Monday, 28 April 2025
ค้นหา พบ 47704 ที่เกี่ยวข้อง

สงครามกลางเมือง!! ประตูแห่งการเลี่ยงคุกของนักการเมืองคดีอ่วม

ต่อให้เห็นต่างกันแค่ไหน ต่อให้มีม็อบกันกี่รอบ หรือกี่ครั้งยังไง
.

แต่เชื่อว่าตอนนี้ คนไทยน่าจะไม่ต้องการเห็นสิ่งที่เรียกว่า ‘สงครามการเมือง’ ในรูปแบบของม็อบชนม็อบที่อาจจะเกิดขึ้นอีกครั้งแบบวันประชุมรัฐสภาที่เกียกกาย
.

อย่างไรก็ตาม หากสังเกตให้ดี จะพบว่าเริ่มมีการกำหนดเป้าหมายในการเคลื่อนไหว ที่สะท้อนความพยายามแบบยั่วยุปลุกปั่นจากม็อบราษฎรออกมาสารพัดแนวมากขึ้น ซึ่งทุกๆ ครั้งก็ทวีความดุเดือดจนเริ่มทำให้ประชาชนอีกฟากที่เห็นต่างเริ่มเกิดความไม่พอใจ 
.

...และก็หวังที่จะให้เกิดความรุนแรงแบบ ‘ม็อบชนม็อบ’ 
.

พอเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้น ‘นักการเมืองบางกลุ่ม’ ที่มีคดีรอให้ขาก้าวเข้าตาราง ก็อาจจะหยิบยกมาเป็นข้ออ้างในการขอลี้ภัยไปต่างประเทศ เพื่อหลบหนีคดีอาญาต่างๆ ได้โดยง่าย
.

เรื่องนี้ก็เป็นประเด็นที่น่าขบคิด หลังจาก ทิพานัน ศิริชนะ อดีตรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ออกมากล่าว โดยอิงกรณีที่ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้าออกมาระบุถึงการทำนำมาตรา 112 มาบังคับใช้เป็นการราดน้ำมันบนกองไฟของสถานการณ์ต่อจากนี้
.

ทิพานัน มองว่า “พฤติกรรมนี้มาจากกลุ่มบุคคลที่คอยฉกฉวยผลประโยชน์จากการชุมนุม โดยเฉพาะการวางแผนให้กลุ่มผู้ชุมนุม เคลื่อนไหวไปในสถานที่ที่เป็นสัญลักษณ์และการแสดงออกที่เข้าข่ายคุกคาม อาฆาตมาดร้ายต่อสถาบันและฝ่ายตรงข้าม ซึ่งส่งผลให้กลุ่มประชาชนผู้จงรักภักดี เกิดความไม่สบายใจ และทนไม่ไหว ไม่ได้มีอะไรที่เกี่ยวกับการนำประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 มาบังคับใช้ นายธนาธรจึงไม่ควรเบี่ยงเบนประเด็นไปใส่ร้ายว่ามาตรา 112 เป็นชนวนเหตุ เช่นเดียวกับที่นายธนาธรมักจะอ้างว่าถูกกลั่นแกล้งทางการเมือง ทั้งที่นายธนาธรรู้ตนเองดีว่ากระทำผิดกฎหมายในการถือครองหุ้นสื่อ ให้เงินกู้ผิดกฎหมายกับพรรค”
.

ฉะนั้นเกมนี้ หากจะเป็นการเปิดศึก เพื่อกรุยทางให้รอดจากคดีส่อคุกที่ติดตัว มันก็มีความเป็นไปได้ทั้งหมดเหมือนกัน เพียงแต่คนที่เจ็บตัว จะรู้หรือไม่ว่า พวกเขาทำไปเพื่อใคร?
.

แน่นอนว่านาทีนี้กระแสสังคมในโลกโซเชียลไม่ต้องการให้เกิดการเผชิญหน้า เรียกว่า ‘ไม่เอาทุกม็อบ’ และพยายามเตือนให้กลุ่มประชาชนปกป้องสถาบันอยู่ในที่ตั้ง ไม่ออกมาเคลื่อนไหว เพราะเสี่ยงอาจมีผู้ไม่หวังดี สร้างสถานการณ์ 
.

