Saturday, 5 July 2025
ค้นหา พบ 49200 ที่เกี่ยวข้อง

กรมอู่ทหารเรือ จัดกิจกรรมบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ เนื่องในวันกองทัพไทย และวันวีรชนกองทัพเรือ

เมื่อวานนี้ (17 ม.ค. 66) พลเรือตรี ธิติ นาวานุเคราะห์ รองเจ้ากรมอู่ทหารเรือ เป็นประธานการจัดกิจกรรมบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ โดยร่วมกับองค์การบริหารส่วนตำบลพลา นายทหารชั้นผู้ใหญ่ กรมอู่ทหารเรือ กำลังพลจิตอาสา กำลังพลกรมอู่ทหารเรือ และประชาชนในพื้นที่ ร่วมกันรณรงค์และกระตุ้นจิตสำนึกรักษ์ชายหาดและทะเลให้มากขึ้น รวมทั้งตระหนักถึงปัญหาธรรมชาติสิ่งแวดล้อมใต้ท้องทะเล และคืนความสวยงามให้กับชายฝั่ง โดยร่วมกันช่วยเก็บขยะ ณ บริเวณชายหาดพลา ตำบลพลา อำเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง 

ด้วยในวันที่ 18 มกราคม ของทุกปี เป็นวันกองทัพไทย และวันวีรชนกองทัพเรือ กรมอู่ทหารเรือ จึงจัดกิจกรรมบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ ด้วยมุ่งหวังให้ กำลังพลกรมอู่ทหารเรือ ตระหนักถึงความสำคัญของการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมถึงการสร้างจิตสาธารณะ ปลูกฝังให้กำลังพลรู้จักการช่วยเหลือผู้อื่น การทำประโยชน์ให้กับชุมชน โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน

ตำรวจ ปส. รุกหนักเด็ดปีกนักบิน 3 เครือข่าย สกัดยาบ้ากว่า 15 ล้านเม็ด

เมื่อวานนี้ (17 ม.ค. 66) ที่ กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด แถลงข่าวจับกุม 3 เครือข่ายกลุ่มชาติพันธุ์ม้ง โดยภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร.(กม)/ผอ.ศอ.ปส.ตร., พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผช.ผบ.ตร./รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร., พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ปส., พล.ต.ต.คมสิทธิ์ รังไสย์ ผบก.ปส.3, พล.ต.ต.พลัฏฐ์ วิเศษสิงห์ ผบก.สกส. พ.ต.อ.กฤษดา ศรีอิสาณ ผกก.2 บก.ปส.3, พ.ต.อ.ไพฑูรย์ งามลาภ ผกก.1 บก.สกส. และ พ.ต.อ.บุญส่ง สนธยานนท์ ผกก.3 บก.สกส.  ตำรวจ ปส. เร่งเดินหน้ากวาดล้าง จับกุม และขยายผลเครือข่ายค้ายาเสพติด รวมทั้งการสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดจากประเทศเพื่อนบ้าน ไม่ให้เข้าสู่พื้นที่ชั้นในและในชุมชน และการทำลายเครือข่ายค้ายาเสพติดให้ครอบคลุมในทุกมิติการทำงาน เน้นย้ำ ในการสืบสวนหาข่าวเครือข่ายหน้าใหม่ รวมทั้งกลุ่มเครือข่ายเก่า ตามนโยบายเร่งด่วนของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.  

คดีแรก เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ปส.3 บูรณาการร่วมกับหน่วยที่เกี่ยวข้อง จับกุมนายใจ (สงวนนามสกุล) อายุ 45 ปี ได้บริเวณริมถนนทางหลวงชนบท หลักกิโลเมตรที่ 20 ต.เวียง อ.เทิง จว.เชียงราย ซึ่งก่อนจับกุมเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ปส.3 ได้รับแจ้งว่าเครือข่ายยาเสพติดกลุ่มชาติพันธุ์ม้ง กับพวก มีพฤติการณ์ลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ อ.เมืองเชียงราย  เพื่อนำไปพักคอยในพื้นที่ อ.เทิง จว.เชียงราย ก่อนที่จะส่งต่อให้กับกลุ่มลำเลียงยาเสพติดเข้าสู่พื้นที่ตอนในของประเทศ โดยใช้รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อ ฮอนด้า ทะเบียน กพ 71X เชียงราย ซึ่งช่วงเช้าวันที่ 11 ม.ค.66 เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจึงได้เฝ้าติดตามจนได้พบรถยนต์ที่ได้รับแจ้งจริง และพบรถยนต์กระบะ ยี่ห้อ โตโยต้า ทะเบียน บธ 78XX พะเยา ขับนำ รถยนต์กระบะ ยี่ห้อ โตโยต้า รุ่นวีโก้ สีเทา หมายเลขทะเบียน บน 98XX พะเยา (คนขับหลบหนี) และ รถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุ ทะเบียน บน 31XX พะเยา (หลบหนี)  

