Sunday, 22 June 2025
ค้นหา พบ 48959 ที่เกี่ยวข้อง

‘ขาณุโมเดล’ ต้นแบบความสำเร็จ ‘ข้าว-ชาวนา’ ยุทธศาสตร์แก้ปัญหาระดับโครงสร้างของภาครัฐ

แม้สังคมจะพยายามตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับความเป็นอยู่ของ ‘ชาวนาไทย’ ที่ผ่านไปนานเท่าไร ก็ยังวนเวียนอยู่กับวังวน ‘หนี้สิน’ แต่คำตอบที่ได้มันก็จะยังวนเวียนเหมือนปัญหาใหญ่ของสินค้าเกษตรของไทยทุกตัว เช่น การโทษไปที่สถานการณ์โลก สงคราม โรคระบาด ปัจจัยแวดล้อมทางเศรษฐกิจ จนนำมาสู่ความยากลำบากของชาวนาและเกษตรกร

ซึ่งมันก็เป็นส่วนหนึ่ง!!

แต่ในความเป็นจริงแล้ว ปัญหาที่แท้ และไม่มีใครแคร์จริง มันอยู่ที่ ‘โครงสร้าง’ ปัญหาโครงการทั้งระบบที่ไม่เคยถูกแก้ ก็จะแผ่วงในห่วงโซ่อุปทาน ให้ โรงสี และ ผู้ส่งออก อ่วมต่อไปเป็นทอด ๆ

แน่นอนว่า การแก้ปัญหาให้ได้ทั้งระบบ มันไม่ใช่แค่ประกาศนโยบายมาตัวเดียวแล้วครอบคลุม แต่ยังมีเรื่องที่ยิบย่อยที่บางครั้งก็ต้องใช้ทั้งแนวทางประชานิยม หรือบางครั้งก็ต้องลงไปวาดยุทธศาสตร์เฉพาะถิ่นเอาเอง

แต่ในช่วงที่ผ่านมา มีข่าวดีเรื่องของข้าวที่มีปรับเปลี่ยนขนานใหญ่ที่เริ่มมาตั้งแต่ปี 63 โดยรัฐบาลมีการปรับระบบการผลิตข้าว ให้เข้าสู่ ‘วงจรปกติ’ 

คำนี้สำคัญ!! เพราะเดิมทีไทยเรามีระบบการผลิต ที่มุ่งเน้นมาตรฐานคุณภาพ แต่มันดันไป ‘ล่มสลาย’ ช่วงนโยบาย ‘จำนำข้าว’ ที่ทำให้ชาวนาขาดความสนใจในจุดสำคัญนี้ไป

ช่างมัน!! เริ่มกันใหม่!!

เป้าหมายใหญ่ของรัฐบาลนี้ ไม่ใช่แค่เรื่องการช่วยเรื่องราคาข้าวแบบชั่วครั้งชั่วคราว หากแต่ในระยะยาว การแก้ปัญหาที่เห็นผล คือ ชาวนาต้องยืนได้ด้วยตัวเอง และรัฐบาลไหนเข้ามารับไม้ต่อ ชาวนาก็ไม่ต้องรอความช่วยเหลือแบบเป็นครั้ง ๆ ไป 

ดังนั้นช่วงปี 2563 ยุทธศาสตร์ของภาครัฐ จึงอยู่ที่การรื้อระบบคิดของชาวนาออกจากวังวนเดิม วังวนของผู้รอรับการช่วยเหลือแบบจบเป็นครั้ง ๆ แต่รัฐมุ่งเข้าไปส่งเสริมเรื่ององค์ความรู้, เมล็ดพันธุ์บริสุทธิ์, สนับสนุนเทคโนโลยี, มุ่งเน้นการผลิตที่คำนึงระบบนิเวศ รวมถึงการส่งเสริมข้าวสายพันธุ์ใหม่ ๆ 

>> ถ้าพูดให้เห็นภาพ คือ รัฐส่ง ‘คันเบ็ด’ แทนการให้ ‘ปลา’ แก่ชาวนามากขึ้น 

เมื่อระบบการผลิตข้าวได้มาตรฐานคุณภาพ โรงสี/ ผู้ส่งออก ก็สามารถกลับเข้าไปในตลาดที่เลิกซื้อข้าวของเรา เช่น ประเทศอิรัก จำนวนมากกว่าหนึ่งแสนตัน รวมไปถึงกลับมาเป็นประเทศผู้นำพันธุ์ข้าวชั้นดีแบบที่เคยเป็นในอดีต