ที่สำคัญคณะกรรมการสมานฉันท์ เป็นกลไกในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งทางทางการเมืองกำลังเริ่มเดินหน้า โดยมีการประกาศโครงสร้างของคณะกรรมการออกมาแล้ว ซึ่งมี ‘โควต้าตัวแทนของกลุ่มผู้ชุมนุม’ ด้วย 
.

ฉะนั้นหากมีกลไกที่ถูกต้องแล้ว ควรยุติความขัดแย้งด้วยกระบวนการเจรจาจะเป็นผลดีต่อประเทศชาติและประชาชนมากกว่า...

แปลงโฉม 'คลองโอ่งอ่าง' ยุค 2020

ใคร ๆ ก็พุ่งตัวไป 'คลองโอ่งอ่าง' กันช่วงนี้ เพราะเป็นแหล่งเดินเที่ยวใหม่ล่าสุดกลางกรุงเทพฯ เหมาะแก่การมาเดินเที่ยวเล่นชมทิวทัศน์คลอง ถ่ายภาพอาคารเก่า สตรีทอาร์ต สะท้อนภาพเก่าในยุคใหม่ และแวะชิมของอร่อยเจ้าเก่าแก่ ตั้งแต่กุ้ยช่ายสะพานหัน ยำโดเรม่อน ข้าวแกงแม่อ้อน ฯลฯ 

คลองโอ่งอ่าง เป็นส่วนหนึ่งของคลองรอบกรุง ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานซึ่งถือเป็นสมบัติของชาติ และเป็นพื้นที่ที่ใครต่อใครจะได้ใช้ประโยชน์ร่วมกัน กทม.ได้พื้นที่นี้คืนมาจากผู้ค้าสะพานเหล็กเมื่อปี พ.ศ.2558 และนำมาปรับภูมิทัศน์และเปิดเป็นจุดท่องเที่ยวแห่งใหม่กลางกรุง เสร็จสิ้นเมื่อช่วงเทศกาลลอยกระทง พ.ศ.2563 ที่ผ่านมา ถ้าใครทันยุคเดินเล่นตลาดสะพานเหล็กและคลองถมใกล้ ๆ กันนี้ เปรียบเทียบกับภาพพื้นที่ของคลองปัจจุบันสวยงาม เป็นระเบียบกว่าเก่ามากนัก

คลองโอ่งอ่าง กินพื้นที่ยาวต่อเนื่องตั้งแต่สะพานดำรงสถิตถึงสะพานโอสถานนท์ ในวันนี้ การปรับให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยว ยังไม่ลืมส่งเสริมเอกลักษณ์ของย่าน เหมาะกับการเดินเล่น หรือมาถ่ายรูปกับเพื่อน ๆ ช่วงอากาศเย็นปลายปีแบบนี้ ว่าแต่คลองโอ่งอ่างยุคใหม่ไฉไลกว่าเดิมมีมุมไหนน่าสนใจบ้าง ตาม The States Times มาได้เลย...

.

งานศิลปะบนกำแพงสองฟากช่วงต้นของคลองโอ่งอ่าง (ช่วงสะพานภานุพันธ์ถึงสะพานดำรงสถิต) ดึงดูดด้านการท่องเที่ยวให้ย่านนี้งดงาม น่าสนใจ ส่วนหนึ่งของปรับภูมิทัศน์ในชุมชนย่านคลองโอ่งอ่างให้สวยงามขึ้นด้วยผลงานศิลปะโดยสะท้อนอัตลักษณ์และวัฒนธรรมของชุมชน โดยมีศิลปินร่วมสมัย ศิลปินกราฟิตี้ และศิลปินสตรีทอาร์ตระดับแนวหน้าของเมืองไทย ทั้ง ALEX FACE/ BIGDEL/ PAKORN & ASIN/BONUS TMC/ MAUY & MSV/ อะไหล่/JOKER EB และศิลปินกลุ่ม Happening

.

.

ภาพสตรีทอาร์ทบริเวณกำแพงทางเดินริมคลอง ที่บอกเล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์ย่านนี้จากอดีตสู่ปัจจุบัน

.

.

