Thursday, 26 June 2025
ค้นหา พบ 49021 ที่เกี่ยวข้อง

แบรนด์แทนที่ ‘แมคโดนัลด์’ ในรัสเซีย ขายเบอร์เกอร์วันเดียวทะลุ 1.2 แสนชิ้น

Vkusno & Tochka อดีตร้าน ‘แมคโดนัลด์’ ซึ่งเป็นชื่อใหม่และโลโก้ใหม่ในรัสเซีย ขายเบอร์เกอร์ได้มากกว่า 120,000 ชิ้นในวันเปิดตัวในกรุงมอสโก ทุบทุกสถิติที่เคยทำเอาไว้ก่อนหน้าที่เครือข่ายฟาสต์ฟู้ดดังสัญชาติสหรัฐฯ จะถอนตัวออกจากประเทศแห่งนี้ ตอบโต้กรณีรุกรานยูเครน

แม้ ‘บิ๊กแมค’ และ ‘แมคเฟลอร์รี’ ถูกถอดออกจากเมนูของสาขาต่าง ๆ ของ Vkusno & Tochka แต่ด้วยยอดขายที่ประสบความสำเร็จอย่างน่าตื่นตะลึงในวันเปิดทำการ ทำให้กลุ่มผู้บริหารของบริษัทต้องวางเป้าหมายการเติบโตที่สูงต่อในทันที

“ปัจจุบันประชาชนแห่เข้าไปยังร้าน Vkusno & Tochka ที่ต้อนรับลูกค้าด้วยโลโก้ใหม่ เฉดสีใหม่และกระดาษห่อใหม่ที่ไม่มีตราสัญลักษณ์แมคโดนัลด์ โดยวันแรก เราสามารถขายเบอร์เกอร์ได้เกือบ 120,000 ชิ้น ซึ่งถือเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่เคยพบเห็นจากยอดขายรายวัน ตลอดช่วงเวลาที่แมคโดนัลด์เปิดบริการในรัสเซีย” โอเลค ปาโรเยฟ ผู้จัดการใหญ่ของกิจการใหม่แห่งนี้เปิดเผย

สำหรับ แมคโดนัลด์ส คอร์ป ได้ถอนตัวออกจากรัสเซียโดยสมบูรณ์ พร้อมขายสาขาทั้งหมดที่พวกเขาเป็นเจ้าของแก่ผู้ถือใบอนุญาตท้องถิ่นอย่าง นายอเล็กซานเดอร์ โกเวอร์ (Alexander Gover) นักธุรกิจชาวรัสเซีย ในเดือนพฤษภาคม และเจ้าของกิจการใหม่ได้กลับมาเปิดร้านราว ๆ 50 สาขา ในวันที่ (12 มิ.ย. และ 13 มิ.ย.) ที่ผ่านมา ภายใต้ชื่อภาษารัสเซียว่า Vkusno & Tochka (มีความหมายรวมๆ อร่อยและถูกใจ) ภายใต้สโลแกน ‘ชื่อเปลี่ยนไปแต่หัวใจเหมือนเดิม’ (The name changes, love stays)

ทั้งนี้ โกเวอร์ ยังตั้งเป้าขายสาขาให้ถึงระดับ 1,000 สาขาภายใน 4 ถึง 5 ปีข้างหน้า โดยครั้งอยู่ภายใต้แบรนด์เก่า แมคโดนัลด์มีสาขาอยู่ในรัสเซียราวๆ 850 สาขาเท่านั้น

‘ยวน แบลร์’ ลูกชายอดีตนายกฯ อังกฤษ เศรษฐีพันล้านจากการสร้าง ‘Multiverse’

ลูกชายหมายเลขหนึ่งหลายคน ที่กลายเป็นจุดสนใจของสังคมตั้งแต่เด็ก อาจเกิดมามีชีวิตที่ล้มเหลว จากความกดดัน หรือความคาดหวังของคนจำนวนมาก แต่ไม่ใช่ ยวน แบลร์ ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของ โทนี แบลร์ อดีตนายกรัฐมนตรีของอังกฤษ ที่โตขึ้นมาประสบความสำเร็จเป็นมหาเศรษฐี แถมยังได้รับพระราชทานเครื่องราชชั้นเอ็มบีอี จากสมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธ ที่ 2 ตั้งแต่อายุยังน้อย