ที่ผ่านมา ทั้งสำนักนายกรัฐมนตรี, สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือแม้แต่หน่วยงานอย่างกรมการข้าว ได้ทำงานร่วมกัน เพื่อผลักดันภาพใหญ่ให้เกิดขึ้นกับวงการข้าวไทย โดยใช้แนวทาง ‘ตลาดนำการผลิต’ ไว้ส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่ง ก็เข้าไปเปลี่ยนแนวคิดชาวนา ให้เขาสร้างเป้าหมายใหม่ ๆ เช่น ต้องปลูกข้าวเพื่อสู้กับเวียดนาม ต้องสร้างมาตรฐานข้าวยั่งยืนเพื่อให้ข้าวเป็นบ่อแห่งความมั่งคั่งและยั่งยืนของชาวนา

เรียกว่าอดีตเคยใช้ ‘เหงื่อแลกเงิน’ ปัจจุบันก็เปลี่ยนเป็นสร้างคุณค่าให้ ‘งานหรือผลผลิต’ ไปแลกเงิน 

ตม.จว.สงขลา บูรณาการกำลังทลายขบวนการนำพาแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองข้ามชาติเส้นทาง ประจวบฯ-สงขลา-นราธิวาส

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ 

สตม. ดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุกับคนไทย หรือชาวต่างชาติ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด 

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ณฐพล     แสวงกิจ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ศิลปคมณ์ เอี่ยมวงศ์ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.กฤษฎา กาญจนอลงกรณ์ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.มานัด ศรีวงษา ผบก.ตม.3, พล.ต.ต.ธนิต ไทยวัชรามาศ ผบก.สส.สตม, พล.ต.ต.ประพันธ์ศักดิ์ ประสานสุข ผบก.ตม.6 ร่วมแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญโดยมีรายละเอียดดังนี้ 

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2565 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งเหตุพบศพนายดี (นามสมมติ) อายุ 40 ปี เสียชีวิตบริเวณป่าละเมาะใกล้สนามกอล์ฟแห่งหนึ่งในพื้นที่ ตำบลบ้านพรุ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ซึ่งบริเวณจุดพบศพผู้ตาย ทราบภายหลังว่าเป็นแหล่งพักพิงของแรงต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองที่เตรียมตัวลักลอบเดินทางไปประเทศมาเลเซีย เป็นเหตุให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติสั่งการให้ชุดสืบสวนตำรวจภูธรภาค 9 และชุดสืบสวนกองกำกับการสืบสวนจังหวัดสงขลาบูรณาการร่วมกับชุดสืบสวนตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสงขลา และกองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 6 หาตัวผู้กระทำความผิดทั้งผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุฆาตกรรม และผู้นำพาแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองทั้งขบวนการจนนำไปสู่การจับกุมคนต่างด้าวสัญชาติเมียนมาหลบหนีเข้าเมืองจำนวน 109 คน ได้ที่บ้านเช่าแห่งหนึ่งไม่ไกลจากจุดพบศพท้องที่สถานีตำรวจภูธรทุ่งลุง เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2565 ซึ่งหนึ่งในกลุ่มแรงงานต่างด้าวที่ถูกจับกุมนั้นมีส่วนเกี่ยวข้องกับการฆาตกรรมข้างต้น

จากการสืบสวนพบว่า คนต่างด้าวทั้ง 109 คน เดินทางมาจากช่องทางธรรมชาติ บริเวณจังหวังประจวบคีรีขันธ์ ถึงยังจุดพบศพ เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2565 จ่ายเงินให้นายหน้าประมาณ 50,000-60,000 บาท/คน หลังจากนั้นนายหน้าในพื้นที่จังหวัดสงขลาจะนำพามาพักรวมไว้เพื่อเตรียมลักลอบนำพาออกไปช่องทางธรรมชาติบริเวณจังหวัดนราธิวาส หลังเกิดเหตุขบวนการดังกล่าวหยุดความเคลื่อนไหวไป ประมาณ 3 สัปดาห์ แล้วก็กลับมาดำเนินการอีกครั้งจนนำมาสู่ปฏิบัติการจับกุมและขยายผลการจับกุมผู้นำพา  คนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง โดยห้วงระหว่างวันที่ 24 มิถุนายน-1 กรกฎาคม 2565 เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสงขลาและตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดพัทลุงบูรณาการกำลังในพื้นที่ สามารถจับกุมผู้ให้การช่วยเหลือคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง จำนวน 4 คดี ผู้ต้องหา 14 คน แบ่งเป็น รายละเอียดดังนี้

- เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2565 เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสงขลา ร่วมกับชุดสืบสวนกองกำกับการสืบสวนสอบสวนตรวจคนเข้าเมือง 6 และหน่วยงานในพื้นที่ จับกุมนายวี (นามสมมติ) อายุ 33 ปี และนายสุ (นามสมมติ) อายุ 39 ปี พร้อมกับพวก รวม 5 คน ข้อหา ร่วมกันให้การช่วยเหลือคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองให้พ้นจากการจับกุม พร้อมของกลางยานพาหนะ 3 คัน ขณะนำพาคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองจำนวน 22 คน มาจากจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มายังที่เกิดเหตุริมถนนทางหลวงหมายเลข 4204 ตำบลท่าช้าง อำเภอบางกล่ำ จังหวัดสงขลา ควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรบางกล่ำ

- เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2565 เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนกองกำกับการสืบสวนภูธรจังหวัดสงขลา ร่วมกับชุดสืบสวนตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสงขลาและชุดสืบสวนกองกำกับการสืบสวนจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จับกุม นายพี (นามสมมติ) อายุ 49 ปี และนางสาวศรี (นามสมมติ) อายุ 50 ปี บุคคลตามหมายจับ ศาลจังหวัดสงขลา ข้อหา ร่วมกันให้การช่วยเหลือคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองให้พ้นจากการจับกุม หลังจากสืบทราบว่าทั้งสองคนเป็นนายหน้าตัวการสำคัญในพื้นที่ที่ติดต่อหารถนำพาคนต่างด้าวจากจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มาส่งยังจังหวัดสงขลา มีส่วนร่วมในการนำพาแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองที่ชุดสืบสวนตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสงขลาเคยจับกุมไปเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2565 ในท้องที่สถานีตำรวจภูธรรัตภูมิ และยังเป็นผู้ติดต่อหารถให้กลุ่มแรงงานต่างด้าวสัญชาติเมียนมาทั้ง 109 คน จากจังหวัดประจวบคีรีขันธ์มายังจังหวัดสงขลา

- เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2565 เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสงขลา ร่วมกับชุดสืบสวนกองกำกับการสืบสวนสอบสวนตรวจคนเข้าเมือง 6 และหน่วยงานในพื้นที่ จับกุมนายน้ำ (นามสมมติ) อายุ 23 ปี กับพวกรวม 2 คน ข้อหา ร่วมกันให้การช่วยเหลือคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองให้พ้นจากการจับกุม พร้อมยานพาหนะ 2 คัน ขณะนำพาคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองจำนวน 22 คน จากจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มายังที่เกิดเหตุริมถนนทางหลวงสายเอเชีย หมายเลข 2 ตำบลคูหาใต้ อำเภอรัตภูมิ จังหวัดสงขลา ควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรรัตภูมิ

- เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2565 เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสถานีตำรวจภูธรป่าบอนร่วมกับชุดสืบสวนตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดพัทลุง จับกุม นายดำ (นามสมมติ) อายุ 35 ปี กับพวกรวม 5 คน ข้อหา ร่วมกันให้การช่วยเหลือคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองให้พ้นจากการจับกุม พร้อมยานพาหนะ 4 คัน ขณะรอรับแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง จำนวน 21 คน จากจังหวัดพัทลุงไปยังชายแดนไทย-มาเลเซีย ด้านจังหวัดนราธิวาส ควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรป่าบอน

'หวัง อี้' พบ 'ดอน' พูดคุยกันแบบพี่น้อง ย้ำสัมพันธ์ 2 ประเทศแน่นแฟ้น ไร้แรงกดดัน

เลขานุการ รมว.กต. เผยผลการหารือ 'หวัง อี้' กับ 'ดอน' ยินดีที่เส้นทางรถไฟความเร็วสูงของไทยคืบหน้า / จีนนำเข้าผลไม้จากไทยโดยเฉพาะทุเรียนและมังคุดจำนวนมาก / นักศึกษาไทยกลับเข้าไปเรียนในจีนได้แล้ว / ไทยให้ช่วยจัดการปัญหา Call Center

