Sunday, 15 June 2025
ค้นหา พบ 48796 ที่เกี่ยวข้อง

'นายกฯ' ปลื้ม รายได้คงคลัง  9 เดือนแรกปีงบ 65 ทะลุ 1.8 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% ขณะที่ 3 กรมภาษี จัดเก็บได้กว่า 2 ล้านล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 191,122 ล้านบาท หรือ 10.5% รัฐวิสาหกิจนำส่งรายได้ 116,130 ล้านบาท เพิ่ม 10%

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ติดตามคืบหน้า การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่ผ่านมา โดยล่าสุดกระทรวงการคลังได้รายงานฐานะการคลังของรัฐบาลตามระบบกระแสเงินสดในช่วง 9 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2565 (ต.ค. 64-มิ.ย. 2565) รัฐบาลมีรายได้นำส่งคลังทั้งสิ้น 1,878,346 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 130,689 ล้านบาท หรือ 7.5% ขณะที่มีการเบิกจ่ายงบประมาณทั้งสิ้น 2,434,146 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 44,979 ล้านบาท หรือ 1.9% ซึ่งรัฐบาลได้กู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุล 621,075 ล้านบาท ส่งผลให้เงินคงคลัง ณ สิ้นเดือน มิ.ย. 2565 มีจำนวนทั้งสิ้น 587,915 ล้านบาท
 
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวต่อไปว่า ในช่วง 9 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2565 (ต.ค. 2564 - มิ.ย. 2565) รัฐบาลสามารถจัดเก็บรายได้สุทธิ จำนวน 1,857,524 ล้านบาท หรือ 6.4% และสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน ประมาณ 6.4% โดยการจัดเก็บรายได้รวมของ 3 กรมภาษี (กรมสรรพากร, กรมสรรพาสามิต และกรมศุลกากร) ในช่วง 9 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2565 อยู่ที่ 2,004,834 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 191,122 ล้านบาท หรือ 10.5% สำหรับรัฐวิสาหกิจ นำส่งรายได้ในช่วง 9 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2565 อยู่ที่ 116,130 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 10,561 ล้านบาท หรือ 10% ส่วนหน่วยงานอื่น จัดเก็บรายได้รวม 109,710 ล้านบาท ต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 14,495 ล้านบาท หรือ 11.7% 

กัมพูชา ส่ง 94 คนไทยกลับประเทศ หลังร่วมตำรวจไทยบุกทลายเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 4 จุดในกัมพูชา พบทั้งหมดเกี่ยวข้องกับการหลอกลวงคนไทยด้วยกันทำงานผิดกฎหมาย 

เย็นวานนี้ (29 ก.ค.) พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. และ ผอ.ศปอส.ตร. (PCT) ได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.ภ.8 หน.ชุดปฏิบัติการที่ 1 PCT ร่วมกับ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.ภ.2 หน.ชุดปฏิบัติการ PCT ที่ 5 และ พ.ต.อ.จตุรภัทร สิงหัษฐิต ผกก.สส.ภ.จว.สระแก้ว ผู้แทนผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว รับตัวคนไทยซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงคนไทยด้วยกันไปทำงานในกัมพูชา

โดยทั้งหมดได้ถูกทางการกัมพูชาเนรเทศกลับไทยหลังดำเนินคดีตามกฎหมายในกัมพูชาแล้ว และได้นำตัวเดินทางออกจากกรุงพนมเปญ มาส่งคืนให้ทางการไทยบริเวณจุดด่านผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้วการจับกุมดังกล่าวเกิดขึ้นภายใต้ความร่วมมือระหว่างทางการไทยและฝ่ายความมั่นคงของกัมพูชา ในการบุกเข้าทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 4 จุดในประเทศกัมพูชา ประกอบด้วย จุดที่ 1 โรงแรมจิงเฉิง ถนนสองธนู เมืองพระสีหนุ จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับได้ 21 คน

ส่วนจุดที่ 2 อาคาร 5 ชั้น ถนน 104 เมืองพระสีหนุ จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ 18 คน จุดที่ 3 อาคาร 8 ชั้น ถนน 702 เมืองพระสีหนุ จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ 10 คน และจุดที่ 4 ตึก 3 ชั้น ใกล้ชายแดนไทย-กัมพูชา ต.ปอยเปต จ. บันทายมีชัย ประเทศกัมพูชา และหลังจากนี้จะเร่งขยายผลเพื่อดำเนินคดีผู้เกี่ยวข้องทั้งขบวนการต่อไป 