ยวน แบลร์ กลายเป็นข่าวพาดหัวอย่างรวดเร็ว หลังจากที่สร้างสรรค์แพลตฟอร์ม มัลติเวิร์ส เทคโนโลยีการเรียนรู้ออนไลน์ ซึ่งทำให้เขากลายเป็นมหาเศรษฐีภายในเวลาไม่กี่เดือน

ก่อนหน้านี้ ในวัย 16 ยวน เคยเป็นข่าวพาดหัวตอนที่ออกมาขอโทษสังคม เรื่องเมาแล้วขับ ที่ย่านเวสต์เอ็น กรุงลอนดอน แต่ 20 กว่าปีต่อมา กลายเป็นพาดหัวในเรื่องดีๆ ในฐานะอัจฉริยะแห่งยุคมิลเลนเนียน ด้วยแพลตฟอร์มของเขา ทำให้เด็ก ๆ สามารถหางานที่ดี ๆ ทำได้ โดยไม่ต้องเรียนจบระดับมหาวิทยาลัย

มหาเศรษฐีระดับเจ้าของบริษัทและซีอีโอหลายคนดรอปหรือเลิกเรียนหนังสือกลางคัน แต่ไม่ใช่ ยวน ที่มีการศึกษาระดับปริญญาตรีด้านประวัติศาสตร์ยุโรปโบราณจากมหาวิทยาลัยบริสตอล รวมทั้ง ปริญญาโทด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ จากมหาวิทยาลัยเยล

นอกจากนี้ เขายังมีประสบการณ์ฝึกงานที่รัฐสภาของสหรัฐฯ ก่อนจะไปเขาเรียนด้านการเงินของมอร์แกน สแตนลีย์ ในปี 2008 เขาให้สัมภาษณ์ว่า จริง ๆ พอโตแล้วก็ขี้เกียจเรียนหนังสือ แต่ต้องเรียน เพราะเห็นว่า คือหนทางเดียวที่จะมีอาชีพการงานที่ดี

แม้ว่า ยวน แบลร์ จะเติบโตมาบนกองเงินกองทองอยู่แล้ว แต่ความร่ำรวยเป็นเศรษฐีพันล้านของเขา มาจากน้ำพักน้ำแรงของตัวเองโดยแท้ ในการสร้างสรรค์ มัลติเวิร์ส ที่เป็นสตาร์ตอัปการเรียนรู้ ที่ช่วยจับคู่สมาชิกรุ่นเยาว์ของเว็บไซต์เข้ากับงานการในบริษัทชั้นนำ อย่างกูเกิลและบลูมเบิร์ก ฯลฯ

ไอเดียของยวน เกิดขึ้นหลังจากที่เขาเริ่มตระหนักว่า ที่เรียนมาด้านประวัติศาสตร์ยุโรปโบราณจากบริสตอลนั้น ไม่มีประโยชน์อะไรเลย แต่ มัลติเวิร์ส ยังไม่สุกงอม จนกระทั่งเขาได้พบกับ โซฟี อะเดลแมน ที่มอร์แกน สแตนลีย์ และทั้งคู่ก็ได้ร่วมกันก่อตั้งบริษัทชื่อ ไวท์แฮท

แพลตฟอร์มดังกล่าว เป็นสิ่งที่ตรงข้ามกับที่ โทนี พ่อของเขาเคยประกาศเป็นนโยบายของอังกฤษ เรื่องการสนับสนุนให้เด็กทุกคนมีโอกาสได้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัย โดยในปี 1999 ที่โทนี แบลร์ เป็นนายกรัฐมนตรี เขาทำได้อย่างที่พูดเพียง 50% เท่านั้น เป้าหมายของเขาสำเร็จในปี 2019 ซึ่งเป็นเวลาหลังจากที่เขาลงจากตำแหน่งไปนานถึง 12 ปี

'หมอมนูญ' เผยใครฉีดวัคซีนmRNA 3 เข็ม หลังติดโควิด อาจไม่จำเป็นต้องรับเข็ม 4

นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ แพทย์เฉพาะทางด้านโรคระบบการหายใจ โรงพยาบาลวิชัยยุทธ โพสต์เฟซบุ๊ก หมอมนูญ ลีเชวงวงศ์ FC ระบุว่า…

