Friday, 27 June 2025
ค้นหา พบ 49051 ที่เกี่ยวข้อง

ขนส่งทางราง เร่งสำรวจสถานีรถไฟภาคอีสาน ยกระดับมาตรฐาน 8 ด้าน สู่การเป็น ‘สถานีดีพร้อม’

กรมการขนส่งทางราง เดินหน้าตรวจประเมินสถานีรถไฟสายตะวันออกเฉียงเหนือ ยกระดับสู่การเป็น ‘สถานีดีพร้อม’

เมื่อวันที่ (17 มิ.ย. 65) กรมการขนส่งทางราง (ขร.) ลงพื้นที่ตรวจประเมินความพร้อมของสถานีที่ให้บริการขนส่งทางรางในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบไปด้วย สถานีนครราชสีมาหรือที่ชาวโคราชเรียกกันว่า ‘หัวรถไฟ’ ประตูสู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สถานีบุรีรัมย์ และสถานีศรีสะเกษ ซึ่งสถานีเหล่านี้เป็นสถานีที่เข้าร่วมเข้ากิจกรรม ‘สถานีดีพร้อม’ เพื่อยกระดับมาตรฐานการบริการให้มีประสิทธิภาพมุ่งสู่มาตรฐานสากล ซึ่งจะมีการประเมินความพร้อมของสถานีตามมาตรฐานสากล 8 ด้าน ประกอบไปด้วย ด้านโครงสร้างพื้นฐาน ด้านการเชื่อมต่อ ด้านข้อมูลการเดินทางและประชาสัมพันธ์ ด้านความปลอดภัย ด้านความพร้อมของสิ่งอำนวยความสะดวก ด้านการออกแบบตามหลัก Universal Design ด้านการให้บริการ และด้านสุนทรียภาพ 

จากการลงสำรวจสถานีนครราชสีมา สถานีแห่งนี้มีจุดเด่นตรงความสวยงามและมีกลิ่นไอของอาคารสมัยเก่า และได้มีการนำไม้หมอนมาประยุกต์ใช้ตกแต่งภายในสถานีทำให้ตัวสถานีดูมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว นอกจากนี้สถานีนี้ได้ให้ความสำคัญด้านการให้บริการของเจ้าหน้าที่และพนักงาน โดยจะมีการเตรียมความพร้อมก่อนเริ่มงานในทุกวัน ส่งผลให้การให้บริการโดดเด่น รวดเร็วและฉับไว รองรับผู้โดยสารในทุกกลุ่มและทุกประเภท ซึ่งสอดคล้องตามหลักเกณฑ์ด้านการให้บริการและด้านสุนทรียภาพ ที่นับว่าเป็นหัวใจในการขับเคลื่อนและพัฒนาสถานีและองค์กรให้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ ในปัจจุบันสถานีกำลังถูกยกระดับเพื่อรองรับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมและขนส่งของประเทศเส้นทางกรุงเทพฯ-หนองคายให้มีความทันสมัยและคล่องตัวมากขึ้นด้วย

ภายหลังจากการลงพื้นที่สถานีนครราชสีมาแล้วนั้น ถัดมา ขร. ได้เดินทางลงพื้นที่ตรวจประเมินสถานีบุรีรัมย์ ซึ่งเป็นสถานีที่มีความสำคัญต่อการขยายตัวและเศรษฐกิจของชุมชนตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2498 จวบจนปัจจุบัน เนื่องจากในอดีตพื้นที่บุรีรัมย์มีความทุรกันดารและเป็นเมืองเล็ก เมื่อการมาถึงของทางรถไฟทำให้เกิดจุดเปลี่ยนในเรื่องเศรษฐกิจของชุมชน โดยชาวบุรีรัมย์สามารถนำพืชผลทางการเกษตรขึ้นรถไฟมาค้าขายในตัวเมืองและบริเวณด้านหลังสถานี และปัจจุบันการค้าขายบริเวณสถานีของชาวบุรีรัมย์ยังคงเป็นจุดเด่นดึงดูดกลุ่มนักท่องเที่ยวและผู้ใช้บริการรถไฟ อาทิ ตลาดรีบวายที่ชาวบุรีรัมย์จะมาจับจ่ายซื้อผัก ผลไม้และของดีที่ถูกหาบเร่ขึ้นขบวนรถไฟท้องถิ่นมาขายในช่วงเช้าบริเวณด้านหน้าสถานี ประมาณ 10 นาที ก่อนจะนำสินค้าไปขายยังที่อื่นต่อไป นับว่าเป็นจุดเด่นของสถานีที่ให้ความสำคัญในด้านโครงสร้างพื้นฐานของตัวสถานีที่ช่วยส่งเสริมการค้าขายและสร้างรายได้ให้กับประชาชนในพื้นที่ชนบท