กราฟิตี้ สตรีทอาร์ต หนึ่งในการสื่อสารสะท้อนความจริงของศิลปะสมัยใหม่ เมื่อได้อวดฝีมือเป็นส่วนหนึ่งของการนำเสนอโลกอดีตและปัจจุบัน ภาพจึงสมบูรณ์ในตัวมันเอง ไม่แปลกแยก และไม่ต้องคอยหลบเลี่ยงเพื่อสร้างสรรค์อีกต่อไป

.

.

สายกราฟิตี้และสตรีทอาร์ท ย่อมรู้ดีว่าภาพนี้เป็นผลงานของ ALEX FACE ใครที่ผ่านมาเดินเล่น ไม่ว่าจะพกกล้องเอสแอลอาร์ตัวโต หรือกล้องจากมือถือ ก็จะต้องถ่ายรูปผลงานชิ้นนี้แทบทุกคน

.

.

ความไร้ระเบียบ หรือ ไม่สมบูรณ์ในศาสตร์อื่น กลายเป็นความลงตัวของการสร้างผลงาน คู่กับถิ่นอาศัย บ้านเล็ก ๆ หลังนี้จึงดูงามแปลกตา ไปกว่าแค่ต้องมีของหรู ราคาสูง ไม่เชื่อต้องแวะไปชมด้วยตา

.

.

เมื่อชมคลองโอ่งอ่างจากบนสะพานหันยามค่ำ จะเห็นฉากของความสุขสงบ สวยงาม ของวิถีริมน้ำ ที่ปรับภูมิทัศน์ให้กลายเป็นร่วมสมัย ในทุก ๆ ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ มีตลาดนัดถนนคนเดิน ที่นี่จะคึกคึกเป็นพิเศษ ถ้าหนาวแล้วจะดีมาก

.

.

ตรอก ตึก ในย่านคลองโอ่งอ่าง กลางวันก็สวย กลางคืนก็งาม จะถ่ายภาพกับคน หรือถ่ายภาพโครงสร้างและสถานที่ ก็สุดแต่คุณจะสร้างสรรค์

.

.

ไม่ได้มีดีแค่ทิวทัศน์ เพราะย่านนี้มีร้านขายหมูแผ่น หมูหยอง กุนเชียง ที่ ปึง ฮั่ว เฮียง และอีกสองสามร้านในตลาดย่านนี้ ยังคงตั้งหน้าตั้งเตาปิ้งและทำกันสด ๆ ทุกวัน

.

.

อีกหนึ่งไฮไลท์ในตรอกของตลาดสะพานหัน มี 'ร้านยำโดเรม่อน' อายุกว่า 30 ปี เป็นยำรวมมิตรที่ใส่เครื่องสารพัดอย่างทั้งวุ้นเส้น ผัดกระเฉด ยอดมะพร้าว กุ้ง หมูสับ ปลาหมึก มากมายคล้ายกระเป๋าวิเศษของ 'โดราเอม่อน' การ์ตูนชื่อดัง ลูกค้าที่มากินจำง่ายขึ้นใจจนถึงทุกวันนี้ ยังไม่หมดแค่แมวอ้วนสีฟ้า แต่ยังมียำชื่อ 'ฮาโตริ' 'อิคคิวซัง' อีกด้วย อยากรู้ว่าอะไรเป็นอะไร ต้องไปชิมให้ได้ทุกเมนูปรุงเตาถ่าน จานต่อจาน นี่แหละเสน่ห์ และอย่ามาให้เย็นนัก เพราะเขาปิด 16.00 น. กินแล้วค่อยไปเดินเที่ยวยังทัน

.

.

อีกร้านที่ไม่ลองกิน เหมือนมาไม่ถึงคลองโอ่งอ่าง กุ้ยช่ายสะพานหัน ความอร่อย 50 ปี รุ่นต่อรุ่น การันตี ทุกไส้ เผือก มันแกว ผักกุ้ยช่าย ฯลฯ หรือจะแบบตอกไข่ ก็เด็ดหมด สั่งมาก ๆ มาลองชิมหลายคน สนุก อร่อย ไม่พูดเยอะนะ เดี๋ยวกินไม่ทันเพื่อน

.

.

