Thursday, 19 June 2025
ค้นหา พบ 48906 ที่เกี่ยวข้อง

'129 ปี วิกฤตการณ์ ร.ศ.112' ร.5 ทรงไถ่บ้านเมืองจากนักล่าอาณานิคม | THE STATES TIMES STORY เรื่องจริง ฟังเพลิน โดย เจต ณ นคร EP.77

เหตุการณ์ ร.ศ. 112 ตรงกับปีพ.ศ. 2436 ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 นับเป็นเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ที่สร้างรอยร้าวให้แก่ความสัมพันธ์ระหว่างสยาม - ฝรั่งเศส มากที่สุดเหตุการณ์หนึ่ง 

นึกภาพตามเหตุการณ์ ณ วันนั้น คนที่อยู่ในเหตุการณ์จะเจ็บปวดเพียงใด โดยเฉพาะพระพุทธเจ้าหลวง รัชกาลที่ 5 ที่ถูกฝรั่งเศสยื่นคำขาดให้สยามยอมยกดินฝั่งซ้ายแม่น้ำโขงให้กับตนเอง จนเกิดเหตุการณ์ยุทธนาวีที่ปากน้ำเจ้าพระยา และทางฝรั่งเศสก็ใช้เหตุการณ์นี้ บีบให้สยามจ่ายค่าเสียหาย จนต้องนำเงินถุงแดง ซึ่งเป็นเหรียญทองรูปนกอินทรีย์ ที่พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเก็บไว้ เอามาไถ่บ้านไถ่เมือง ทำให้เราไม่ต้องตกเป็นเมืองขึ้นของนักล่าอาณานิคม แม้จะต้องเฉือนดินแดนบางส่วนไปก็ตาม

.

.

'กรณิศ' โต้ 'ก้าวไกล' บิดเบือนแรง กรณีสั่งซื้อ iPad พ้อ!! ข้าราชการไม่มีสิทธิใช้เครื่องมือที่ทันสมัยหรือ?

กรณิศ โต้ ส.ส.ก้าวไกลบิดเบือด ใช้มโนคติ คิดเองว่าสำนักนายกฯ จะซื้อ iPad ให้ข้าราชการ ชี้!! ข้าราชการมีสิทธิใช้เครื่องมือที่ทันสมัย เพราะเป็นหน้าตาของประเทศ 

นางกรณิศ งามสุคนธ์รัตนา ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ ​(พปชร.) ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 แถลงชี้แจงกรณีที่ส.ส.พรรคก้าวไกล มีการพาดพิงพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมว่าจะซื้อ iPad ProM1 ตัวท็อป พร้อมอุปกรณ์เสริมให้กับข้าราชการสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีจำนวน 135 เครื่องเป็นเงิน 10 ล้านบาท ว่า...

ทัพหญิงพปชร. จี้!! ส.ก.ก้าวไกลแสดงความรับผิดชอบ ควรไขก๊อกตำแหน่งที่ได้ความไว้วางใจจากปชช.ด้วย

(17 ก.ค. 65) ที่พรรคพลังประชารัฐ.(พปชร.) น.ส.ธณิกานต์ พรพงษาโรจน์ ส.ส.กทม. แถลงข่าวเรียกร้องถามหาความรับผิดชอบของพรรคก้าวไกล กรณีนายอานุภาพ ธารทอง ส.ก.เขตสาทร พรรคก้าวไกล หลังถูกดำเนินคดีคุกคามทางเพศ ที่ขณะนี้มีการประกาศลาออกจากพรรคแล้ว ให้พิจารณาถึงตำแหน่งสภากรุงเทพมหานคร หรือ ส.ก. ที่มาจากความไว้วางใจของประชาชนด้วย แม้ไม่ใช่ตำแหน่งที่ผูกพันกับตำแหน่ง ส.ส. ซึ่งกระบวนการทางกฎหมายก็ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งแต่จิตสำนึกก็สำคัญเช่นกัน จึงไม่ได้อยากให้ในเรื่องนี้เงียบไปอย่างเช่นกรณี สก.เขตวัฒนาที่ถูกร้องเรียนคุกคามทางเพศสาวประเภทสองก่อนหน้านี้ด้วย

