Friday, 4 July 2025
ค้นหา พบ 49177 ที่เกี่ยวข้อง

กระทรวงเกษตรฯ จับมือสภาอุตสาหกรรมฯ.ชุดใหม่ลุย14โครงการยกระดับภาคเกษตรสู่เกษตรมูลค่าสูง

'เกรียงไกร”' มั่นใจไฮไลท์โครงการอุตสาหกรรมเกษตรอัจฉริยะ (SAI) เสร็จทันโชว์ศักยภาพไทยในการประชุมเอเปค (APEC) พฤศจิกายนนี้

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในฐานะประธานคณะกรรมการความร่วมมือระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์(กรกอ.)นำคณะกรรมการและผู้บริหารกระทรวงเกษตรฯ.ร่วมประชุมกับคณะกรรมการบริหารสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.)ชุดใหม่โดยมีสถาบันอาหาร กระทรวงอุตสาหกรรมและสถาบันอุตสาหกรรมเพื่อการเกษตรร่วมประชุมด้วยที่สำนักงานใหญ่ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยในวันนี้โดยนายอลงกรณ์และคณะได้แสดงความยินดีกับนายเกรียงไกร เธียรนุกูลประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยและคณะผู้บริหารชุดใหม่ 

จากนั้นได้ประชุมหารือถึงการพัฒนาความร่วมมือภายใต้ คณะกรรมการความร่วมมือระหว่างกระทรวงเกษตรฯและสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กรกอ.) เกี่ยวกับโครงการความร่วมมือที่ได้ดำเนินการก่อนหน้านี้ 3 โครงการได้แก่
1.โครงการเกษตรแม่นยำ 2 ล้านไร่โดยจะขยายเป้าหมายโครงการจาก 2 ล้านไร่เป็น 5 ล้านไร่
2.โครงการ 1 กลุ่มจังหวัด 1 เขตส่งเสริมอุตสาหกรรมเกษตรอาหาร ครอบคลุม 18 กลุ่มจังหวัดทั่วประเทศ
3.โครงการอุตสาหกรรมสีเขียว (Green Industry)

นอกจากนี้ที่ประชุมได้มีการหารือและเห็นพ้องต้องกันในโครงการริเริ่มใหม่ที่จะเดินหน้าขับเคลื่อนต่อไปได้แก่

1.โครงการพัฒนาแบรนด์สินค้าเกษตร( The Brand Project )สู่เกษตรมูลค่าสูง”เป็นแนวทางเศรษฐกิจสร้างสรรค์(Creative Economy)
2.โครงการอาหารแห่งอนาคต(Future Food)สำหรับอาหารคนและอาหารสัตว์ เช่น ถั่วเขียว เห็น สาหร่าย ผำและแมลง 
3.โครงการส่งเสริมการลงทุนเทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรมMade In Thailand 
4.โครงการส่งเสริมสตาร์ทอัพเกษตรและเอสเอ็มอี.เกษตร
5.โครงการความร่วมมือด้านการวิจัยและพัฒนาอุตสาหกรรมเกษตรระหว่าง สวก. ศูนย์เทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรม (AIC)และสถาบันอุตสาหกรรมเพื่อการเกษตรของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย 
6.โครงการมหานครผลไม้และการพัฒนาอุตสาหกรรมผลไม้ และ โครงการ Eastern Thailand Food Valley
7.โครงการส่งเสริมการลงทุนและพัฒนาสินค้าเกษตรและอาหารมาตรฐานฮาลาล
8.โครงการSmart Agriculture Industry(SAI in the City)โดยร่วมมือระหว่าง ส.อ.ท. กระทรวงเกษตรฯ และมหาวิทยาลัเกษตรศาสตร์(บางเขน)เพื่อพัฒนาเป็นโมเดลการพัฒนาระดับพื้นที่ (Area based development) ภายใต้ BCG model ให้แล้วเสร็จภายในเดือนพฤศจิกายนปีนี้และจะเป็นไฮไลท์ของการประชุมเอเปค(APEC)ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพเพื่อแสดงศักยภาพของอุตสาหกรรมเกษตรของไทย จากนั้นจะขยายโครงการไปทุกจังหวัด
9.โครงการสนับสนุนการจำหน่ายและบริโภคผลไม้ในฤดูกาลผลิตผลไม้ปี 2565 โดยส.อ.ท.ให้การสนับสนุนในเบื้องต้นเป็นทุเรียน2,000ตันและมัวคุด500ตัน
10.การฟื้นฟูและพัฒนาอุตสาหกรรมกุ้ง สินค้าประมงและปศุสัตว์ รวมทั้งระบบความเย็น(Cold Chain system)
11.ความร่วมมือเพื่อสร้างโอกาสร่วมกันในวาระการเดินทางเยือนซาอุดีอาระเบียของคณะผู้แทนของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยในระหว่างวันที่ 15-19 พฤษภาคม 2565โดยเน้นประเด็นการร่วมลงทุนอุตสาหกรรมเกษตรและการขยายการส่งออก