สอบสวน ผู้ต้องหา อ้างว่า รู้จักกับ นายอ้าย อาศัยอยู่ในหมู่บ้านห้วยหาญ ม.9 ต.ปอ อ.เวียงแก่น จว.เชียงราย ว่าจ้างตน 20,000 บาท  ขับรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อฮอนด้า ทะเบียน กพ-71X เชียงราย เพื่อดูต้นทางสำหรับลักลอบลำเลียงยาบ้า โดยจะมีชายไม่ทราบชื่อโดยสารรถคันดังกล่าวไปด้วย ก่อนจะเดินทางเข้าไปเปิดห้องพักที่รีสอร์ตแห่งหนึ่ง ห้อง A110 เพื่อรอกลุ่มลักลอบลำเลียงยาเสพติดอีกกลุ่มเดินทางมาถึง และขับรถดังกล่าวลำเลียงยาเสพติดไปตามเส้นทาง กระทั่ง นายใจฯ ถูกจับกุม เบื้องต้นตรวจยึดรถยนต์กระบะ หมายเลขทะเบียน บน 98XX พะเยา (ใช้ในการลำเลียงยาเสพติด), รถยนต์เก๋ง หมายเลขทะเบียน กพ 71X เชียงราย (ขับนำคุ้มกัน สำรวจเส้นทาง), โทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง และอื่น ๆ อีกหลายรายการ  พร้อมตรวจยึดยาบ้าห่อหุ้มด้วยกระดาษสาสีขาว ประทับตราใบกัญชาและตัวหนังสือ ภาษาอังกฤษ DON’T WORRY BE HAPPY สีน้ำเงิน และ ยาบ้าห่อหุ้มด้วยกระดาษสาสีขาว ประทับตราเลข 999 สีน้ำเงิน เคลือบเทียนไขสีเหลืองอีกชั้นหนึ่ง ถูกซุกซ่อนในรถกระบะ รวมยาบ้าทั้งหมด 3,500 มัด จำนวน 7,000,000 เม็ด ทั้งนี้ได้แจ้งข้อหา “ร่วมกันกับพวกที่หลบหนีมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตอันเป็นการก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชนและทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป” 

