Sunday, 15 June 2025
ค้นหา พบ 48802 ที่เกี่ยวข้อง

‘ศุภชัย’ ยัน!! กัญชาไม่ได้กลับไปเป็นยาเสพติด หลังที่ประชุมตัด ม.3 ออก ทำหลายฝ่ายเข้าใจผิด

‘ศุภชัย’ แจง ยันกัญชาไม่ใช่ยาเสพติด หลังเกิดการเข้าใจผิดในที่ประชุมขอตัดมาตรา 3 บอกตัวเองขอคิดบวก มองจะทันสมัยประชุมนี้ ดักทางเพื่อนสมาชิก เพื่อไม่ให้ย้อนแย้งกับที่สิ่งที่ห่วงไม่มี กม.ดูแลเยาวชน ควรดันให้ผ่านโดยเร็ว

(15 ธ.ค. 65) เวลา 10.00 น. ที่รัฐสภา นายศุภชัย ใจสมุทร ประธานคณะกรรมาธิการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กัญชา กัญชง แถลงข่าวกรณีที่มีกระแสข่าวจะนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดว่า ตนเห็นข่าวที่ออกมาแล้วคิดว่า ไม่ตรงกับความเป็นจริง โดยร่าง พ.ร.บ.กัญชากัญชงมาตรา 3 ระบุว่า กัญชาไม่ถือเป็นยาเสพติดตามกฏหมายยาเสพติดอื่น ซึ่งเป็นการเขียนขึ้นเพื่อย้ำว่ากัญชาไม่ใช่ยาเสพติด แต่เมื่อวานในที่ประชุมมีการลงมติกันว่าจะตัดความมาตรา 3 ออก ทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่ากัญชาจะกลับไปเป็นยาเสพติดอีกครั้ง ซึ่งตนขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง

“การตัดความในมาตรานี้ออกแปลว่าจะไม่ปรากฏความในมาตรานี้ แต่มันไม่ได้ทำให้เกิดการเข้าใจผิดว่ากัญชาจะกลับไปเป็นยาเสพติด มีสื่อบางฉบับออกข่าวว่ากัญชากลับไปเป็นยาเสพติด เพราะตัดความในมาตรา 3 ซึ่งมันไม่ใช่” นายศุภชัยกล่าว

‘ร้านหม่าล่า’ ยอมรับศึกษาเรื่อง VAT ไม่ละเอียด หลังลูกค้าโวย เก็บ VAT ทั้งที่ร้านไม่จดทะเบียนภาษีฯ

จากกรณีมีชาวเน็ตรายหนึ่งได้ออกมาโพสต์เตือนภัย ร้านหม่าล่าแห่งหนึ่งย่านอำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม ที่เพิ่งเปิดใหม่ ได้มีการเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% จากยอดค่าอาหาร แต่เมื่อลูกค้าขอใบกำกับภาษีด้วยเพื่อที่จะได้นำไปเป็นค่าใช้จ่าย แต่ทางร้านแจ้งว่ายังไม่ได้จด VAT จึงออกใบกำกับภาษีให้ไม่ได้

ล่าสุดเมื่อวันที่ 13 ธ.ค. เพจ ‘หม่าล่าหม้อไฟฉ่งชิง 重庆麻辣火锅’ ซึ่งเป็นร้านอาหารดังกล่าวได้ออกมาโพสต์ชี้แจง ระบุว่า "เนื่องจากทางร้านไม่ได้ศึกษาเรื่องเกี่ยวกับการเก็บ vat 7% อย่างละเอียดและดีพอ ทางร้านขอน้อมรับผิดกับสิ่งที่เกิดขึ้น ทางร้านต้องกราบขอโทษและขออภัยลูกค้าทุกๆ ท่าน

สำหรับลูกค้าท่านใดที่เคยจ่ายเงิน 7% ไป สามารถเข้ามาแสดงหลักฐานการโอน หรือใบเสร็จ เพื่อขอคืนเงิน 7% ที่ร้านได้เลยนะคะ เพื่อเป็นการขอไถ่โทษ ตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงวันที่ 1 มกราคม 2566 ทางร้านจึงลดราคาให้ลูกค้าทุกๆ ท่าน 10% และสำหรับลูกค้าที่เคยจ่ายเงิน 7% ไป ถ้าจะเข้ามารับประทานที่ร้านแล้วเอามาเป็นส่วนลดรวมเป็น 17% ก็จักเป็นพระคุณอย่างสูง