โดยในจำนวนนี้เป็นผู้ที่ถูกออกหมายจับว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จำนวน 74 หมายจับ ซึ่งจะถูกดำเนินคดีในประเทศไทย ส่วนอีก 20 คนเป็นบุคคลที่อยู่ในแก๊งคอลเซ็นเตอร์ซึ่งยังไม่มีหมายจับ แต่ทั้งหมดได้ถูกดำเนินคดีตามกฎหมายในประเทศกัมพูชาแล้ว

จากการสอบถามผู้ต้องหาทราบว่า กลุ่มบุคคลทั้ง 94 ราย มีส่วนเกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 4 แก๊ง โดยพบว่าหลายรายเป็นถึงหัวหน้าแก๊งที่ทำงานร่วมกับชาวไต้หวัน ซึ่ง ศปอส.ตร. จะได้ทำการขยายผลเพื่อดำเนินคดีผู้เกี่ยวข้องทั้งขบวนการต่อไป

กลุ่มนักวิชาการ เข้าพบรองผู้ว่ากรุงเทพมหานคร ทวงคืนบึงรับน้ำคู้บอน – บางชัน ทำแก้มลิงให้คนกรุงเทพ หวังช่วยแก้ปัญหาน้ำท่วมฝั่งตะวันออก

เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคมที่ผ่านมา ที่ศาลาว่าการ กทม. นายพงศ์พรหม ยามะรัต พร้อมด้วย สมาคมอนุรักษ์ศิลปกรรมและสิ่งแวดล้อม (Sconte) นำโดย นายฉัตรวิชัย พรหมทัตตเวที นายกสมาคม ดร. วีระพันธุ์ ชินวัตร อุปนายกสมาคม และ นางปองขวัญ ลาซูส อุปนายกสมาคม และตัวแทนจากเพจ ‘บึงรับน้ำคู้บอนเพื่อคนกรุงเทพ’ ได้แก่ นางสาวชวลักษณ์ เวียงวิเศษ , นางสาวพีรญา สว่างวงศ์ และนางอรชร ทานากะ เข้าพบ รศ. ดร. วิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นายภิมุข สิมะโรจน์ เลขานุการผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเพื่อนำเสนอแนวทางแก้ปัญหาน้ำท่วมในระยะสั้น กลาง และยาว รวมทั้งเหตุผลความจำเป็นที่กรุงเทพฯ จะต้องมี โครงการบึงรับน้ำคลองคู้บอนและบางชัน ในฝั่งตะวันออก เพื่อให้มีพื้นที่พักน้ำหรือหน่วงน้ำไว้ในยามที่ปริมาณน้ำฝนเอ่อล้น ก่อนที่จะระบายสู่ระบบคูคลองหรืออุโมงค์ระบายน้ำในเวลาที่เหมาะสมต่อไป

ดร. วีระพันธุ์ ชินวัตร  อุปนายกสมาคม  ได้นำเสนอให้มีการจัดหาพื้นที่รับน้ำให้ได้มากที่สุดในกรุงเทพฯ  เพื่อหน่วงน้ำไว้ก่อนในช่วงเวลาที่ฝนตกหนักและน้ำไม่สามารถระบายผ่านระบบคูคลองและอุโมงค์ยักษ์ที่มีอยู่ในปัจจุบันได้ทัน  เช่น  การมีพื้นที่เก็บน้ำใต้ถนนในเขตศูนย์กลางชุมชนชานเมือง  การมีพื้นที่แก้มลิงหรือบึงรับน้ำในเขตกรุงเทพฯ ตอนเหนือและตะวันออก เช่น บางเขนและคู้บอน (ซึ่งเป็นพื้นที่แรกที่น้ำจะระบายลงสู่พื้นที่กทม.ชั้นในตอนล่าง) เพื่อช่วยหน่วงน้ำในช่วงฝนตกหนัก ไม่ให้ระบายมาสมทบกับปริมาณน้ำที่สะสมในเขตพื้นที่ชั้นใน ให้ท่วมน้อยลง ก่อนที่จะระบายสู่แม่น้ำเจ้าพระยา  