นายกฯ กล่าวถ้อยแถลง ย้ำการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน สนับสนุนการสร้าง “อาเซียนสีเขียว” อย่างยั่งยืนและสมดุล ลั่น “เราหมดเวลาสำหรับความล้มเหลวแล้ว”

เมื่อวันที่ 14 พ.ค. 65 ที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐอเมริกา นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงข่าวว่า เมื่อวันที่ 13 พ.ค.65 เวลา 13.30 น. ตามเวลาท้องถิ่นประเทศสหรัฐอเมริกา ณ กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ร่วมกล่าวถ้อยแถลงในการหารือระหว่างผู้นำอาเซียนกับนางคามาลา เดวี แฮร์ริส รองประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา และและผู้แทนระดับสูงสหรัฐฯ ได้แก่ นายจอห์น เคอร์รี (John Kerry) ผู้แทนพิเศษของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมสหรัฐฯ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานสหรัฐฯ และผู้อำนวยการสำนักงานคุ้มครองสิ่งแวดล้อมสหรัฐฯ ในประเด็นการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด และโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืน 
 
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยินดีที่ได้มีโอกาสร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเพื่อย้ำความมุ่งมั่นร่วมกันของอาเซียนกับสหรัฐฯ ในการดำเนินการด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งเป็นภารกิจที่ต้องร่วมกันทำให้สำเร็จเพื่อโลกใบนี้และอนาคตของลูกหลานของทุกคน โดยอาเซียนเป็นหนึ่งในภูมิภาคที่มีความเปราะบางสูงต่อผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ จึงต้องพยายามอย่างเต็มที่ในการส่งเสริมความร่วมมือเพื่อนำไปสู่การมีสภาพภูมิอากาศที่ยั่งยืน และชุมชนที่มีภูมิต้านทาน โดยกำหนดเป้าหมายร่วมกันต่าง ๆ อาทิ การเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานหมุนเวียน เป็นร้อยละ 23 ภายในปี ค.ศ. 2025 และเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการแสดงถึงการสนับสนุนความมุ่งมั่นของภูมิภาค และของโลกในเรื่องดังกล่าว ไทยได้ประกาศเป้าหมายในการประชุม COP26 ที่เมืองกลาสโกว์ จะบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี ค.ศ. 2050 และบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในปี ค.ศ. 2065 หรือก่อนหน้านั้น ซึ่งจะพลิกโฉมประเทศไทยสู่สังคมคาร์บอนต่ำอย่างแท้จริง

‘อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์’ ย้ำชัด เชื่อผลสำรวจจาก ‘นิด้าโพลล์’ เท่านั้น ชี้ เป็นการสำรวจที่ใช้การสุ่มตัวอย่างที่มีมาตรฐาน

ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ อาจารย์ประจำคณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า Strategic vote ผมไม่ได้ฟังเสียงใคร ผมฟังผลโพลล์ เพียงอันเดียวคือนิด้าโพลล์ ซึ่งใช้การสุ่มตัวอย่างที่มีมาตรฐานคือ random digit dial สร้าง master sample แล้วสุ่มอย่างง่ายจาก master sample อีกครั้งแล้วโทรเข้าโทรศัพท์มือถือ สำรวจข้อมูล โพลล์อื่นผมไม่คิดว่ามี sampling plan ที่ดีเท่านี้

‘ศรายุทธ ตันเถียร’ ผู้พลิกฟื้นอุทยานทางทะเล หัวหน้าอุทยานคนแรก ที่ใช้เวลาเพียง 2 ปี แต่เก็บรายได้เข้ารัฐกว่า 2 พันล้านบาท

เพจ Open Up ได้เล่าเรื่องราวของชายคนหนึ่งที่มีชื่อว่า ‘ศรายุทธ ตันเถียร’ หัวหน้าอุทยานคนแรกที่สามารถทำรายได้เข้าประเทศไทยมากถึง 2 พันล้านบาท เปลี่ยนประวัติศาสตร์ของวงการอุทยานแห่งชาติไทยไปตลอดกาล โดยระบุว่า 