(6 ก.ค.65) นันทิวัฒน์ สามารถ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ และอดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงผลการหารือระหว่างนาย หวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศจีน กับนายดอน ปรมัติวินัย รองนายกและรัฐมนตรีต่างประเทศของไทย ว่า…

เมื่อ (5 ก.ค.65) รัฐมนตรีต่างประเทศจีน หวัง อี้ ได้เดินทางเยือนไทยและได้เข้าประชุมหารือกับท่านดอน ปรมัติวินัย รองนายกและรัฐมนตรีต่างประเทศของไทย ที่กระทรวงการต่างประเทศ นอกจากการประชุมทวิภาคีของทั้งสองประเทศแล้ว รัฐมนตรีของทั้งสองประเทศยังได้มีการหารือแบบที่เรียกว่า ‘4 Eyes Meeting’ คือ เป็นการคุยกันส่วนตัวสองต่อสอง ไม่มีลูกทีม ไม่มีคนจดบันทึกการหารือ หลังจากนั้น รัฐมนตรีต่างประเทศจีนได้เข้าเยี่ยมคำนับนายกรัฐมนตรีที่ทำเนียบรัฐบาลอีกด้วย 

อยากจะเล่าบรรยากาศการประชุม และหัวข้อการประชุมให้พวกเราได้รับทราบเท่าที่จะเล่าได้ เริ่มต้นฝ่ายจีนได้บอกก่อนเลยว่า ไทยจีนไม่ใช่อื่นไกล พี่น้องกันการคุยกันในวันนี้เป็นการคุยกันในบรรยากาศของพี่น้อง เป็นการประชุมที่เป็นอย่างมิตรภาพ ไม่มีแรงกดดัน ไม่มีการเรียกร้องอะไรจากฝ่ายไทย ไม่มีการชี้นิ้วสั่ง

จีนแสดงความยินดีที่การก่อสร้างเส้นทางรถไฟความเร็วสูงของไทยคืบหน้า จะทำให้สามารถเชื่อมต่อระเบียงเศรษฐกิจ 3 ประเทศและอีอีซีของไทย ซึ่งจะเป็นเส้นทาง Logisticที่สำคัญ

ทั้งสองฝ่ายมีความต้องการตรงกันคือ เรียกร้องให้เกิดสันติภาพในโลกและภูมิภาค ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องก้นในแก้ไขปัญหาอย่างสันติ

จับแล้ว!! แขกขาวอ้วนผอมปล่อยมุกหลอกแลกเงินตระเวนก่อเหตุหลายพื้นที่

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม. ดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุกับคนไทย หรือชาวต่างชาติ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด 

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ณฐพล แสวงกิจ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ศิลปคมณ์ เอี่ยมวงศ์ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.กฤษฎา กาญจนอลงกรณ์ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.มานัด ศรีวงษา ผบก.ตม.3, พล.ต.ต.ธนิต ไทยวัชรามาศ ผบก.สส.สตม, พล.ต.ต.ประพันธ์ศักดิ์ ประสานสุข ผบก.ตม.6 ร่วมแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญโดยมีรายละเอียดดังนี้ 

กล่าวคือ ก่อนทำการจับกุมได้ปรากฏภาพข่าว คนร้ายเป็นชายชาวต่างชาติ 2 คน ลักษณะแขกขาวอ้วนหนึ่งคนและผอมหนึ่งคน มีพฤติกรรมก่อเหตุใช้เทคนิคหลอกว่ามาขอแลกเงินเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจคนขายและฉกฉวยเอาเงินไปโดยไม่ทันรู้ตัว โดยได้ก่อเหตุพื้นที่ จ.ระยอง 2 ครั้ง และ จ.สมุทรสงคราม 1 ครั้ง แม้ว่าเหตุดังกล่าวจะเป็นเหตุเล็กน้อย แต่ผู้ต้องหารายนี้เป็นบุคคลต่างด้าวซึ่งอาศัยช่องของการเข้าเพื่อท่องเที่ยวแต่มาตระเวนก่อเหตุสร้างความเดือดร้อนให้แก่พี่น้องประชาชนในวงกว้าง สตม. โดย บก.ตม.3 จึงไม่ได้นิ่งนอนใจรีบสั่งให้ดำเนินการสืบสวนในทันที

