Saturday, 5 July 2025
ค้นหา พบ 49200 ที่เกี่ยวข้อง

‘บิ๊กป้อม’ นำทัพ พปชร. เปิดนโยบายแรก ลั่น ได้จัดตั้ง รบ. เพิ่มเงินบัตรสวัสดิการทันที 700 ต่อเดือน

‘พปชร.’ คึกคัก ‘บิ๊กป้อม’ เปิดนโยบายแรก ชู เพิ่มเงินบัตรสวัสดิการ 700 ต่อเดือน เกทับเพื่อไทย ค่าแรง 600 บาท ยัน พร้อมสานสัมพันธ์ทุกคน ลั่น พร้อมเป็นนายกฯถ้าประชาชนเลือก

เมื่อเวลา 14.30 น. (17 ม.ค. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ก่อน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร. จะแถลงเปิดนโยบายของพรรคเพื่อใช้หาเสียงในการเลือกตั้งครั้งหน้าเป็นไปอย่างคึกคัก บรรดารัฐมนตรีของพรรคเดินทางมาเกือบทั้งหมด ได้แก่ นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะเลขาธิการพรรค นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ประธานยุทธศาสตร์พรรค นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม และรองหัวหน้าพรรค น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รมช.คมนาคม 

เช่นเดียวกับกรรมการบริหารพรรค นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรค นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรค  ส.ส.รวมถึงว่าที่ผู้สมัครส.ส.ของพรรค ที่มาร่วมงานกันอย่างคับคั่ง ขณะที่บริเวณด้านหน้าที่ทำการพรรคและโดยรอบพรรค ได้ติดป้ายสโลแกน และป้ายนโยบายบัตรประชารัฐ เพิ่มสวัสดิการ ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 700 บาท จำนวนมาก ทั้งนี้ ยังมีนโยบายที่เตรียมหาเสียง ครอบคลุม 16 ด้าน โดยชูนโยบายที่เป็นไฮไลต์ “บัตรประชารัฐ เพิ่มเงิน-เพิ่มสวัสดิการ ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 700 บาทต่อเดือน เป็นการสานต่อนโยบาย บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ สำหรับประชาชนไปใช้จ่ายในครัวเรือน เพื่อใช้สิทธิประโยชน์ในการเป็นค่าโดยสารรถสาธารณะ ค่าสาธารณูปโภค ก๊าซหุงต้ม ไฟฟ้าและน้ำประปา ขณะที่นโยบายด้านอื่นจะทยอยแถลงเป็นระยะ

จากนั้นเวลา 15.30 น. พล.อ.ประวิตร และผู้บริหารพรรค ได้ร่วมกันแถลงข่าวเปิดนโยบายแรกของพรรค คือ นโยบายบัตรประชารัฐ เพื่อรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง โดยมีคณะผู้บริหารพรรค ส.ส. และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. เข้าร่วมงานอย่างพร้อมเพียง 

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า จากการที่พรรคพปชร.เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลและบริหารประเทศมาเกือบ 4 ปี ด้วยอุดมการณ์และนโยบายของพรรคที่ยึดมั่นในการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข สร้างความสามัคคีปรองดองของคนในชาติ เป็นประชาธิปไตยที่มีเสถียรภาพไร้ความขัดแย้งสังคมสงบสุข ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และในช่วงที่ผ่านมา พรรคพปชร.ในฐานะแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ได้ขับเคลื่อนนโยบายของพรรค และมีผลงานที่เป็นรูปธรรม ได้รับตอบรับจากพี่น้องประชาชน ทั้งในทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงของประเทศ โดยเฉพาะการแก้ไขความยากจน ลดความเหลื่อมล้ำตามนโยบายของพรรค ในเรื่องการสร้างสวัสดิการประชารัฐ ผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ การบริหารจัดการน้ำ การจัดที่ดินทำกิน การปราบปรามการค้ามนุษย์ อุตสาหกรรมประมง และอื่น ๆ ที่มากมาย