คดีที่ 2 เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สกส.และ บก.ขส. ได้ร่วมกันทำการจับกุมตัว นายมานพ (สงวนนามสกุล) ภูมิลำเนา ต.รวมไทยพัฒนา อ.พบพระ จว.ตาก ได้บริเวณป่าข้างทางริมถนนหมายเลข 33 หลัก กม.ที่ 52-53 ต.บางระกำ อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา สืบเนื่องจากได้รับแจ้งจากสายลับว่านายมานพฯ กับพวก มีพฤติการณ์ ร่วมกันลำเลียงยาเสพติด จากพื้นที่ทางภาคเหนือ ไปส่งมอบให้กับลูกค้า ในพื้นที่ภาคกลางและปริมณฑล และพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งในวันที่ 10-13 ม.ค.66 จะใช้รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล ยี่ห้อ ISUZU รุ่น D-MAX สีเทา หมายเลขทะเบียน ผข 76XX พิษณุโลก และรถยนต์บรรทุก TOYOTA  สีเขียว หมายเลขทะเบียน 1ฒท 82XX  กรุงเทพมหานคร และรถยนต์ TOYOTA  สีดำ หมายเลขทะเบียน ขร 92XX เชียงใหม่ เป็นยานพาหนะที่จะใช้ในการนำทาง, สำรวจด่านตรวจ และลำเลียงยาเสพติดจำนวนมากจากพื้นที่ทางภาคเหนือ ไปส่งมอบให้กับลูกค้าในพื้นที่ภาคกลางและปริมณฑล และพื้นที่ใกล้เคียง เจ้าหน้าที่จึงระดมกำลังสกัดกั้นตลอดเส้นทาง ถนนสายหลัก ถนนสายรอง และเส้นทางเชื่อมต่อที่คาดว่ากลุ่มบุคคลดังกล่าวจะใช้เป็นเส้นทางในการลำเลียงยาเสพติด ในเขตพื้นที่ จว.นครสวรรค์, ชัยนาท, สิงห์บุรี, อ่างทอง, ลพบุรี, สระบุรี, พระนครศรีอยุธยา กระทั่งเวลา 21.30 น. ของวันที่ 12 ม.ค.66 สามารถสกัดกั้นรถยนต์เป้าหมายทั้ง 3 คัน ไว้ได้ หลังพบวิ่งตามถนนเลียบคลองชลประทาน ทิศทางมุ่งหน้า อ.บางปะหัน จว.พระนครศรีอยุธยา แต่ระหว่างตรวจค้นจับกุม ผู้ขับขี่ รถยนต์ TOYOTA  สีดำ หมายเลขทะเบียน ขร 92XX เชียงใหม่ ได้อาศัยจังหวะเร่งเครื่องยนต์ขับหลบหนีไปได้ เบื้องต้น ตรวจยึดยาบ้า 604 มัด รวมจำนวน  1,208,000 เม็ด  และ ยึดรถกระบะ หมายเลขทะเบียน ผข 76XX พิษณุโลก (ใช้ขับนำทาง/สำรวจด่านตรวจ), รถบรรทุก หมายเลขทะเบียน 1ฒท 8296 กรุงเทพมหานคร (ยึดได้ที่หน้าร้านหน้าสะดวกซื้อ ต.หัวไผ่ อ.มหาราช จว.พระนครศรีอยุธยา ผู้ต้องหาหลบหนี),โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง พร้อมแจ้งข้อหา “จำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) โดยผิดกฎหมาย อันเป็นการกระทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ หรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป และก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน”

ครั้งหนึ่ง 'โรบินฮู้ด' ถูกกล่าวหาว่าเป็นคอมมิวนิสต์ เพราะวีรกรรมปล้นคนรวยมาแจกคนจนดันถูกใจพี่หมี

เชื่อไหมว่าประเทศที่เปี่ยมไปด้วยเสรีภาพทุกตารางนิ้วอย่างอเมริกา ชี้หน้ากล่าวหาตัวละครอย่างโรบินฮู้ดว่าเป็น 'คอมมิวนิสต์'  

เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ เพราะมีการประกาศ 'แบน' หนังสือโรบินฮู้ดอย่างเป็นทางการทั้งในโรงเรียนและมหาวิทยาลัยในรัฐอินเดียน่าเลยทีเดียว

ย้อนความ...สาเหตุที่ทำให้โรบินฮู้ดและสหายโด่งดัง ก็เพราะพฤติกรรมปล้นคนรวยเอามาแจกคนจน ทำให้หลายคนสงสัยว่าโรบินฮู้ดมีตัวตนจริง หรือเป็นแค่เรื่องเล่า     

โดยต้นเรื่องนี้ เกิดขึ้นตั้งแต่ยุคศตวรรษที่ 12-14 คืออาจจะเป็นใครก็ได้ในช่วงนั้น ส่วนป่าเชอร์วู้ดอันเป็นพำนักพักอาศัยของโรบินฮู้ดและผองเพื่อนมีอยู่จริง  

(ป่าเชอร์วู้ดมีพื้นที่ 32 กิโลเมตรในมณฑลนอตติงแฮมเชียร์ พื้นที่เป็นทุ่งราบและป่าทึบ สมัยก่อนพื้นที่ทุกตารางนิ้วในป่าเชอร์วู้ดเป็นพื้นที่ป่าสงวนให้กษัตริย์และราชวงศ์ใช้ล่าสัตว์)

ทีนี้ทำไมอยู่ ๆ โรบินฮู้ดถึงถูกอเมริกากล่าวหาว่าเป็นคอมมี่ไปได้?