ไทยอันดับ 3 จ่ายเงินแบบเรียลไทม์ 9.7 พันล้านครั้ง ด้านรบ. โว ผลจากการขับเคลื่อนนโยบาย e-Payment

นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยข้อมูลจากการสำรวจของ เอซีไอ เวิลด์ไวด์ (ACI Worldwide) ว่า ในปี 2564 ประเทศไทยมียอดการทำธุรกรรมการชำระเงินแบบเรียลไทม์จำนวน 9,700 ล้านครั้งในปี 2564 - ครองอันดับ 3 ของโลก รองจากอินเดีย (48.6 พันล้านครั้ง) และจีน (18.5 พันล้านครั้ง) ซึ่งการชำระเงินแบบเรียลไทม์นี้ช่วยเพิ่มผลผลิตทางเศรษฐกิจคิดเป็น 2.08% ของ GDP – ซึ่งอยู่อันดับที่ 2 จาก 30 ประเทศ ขณะที่ใน ปี2563 และ 2562 ตัวเลขการทำธุรกรรมอยู่ที่ 5.24 พันล้านครั้ง และ 2.57 พันล้านครั้ง ตามลำดับ

การชำระเงินแบบเรียลไทม์ในประเทศมีการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างมากเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายในประชาชนทุกช่วงวัยและผู้ประกอบการทุกขนาด อีกทั้งโครงสร้างพื้นฐานระบบการชำระเงินของประเทศเป็นที่ยอมรับตามมาตรฐานโลก ทั้งนี้มาจากการขับเคลื่อนนโยบายการชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์แห่งชาติ (National e-Payment) นับตั้งแต่ปี 2558 ผ่านโครงการ อาทิ

สวนนงนุชพัทยา ร่วมกับ มหาวิทยาลัยบูรพา และ บริษัท ซีบีดี สยาม เฮมพ์ ลงนาม (MOU) วิจัยเพิ่ม กัญชา กัญชง เพื่อรักษาโรค

(20 มิ.ย. 65) ณ สวนนงนุชพัทยา รองศาสตราจารย์วัชรินทร์ กาสลัก อธิการบดีมหาวิทยาลัยบูรพา (คณะสหเวชศาสตร์) พร้อมด้วย นายกัมพล ตันสัจจา ประธานสวนนงนุชพัทยา และนายนิติธรรม พงศ์ธนากุล ประธานกรรมการบริษัท ซีบีดี สยาม เฮมพ์ จำกัด ลงนาม MOU สำหรับปลูกกัญชา กัญชง สายพันธุ์ต่างประเทศ ใช้การปลูกแบบเปิด Outdoor เพื่อนำไปพัฒนาต่อยอด

ส่วน MOU กับกรมการแพทย์แผนไทย ร่วมกันวิจัยและพัฒนาสายพันธุ์กัญชาและกัญชงในระบบปิด Indoor ใช้ไฟปลูกเพื่อให้แสงและใช้เครื่องปรับอากาศ เพื่อให้ได้ผลผลิตที่ดีมีคุณภาพ สะอาด ปลอดภัย ไร้สารเคมีตกค้าง สำหรับทำยารักษาโรค

'ธีรรัตน์' โต้ 'ธนกร' หยุดท่องจำวาทกรรมเดิมทำร้ายฝ่ายตรงข้าม แนะต้องยอมรับความจริงให้ได้ 'ประยุทธ์' ทำเศรษฐกิจแย่ คนแก้ต้องเพื่อไทยเท่านั้น

นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส. กทม.และโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้พรรคเพื่อไทยย้อนดูว่าประเทศต้องเจอกับสถานการณ์และเศรษฐกิจอย่างทุกวันนี้ เพราะรัฐบาลไหนทุจริตคอร์รัปชันมโหฬารชนิดที่อดีตนายกฯ ต้องหนีออกนอกประเทศ และหาก 8 ปีที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ไม่เข้ามาแก้ไขปัญหา ประเทศคงถูกการทุจริตกัดกร่อนพรุนยิ่งกว่าบ้านถูกปลวกแทะไปนานแล้วนั้น สิ่งที่นายธนกรพูดนั้นเป็นเรื่องที่น่าละอายมาก หากจะถามว่ารัฐบาลชุดไหนที่ทำให้เศรษฐกิจตกต่ำย่ำแย่มาตลอดหลายปีที่ผ่านมาจนหนี้สินประเทศที่ทุกคนต้องใช้หนี้ร่วมกันพุ่งชนเพดานที่ 10 ล้านล้านบาทนั้น ก็ล้วนเป็นฝีมือการบริหารของ พล.อ.ประยุทธ์ ทั้งสิ้น เหตุใดนายธนกรจึงมั่นใจว่า พล.อ.ประยุทธ์เข้ามากู้เศรษฐกิจ ทั้งที่ปัญหาประเทศทั้งหมดเกิดขึ้นมาจาก พล.อ.ประยุทธ์ เองที่มีเพียงตำแหน่งทางการทหาร และไร้ความสามารถในการเป็นผู้นำประเทศ

