5 มิ.ย.2565 เวลา 10.10 น. ที่จังหวัดพิษณุโลก นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นำ "จุรินทร์ ออนทัวร์" ไปจังหวัดพิษณุโลก เปิดสัมมนาแกนนำของพรรคประชาธิปัตย์ภาคเหนือตอนล่าง ที่หอประชุมศูนย์วัฒนธรรมภาคเหนือตอนล่าง โรงแรมวังจันทร์ จ.พิษณุโลก
โดยได้กล่าวว่า เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง ที่รัฐบาลจะครบเทอมราวต้นปีหน้า แต่ถ้าไม่ครบเทอม ยังไงการเลือกตั้งก็ต้องมาเร็วกว่าการเลือกตั้งทั่วไปปกติ ซึ่งเราไม่อยู่ในฐานะที่จะคาดการณ์ได้ แต่ในฐานะพรรคการเมืองก็ต้องเตรียมความพร้อมเอาไว้ จึงเป็นที่มาที่ประชาธิปัตย์ภาคเหนือตอนล่างจัดให้มีการประชุมอย่างเข้มข้น พร้อมด้วยแกนนำสำคัญของพรรคใน 7 จังหวัดภาคเหนือตอนล่าง ซึ่ง อดีต ส.ส. ของพรรคในปี 2562 ไม่มีใครเป็นอื่น ทุกคนยังร่วมอุดมการณ์กับพรรคอย่างครบถ้วนไม่ขาดแม้แต่คนเดียว

นายจุรินทร์กล่าวว่าหลังการเลือกตั้งใหญ่คราวที่แล้ว ประชาธิปัตย์ถูกปรามาสเยอะว่าต่อไปก็สูญพันธุ์ แต่มาถึงวันนี้ 2 ปีเศษและกำลังครบ 3 ปี เดินเข้าสู่ปีที่ 4 พรรคประชาธิปัตย์ได้พิสูจน์ให้เห็นว่า คำปรามาสนั้นไม่ได้มีเค้าลางของความเป็นจริง ซึ่งอย่างน้อยที่สุดจากการเลือกตั้งซ่อม 3 ครั้งที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นที่จังหวัดสงขลา ชุมพร และล่าสุดจังหวัดราชบุรี ประชาธิปัตย์ได้รับชัยชนะอย่างต่อเนื่องทั้ง 3 ครั้ง ซึ่งเป็นบทพิสูจน์ว่าไม่ว่าจะเป็นภาคไหน ประชาชนก็ยังให้การต้อนรับประชาธิปัตย์ จึงเป็นที่มาที่พวกเราได้ประกาศไว้ที่จังหวัดสงขลาว่า การเลือกตั้งเที่ยวหน้า ประชาธิปัตย์ปักษ์ใต้จะคัมแบ็ค
สำหรับการเลือกตั้งกรุงเทพมหานคร แม้เราจะได้รับเสียงสนับสนุนจากพี่น้องประชาชนจำนวนไม่น้อย แต่เราไม่ได้ที่นั่ง ส.ส. เลย แม้แต่ที่นั่งเดียว ทำให้หลายคนสบประมาทเราเช่นเดียวกันว่า กรุงเทพฯ ประชาธิปัตย์จะสูญพันธุ์ แต่จากการเลือกตั้ง ผู้ว่าฯ กทม. และ ส.ก.เที่ยวนี้ ก็เป็นบทพิสูจน์ว่า ประชาธิปัตย์ในกรุงเทพฯ ไม่ได้สูญพันธุ์ และคนกรุงเทพฯ ยังให้โอกาสประชาธิปัตย์อยู่ แม้ผู้ว่าฯ กทม. เราจะไม่ได้รับเลือกเพราะคะแนนเกือบทั้งหมดเทให้กับผู้ที่ได้รับการเลือกตั้ง แต่คะแนนของประชาธิปัตย์ก็มาเป็นที่ 2 ส่วน ส.ก. เราก็ได้มา 9 ที่นั่ง และยังมีคะแนนได้มาเป็นลำดับ 2 อีกหลายที่นั่ง

ดังนั้น การที่ตนมาพบกับพวกเราทุกคนในครั้งนี้ก็เพื่อมาบอกว่า พวกเรามีความมั่นใจ และภายใต้การร่วมแรงร่วมใจของพวกเราทุกคน ทั้งอดีตผู้แทนราษฎรในเขตจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง ทั้งแกนนำพรรค สาขาพรรค ทั้งตัวแทนจังหวัด รวมทั้งพี่น้องสมาชิกประชาธิปัตย์ทุกคน ประชาธิปัตย์ในภาคเหนือตอนล่างของเรายังมีโอกาสที่จะได้รับเลือกตั้งมากขึ้นและสามารถครองใจประชาชนได้ในการเลือกตั้งครั้งหน้าอย่างแน่นอน
ซึ่งจากสถิติในปี 50 ภาคเหนือตอนล่าง 7 จังหวัด นครสวรรค์ ตาก พิษณุโลก พิจิตร สุโขทัย กำแพงเพชร เพชรบูรณ์ เราเคยได้มาถึง 13 ที่นั่ง แต่การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา เราเหลือที่นั่งเดียว คือ นายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ แต่ไม่ได้แปลว่าถัดจากนี้เราจะได้ 2 ไม่ได้ เราจะได้ 3 ไม่ได้ เราจะได้ 9 ที่นั่งหรือมากกว่านั้นไม่ได้ เพราะทั้งหมดขึ้นอยู่กับพวกเราทุกคนที่ต้องร่วมแรงร่วมใจ พร้อมกับเรามีข้อพิสูจน์แล้วว่าประชาชนต้อนรับประชาธิปัตย์มากขึ้น เพราะอุดมการณ์ของเราและผลงานของเรา
ซึ่ง “อุดมการณ์ ทันสมัย” นั้น ไม่ใช่อุดมการณ์ที่ทันสมัยเพราะอุดมการณ์ทันสมัยเสมอ แต่อุดมการณ์ที่แท้จริงของประชาธิปัตย์นั้น เป็นอุดมการณ์ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข อุดมการณ์การทำงานเพื่อประชาชนเป็นที่ตั้งเพื่อส่วนรวมไม่ใช่ส่วนตัว และอุดมการณ์แห่งความซื่อสัตย์สุจริต ล้วนเป็นอุดมการณ์ของความเป็นประชาธิปัตย์ที่ทำให้เราพัฒนามาเป็นสถาบันทางการเมือง จนกลายเป็นสถาบันทางการเมืองที่ยั่งยืนที่สุดในประเทศไทยมาถึง 76 ปีและจะก้าวต่อไปจวบชั่วฟ้าดินสลาย