ราชภัฏฉะเชิงเทรา ทำพิธีลงนาม MOU ร่วมมือกับภาคีเครือข่ายโครงการ 'การพัฒนาตัวแบบเชิงธุรกิจปูทะเล' อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา

เวลา 09.00 น. วันที่ 15 ธันวาคม 2565 ที่ห้องโชคอนันต์ อาคารเรียนรวมและอำนวยการ มหาวิทยาลัยราชภัฎราชนครินทร์ ได้จัดพิธีลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการวิจัยระหว่างมหาวิทยาลัยราชภัฎราชนครินทร์ กับ ภาคีเครือข่ายโครงการ "การพัฒนาตัวแบบเชิงธุรกิจปูทะเล อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อสร้างเศรษฐกิจฐานรากอย่างยั่งยืนรองรับการเปลี่ยนแปลงและวิกฤติด้านเศรษฐกิจ" โดยมีนายณัฐพงษ์ สงวนจิตร รองผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นประธานในพิธีลงนาม ร่วมด้วย รองศาสตราจารย์ ดร. ดวงพร ภู่ผะกา รักษาราชการอธิการบดี ม.ราชภัฏราชนครินทร์ /ภาคีเครือข่ายโครงการ / ผู้บริหาร หัวหน้าส่วน และสื่อมวลชน เข้าร่วมในพิธี

สำหรับพิธีลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการวิจัยระหว่างมหาวิทยาลัยราชภัฎราชนครินทร์ กับ ภาคีเครือข่าย โครงการ "การพัฒนาตัวแบบเชิงธุรกิจปูทะเล อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อสร้างเศรษฐกิจฐานรากอย่างยั่งยืนรองรับการเปลี่ยนแปลงและวิกฤติด้านเศรษฐกิจ" ในวันนี้เกิดขึ้น เนื่องจากมหาวิทยาลัยราชภัฎราชนครินทร์ ได้รับทุนการดำเนินโครงการวิจัย จากสำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) โดย หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ ภายใต้แผนงานการพัฒนาพื้นที่ด้วยองค์ความรู้จากมหาวิทยาลัย โปรแกรมที่ 17 การแก้ปัญหาวิกฤติของประเทศ แพลตฟอร์ม 4 การวิจัยและสร้างนวัตกรรม เพื่อการพัฒนาเชิงพื้นที่และลดความเหลื่อมล้ำ โครงการวิจัย "การพัฒนาตัวแบบเชิงธุรกิจปูทะเล อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อสร้างเศรษฐกิจฐานรากอย่างยั่งยืนรองรับการเปลี่ยนแปลงและวิกฤตด้านเศรษฐกิจ" มีวัตถุประสงค์ เพื่อพัฒนาตัวแบบเชิงธุรกิจปูทะเล อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทราโดยการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้เสีย / เพื่อยกระดับประสิทธิภาพและรายได้จากการเพาะเลี้ยงปูทะเลในพื้นที่อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา / เพื่อบูรณาการการมีส่วนร่วมของภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ในการพัฒนาตัวแบบเชิงธุรกิจปูทะเล และเพื่อส่งเสริมปูทะเลให้เป็นสินค้าเศรษฐกิจใหม่ของจังหวัดฉะเชิงเทราสนับสนุนการสร้างเศรษฐกิจฐานรากอย่างยั่งยืน

ผบ.ตร. ตรวจเยี่ยมหน่วยกองปราบ มอบรางวัลชุดหนุมานเป็นขวัญกำลังใจ

เมื่อวันที่ 14 ธ.ค. 65 เวลา 15.00 น. ที่ กองบังคับการปราบปราม  พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.นิรันดร เหลื่อมศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. เดินทางมาตรวจเยี่ยมหน่วยกองบังคับการปราบปราม(บก.ป.) เพื่อชมบรรยายสรุปภารกิจและผลการปฏิบัติของหน่วย และเข้าชมการสาธิตหลักยุทธวิธีชุดปฏิบัติการพิเศษหนุมาน พร้อมมอบรางวัลตามโครงการ 'ทำดี มีรางวัล' แก่ชุดปฏิบัติการพิเศษหนุมานทั้ง 34 นายโดยมี พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. และผู้บังคับบัญชาให้การต้อนรับ