เป็นที่ทราบดี ถึงแม้จะฉีดวัคซีน 3 เข็มหรือ 4 เข็มก็ยังอาจติดเชื้อได้ แต่ความรุนแรงของโรคโดยเฉพาะคนที่ได้รับเข็มกระตุ้น mRNA จะน้อยกว่าคนที่ไม่เคยรับ mRNA แม้แต่เข็มเดียว สำหรับคนที่ได้รับวัคซีน mRNA 3 เข็ม หรือวัคซีนแอสตร้าเซเนก้า 2 เข็มตามด้วย mRNA 1 เข็ม หลังติดเชื้อสายพันธุ์โอมิครอน อาจจะไม่จำเป็นต้องไปรับเข็ม 4 เพราะมีภูมิคุ้มกันแข็งแรงมากจากภูมิคุ้มกันที่เกิดจากวัคซีน 3 เข็มบวกกับภูมิคุ้มกันจากการติดเชื้อธรรมชาติ

แต่คนที่ไม่เคยได้วัคซีน mRNA เช่นได้รับซิโนแวค 2 เข็ม ตามด้วยแอสตร้าเซเนก้า 1 เข็ม หรือได้รับแอสตร้าเซเนก้า 2 เข็ม แล้วติดเชื้อสายพันธุ์โอมิครอน ควรรับเข็มกระตุ้นด้วยวัคซีน mRNA อีก 1 เข็ม

กรมวิทย์ฯ เผยพบ ‘โอมิครอน BA.5’ เพิ่มขึ้น คาดเป็นพันธุ์หลักทั่วโลก แต่ยังไม่ชัดรุนแรงขึ้น

กรมวิทย์เผยฐานข้อมูลโลกพบ "โอมิครอน BA.5" เพิ่มขึ้นจาก 16% เป็น 25% คาดเป็นสายพันธุ์หลักต่อไป ส่วน BA.4 แนวโน้มลดลง ในไทยพบเพิ่มขึ้นทั้ง 2 ตัว เจอสัดส่วนในคนเดินทางจากต่างประเทศมากกว่า ชี้ความรุนแรงยังไม่ชัดเจน 

เมื่อวันที่ (24 มิ.ย.) ที่โรงแรมริชมอนด์ แกรนด์ จ.นนทบุรี นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ แถลงการเฝ้าระวังสายพันธุ์โควิด 19 และการกลายพันธุ์ ว่า หลังโควิด 19 ระบาดมา 2 ปีกว่า เรามีสายพันธุ์ที่น่ากังวล (VOC) เหลือสายพันธุ์เดียว คือ โอมิครอน ซึ่งเป็นสายพันธุ์หลักทั่วโลกเกือบ 100% สายพันธุ์อื่นหายไปเกือบหมดแล้ว โดยโอมิครอนยังไม่มีการแตกลูกที่เปลี่ยนแปลงเป็นตัวใหม่ แต่มีการกลายพันธุ์ของลูกหลานเป็น BA. ต่างๆ ซึ่งองค์การอนามัยโลกมีข้อมูลมากขึ้นก็เห็นว่าบางตัวน่าจะจัดชั้นว่าต้องจับตาดู (LUM) ซึ่งขณะนี้มี 6 ตัว ที่เป็น VOC-LUM ได้แก่ BA.4 , BA.5 , BA.2.12.1 , BA.2.9.1 , BA.2.11 และ BA.2.13

ทั้งนี้ การกลายพันธุ์ที่เหมือนกันของ BA.4 และ BA.5 คือ ตำแหน่ง L452R คล้ายกับสายพันธุ์เดลตา ซึ่งมีการวิจัยว่า การกลายพันธุ์ตรงนี้ทำให้เซลล์ปอดเชื่อมกัน ทำให้เกิดปอดอักเสบได้ง่ายขึ้น ทำให้เป็นที่วิตกกังวลว่า โอมิครอนนั้นแพร่เร็ว และหากรุนแรงพอ ๆ กับเดลตาจะเกิดปัญหาขึ้น แต่ข้อมุลนี้ยังเป็นการทดลองในห้องแล็บและการสันนิษฐานจากตำแหน่งทางพันธุกรรม (Genetic) จึงต้องรอเวลาติดตามดูต่อไป ส่วนตำแหน่งที่ต่างกันของ BA.4 และ BA.5 ไม่ได้ส่งผลกระทบเรื่องความรุนแรง