นั่นก็เพราะสืบเนื่องมาจากวีรกรรมของโรบินฮู้ดเป็นถูกอกถูกใจพี่หมีขาวโซเวียต ในยุคที่ลัทธิคอมมิวนิสต์ขยายตัวไปบางส่วนของโลกหรือยุคสงครามเย็น เลยยกโรบินฮู้ดให้เป็นวีรบุรุษต้นแบบของระบอบคอมมิวนิสต์ จนนำไปเป็นตัวเอกในหนังชวนเชื่อยุค 1970s - 1980s   

พอพี่หมีขาวรัสเซียเนียนเอาโรบินฮู้ดมาเป็นตัวเอกในหนังโฆษณาชวนเชื่อก็เป็นเรื่อง อเมริกาพ่อทุกสถาบันเห็นเข้าก็ตัวสั่นเร่า ประกาศแบนทันที และรัฐที่ประกาศปังดังลั่นคือ รัฐอินเดียน่า 

ในปี 1953 คณะกรรมการหนังสือเรียนของรัฐอินเดียน่าออกคำสั่ง 'แบน' หนังสือโรบินฮู้ดทุกเล่มทั้งในโรงเรียนและมหาวิทยาลัยทั่วทั้งรัฐ โดยให้เหตุผลว่า พฤติกรรมของโรบินฮู้ดที่ปล้นคนรวยไปช่วยคนจนนั้น ดูแล้วมีการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ ที่มุ่งยึดทรัพย์สินและบ้านช่องนายทุนเอามาให้ชนชั้นกรรมาชีพ โถ..ลูกอีช่างโยง

คงต้องขอเล่าประวัติศาสตร์อเมริกาช่วงสงครามเย็นให้ฟัง แล้วจะเห็นภาพว่าทำไม?...ทำไมรัฐอินเดียน่าถึงกล่าวหาโรบินฮู้ดแบบนี้

อเมริกาขับเคี่ยวกับทั้งพี่หมีขาวและพญามังกรจีนอย่างถึงพริกถึงขิงในยุคสงครามเย็น เป็นการต่อสู้กันระหว่างสองค่ายการปกครองระหว่างเสรีประชาธิปไตยกับลัทธิคอมมิวนิสต์ ซึ่งลุงแซมต่อต้านอย่างสุดตัวสุดตีน จนเข้าข่ายบ้าคลั่งในบางครั้ง

ช่วงสงครามเย็นที่ว่านี่แหละเกิดการล่าแม่มด โดยกล่าวหาว่าคนนั้นคนนี้มีการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ เรียกว่าใครเกลียดใครหรืออยากล้างแค้นใคร แค่บอกทางการว่าไอ้นั่นอีนี่เป็นคอมมิวนิสต์รับรองถูกลากไปสอบสวนหมด เลยโดนกันทั่วหน้า ไม่ว่าเป็นนักการทูต นักเขียน กองทัพ รวมไปถึงบุคลากรในวงการภาพยนตร์

กลุ่มสุดท้ายนี่ถูกล่าอย่างหนัก เพราะคณะกรรมการของรัฐสภายุคนั้นเชื่อว่า ผู้กำกับหรือผู้สร้างหนัง สามารถชี้นำมวลชนให้ฝักใฝ่ลัทธิคอมมิวนิสต์ผ่านทางภาพยนตร์เพื่อล้างสมอง หลายคนถูกสอบสวนอย่างหนัก ถูกขึ้นบัญชีดำ หรือถูกบีบให้คายชื่อเพื่อนหรือคนรู้จักที่เข้าข่ายเป็นคอมมิวนิสต์ ซึ่งบางก็เอาตัวรอดด้วยการซัดทอดคนบริสุทธิ์

โดยจุดเริ่มต้นของการล่าแม่มดคอมมิวนิสต์มาจาก ลัทธิแม็คคาร์ธี (McCarthyism) ที่มาจากชื่อวุฒิสมาชิกโจเซฟ แม็คคาร์ธี แห่งพรรครีพับลิกัน ซึ่งอีตาแม็คคาร์ธีนี่ขวาจัดแบบชนิดที่เรียกว่าสุดโต่ง เกลียดคอมมิวนิสต์ชนิดสุดติ่งทิงนองนอย เลยกลายเป็นไล่ล่ากวาดล้างบรรดาคนที่มีแนวโน้มจะเป็นคอมมิวนิสต์ในอเมริกา