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ฯ กล่าวว่า วันนี้ตนได้เดินทางมาตรวจเยี่ยมหน่วยและมอบรางวัลเป็นขวัญกำลังใจให้แก่กำลังพลจากการปฏิบัติหน้าที่ในหลายภารกิจที่ผ่านมาและสืบเนื่องจากเหตุการณ์ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แสดงตัวเข้าจับกุมผู้ต้องหารายหนึ่ง ซึ่งเป็นบุคคลมีหมายจับเกี่ยวข้องกับยาเสพติดรายใหญ่ในพื้นที่ภาคอีสาน แต่ผู้ต้องหาทำการขัดขืนและได้ใช้อาวุธปืนยิงต่อสู้เพื่อเปิดทางหลบหนีถึง 2 ครั้ง เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ตำรวจถูกยิงได้รับบาดเจ็บจำนวน 1 นาย และทรัพย์สินของทางราชการเสียหาย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการสืบสวนและถอดบทเรียน แผนประทุษกรรมการก่อเหตุอย่างละเอียด และวางแผนการเข้าจับกุมอย่างรัดกุมจนกระทั่ง เมื่อวันที่ 7 ธ.ค. 65 ชุดปฏิบัติการและชุดปฏิบัติการพิเศษหนุมาน ได้เข้าปฏิบัติการในพื้นที่อำเภอเขาสวนกวาง จ.ขอนแก่น โดยได้วางกำลังเข้าปิดล้อมแต่ผู้ต้องหาได้ทำการยิงต่อสู้เจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อทำการหลบหนี ชุดปฏิบัติการพิเศษหนุมานจึงได้ปฏิบัติการตามหลักยุทธวิธีสากลจนสามารถบรรลุภารกิจ

ผบ.ตร. เปิดโครงการอบรมวิทยากรเพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันทางสังคมและใช้เทคโนโลยีอย่างสร้างสรรค์ ให้ตำรวจครูแม่ไก่นำไปถ่ายทอดสู่ประชาชนทั่วประเทศ ลดความขัดแย้งในสังคม

วันนี้ (15 ธ.ค. 65) ที่ เวลา 09.00 น. ที่ สโมสรตำรวจ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. เป็นประธานในพิธี เปิดอบรม 'โครงการอบรมวิทยากรเพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันทางสังคม และการใช้เทคโนโลยีอย่างสร้างสรรค์ รุ่นที่ 1' โดยมี พล.ต.ท.สราวุฒิ การพานิช ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท. วีระ จิรวีระ รอง จตช. พล.ต.ท.อภิชาติ เพชรประสิทธิ์ ผบช.ส. พล.ต.ท.ตรีทศ รณฤทธิวิชัย สมาชิกวุฒิสภา/อดีต ผบช.ส. พร้อมด้วย ข้าราชการตำรวจผู้เข้ารับการอบรมจากกองบัญชาการตำรวจนครบาล ตำรวจภูธรภาค 1 ตำรวจ ตชด. และตำรวจสันติบาล จำนวน 484 นาย เข้าร่วมพิธีฯ

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ ฯ กล่าวว่า “ปัจจุบันสภาพสังคมมีการพัฒนาและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทั้งเศรษฐกิจ สังคม การเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยีสารสนเทศ ทำให้ส่งผลกระทบต่อพฤติกรรม วิถีการดำเนินชีวิต นำมาซึ่งความขัดแย้งของประชาชน ส่งผลต่อทัศนคติของคนในสังคมที่มีต่อสถาบันหลักของประเทศ ซึ่งอาจจะขยายไปสู่ความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ จึงจำเป็นที่จะต้องสร้างภูมิคุ้มกันทางสังคม ปรับทัศนคติ พัฒนาคุณธรรม จริยธรรม ให้กับนักเรียน เยาวชนและประชาชน 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top