นพ.ศุภกิจกล่าวว่า ขณะนี้ข้อมูลที่ทุกประเทศช่วยกันถอดรหัสพันธุกรรมแล้วส่งเข้ามาในฐานข้อมูลโลก GISAID ในช่วง 2 สัปดาห์สุดท้ายพบว่า BA.5 มีทั้งหมด 31,577 ตัวอย่าง ใน 62 ประเทศ น่าจับตาใกล้ชิดมากกว่า เพราะมีการเพิ่มขึ้นจาก 16% เป็น 25% ส่วน BA.4 พบ 14,655 ตัวอย่าง แนวโน้มลดลงจาก 16% ลดเหลือ 9% ขณะที่ BA.2.12.1 ก็ลดลงเช่นกันจาก 31% เหลือ 17% เป็นธรรมชาติของสายพันธุ์ที่แพร่เร็วกว่าจะเบียดตัวที่แพร่ช้ากว่า ซึ่งอีกไม่นาน BA.5 น่าจะเป็นสายพันธุ์หลักของการระบาดทั่วโลกรวมถึงไทย

ส่วนการเฝ้าระวังของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เรามีการตรวจแบบเร็ว ซึ่งจะยังแยก BA.4 และ BA.5 ไม่ได้ โดยสัปดาห์ที่ผ่านมา วันที่ (18-22 มิ.ย.) ตรวจ 400 กว่าราย พบ BA.4/BA.5 181 ราย โดยกลุ่มผู้เดินทางมาจากต่างประเทศพบสัดส่วนเป็น BA.4/BA.5 มากกว่า 72% ส่วนการตรวจในประเทศสัดส่วน BA.4/BA.5 พบประมาณ 40% สำหรับการตรวจโดยถอดรหัสพันธุกรรมทั้งตัวและส่งข้อมูลไป GISAID แล้ว พบว่า BA.4 และ BA.5 รวม 81 ตัวอย่าง แบ่งเป็น BA.4 จำนวน 32 ตัวอย่าง และ BA.5 จำนวน 49 ตัวอย่าง ถามว่าไทยเรามีเท่าไร น่าจะมีประมาณ 200 กว่าตัวอย่าง เพราะการถอดรหัสพันธุกรรมส่วนหนึ่งดึงมาจากการตรวจแบบเร็ว จึงมีความทับซ้อนกันอยู่จำนวนหนึ่ง

"ในประเทศไทยถือว่า BA.4 และ BA.5 มีสัดส่วนมากขึ้น แต่ที่สัปดาห์นี้เพิ่มขึ้นไปเกือบ 50% จากสัปดาห์ก่อนหน้าที่พบไม่มาก เนื่องจากตัวอย่างเพิ่งส่งมาให้ตรวจ ยังต้องดูอีก 2-3 สัปดาห์ต่อเนื่องว่า แนวโน้มที่จะเกิดในบ้านเราเป็นอย่างไร ซึ่งเราจะเฝ้าระวังในคนอาการหนักเป็นพิเศษ เพราะโจทย์เราคือรุนแรงขึ้นหรือไม่ โดยจะร่วมมือกรมการแพทย์ รพ.ใหญ่ ๆ ในภูมิภาคว่า คนที่ใส่ท่อช่วยหายใจมี BA.4 BA.5 เพิ่มมากขึ้นมากน้อยแค่ไหน ถ้ามีคนไข้หนักขอให้ส่งตัวอย่างมาตรวจสายพันธุ์ด้วย" นพ.ศุภกิจกล่าว