“ความหวังของคนไทย ที่รอคอยให้คนที่มีความพร้อมเข้ามาแก้ไขปัญหาให้กับคนไทยคือ สังคมไทยยังคงมีแตกแยกทางความคิด แต่ขอยืนยันว่าพรรคพลังประชารัฐพร้อมสานสัมพันธ์กับทุกฝ่าย เพื่อก้าวข้ามความขัดแย้ง เดินหน้าสร้างพลังแห่งความปรองดองและสามัคคี โดยเราพร้อมร่วมมือกับทุกฝ่ายหาทางออกร่วมกัน เพื่อนำพาประเทศไทยไปสู่เป้าหมายที่ดีที่สุดสำหรับคนไทยทุกคน โดยประเทศไทยของเราต้องมีแต่ความสงบสุข" พล.อ.ประวิตร กล่าว

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า การเลือกตั้งที่จะมาถึง ตนขอนำเสนอบุคลากรของพรรคที่มีคุณภาพ และเข้าใจปัญหาของพี่น้องประชาชนได้อย่างถ่องแท้ เพราะเราเข้าใจว่าในความต้องการของแต่ละพื้นที่ และพร้อมอาสาเข้ามาเป็นผู้แทนในการแก้ปัญหา เพื่อพัฒนาประเทศให้เกิดความยั่งยืน โดยทางพรรคพร้อมสานต่อนโยบายที่เป็นประโยชน์กับประชาชน ที่ได้ทำไว้ และริเริ่มนโยบายใหม่ๆ ให้คนไทยได้เห็นถึงความมุ่งมั่นของพรรคพลังประชารัฐ ที่จะตอบสนองและแก้ไข ปัญหาความเดือดร้อนให้กับประชาชน ทุกพื้นที่ทุกเพศทุกวัย ด้วยคำว่า พลัง สามัคคี ประชามีสุข รัฐพลิกโฉมบริการ 

พล.อ.ประวิตร ประกาศว่า พร้อมเดินหน้าการจัดทำนโยบายบัตรประชารัฐ 700 บาทต่อเดือน ให้กับประชาชน และเริ่มมีผลทันทีหลังจากที่พรรคพปชร.เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ในส่วนงบประมาณที่จะนำมาใช้เพื่อเพิ่มวงเงินในบัตรประชารัฐ จะนำมาจากงบประมาณในช่วง 3 เดือนสุดท้าย ของงบประมาณปี 2566 หลังจากได้รับเลือกตั้ง ทั้งนี้หากมีผู้ได้รับสิทธิ์ ประมาณ 18 ล้านคน คาดว่าจะต้องใช้งบประมาณเดือนละ 1.2 หมื่นล้านบาท หรือ ปีละ 1.5 แสนล้านบาท

“เนื่องจากพรรคพปชร.ได้ดูแลช่วยเหลือกลุ่มผู้มีรายได้น้อยไม่เกิน 1 แสนบาท เป็นเงิน 200-300 บาทต่อเดือน ด้วยค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น ยังไม่ครอบคลุมค่าครองชีพที่ปรับตัวสูงขึ้นในปัจจุบัน ทำให้พรรคได้มีการประเมิน จากการลงพื้นที่ ของส.ส. และว่าที่ผู้สมัคร พบว่าเงินที่ช่วยเหลือดังกล่าวยังไม่เพียงพอ ต่อการใช้ชีวิตในปัจจุบัน เพราะในแต่ละพื้นที่มีสภาพเศรษฐกิจและค่าครองชีพที่แตกต่างกัน ดังนั้นเสียงสะท้อนจากผู้ได้รับสิทธิว่า ที่นำไปใช้จ่ายในครัวเรือน โดยเฉพาะในการซื้อเครื่องอุปโภคและบริโภคที่จำเป็น ทำให้ประเมินว่า ควรมีการเพิ่มเงินช่วยเหลือ อีกประมาณ 500 บาท ทำให้พี่น้องประชาชน มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น แม้ว่าเงินที่ได้รับอาจจะไม่เพียงพอ ที่จะนำไปแก้ไขปัญหาได้ครอบคลุมในทุกด้าน  สอดรับกับการจัดสรรงบประมาณที่ช่วยเหลือประชาชนเพิ่มขึ้น”พล.อ.ประวิตร กล่าว 

เจ้าของ ‘สามยทรัพย์’ จะใช้สิทธิใน ‘ภารยทรัพย์’ ได้เพียงไร | รู้ LAW CASE STUDY EP.21