อดีตแพทย์ทำเนียบขาว ฟัน!! ไบเดนอยู่ไม่ครบเทอม เนื่องจากความเสื่อมทางเชาวน์ปัญญา

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน คงไม่สามารถอยู่รอดในช่วงเวลาที่เหลือของวาระการดำรงตำแหน่งสมัยแรก เนื่องจากความเสื่อมทางเชาวน์ปัญญาของผู้นำรายนี้ไปไกลแล้ว รอนนี แจ็คสัน อดีตแพทย์ประจำทำเนียบขาวที่ผันตัวมาเป็นสมาชิกรัฐสภาจากรัฐเทกซัส เขียนคำทำนายบนทวิตเตอร์เมื่อวันพฤหัสบดี (14 ก.ค.) ที่ผ่านมา

แจ็คสัน อธิบายเพิ่มเติมว่า "กระบวนการการรับรู้ของไบเดน แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนมานานหลายปีแล้ว" และบอกว่า "เขาไม่ควรเป็นประธานาธิบดีของเรา!" ส่วนอีกทวีตเรียกร้องให้ประธานาธิบดีวัย 79 ปี ลาออกจากตำแหน่ง

ทั้งนี้ แจ็คสัน ซึ่งดำรงตำแหน่งแพทย์ส่วนตัวของอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และอดีตประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช เปิดเผยระหว่างให้สัมภาษณ์กับฟ็อกซ์นิวส์ ด้วยว่า โอบามา ได้ส่งอีเมลฉบับหนึ่งถึงเขา และตำหนิเขาต่อกรณีที่ก่อข้อสงสัยเกี่ยวกับทักษะทางปัญญาของไบเดน

แม้ยอมรับว่า แจ็คสัน ทำงานให้เขาและครอบครัวด้วยดีเสมอมา และเรียกเขาว่าแพทย์ที่ดีและเพื่อนที่ดีเช่นกัน แต่อดีตประธานาธิดีโอบามา ตำหนิติเตียนแพทย์ที่ผันตัวเป็นสมาชิกรัฐสภารายนี้ ต่อกรณีกล่าวโจมตีแสกหน้าไบเดน แบบไม่ถนอมน้ำใจบนทวิตเตอร์

"มันไม่มีความเป็นอาชีพและไม่เหมาะสมกับตำแหน่งหน้าที่ที่คุณเคยรับผิดชอบ" โอบามา ระบุ พร้อมบอกว่า "ข้อความบนทวิตเตอร์ ขาดความเคารพกับผมและเพื่อนๆ มากมายของคุณในรัฐบาลของเรา" และบอกว่าเขาคาดหมายในตัวของ แจ็คสัน มากกว่านี้

อย่างไรก็ตาม แจ็คสัน ยืนยันในความเห็นของเขาเกี่ยวกับสถานะทางจิตของประธานาธิบดีคนปัจจุบัน โดยให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนอีกแห่งว่า "ผมรู้ว่าเขามีความสามารถทางปัญญาลดลง สืบเนื่องจากอายุของเขา ตอนนี้สภาพจิตใจของเขาไม่เหมาะแล้ว" คุณหมอรายนี้กล่าวอ้าง "ลักษณะของการเดินงุ่มง่าม มองเหม่อจ้องไปในความว่างเปล่า" บ่งชี้ว่า ไบเดน ไม่ควรทำหน้าที่อีกต่อไป

'สนธิรัตน์' แนะ รัฐเตรียมการรับมือผลกระทบค่าไฟฟ้า-ค่าเงินบาทต่อประชาชน ห่วงติดกับดักระเบิดระลอกใหม่

วันนี้ (17 ก.ค.65) นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์เลขาธิการพรรคสร้างอนาคตไทย และอดีต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน โพสต์เฟซบุ๊กถึงสถานการณ์ค่าครองชีพที่สูงขึ้น โดยระบุว่า ค่าไฟ  และค่าเงินบาท เป็น 2 เรื่องกระทบปากท้องที่ต้องจับตา สัปดาห์ก่อนตนสำรวจข้อมูลเรื่องสถานการณ์ค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้น จะเห็นว่าส่งผลกระทบต่อพวกเราเต็มๆ โดยสัปดาห์นี้มีอีก 2 เรื่องที่ขอพูดถึงเพราะถือเป็น “ระเบิดเวลาปัญหาปากท้อง” ลูกต่อไป

1. ค่าไฟฟ้า (ค่าเอฟที FT) ที่กำลังเตรียมจะเพิ่มขึ้นเป็นเฉลี่ยหน่วยละ 5 บาท ในงวดเดือนกันยายน – ธันวาคมที่จะถึงนี้ ต้องเตรียมรับมือกับค่าไฟที่เพิ่มขึ้น ซึ่งล่าสุดมีข้อมูลขีดสามารถในการส่งก๊าซของแหล่งบงกชเหนือ หรือ GBN  ว่าลดลงจากเดิม 500 เหลือ 385 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน (ช่วง 29 มิ.ย. - 16 ก.ค. 65) ซึ่งความสามารถที่ลดลงนี้อาจจะมีผลต่อการผลิตไฟฟ้า 