นพ.ศุภกิจกล่าวว่า ทุกครั้งที่กลายพันธุ์จะมีคำถามว่าแพร่เร็วขึ้นหรือไม่ หลบภูมิคุ้มกันหรือไม่ และรุนแรงทำให้อาการหนัก เสียชีวิตมากขึ้นหรือไม่ ทั้งนี้ ย้ำว่าอย่าเพิ่งตื่นตระหนก ข้อมูลในปัจจุบันพบชัดเจนว่ามีการแพร่เร็ว แต่เป็นการรายงานของแล็บ ซึ่งเมื่อเทียบกับ BA.2 พบว่า BA.4 และ BA.5 มีความเร็วกว่า แอนติบอดีที่จะทำลายฤทธิ์ของเชื้อใช้ได้น้อยลง คือ สู้แอนติบอดีได้ดีกว่า และยารักษาสำหรับบางรายที่ไม่มีภูมิคุ้มกันมากพอก็ตอบสนองน้อยลง แต่สรุปว่ารุนแรงหรือไม่ ต้องรอข้อมูลทางคลินิกเพิ่มเติม เพราะยังเป็นข้อสันนิษฐาน ยังไม่มีสำนักไหนฟันธงว่ารุนแรงขึ้นจริง

"ข้อมูลจากประเทศอังกฤษพบว่า BA.4 และ BA.5 เมื่อเทียบกับ BA.2 ก่อนหน้านี้ บางประเทศพบว่าแพร่เร็วกว่าจริง คือ อังกฤษเร็วมากกว่า 1.4-1.5 เท่า สหรัฐอเมริกา เร็วกว่าเกือบ 1.5 เท่า แอฟริกาใต้เร็วกว่า 1 เท่าเศษ ส่วนฝรั่งเศสและเยอรมนีแพร่เร็วไม่ต่างจาก BA.2 ส่วนเนเธอร์แลนด์ เดนมาร์ก โปรตุเกส แพร่เร็วต่ำกว่า BA.2 ซึ่งยังไม่รู้ว่าเกิดจากอะไร จึงยังต้องจับตาดูต่อไป" นพ.ศุภกิจกล่าว

‘นักข่าวกรีซ’ แนะวิธีแก้ปัญหาน้ำมันแพง แค่ขโมยดูดเอาจากถังน้ำมันรถคนอื่น

ปัญหาเงินเฟ้อ น้ำมันแพง ลุกลามเป็นวาระใหญ่ไปทั่วโลกเรียบร้อยแล้ว ซึ่งหลายประเทศต่างกำลังหาวิธีแก้ปัญหาอย่างขะมักเขม้น เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของผู้คน แต่อย่างว่าตอนนี้แก้ยังไงก็คงไม่ถูกใจผู้คนได้ง่าย ๆ หรือต่อให้ถูกใจบางคน ก็คงไม่ทันใจแบบทันที 

นี่ยังไม่นับการเกาไม่ถูกที่คัน แบบที่มีการนำเสนอ ‘เตามหาเศรษฐี’ ให้คนทั่วไปที่ไม่เข้าใจวัตถุประสงค์ได้เปิดทัวร์ลงมายำเล่นอยู่ในบ้านเราขณะนี้อีก แต่อย่างน้อยเตาอั้งโล่มหาเศรษฐี ก็ยังดูดีกว่าเรื่องที่จะเล่าให้ฟังต่อจากนี้ล่ะนะ!!

ในประเทศกรีซ ตอนนี้มีการแชร์เทคนิคการแก้ปัญหาน้ำมันแพงของชาวในชาติที่ไม่รู้จะควรภูมิใจตามหรือไม่ โดยนายคอสตาส สตามู ผู้สื่อข่าวภาคเช้าจากสำนักข่าวของรัฐ ได้นำเสนอวิธีเซฟค่าน้ำมันด้วยการแอบดูดน้ำมันจากถังน้ำมันรถของเพื่อนบ้าน

ฟังไม่ผิดหรอก ‘แอบดูดน้ำมันจากถังรถเพื่อนบ้าน’

นอกจากจะชี้โพรงให้กระรอกแล้ว เขายังแสดงวิธีการแอบดูดน้ำมันจากตัวถังรถยนต์ ที่สามารถทำได้ง่าย ๆ ด้วยสายยางที่ใช้ทั่วไปตามบ้าน แถมยังให้ช่างซ่อมรถมาชี้ตำแหน่งของถังน้ำมัน และจุดที่สามารถเจาะเพื่อแอบดูดน้ำมันออกไปใช้ได้อีกด้วย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top