ปัญหาน่าปวดหัว หากทรัพย์สินของคนอื่นล้ำเข้ามาในบ้านหรือที่ดินของเรา เราจะใช้สิทธิ์ในทรัพย์สินที่ล้ำเข้ามาได้อย่างไรบ้าง ไปรับฟังกันได้เลย

รู้ LAW CASE STUDY
รวมกรณีศึกษาในเรื่องกฎหมายสำหรับคนไทย

รับชมคลิปอื่น ๆ ได้ที่ : https://youtube.com/playlist?list=PL60bae1syuyJ19GDOHCI9He2hZHLsD4OG

#THESTATESTIMES
#THESTATESTIMESPodcast
#Podcast
#รู้LAWCASESTUDY
#กรณีศึกษา
#กฎหมายน่ารู้

จังหวัดไหน ได้กี่ที่นั่ง ? หากมีเลือกตั้งในปี 2566 | THE STATES TIMES Y WORLD EP.54

เคยสงสัยกันไหมว่า เลือกตั้ง 2566 นี้ ใน 77 จังหวัด จำนวน 400 เขตทั่วประเทศ

จำนวน ส.ส. แต่ละจังหวัดจะได้ที่นั่งเท่าไรกันบ้าง

จังหวัดไหนได้โควตาผู้สมัครมากสุด - น้อยสุด ตามไปดูคลิปนี้กันเลย!!

 

เรื่องราวจะเป็นอย่างไรติดตามได้ใน THE STATES TIMES Y World x ELECTION TIME และสามารถรับชมคลิปอื่น ๆ ได้ที่ : https://www.youtube.com/playlist?list=PLvNTQ_fOAFugvfiWfiUXJ8JJYho1ADnG8

‘โตโน่’ นำบุญฝากพี่น้องไทย-ลาว หลังลาสิกขา พร้อมเผย เตรียมสร้างศูนย์สวนหัวใจฯ ที่รพ.นครพนม

‘โตโน่ ภาคิน’ ส่งต่อกุศลการบวชของตนให้กับทุกคน บอกเป็น 7 วันที่รู้สึกปลื้มปีติ ทำให้ได้ขัดสนิมในใจออกบ้าง ในส่วนของการจัดสรรงบประมาณเครื่องมือแพทย์ จากที่ตั้งใจระดมเงินเพื่อเตียงไอซียูเด็ก แต่ตอนนี้เงินของทุกคนได้สร้าง Cath Lab ศูนย์สวนหัวใจและหลอดเลือดให้กับโรงพยาบาลนครพนม และมอบอุปกรณ์การแพทย์ 20 รายการให้กับ โรงพยาบาลแขวงคำม่วง สปป. ลาว

(17 ม.ค. 66) สึกออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับ ‘โตโน่ พาคิน คำวิลัยศักดิ์’ ที่ได้บวชเป็นเวลา 7 วัน เพื่อศึกษาธรรมะ และตอบแทนน้ำใจของชาวไทยและชาวลาวที่ได้บริจาคเงินช่วยเหลือในโครงการ One Man & The River หนึ่งคนว่าย หลายคนให้ กันอย่างมากมาย

หลังจากสึกแล้ว โตโน่ ภาคิน ได้เปิดใจกับสื่อมวลชน โดยช่องยูทูป อาจารย์อั๋นพาเลาะ สัมภาษณ์ความรู้สึกโตโน่หลังบวช รวมถึงเรื่องของเงินบริจาคในโครงการว่า…

“ประโยชน์จากการบวชในครั้งนี้ดีใจกับการได้ปฏิบัติหน้าที่กับการเป็นพระสงฆ์อย่างเต็มที่ใน 7 วันนี้ ก็ขอให้สิ่งดี ๆ ที่พวกเราช่วยกันทำมาส่งกลับไปหาทุกคนให้มีแต่ความสุข รอยยิ้ม สุขภาพแข็งแรง มีแต่ความรัก ความสามัคคีต่อกันครับ คนไทยทุก ๆ จังหวัด รวมถึงคนลาวด้วย 7 วันที่ผ่านมาผมสบายใจมากครับ รู้สึกดีมาก ๆ ตอนแรกคิดว่าเวลา 7 วันมันน้อย แต่พอมันเป็น 7 วันที่เราตั้งใจมาก ๆ มันก็ทำให้เราได้อะไรรับคำสอนเยอะ รู้สึกปลื้มปีติ”