ช่วงนั้นทุกคนโดนไล่ล่าไม่เว้น แม้กระทั่งประธานาธิบดีเฮนรี เอส. ทรูแมน ยังโดนแม็คคาร์ธีกล่าวหาว่า อ่อนข้อให้กับพวกคอมมิวนิสต์และปกป้องสายลับโซเวียต 

รองโฆษก ตร. ออกโรงเตือนประชาชนระวังมิจฉาชีพออกอุบาย หลอกแจก 'อั่งเปาออนไลน์' ย้ำระมัดระวังอัคคีภัยในช่วงเทศกาลตรุษจีน

วันนี้ (18 ม.ค.66) เวลา 08.00 น. ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ต.ท.หญิง ณพวรรณ ปัญญา รองโฆษก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ฝากประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนประชาชนให้ระมัดระวังการหลอกลวงออนไลน์ในช่วงเทศกาลตรุษจีน

พ.ต.ท.หญิง ณพวรรณฯ กล่าวว่า ในช่วงวันที่ 20-22 มกราคม 2566 จะเป็นช่วงเทศกาลวันตรุษจีน ซึ่งเป็นวันขึ้นปีใหม่ของคนไทยเชื้อสายจีนและปัจจุบันกลุ่มโจรออนไลน์มักจะอาศัยจังหวะตามเทศกาลต่างๆ ฉวยโอกาสหลอกลวงประชาชน โดยในช่วงเทศกาลตรุษจีนนี้ มิจฉาชีพอาจชักจูงให้เหยื่อหลงเชื่อว่ามีการ 'แจกอั่งเปาฟรี' แล้วส่งลิงก์เพื่อให้เรากรอกข้อมูลส่วนบุคคลต่างๆ หรืออาจจะหลอกให้ติดตั้งแอปพลิเคชันที่สามารถควบคุมมือถือระยะไกล หรือ แอปรีโมท แล้วทำการดูดเงินในบัญชี หากเราได้รับ SMS ในลักษณะดังกล่าวห้ามกดลิงก์โดยเด็ดขาด รวมถึงไม่กรอกข้อมูลส่วนตัวใดๆ กรณีมีข้อความเลขรหัสเข้าเครื่องโทรศัพท์ไม่ทราบที่มาที่ไป ห้ามเผยแพร่บุคคลอื่นทราบ หากเผลอกดลิงก์ติดตั้งแอปฯ แปลกปลอมดังกล่าว ให้รีบลบหรือรีเซต เครื่องใหม่ทันที หากโทรศัพท์ไม่ค้างหรือดับ วิธีที่ตัดทุกอย่างคือ 'เปิดโหมดเครื่องบิน' หากเครื่องค้างให้ กดปุ่มเปิด-ปิดแช่ไว้ เป็นการตัดสัญญาณโทรศัพท์เครือข่ายอินเทอร์เน็ตทันที 

‘นริศ’ สำนึกพระมหากรุณาธิคุณ เชิญชวนชาวมุสลิมเทิดทูนสถาบันฯ

เมื่อวานนี้ (17 ม.ค. 66) นายนริศ ขำนุรักษ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และ ส.ส. จังหวัดพัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 28 ธ.ค.ที่ผ่านมา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นำตนเข้าเฝ้า ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต เนื่องในโอกาสที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งและให้เข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งตนรู้สึกซาบซึ้งและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้

นายนริศ กล่าวอีกว่า ตนถือเป็นมุสลิมคนที่ 4 ที่ได้รับโปรดเกล้าฯ ให้รับตำแหน่งเป็นรัฐมนตรี ต่อจากนายเล็ก นานา, นายสิดดิก สารีฟ และนายสุรินทร์ พิศสุวรรณ ซึ่งนับเป็นพระมหากรุณาธิคุณที่มีต่อพี่น้องชาวมุสลิมเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งที่ผ่านมาพระองค์ก็ทรงเป็นอัครศาสนูปถัมภกที่บำบัดทุกข์ ดูแลสุขของพี่น้องศาสนิกในทุกศาสนาที่ต่างก็เป็นพสกนิกรของพระองค์อย่างเท่าเทียม ไม่เลือกปฏิบัติ ทำให้พี่น้องมุสลิมของเราอยู่อย่างมีความสุข และร่มเย็นเสมอมา


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top