ทั้งนี้ ตนขออธิบายว่า ก๊าซธรรมชาติถูกนำไปใช้ในการผลิตไฟฟ้าเป็นหลัก โดยมีสัดส่วนการใช้ถึง 60 เปอร์เซ็นต์ และที่เหลือเป็นการใช้ในภาคอุตสาหกรรม โรงแยกก๊าซ NGV และอื่นๆ โดยปัจจุบันความสามารถในการผลิตเราเทียบกับช่วงปีก่อนเหลือเพียงแค่ 65 เปอร์เซ็นต์ ลดลงกว่า 20.6 เปอร์เซ็นต์ ในการผลิตก๊าซธรรมชาติเพื่อใช้เอง 

ขณะที่สัดส่วนการนำเข้าเพิ่มขึ้น 3.8 เปอร์เซ็นต์ โดยมีสัดส่วนอยู่ที่ 35 เปอร์เซ็นต์ ด้วยค่าก๊าซที่ตลาดโลกมีราคาแพงเราต้องนำเข้า ปัจจุบันแบ่งเป็นการนำเข้าจากเมียนมาร์ 17 เปอร์เซ็นต์ จากแหล่งยาดานา ซอติกา และเยตากุน และอีก 18 เปอร์เซ็นต์ คือนำเข้า LNG จากประเทศผู้ผลิตอื่น ๆ  ซึ่งในอนาคตการนำเข้าในสัดส่วนนี้จะเพิ่มมากขึ้น และแน่นอนว่ายิ่งความสามารถการผลิตเรามีแนวโน้มลดลงเรื่อย ๆ เราก็จำเป็นต้องพึ่งการนำเข้าที่มากขึ้น และแน่นอนว่าต้องแลกมาด้วยต้นทุนด้านการแปรสภาพ LNG ให้เป็นก๊าซธรรมชาติและค่าใช้จ่ายอื่นๆ เช่น ค่าขนส่ง

นายสนธิรัตน์ ระบุว่า ในส่วนของการนำเข้าทั้งจากเมียนมาร์ และ LNG จากผู้ผลิตเป็นการจัดซื้อโดยจ่ายเป็นเงินสกุล USD (ดอลลาร์สหรัฐ) และยิ่งค่าเงินบาทยิ่งอ่อนมากเท่าไหร่ นั่นหมายความว่า ราคาก๊าซจะเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย นี่จึงเป็นอีกเรื่องที่ต้องให้ความสนใจในเรื่องค่าเงินบาท

2. ค่าเงินบาท ล่าสุดเมื่อวันที่ 16 ก.ค. เงินบาทอ่อนค่าไปที่ 36.73 บาทต่อ 1 USD อ่อนค่าสูงสุดในรอบ 15 ปี และมีแนวโน้มผันผวน และมีความเสี่ยงที่จะอ่อนค่าลงอีก จากการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) และมีผลต่อการแข็งค่าของ USD และความกังวลสถานการณ์โควิดในประเทศจีน อย่างไรก็ตาม ความกังวลเรื่องค่าเงิน และสถานการณ์เหล่านี้ยังไม่จบง่าย ๆ เราคงจะได้เห็นสถานการณ์ที่ยาวต่อจากนี้ ทั้งความขัดแย้งรัสเซีย ยูเครนที่ทอดระยะเวลาออกไป ปัญหาเงินเฟ้อ และการเพิ่มดอกเบี้ยของ FED ซึ่งมีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็น 1 เปอร์เซ็นต์ ในการประชุมช่วงปลายเดือนนี้

สำหรับค่าเงินที่อ่อนลงแม้จะเป็นความโชคดี และเอื้อต่อการส่งออกในบ้านเราที่มากขึ้น แต่ถึงอย่างไร ก็เป็นผลกระทบในเชิงลบสำหรับธุรกิจภาคเอสเอ็มอี (SME) ที่นำเข้าสินค้า ที่จะได้รับทั้งผลกระทบจากต้นทุนสินค้าที่เพิ่มสูงขึ้นและไม่มีกำลังพอที่จะพัฒนาขีดความสามารถต่อภายใต้เงื่อนไขที่เป็นอยู่ รัฐจะต้องหาแนวทางในการช่วยเหลือต่อไป ไม่ว่าจะผ่านการจ้างงาน หรือพัฒนาความสามารถในการแข่งขันต่อไป


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top