“สิ่งที่ผมได้จากการบวชครั้งนี้คงเป็นเรื่องของความคิด รู้สึกหัวใจเราปลื้มปีติ ที่ผ่านมาเราเติมแต่ทางโลก แต่ไม่เคยเติมทางธรรมเลย เราหลาย ๆ คนรวมถึงตัวผม ที่ผมรู้สึกได้เลยว่าเราอาจจะไกลห่างออกจากศาสนา พอได้กลับมาใกล้ศาสนาบ้าง ทำให้เราได้ขัดสนิมในใจเราบ้างที่มันมีอยู่เต็มไปหมด มันก็ทำให้เรารู้สึกว่ามันปลอดโปร่งขึ้นในหลาย ๆ อย่างที่คิด ที่จะทำต่อไป ผมก็ขอให้สิ่งดี ๆ เหล่านี้เกิดขึ้นกับทุกคนเช่นกันครับ”

ในส่วนของการจัดสรรงบประมาณเครื่องมือแพทย์ เตรียมการสร้าง Cath Lab สร้างศูนย์สวนหัวใจและหลอดเลือดให้กับโรงพยาบาลนครพนม และมอบอุปกรณ์การแพทย์ 20 รายการให้กับ โรงพยาบาลแขวนงคำม่วง สปป. ลาว เจ้าตัวเผยว่า

“ก็เป็นเรื่องของโรงพยาบาลนครพนมและท่าแขกแล้วครับ ตอนนี้ทางคุณหมอและพยายามกำลังเลือกสเปกเครื่องกันอยู่ แต่ละบริษัทเขาก็จะยื่นว่าเขามีอะไรที่เหมาะสมที่สุด คนเลือกจะเป็นคุณหมอ ไม่ใช่ผม คุณหมอจากทั้งสองที่จะเป็นคนเลือกหาสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อคนไทยและคนลาว”

“เราเตรียมการสร้าง Cath Lab สร้างศูนย์สวนหัวใจและหลอดเลือดให้กับโรงพยาบาลนครพนม น่าจะใช้เวลาพอสมควร อย่างน้อยประมาณ 6 เดือน และใช้เงินเยอะมากด้วย น่าจะประมาณ 50 กว่าล้าน ในอนาคตที่ท่านผู้อำนวยการบอกผมว่า นครพนมจะสามารถสร้างนักเรียนแพทย์ขึ้นได้ด้วย และแผนกนี้จะสามารถพัฒนาไปรักษาโรคหลอดเลือดในสมองได้อีก”

พิธีเปิดโครงการฝึกอบรมพัฒนาสัมพันธ์ระดับผู้บริหาร กองทัพอากาศ (พสบ.ทอ.) รุ่นที่ 17

วันอังคารที่ 17 มกราคม 2566 พลอากาศเอก อลงกรณ์ วัณณรถ ผู้บัญชาการทหารอากาศ เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการฝึกอบรมพัฒนาสัมพันธ์ระดับผู้บริหาร กองทัพอากาศ (พสบ.ทอ.) รุ่นที่ 17 ณ ห้องรับรองกองทัพอากาศ กองบัญชาการกองทัพอากาศ โดยมีผู้เข้ารับการฝึกอบรม จำนวน 60 คน ประกอบด้วย ข้าราชการทหาร ผู้บริหารองค์กรภาครัฐ ผู้บริหารองค์กรรัฐวิสาหกิจ และผู้บริหารองค์กรภาคเอกชน 

โครงการฝึกอบรมพัฒนาสัมพันธ์ระดับผู้บริหาร กองทัพอากาศ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 17 มกราคม ถึงวันที่ 21 มีนาคม 2566  มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดี ระหว่างข้าราชการของกองทัพอากาศ เหล่าทัพ และผู้บริหารองค์กรภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ รวมถึงภาคเอกชน ให้เกิดความเข้าใจอันดีต่อกัน ซึ่งจะก่อให้เกิดเป็นพลังที่สำคัญในการตอบสนองภารกิจต่าง ๆ ของกองทัพอากาศ เพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชน และพัฒนาประเทศชาติต่อไป 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top