'เมก้า พลาซ่า' ศูนย์รวมของเล่น โมเดล และโลกแห่งความสนุกของหนุ่ม ๆ ห่างจากคลองโอ่งอ่างมา 200 - 300 เมตร ต้องทำใจแข็งมาก ๆ ไม่งั้นกระเป๋าฉีก เพราะอยากได้ไปหมดทุกชิ้น ทุกร้าน

.

.

.

'ศาลนาจา' ไม่ต้องไปไกลถึง จีน ฮ่องกง หรือ อ่างศิลา จ.ชลบุรี ที่หน้าห้างเมก้าพลาซ่า ก็มีศาลเทพ 'หน่าจาซาไท้จื้อ' เทพจีนที่บูชาขอพรเรื่องโชคลาภ ความก้าวหน้า ความแข็งแรง 

.

.

วันจันทร์ - วันพฤหัสบดี ภาพคลองโอ่งอ่างจะสวยสงบ แต่ก็มีสีสันช่วงตกกลางคืน ที่มีการประดับประดาแสงไฟสวยงาม ส่วนวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ช่วงนี้ เปิดเป็นถนนคนเดิน มีผู้คนมาเดินคึกคัก มีร้านค้า การแสดง และการแต่งคอสเพลย์ อยากได้อารมร์ชิลๆ ก็มาวันธรรมดา แหรืออยากคึกตักก้มาสุดสัปดาห์กันได้ จะเป็นคลองสวยเหงา ๆ แต่ภาพตลาดคลองโอ่งอ่างอีกซีนในช่วงค่ำ ของ วันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์

.

การเดินทาง ไม่ยาก โดยสารรถไฟฟ้าใต้ดิน สถานีสามยอด ทางออก 1 เพียงเดินข้ามถนนมายังคลองโอ่งอ่างราว 200 เมตร ก็ถึงแล้ว


เรื่อง พล / ภาพ ณัฐวริทธิ์

 

เมื่อแกรมมี่ปิด และอาร์เอสเปิด

ในรอบสัปดาห์นี้ มีข่าวของค่ายยักษ์ใหญ่วงการบันเทิงเมืองไทย ฝั่งหนึ่งค่ายอโศก ‘จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ’ ประกาศปิดบริษัท จีเอ็มเอ็ม แชนแนล จำกัด มีผลให้ช่อง GMM 25 หยุดกิจการลง ในทางกลับกัน ด้านค่ายลาดพร้าว (ปัจจุบันย้ายไปเลียบด่วนฯ) ‘อาร์เอส กรุ๊ป’ ก็ประกาศหวนคืนสู่ธุรกิจเพลงแบบเต็มตัวอีกครั้ง หลังจากไปอีคอมเมิร์ชเสียนาน พร้อมคืนชีพค่ายเพลงเก่า เดินหน้าทวงบัลลังก์เจ้าแห่งยุทธจักรเพลงไทย และอย่างที่รู้กันดีว่า ทั้ง 2 อาณาจักรนี้เป็นคู่รักคู่แค้น เอ้ย! คู่แข่งทางธุรกิจกันมายาวววววนาน งานนี้เจ้าที่ปิดจะเดินหมากต่อไปอย่างไร ส่วนเจ้าที่เปิดจะลุยเวทีเดิมได้ดีแค่ไหน ปตต.โปรดติดตาม!

เรือโดยสารไฟฟ้าสายแรกในประเทศไทย

เปิดบริการล่ะจ้า!!

 

กำลังพูดถึง ‘เรือโดยสารไฟฟ้า’ สายแรกในประเทศไทย ไทย ไทย! เป็นไง เล่นใหญ่รัชดาลัยกันไปเล้ย! วันนี้เป็นวันแรก 27 พ.ย. 63 ที่เรือโดยสารไฟฟ้าจะให้บริการตลอดเส้นทางคลองผดุงกรุงเกษม

 