นอกจากนี้  ดร. วีระพันธุ์  ได้เสนอให้กรุงเทพมหานครจัดหาพื้นที่ช่องทางน้ำหลากหรือ Flood Way หรือที่เรียกว่า ช่องทางผันน้ำ หรือ Flood Diversion โดยสามารถทำร่วมกับโครงการวงแหวนรอบที่ 3 ที่กำลังอยู่ในระหว่างการดำเนินการ เพื่อ ผันน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาตอนเหนือกทม. ให้น้ำสามารถไหลลงผ่านรอบนอกของกรุงเทพฯ ทั้งในฝั่งตะวันตกและตะวันออกของกรุงเทพฯ  ลงสู่อ่าวไทยโดยตรงโดยไม่ต้องผ่านแม่น้ำเจ้าพระยา  ซึ่งจำเป็นต้องรีบปรับแบบการก่อสร้างให้มีแนวคลองระบายน้ำคู่ขนานไปกับถนนวงแหวนด้วย  หากสามารถทำ Flood Way ได้ตามแนวถนนวงแหวนรอบที่ 3  จะสามารถระบายน้ำได้ไม่ต่ำกว่า 800 - 1,000 ลบ. เมตร/วินาที  ซึ่งจะช่วยระบายน้ำได้อย่างรวดเร็ว ก็จะช่วยลดปริมาณน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาช่วงที่ผ่านกทม.ตอนบน ลงสู่ตอนล่างได้อย่างมีนัยะสำคัญ

‘ไพศาล พืชมงคล’ ออกโรงถามหาคุณภาพนักวิชาการ ต่อ ‘ปริญญา เทวนฤมิตรกุล’ หลังเมินเฉยต่อเหตุสังหารผู้พิพากษาพม่า 6 คน แต่กลับทนไม่ได้ที่ฝ่ายต่อต้านรัฐบาลถูกประหารไป 4 คน

30 ก.ค.2565 - นายไพศาล พืชมงคล อดีตกรรมการผู้ช่วย รองนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) โพสต์เฟซบุ๊ก paisal puechmongkol ถึงนายปริญญา เทวานฤมิตรกุล อาจารย์ประจำภาควิชากฎหมายมหาชน คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กรณีออกมากดดันให้ไทยเลิกคบเมียนมาจากมูลเหตุรัฐบาลทหารประหารชีวิตฝ่ายต่อต้านรัฐบาล โดยระบุว่า 

คุณภาพนักวิชาการ

ฝ่ายต่อต้านรัฐบาลพม่าลอบสังหารผู้พิพากษา 6 คนที่ตัดสินลงโทษฝ่ายต่อต้าน

นักวิชาการเงียบกริบหรืออาจจะสนับสนุนอยู่ในใจก็ได้

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. ลงพื้นที่ตรวจและติดตามโครงการ smart safety zone 4.0 ระยะที่ 2 สถานีตำรวจภูธรเมืองมุกดาหาร

เมื่อเวลา 15.30น.วันที่ 29 กรกฎาคม 2565 พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ประธานกรรมการ พร้อมคณะลงพื้นที่ประเมินโครงการ smart safety zone 4.0 ระยะที่ 2 พร้อมตรวจเยี่ยมสถานีตำรวจภูธรเมืองมุกดาหารโดยมี พล.ต.ต.ชัชชัย วงศ์สุนะ ผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.มุกดาหาร และ พ.ต.อ.เกียรติภูมิ สุวรรณไตรย์  ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองมุกดาหาร พร้อมเจ้าหน้าฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่เทศบาลเมืองมุกดาหาร และภาคีเครือข่ายป้องกันอาชญากรรมในพื้นที่ตามโครงการ smart safety zone 4.0 ระยะที่ 2 ณ ห้องประชุมชั้น 2 สถานีตำรวจภูธรเมืองมุกดาหาร

โดย พ.ต.อ.เกียรติภูมิ สุวรรณไตรย์ กล่าวรายงานว่าตามแนวทางการสร้างเครือข่ายร่วมกับพันธมิตรหลักของชุมชนเพื่อขับเคลื่อนโครงการ smart safety zone 4.0 ระยะที่ 2 ความคืบหน้าในการดำเนินโครงการ ในพื้นที่พร้อมทั้งภาพรวมในการดำเนินงานด้านความปลอดภัยชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนโดยการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศเป็นการร่วมบูรณาการสื่อสารมาใช้ในการป้องกันอาชญากรรมแบบชิงรุกด้วยการสร้างเครือข่ายกล้อง CCTV ระบบ AI และแอพพลิเคชั่นต่างๆ ซึ่งติดตั้งระบบแจ้งเหตุฉุกเฉินไว้ตามจุดต่างๆ เจ้าหน้าที่ใช้เป็นเครื่องมือสื่อสารเพื่อตรวจสอบในพื้นที่ตลอดเวลา และยังใช้โดรนบินตรวจการเมื่อพบเป้าหมายระบบจะเชื่อมต่อมาต้นสังกัดเป็นการป้องกันอาชญากรรมแบบเชิงรุกโครงการดังกล่าวเป็นโครงการนำร่องระยะที่ 2 ดำเนินการในพื้นที่ สภ.เมืองมุกดาหารมีพื้นที่ 0.42 ตาราง กิโลเมตร


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top