauguration Ceremony' เพื่อเปิดตัว Flagship School แห่งแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเผยแพร่มรดกด้านวัฒนธรรมอาหารอิตาเลียน ผ่านหลักสูตรการเรียนการสอนที่หลากหลาย

นายเอ็นโซ มาลังกา ประธานและผู้บริหารสูงสุด ALMA กล่าวว่า เป้าหมายหลักของสถาบัน ALMA คือการเผยแพร่อาหารอิตาเลียนไปทั่วโลก และที่สำคัญตนรู้สึกว่าประเทศไทยมีวัฒนธรรมอาหารที่คล้ายคลึงกัน ดังนั้น ตนจึงเล็งเห็นว่าประเทศไทยเหมาะสมที่จะเป็นศูนย์กลาง เพื่อนำเสนอวัฒนธรรมอาหารอิตาเลียน สู่สายตาผู้คนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 

เพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว ทางสถาบัน ALMA ได้มีการส่งเชฟผู้สอนจากประเทศอิตาลี ไปยัง Flagship School ต่าง ๆ ในกว่า 20 ประเทศทั่วโลก เพื่อให้ผู้เรียนได้ศึกษาในหลักสูตรที่เป็นไปตามมาตรฐานเช่นเดียวกับที่ ALMA Headquarters โดยผู้เรียนกว่า 1,000 คนทั่วโลกหลังจากจบการศึกษา จะมีองค์ความรู้ในด้านการประกอบอาหาร ทั้งในรูปแบบดั้งเดิมและร่วมสมัย รวมถึงสามารถเพิ่มมูลค่าให้แก่จานอาหารอย่างสร้างสรรค์ เพื่อให้พร้อมสู่การเป็นเชฟอาหารอิตาเลียน, เชฟเบเกอรีและขนมอบสไตล์อิตาเลียนได้อย่างมืออาชีพ

เปิดนโยบาย 4 พรรคการเมืองใหญ่ ชูนโยบายแก้ปัญหาปากท้อง ปชช.

เชื่อว่าช่วงนี้ทุกท่านคงจะเห็นพรรคการเมืองเริ่มรุกกำหนดนโยบายหาเสียงกันแล้ว มีตั้งแต่นโยบายเล็ก ๆ ไปจนถึงนโยบายใหญ่ ๆ ซึ่งวันนี้ทีมข่าว THE STATES TIMES จะพาทุกท่านไปดูว่า พรรคการเมืองพรรคไหนบ้างที่มีนโยบายสนับสนุนปากท้องประชาชน

ขอเริ่มต้นที่ ‘พรรคพลังประชารัฐ’ ได้กำหนดนโยบายออกมาคือ ‘เศรษฐกิจประชารัฐ’ คือการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ ย้ายแรงงานภาคการเกษตรไปยังภาคอุตสาหกรรม-ภาคของเศรษฐกิจฐานนวัตกรรมมากขึ้น แล้วก็ส่งเสริมเรื่องเศรษฐกิจฐานราก ส่งเสริมในเรื่องของการที่จะให้ภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ ไม่ว่าจะเป็นผ่านกองทุนต่าง ๆ หรือรูปแบบอื่นใดก็ตาม 

ต่อมา ‘พรรคเพื่อไทย’ พรรคนี้ได้ประกาศแคมเปญรณรงค์การเลือกตั้งครั้งนี้ว่า ‘คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อไทยทุกคน’ ซึ่งทางพรรคก็เคลมว่าเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาลในปี 2570 ซึ่งมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจปากท้องประชาชน คือ ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ และขยายโอกาส ปี 2570 พรรคเพื่อไทยจะทำให้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ของประเทศเติบโตอย่างต่ำเฉลี่ยร้อยละ 5% ต่อปี ช่องว่างความเหลื่อมล้ำจะลดลงอย่างเห็นได้ชัด เพราะพรรคเพื่อไทยจะใช้แนวคิด ‘รดน้ำที่ราก’ เพื่อให้ต้นไม้งอกงามได้ทั้งต้น ทั้งที่น้ำมีจำกัด