โดยรายละเอียดของเรือโดยสารไฟฟ้านี้ เป็นเรือที่ใช้พลังงานไฟฟ้าแบบ 100% มีขนาดความยาว 9.90 เมตร กว้าง 2.98 เมตร ใช้เครื่องยนตร์ขนาด 10 กิโลวัตต์ จำนวน 2 เครื่อง เทียบเท่าเครื่องยนตร์แรงม้า 20 แรงม้า รวมทั้งมีแบตเตอรี่ทำความเร็วได้สูงสุด 17 กม./ชม. โดยชั่วโมงการทำงานต่อการชาร์จแบตเตอรี่เต็ม 1 ครั้ง สามารถให้บริการได้นาน 4 ชั่วโมง รองรับผู้โดยสาร 30 ที่นั่ง แถมยังจัดพื้นที่รองรับผู้โดยสารที่ใช้วีลแชร์ได้ 1 คัน นอกจากนี้บนหลังคาเรือยังมีแผงโซลาร์เซลล์ 12 แผง เพื่อใช้ผลิตกระแสไฟฟ้าในระบบส่องสว่างภายในเรืออีกด้วย

 

ส่วนเส้นทางเดินเรือนั้นก็น่าสนใจ เพราะมีทั้งหมด 11 ท่า ได้แก่ ท่าเรือสถานีรถไฟหัวลำโพง ท่าเรือหัวลำโพง ท่าเรือนพวงศ์ ท่าเรือยศเส ท่าเรือกระทรวงพลังงาน ท่าเรือแยกหลานหลวง ท่าเรือนครสวรรค์ ท่าเรือราชดำเนินนอก ท่าเรือประชาธิปไตย ท่าเรือเทเวศร์ และท่าเรือตลาดเทวราช รวมระยะทาง 5 กม.

 

เรือโดยสารไฟฟ้านี้สามารถเชื่อมต่อระบบขนส่งสาธารณะได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว มีจุดเชื่อมต่อการเดินทาง จำนวน 4 จุด ได้แก่ จุดที่ 1 ต่อเรือด่วนเจ้าพระยา ที่ท่าเรือตลาดเทวราช จุดที่ 2 ต่อเรือแสนแสบ ที่ท่าเรือกระทรวงพลังงาน จุดที่ 3 ต่อรถไฟชานเมือง ที่ท่าเรือรถไฟหัวลำโพง และจุดที่ 4 ต่อรถไฟฟ้า MRT ที่ท่าเรือสถานีรถไฟหัวลำโพง

 

เรือจะให้บริการในวันจันทร์-วันศุกร์ ตั้งแต่เวลา 06.00-19.00 น. วันละ 39 เที่ยว ความถี่ในการเดินเรือประมาณ 15 นาทีต่อลำ ส่วนวันเสาร์-วันอาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ตั้งแต่เวลา 08.00-19.00 น. วันละ 23 เที่ยว ความถี่ในการเดินเรือประมาณ 30 นาทีต่อลำ โดยเปิดให้บริการฟรีเป็นระยะเวลา 6 เดือน จากนั้นจะเริ่มจัดเก็บค่าโดยสารในอัตราไม่เกิน 10 บาทตลอดสาย

 

นั่งเรือต่อรถไฟ บอกเลยว่า เธอคือคุณครู เอ้ย! เธอคือคนคูลๆ เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกดีๆ แถมยังเป็นพาหนะที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมด้วย คูลเข้าไปอี๊ก! แต่ก็ต้องให้ความใส่ใจเรื่องความปลอดภัยด้วยนะ ไปจ้ะพี่สุชาติ ไปขึ้นเรือกัน!!

 

'นิค วูจิซิค' แรงบันดาลใจจากชายไร้แขน - ขา ผู้นำพา 'กำลังใจ' มาสู่คนทั่วโลก

เวลารู้สึกเหนื่อย ๆ ท้อ ๆ ไม่อยากทำอะไร รู้สึกชีวิตมันไม่เป็นดั่งหวัง แล้วชอบตั้งคำถามกับตัวเองบ่อย ๆ ว่า...ทำไมเราไม่เป็นแบบเขาคนนั้น ทำไมเราไม่รวยแบบเขาคนนี้?

