Sunday, 27 April 2025
ค้นหา พบ 47702 ที่เกี่ยวข้อง

สก็อตแลนด์แจกผ้าอนามัยฟรีเป็นชาติแรกของโลก

สาวสก็อตแลนด์เฮ เมื่อรัฐบาลสก็อตแลนด์เตรียมแจกผ้าอนามัยฟรีทั่วประเทศ หลังจากที่สภาสก็อตแลนด์ได้ผ่านร่างกฎหมายผ้าอนามัยแห่งชาติ ที่เรียกว่า The Period Products (Free Provision) (Scotland) Act เมื่อวันอังคารที่ 24 พฤศจิกายน 2020 ที่ผ่านมา โดยกำหนดให้รัฐบาลสก็อตแลนด์ต้องจัดเตรียมผ้าอนามัย ที่ได้มาตรฐาน ในหลากหลายรูปแบบตามความพึงพอใจของผู้ใช้งาน ให้กับสุภาพสตรีทุกคนที่สามารถเข้าถึงได้ง่าย โดยไม่มีค่าใช้จ่าย

 

ร่างกฎหมายนี้ จะทำให้สก็อตแลนด์เป็นชาติแรกของโลกที่รัฐบาลมีมาตการแจกผ้าอนามัยฟรีให้กับประชาชน

 

ต้นกำเนิดของร่างกฏหมายฉบับนี้ มาจากการผลักดันของ โมนิก้า เลนนอน สส. พรรคแรงงานสก็อตแลนด์ ที่เห็นว่าการขาดแคลนผ้าอนามัยเป็นส่วนหนึ่งของอุปสรรคในการใช้ชีวิตของผู้หญิง ที่อาจทำให้ขาดโอกาสในช่วงเวลาที่สำคัญ และเป็นสิ่งที่รัฐบาลต้องดูแลเพื่อส่งเสริมสวัสดิการของสตรี

 

โมนิก้า เลนนอน ได้เริ่มแคมเปญเพื่อผลักดันร่างกฏหมายผ้าอนามัยแห่งชาติในสก็อตแลนด์มาตั้งแต่ปี ค.ศ. 2016 โดยชี้ให้เห็นว่า ผู้หญิง สก็อตแลนด์ 1 คน โดยเฉลี่ยจะต้องใช้ผ้าอนามัยติดต่อกันเป็นเวลา 5 วัน คิดเป็นค่าใช้จ่ายต่อเดือนไม่น้อยกว่า 8 ปอนด์ (ประมาณ 320 บาท)

 

นั่นยังไม่นับรวมค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่ต้องเสียในช่วงที่มีรอบเดือน เช่น ยาแก้ปวด กระดาษชำระ ค่าใช้จ่ายในการทำความสะอาด และโดยเฉลี่ยผู้หญิงจะต้องมีรอบเดือนถึง 450 ครั้งในช่วงชีวิต และมีค่าใช้จ่ายเป็นเบี้ยหัวแตกแบบนี้ทุกเดือน ซึ่งค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ไม่ใช่ว่าผู้หญิงสก็อตแลนด์จะสามารถจ่ายได้ทุกคน ด้วยเหตุผลด้านเศรษฐกิจ และภาระค่าใช้จ่ายอื่นๆ

 

และทำให้ผู้หญิงสก็อตแลนด์บางคน ยอมเลือกใช้ผ้าอนามัยที่มีราคาถูกแต่คุณภาพต่ำ หรือนักเรียนหญิงบางคนเลือกที่จะขาดเรียนในช่วงที่มีรอบเดือน หรืออาจต้องพลาดโอกาสบางอย่าง หากเกิด accident รอบเดือนมาในวันนั้น แต่ไม่สามารถหาซื้อผ้าอนามัยมาใช้ได้ และก็มีหลายคนที่ไม่กล้าเดินไปซื้อผ้าอนามัยกับคนขายที่อาจเป็นผู้ชาย ซึ่งถือเป็นปัญหาความยากจนในการเข้าถึงสาธารณสุขอย่างหนึ่ง

 