ชุดสืบสวน กก.สส.บก.ตม.3 ทราบเหตุการณ์ดังกล่าวจึงได้เข้าไปทำการสืบหาข้อมูลโดยใช้เทคนิคสืบสวนไล่กล้องวงจรปิดจนจนทราบว่าหลักแหล่งที่อาศัยและรถที่ใช้ก่อเหตุของคนร้าย แต่เนื่องจากไม่ใช่เหตุซึ่งหน้ายังไม่สามารถจับกุมได้ทันทีจึงได้ติดตามสะกดรอยหาหลักฐานเพิ่มเติม จนกระทั่งวันที่ 20 มิ.ย.65 ได้ติดตามคนร้ายทั้ง 2 คน มาถึงตลาดท่าใหม่ ต.ท่าใหม่ อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี ชุดสืบสวนได้ซุ่มเฝ้าสังเกตการณ์ก็พบว่าคนร้ายดังกล่าว ตระเวนพยายามขอซื้อของร้านค้าโชห่วยหลายร้าน ชุดสืบสวนได้ตามเข้าไปถามร้านค้าที่คนร้ายเข้าไปแต่ละร้านก็พบว่าคนร้ายยังไม่ทันได้ก่อเหตุได้สำเร็จ 

รวบหนุ่มอังกฤษ สวมข้อมูลบุคคลอื่นทำ Passport หนีหมายจับกบดานไทย

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ 

สตม. ดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุกับคนไทย หรือชาวต่างชาติ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด 
 
สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ณฐพล แสวงกิจ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ศิลปคมณ์ เอี่ยมวงศ์ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.กฤษฎา กาญจนอลงกรณ์ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.มานัด ศรีวงษา ผบก.ตม.3, พล.ต.ต.ธนิต ไทยวัชรามาศ ผบก.สส.สตม, พล.ต.ต.ประพันธ์ศักดิ์ ประสานสุข ผบก.ตม.6 ร่วมแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญโดยมีรายละเอียดดังนี้ 

ด้วยหน่วยงาน NCA ( National Crime Agency) ประเทศสหราชอาณาจักร ได้ประสานขอความร่วมมือมายังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่ามีชาวอังกฤษคือ นายเค (นามสมมติ) ได้นำข้อมูลส่วนบุคคลของนายบี (นามสมมติ) ชาวอังกฤษไปแสดงต่อหน่วยงานหนังสือเดินทางของอังกฤษเพื่อลวงทำหนังสือเดินทาง เพื่อเดินทางหลบออกจากประเทศอังกฤษเนื่องจาก ทางการอังกฤษได้ออกหมายจับในคดีเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ต่อมาทางการอังกฤษตรวจสอบพบจึงได้ ยกเลิกหนังสือเดินทาง และประสานทางการไทยให้ติดตามควบคุมตัวเพื่อนำตัวกลับประเทศอังกฤษ และยังแจ้งอีกว่ายังมีการกระทำความผิดในรูปแบบนี้อีกเป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่เป็นอาชญากรหลบหนีหมายจับและมากระทำความผิดในประเทศที่ตนเองพักอาศัยอยู่

สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองสั่งการให้ บก.สส.สตม. ติดตามควบคุมตัว โดยได้เพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรแล้ว ต่อมาวันที่ 28 มิถุนายน 2565 เจ้าหน้าที่สืบสวน บก.สส.สตม.ได้ลงพื้นที่สืบสวนพบว่านายเค หรือนายบี (นามสมมติ) หลบซ่อนตัวที่วิลล่าหรูแห่งหนึ่งริมทะเลในจังหวัดภูเก็ต จึงได้เฝ้าสังเกตการณ์ จนเป็นที่แน่ใจ จึงได้แสดงตัวเข้าตรวจสอบ จนยอมรับว่าหลบหนีออกจากประเทศอังกฤษเนื่องจากมีหมายจับของศาลอังกฤษในคดียาเสพติด เจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวเพื่อดำเนินการตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมืองฯ ต่อไป

สตม. ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่าง ๆ รวมถึงการเฝ้าระวังบุคคลทั้งสัญชาติไทยและสัญชาติอื่น ๆ ที่มีหมายจับ และการเดินทางเข้า-ออกประเทศไทย หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507 ซ.สวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือที่ www.immigration.go.th จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top