และเชื่อเถอะว่าในยุคที่เรากำลังเจอกับสถานการณ์แย่ ๆ ทั้งโรคระบาด เศรษฐกิจ การเมือง และ Climate Change หลากรูปแบบ มันก็ยิ่งทำให้อดไม่ได้ที่ปล่อยให้ความรู้สึกแบบนี้หลั่งใหลเข้ามาในความคิดแบบทับถม

ใช่เลย 'ความสิ้นหวัง' กำลังเข้ามาเยือนชีวิตเราใกล้มากขึ้น ๆ

แต่ขอโทษที!! ถ้ามองมุมกลับ ทำไมเราไม่เคยคิดลุกขึ้นมาหรือสู้กับความคิดเหล่านี้และผ่านมันไปให้ได้บ้างล่ะ มีเรื่องของชายคนหนึ่งที่อยากจะนำมาแชร์ เขาเป็นคนที่น่าจะสิ้นหวังกับชีวิตยิ่งกว่าเรา ๆ ท่าน ๆ หรือใครในโลก

ชายนั้นชื่อว่า 'นิค วูจิซิค' (Nick Vujicic) นิค เป็นชายที่ไม่มีแขนขามาตั้งแต่เกิด!! เขาเป็นชาวออสเตรเลีย เกิดเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม พ.ศ.2525 (อายุ 38 ปี) โดยพ่อและแม่เป็นชาวเซอร์เบียที่อพยพเข้ามายังออสเตรเลีย

แม่ของนิคมีอาชีพเป็นพยาบาลและเธอก็ดูแลตัวเองมาตลอดช่วงที่ตั้งท้อง แถมตอนตรวจอัลตร้าซาวด์ประมาณ 3 ครั้ง ก็ไม่พบความผิดปกติใด ๆ ในตัวนิคเลยแม้แต่น้อย

จนกระทั่งวันที่นิคเกิด เขาลืมตามองดูโลก มาพร้อมกับร่างกายที่ไม่มีแขนทั้ง 2 ข้าง ขณะเดียวกันเขามีขาสั้นๆ ลีบเล็กเพียงหนึ่งข้างกับนิ้วเท้า 2 นิ้วเท่านั้น อาการนี้เรียกว่า Tetra-amelia disorder เกิดจากความผิดปกติของร่างกายที่ทำให้ผู้ป่วยไม่มีแขนและขา

แล้วรู้ไหมว่า คนที่มีอาการแบบนี้บนโลก มีเพียง 7 คน พูดง่าย ๆ คือ โอกาสที่จะเกิดอาการดัวกล่าวมีเพียง 0.000000092% เท่านั้น แต่นิคก็คือหนึ่งในนั้น

ที่น่าเศร้าในช่วงแรก ๆ หน่อย คือ ตอนที่พยาบาลอุ้มนิคออกมาจากห้องคลอด เพื่อมาให้ผู้เป็นแม่ได้พบนั้น เธอรับไม่ได้และก็ปฏิเสธที่จะอุ้มเขา พ่อและแม่ของนิคเรียกว่าเสียใจอย่างมาก และต่างก็คิดว่านิคคงอยู่ได้ไม่นาน แต่พอหมอได้ตรวจสุขภาพนิค ก็พบว่าเขามีร่างกายที่แข็งแรงดี พวกเขาจึงทำใจยอมรับ และตั้งใจให้นิคได้ใช้ชีวิตปกติเหมือนคนทั่วไป

ทว่าต่อให้สุขภาพนิคจะดีแค่ไหน แต่ด้วยร่างกายที่ผิดปกติ ทำให้ชีวิตในวัยเด็กของนิคลำบากอย่างมาก ไหนจะเกือบอดเข้าเรียน เพราะกฎหมายในออสเตรเลียขณะนั้น ไม่ให้คนพิการเข้าเรียนกับคนปกติ (แต่กฎหมายแก้ตอนหลังให้เรียนด้วยกันได้)

ไหนจะถูกเพื่อนล้อเลียนเป็นประจำ ซึ่งเรื่องนี้แหละที่คนปกติบางทียังทนไม่ไหว แต่นี่เกิดกับเด็กที่พิการอย่างหนัก มันก็อาจจะทำให้หัวใจเปราะบางเอาง่าย ๆ

ครั้งหนึ่งนิคเคยเจอการณ์ที่สร้างความสะเทือนใจให้เขาอย่างมาก เพราะเขาโดนเพื่อนถึง 12 คนรุมแกล้ง และมองเขาเป็นตัวตลก เขาเสียใจและกลับมานั่งคิดว่า การที่เขามีสภาพอยู่แบบนี้ต่อไป มันช่างไร้ความสุข ซ้ำยังเป็นภาระของพ่อและแม่อีก เขาเลยคิดอยากฆ่าตัวตายหลายครั้ง