แม้ในปัจจุบัน ที่สก็อตแลนด์ ตามสถานศึกษาตั้งแต่ชั้นประถม จนถึงมหาวิทยาลัย จะมีผ้าอนามัยให้สำหรับนักศึกษาอยู่แล้ว สามารถเข้ามารับได้ทันทีที่ต้องการ แต่ทั้งนี้ก็เป็นเพียงบริการพิเศษ ไม่ใช่ข้อบังคับ

 

ด้วยเหตุนี้ สส. โมนิก้า เลนนอน จึงพยายามที่จะผลักดันให้เกิดร่างกฏหมายผ้าอนามัยแห่งชาติ เพื่อให้รัฐบาลต้องจัดสรรงบประมาณสำหรับผ้าอนามัย ให้กับผู้หญิงชาวสก็อตแลนด์ทุกคน สามารถเข้าถึงสวัสดิการเรื่องผ้าอนามัย โดยไม่มีค่าใช้จ่ายได้อย่างเท่าเทียม ส่วนงบประมาณที่รัฐบาลสก็อตแลนด์ต้องจัดสรรผ้าอนามัยในแต่ละปี อยู่ที่ราวๆ 24 ล้านปอนด์ (ประมาณ 960 ล้านบาท)

 

หลังจากที่ร่างกฎหมายผ้าอนามัยแห่งชาติผ่านสภา โมนิก้า เลนนอน และกลุ่มผู้สนับสนุนก็ออกมาประกาศชัยชนะ ที่สก็อตแลนด์จะเป็นชาติแรกที่ผู้หญิงสามารถก้าวข้ามความยากจนในช่วงวันนั้นของเดือนได้อย่างมีศักดิ์ศรี

 

ก็ถือเป็นนโยบายดีๆ ของสาวชาวสก็อต ที่ต่อไปจะไม่หวั่นแม้วันมามาก ไปไหนก็มั่นใจ เพราะจะมีผ้าอนามัยสำรองให้ทุกที่ที่ไป ทั่วประเทศ ถ้าบ้านเราจะมีสวัสดิการแบบนี้บ้างก็น่าจะดีนะคะ

 

แหล่งข่าว

 

-The Guardian

https://www.theguardian.com/uk-news/2020/nov/24/scotland-becomes-first-nation-to-provide-free-period-products-for-all

 

-Huffington Post

https://www.huffingtonpost.co.uk/2015/09/03/women-spend-thousands-on-periods-tampon-tax_n_8082526.html?guccounter=1

 

-BBC

https://www.bbc.com/news/uk-scotland-scotland-politics-51629880

ดีเอโก้ มาราโดน่า กับ 5 เรื่องราวในความทรงจำนักเตะมหัศจรรย์ของโลก

วันนี้คงเป็นวันที่แฟนฟุตบอลมากมายต่างรู้สึกใจหาย เมื่อได้ทราบข่าวการจากไปของ  ‘ดีเอโก้ มาราโดน่า’ หนึ่งในตำนานหมายเลข 10 ของโลก The States Time Lite ขอรวบรวม 5 เรื่องราวที่ทำให้แฟนบอลต้องจดจำนักเตะมหัศจรรย์คนนี้มาบอกกัน

 

1 ช็อตเลี้ยงหลบนักเตะอังกฤษในฟุตบอลโลก 1986: ใครที่เกิดทัน หรือไม่ทันลองเซิร์ชในยูทูบ ลองตามไปดูแมทซ์ที่มาราโดน่า นำทีมชาติอาร์เจนติน่า พบกับทีมชาติอังกฤษ ในฟุตบอลโลก 1986 รอบ 8 ทีมสุดท้าย มีอยู่จังหวะหนึ่งที่มาราโดน่ากระชากบอลลากเลื้อยหลบนักเตะอังกฤษ จากคนแรกไปคนที่สอง ไปคนที่สาม คนที่สี่ แล้วสุดท้ายก็ยิงประตู ถือเป็นช็อตมหัศจรรย์แห่งความทรงจำ ที่ไม่ได้ทำกันง่ายๆ แต่ผู้ชายคนนี้ทำได้!