เรื่องราวนี้เริ่มขึ้นเมื่อ เดือนกรกฎาคม 2558 หัวหน้าอุทยานคนหนึ่ง ถูกย้ายมาปฏิบัติหน้าที่ในอุทยานทางทะเลที่ได้ชื่อว่าโหดหินที่สุด มีปัญหาไปหมดทุกอย่าง และเป็นอุทยานที่เก็บเงินรายได้ ได้น้อยมากเมื่อเทียบกับจำนวนนักท่องเที่ยว ซึ่งหัวหน้าอุทยานที่ต้องแก้ไขปัญหาก็คือ ‘ศรายุทธ ตันเถียร’

เพื่อน ๆ เชื่อมั้ยครับว่าในวันแรกที่ ‘ศรายุทธ ตันเถียร’ ถูกย้ายมาปฏิบัติหน้าที่ มีเรือยาง 1 ลำ มีทุ่นจอดเรือ 8 ลูก มีเรือขออนุญาตในระบบเพียง 90 ลำ แต่ผู้ชายคนนี้ต้องการเพียงแค่ เรือยาง 1 ลำ ในการพลิกฟื้นทะเลกระบี่ จับกุมผู้กระทำผิดอย่างต่อเนื่อง เช่น การจับสัตว์น้ำผิดกฎหมาย ผู้ประกอบการทำผิดกฎ นักท่องเที่ยวทำร้ายธรรมชาติ ฯลฯ จนจำนวนสถิติพุ่งถึง 1 พันครั้ง

เจ้าคณะตำบล แนะ นักข่าวช่องดัง กลับมาขอขมา ‘หลวงปู่แสง’ ใหม่ หลังพบใช้พานเทียนแพอวมงคล ที่ใช้ในงานศพ เชื่อ จะทำให้ชีวิตกลับมาดีขึ้น

จากกรณีที่ ผู้สื่อข่าวหญิงช่องดัง โร่ขอขมากราบรูป “หลวงปู่แสง ญาณวโร” ที่หน้าประตูวัดทางเข้าวัดหลวงปู่ ท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมาอย่างไม่ขาดสาย รับสารภาพผิดที่ล่วงเกินหลวงปู่ขณะทำข่าวร่วมกับหมอปลาที่ผ่านมา ยอมรับว่าสิ่งที่ทำนั้น ไม่ถูกต้อง พร้อมแจงว่า คำพูดที่พูดไป ต้องการสะท้อนไปถึงพระเลขาที่ไม่ให้เกียรติ ไม่ได้ตั้งใจที่จะล่วงเกินหลวงปู่แสงแต่อย่างใด จากนั้นลูกศิษย์หลวงปู่แสง ได้ส่งตัวแทนเข้ามารับทราบเรื่องที่เกิดขึ้น ระบุว่าจะเรียนให้หลวงปู่พิจารณาให้อภัย ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุดเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม พระครูกมลวัฒนาทร (มนู ประชานันท์) เจ้าคณะตำบลโพนเมืองน้อย (ธ) มีเขตดูแล 9 ตำบล เจ้าอาวาสวัดป่าทองสมรรัตนาราม ต.รัตนวารี อ.หัวตะพาน จ.อำนาจเจริญ กล่าวว่า จากการที่โยมนักข่าวผู้หญิงช่องดัง ช่องหนึ่ง ได้นำพานขอขมาไปขอขมาหลวงปู่แสง ที่วัดหลวงปู่แสงวัดอรัญญาวิเวก ที่บ้านไก่คำ ตำบลไก่คำ อำเภอเมือง จังหวัดอำนาจเจริญ หลังใช้วาจาและพฤติกรรมที่ไม่ดีกับหลวงปู่แสง ในขณะที่ไปร่วมทำข่าวกับคณะของหมอปลา ที่อำเภอป่าติ้ว จังหวัดยโสธร ที่ผ่านมานั้น

โยมนักข่าวหญิงคนนี้ นำพานเทียนมาขอขมา มาขอขมาหลวงปู่แสงไม่ถูกต้อง คือนำพานเทียนที่ไปขอขมาในงานศพ หรือผีตาย ซึ่งเขาเรียกว่า พานเทียนแพอวมงคล “ดูง่ายๆจะมีเทียนวางไว้บนธูป ซึ่งเอาไว้ในการนำไปขอขมาศพที่ตายแล้ว ส่วนที่ถูกต้องนั้น ต้องใช้พานเทียนแพที่จัดวางธูปไว้บนเทียน ซึ่งเป็นของที่ใช้ในงานมงคลทั่วไปทุกงาน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top