***แต่โชคดีที่ 'ความรัก' และ 'กำลังใจ' จากพ่อแม่ ได้ทำให้เขาผ่านเรื่องร้าย ๆ พวกนั้นมาได้***

นิคเริ่มเปลี่ยนความคิดใหม่ เขามองว่าแม้ภายนอกจะแตกต่าง แต่ 'ภายใน' (ความคิดและจิตใจ) ของเขานั้นก็เหมือนกับคนทั่วไปทุกอย่าง

หลังจากเรียนจบ (ปริญญา 2 ใบทางด้านบัญชี และด้านการวางแผนการเงินในวัย 21 ปี) เขาจึงตั้งใจอยากจะนำเรื่องราวในชีวิตของเขามาเป็นแรงบันดาลใจให้แก่คนอื่น ๆ ผ่านอาชีพ 'นักพูด' 

เขาตัดสินใจติดต่อไปยังโรงเรียนต่าง ๆ เพื่อไปพูดให้กำลังใจและสร้างแรงบันดาลใจแก่เด็ก ๆ แต่ช่วงแรกนิคก็โดนปฏิเสธจากทุกโรงเรียน แต่จนมาวันหนึ่งเขาก็ได้รับการตอบรับ…

แม้ครั้งแรกที่เขาไปพูดจะมีคนฟังเพียง 10 คน แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เขาท้อ เขายังคงเดินหน้าทำสิ่งที่เขารักมาตลอด จนเขาเป็นที่รู้จักมากขึ้น และสุดท้ายคนจำนวนมากก็ยอมรับในตัวเขา ถึงขนาดยกย่องว่า นิค เป็นหนึ่งในนักพูดที่สร้างแรงบันดาลใจที่ดีที่สุดคนหนึ่งในโลกกันเลยทีเดียว

นิคเริ่มโด่งดังและมีชื่อเสียงถึงขนาดในปี ค.ศ.2009 ได้มีโอกาสไปเล่นหนังเรื่อง 'The Butterfly Circus' ซึ่งหนังเรื่องดังกล่าวได้รับรางวัลหลายรางวัล และในปี ค.ศ.2011 ยังได้ถูกเชิญไปพูดเกี่ยวกับการสร้างแรงบันดาลใจที่ 'World Economic Forum' ซึ่งเป็นการประชุมเศรษฐกิจประจำปี ที่มีผู้นำจากหลายประเทศเข้าร่วมอีกด้วย

แต่ที่น่ายินดีเหนือกว่านั้น คือ เขาเติมเต็มชีวิตได้ด้วยชีวิตคู่…ใช่แล้ว!! ปัจจุบัน นิค แต่งงานและมีลูกกับภรรยาด้วยกัน 4 คน

ตลอดเวลาที่ผ่านมา นิค ได้พยายามแสดงให้หลายคนเห็นว่า ความพิการมันไม่ได้ทำให้ชีวิตคนย่ำแย่ แต่ความท้อแท้ต่างหากที่จะนำปัญหาต่าง ๆ เข้ามาในชีวิต

...ยังมีคนอีกมาก ที่แย่กว่าเรา 

...ยังมีคนอีกมาก ที่อาจจะไม่เคยได้รับโอกาสใด ๆ เลย

และยังมีคนอีกมากที่ยอม 'ล้มลง' ไปดื้อ ๆ เพียงแค่ไม่ได้บางสิ่งบางอย่างตามใจหวัง

เรื่องราวของนิคน่าจะทำให้หลายคนที่กำลังนำความทุกข์เข้ามาในชีวิต เพราะความ 'อยากได้อยากมี' และการ 'ไขว่คว้า' บางสิ่งบางอย่างที่มากเกินความเป็นจริงของชีวิต อาจจะไม่ใช่คำตอบ 

กลับกันขอแค่ได้ลองสัมผัสกับความสุขที่ 'พอเพียง' ในแบบที่คุณและคนข้าง ๆ ยิ้มและหัวเราะไปด้วยกันได้โดยไม่ต้องแสวงหาสิ่งที่เกินตัว

.

แค่นี้ก็น่าจะเพียงพอแล้วมั้ง…

 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top