พรรคถัดมาคือ ‘พรรคประชาธิปัตย์’ พรรคนี้ได้กำหนดยุทธศาสตร์ของพรรคไว้คือ ‘สร้างเงิน สร้างคน สร้างชาติ’ ซึ่งมีนโยบายเสริมปากท้องประชาชนคือ 

1. การประกันรายได้ ซึ่งก็คือการประกันรายได้จ่ายเงินส่วนต่าง ข้าว มัน ยาง ปาล์ม และข้าวโพด โดยรายละเอียดของการต่อยอดโครงการประกันรายได้นั้นจะเน้นในส่วนของเงินส่วนต่างให้กับพี่น้องเกษตรกร

2. ให้เงินอุดหนุนกลุ่มประมง ซึ่งในไทยมีกลุ่มประมงกระจายอยู่ทั่วประเทศ 2,800 กว่าแห่ง กลุ่มประมงเหล่านี้คือกลุ่มประมงที่เป็นฐานรากของประเทศ ดังนั้นนโยบายที่พรรคประชาธิปัตย์ต้องการสร้างความเข้มแข็งในฐานราก ก็คือการให้เงินอุดหนุนกลุ่มเกษตรกรประมง กลุ่มละ 100,000 บาทต่อปีทุกกลุ่ม ทั้ง 2,800 กว่ากลุ่ม 

ต่อมา ‘พรรคภูมิใจไทย’ ซึ่งพรรคนี้ได้กำหนดนโยบายออกมา 2 นโยบายที่สนับสนุนปากท้องท้องประชาชน ได้แก่

‘โรม’ หวั่น ‘บิ๊กตู่’ ยุบสภาฯ หนีศึกซักฟอก หลังให้เวลาฝ่ายค้านเตรียมตัวมากเป็นพิเศษ

(17 ม.ค. 66) นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล (ก.ก.) กล่าวถึงกรณีมีกระแสข่าวยุบสภาก่อนการอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 ว่า ตนขอตั้งข้อสังเกตว่าเป็นเรื่องแปลกที่การอภิปรายในครั้งนี้ รัฐบาลดูจะให้เวลาฝ่ายค้านได้เตรียมตัวมากเป็นพิเศษ ทั้งที่ในการอภิปรายที่ผ่านมา รัฐบาลจะพยายามทำให้ฝ่ายค้านมีเวลาเตรียมตัวน้อยที่สุด เพื่อที่การอภิปรายจะออกมาไม่มีคุณภาพมาก แต่รอบนี้กลายเป็นว่าฝ่ายค้านมีเวลาถึงเดือนกว่าในการเตรียมตัว ซึ่งแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลอาจจะไม่ได้กังวลกับการอภิปรายทั่วไปครั้งนี้เท่าไรนัก

นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า อาจมองได้ว่าเป็นเพราะรัฐบาล โดยเฉพาะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ที่เพิ่งเปิดตัวเข้าพรรคการเมืองใหม่ กำลังให้ความสนใจกับการสร้างตัวตนทางการเมือง จนไม่ได้สนใจปัญหาอื่น ๆ โดยเฉพาะเรื่องปากท้องของประชาชน ขณะเดียวกันงานในความรับผิดชอบหลายอย่างของ พล.อ.ประยุทธ์ โดยเฉพาะงานตำรวจก็ทำได้เลวร้ายมาก เห็นได้จากการทุจริตที่เกี่ยวข้องกับทุนจีนสีเทา แต่ พล.อ.ประยุทธ์ กลับดูจะไม่ให้ความสำคัญกับประเด็นเหล่านี้ แต่กำลังให้ความสำคัญกับเรื่องเดียวเท่านั้น คือจะทำอย่างไรให้ตัวเองสืบทอดอำนาจ จึงไม่แปลกที่จะเกิดข่าวลือขึ้นหนาหูในช่วงนี้ ว่าจะเกิดการยุบสภาเพื่อหนีการซักฟอกของฝ่ายค้านหรือไม่ ซึ่งหากรัฐบาลเลือกที่จะยุบสภาเพื่อหนีการซักฟอกของฝ่ายค้าน ก็แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลยอมรับโดยปริยายว่าข้อกล่าวหาต่าง ๆ นั้นเป็นเรื่องจริง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top