ส่วนการทุจริตคอร์รัปชั่นที่กัดกร่อนประเทศตามที่นายธนกรกล่าวอ้างนั้น ความจริงปรากฎและสาธารณชนรับรู้โดยทั่วกันว่า ที่ผ่านมาสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้ยอมรับว่ายุค “คสช.-ประยุทธ์” เงินแผ่นดินรั่วไหลเฉียด 3 แสนล้านบาท ส่วนดัชนีชี้วัดภาพลักษณ์คอร์รัปชันปี 2564 ของไทยคะแนนลดลง จาก 36 เหลือ 35 คะแนน อันดับร่วงลงจากอันดับที่ 104 ในปี 2563 มาอยู่อันดับที่ 110 ในปีนี้  ตัวเลขที่หน่วยงานต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศรายงาน ล้วนเป็นฝีมือการบริหารของ พล.อ.ประยุทธ์ ทั้งสิ้น ทั้งหมดคือข้อเท็จจริง และเป็นความจริงที่นายธรกรต้องยอมรับให้ได้ ไม่ใช่เอาแต่ท่องจำวาทกรรมเดิมๆ และยังมีความพยายามเชื่อมโยงเรื่องราวให้ผู้ที่ไม่ได้ติดตามข่าวสารเข้าใจผิดได้ อดีตนายกรัฐมนตรีที่นายธนกรกล่าวถึงถูกโค่นล้มไล่ล่าในทางการเมือง ถูกกล่าวหาในหลายคดีความอย่างไม่ยุติธรรม ไม่ยึดหลักประชาธิปไตย สุดท้ายทั้งสองท่านถูกรัฐประหาร ซึ่งประเทศที่เจริญแล้วทั่วโลก ไม่ยอมรับวิธีนี้ 

บริหารเชิงรุกไม่รอตั้งรับ เพื่อไทย ย้ำ โรคอุบัติใหม่ในสัตว์ ต้องมีแผนรับมือใหม่ คิดล่วงหน้าปฏิบัติเจน ไม่วิ่งไล่ปัญหา 

นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ส.ส.พะเยา ประธานคณะทำงานนโยบายเกษตรพรรค นางสาวสกุณา สาระนันท์ ส.ส.สกลนคร และนายสัตวแพทย์ชัย วัชรงค์ คณะทำงานนโยบายเกษตรพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีการจัดการโรคระบาดในสัตว์ล้มเหลว เพราะใช้แผนแบบเก่า ตั้งรับไม่รุก ไม่มีทางก้าวทันปัญหา นำพาประเทศรอดพ้นวิกฤต

นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า สัปดาห์ที่ผ่านมา ได้รับคำร้องเรียนการแพร่ระบาดของโรคลัมปีสกินมากมาย ติดตามสอบถามไปยังเกษตรกร ปศุสัตว์จังหวัดหลายพื้นที่ให้การตรงกันคือ ไม่มีวัคซีนมาถึงมือ จึงอยากสอบถามกระทรวงเกษตรไปว่า วัคซีนลัมปีสกินที่ได้แจกจ่ายไปแล้ว ทำไมไม่ถึงมือเกษตรกร เป็นวัคซีนทิพย์ โฆษณาชวนเชื่อ แต่ไม่มีอยู่จริงใช่หรือไม่

นางสาวสกุณา กล่าวเสริมว่า วัฎจักรการระบาดโรคในสัตว์กลับมาระบาดอีกครั้ง ขอเรียกร้องให้รัฐบาลยอมรับความจริง ว่าการทำงานของท่านล้มเหลวในการจัดการปัญหาโรคระบาดอย่างสิ้นเชิง สถานการณ์ตอนนี้แค่เพียงวิ่งตามปัญหาเดิมยังไม่ทัน แล้วจะหวังให้จัดการโรคระบาดระลอกใหม่ได้อย่างไร 

นายสัตวแพทย์ชัย กล่าวอีกว่า ความรวดเร็วคือหัวใจสำคัญในการจัดการโรคระบาด ตัวอย่างโรคลัมปีสกิน แม้จะเป็นโรคอุบัติใหม่ในประเทศไทย แต่หลายประเทศหลายจุดทั่วโลก อาทิ ตุรกี โมร็อกโก โรมาเนีย อียิปต์ สามารถผลิตวัคซีนที่ได้มาตรฐาน สามารถนำเข้าและกระจายปูพรมฉีดภายในเดือนเดียวรู้เรื่อง แต่น่าเสียดายที่โรคระบาดทั้ง ASF ในสุกร ลัมปีสกินในโคกระบือ ยังยืดเยื้อควบคุมการระบาดไม่ได้ แสดงให้เห็นความล้มเหลว เพราะปล่อยให้โรคเกิดขึ้นและกระจายทั่วประเทศ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top