 

2 หัตถ์พระเจ้า: ถ้าจะหาจังหวะในเกมฟุตบอลที่เป็นที่จดจำ และยังถูกพูดถึงมาจนถึงทุกวันนี้ ต้องเป็นเหตุการณ์ในแมทซ์อาร์เจนติน่าพบอังกฤษ ในฟุตบอลโลก 1986 เช่นกัน มันเป็นจังหวะที่มาราโดน่าตั้งใจจะกระโดดโหม่งบอล แต่มีปีเตอร์ ชิลตัน ผู้รักษาประตูของอังกฤษ กระโดดขึ้นไปบล็อกไว้ด้วยเช่นกัน ซึ่งความสูงของมาราโดน่าเพียงน้อยนิด ยังไงก็โหม่งไม่ถึง ไม่มีทางส่งบอลเข้าประตูแน่นอน แต่เขากลับทำในสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิด ใช้จังหวะฉาบฉวยเอามือยื่นไปชกลูกบอลเข้าประตูไป แถมกรรมการก็ให้ลูกนั้นเป็นประตูอีกด้วย ซึ่งต่อมาภายหลัง มาราโดน่าออกมาให้ข่าวว่า เขาไม่ได้ใช้มือทำประตูนะลูกนั้น แต่นั่นมันคือ ‘หัตถ์ของพระเจ้า’ ประโยคนี้ได้กลายเป็นประโยคในตำนานมาจนถึงวันนี้

 

3 ช็อตเสียน้ำตาของมาราโดน่า: หลังจากที่พาทีมชาติอาร์เจนติน่าได้แชมป์โลกในปี 1986 หลังจากนั้นอีก 4 ปี มาราโดน่าก็ได้นำทีมฟ้าขาวกลับมาป้องกันแชมป์อีกครั้งในศึกฟุตบอลโลกที่ประเทศอิตาลี แต่ว่าเริ่มต้นได้ไม่ค่อยดีนัก แต่สุดท้ายเขาก็พาอาร์เจนติน่าเข้าไปถึงรอบชิงชนะเลิศจนได้ แถมยังได้มาล้างตากับทีมชาติเยอรมัน ที่พ่ายแพ้กันมาในรอบชิงเมื่อปี 1986 ในเกมนั้น มาราโดน่าทำทุกวิถีทางให้อาร์เจนติน่าได้เป็นแชมป์โลกอีกครั้ง แต่ผลสุดท้ายต้องพ่ายแพ้แก่เยอรมันด้วยลูกจุดโทษ 1-0 ภายหลังเกม ในจังหวะที่เยอรมันกำลังชูถ้วย ภาพตัดไปที่มาราโดน่าที่ยืนหลั่งน้ำตาด้วยความเสียใจ ช็อตดังกล่าวกลายเป็นภาพจำที่ทำให้แฟนบอลต่างสะเทือนใจร่วมไปกับเขาด้วยเช่นกัน

 

4 นักฟุตบอลเสพยา: ในความเป็นเทพเจ้าลูกหนัง เป็นไอดอลของเด็กๆ ที่ชื่นชอบฟุตบอล แต่มาราโดน่ากลับทำให้แฟนบอลต่างอึ้งอีกครั้ง เมื่อเจ้าตัวถูกจับได้ว่าติดโคเคน รวมไปถึงมีส่วนพัวพันกับการค้ายาเสพติด นี่อาจจะเป็นมุมดาร์กๆ ที่ทำให้วีรบุรุษคนนี้มีความด่างพร้อยในเส้นทางอาชีพลูกหนัง ซึ่งหลังจากผ่านช่วงปี 1990 เป็นต้นมา มาราโดน่าก็มักจะมีข่าวด้านลบๆ ทำนองนี้เกิดขึ้นอยู่เสมอ ส่งผลให้ภาพลักษณ์ความเป็นอัจฉริยะฟุตบอลของเขา ค่อยๆ เลือนหายไปเมื่อโลกก้าวสู่ปี 2000

 

5 ผู้จัดการทีมชาติสุดมันส์: แม้ชื่อเสียงของมาราโดน่าจะไม่ค่อยสวยหรูนักหลังเลิกเล่นฟุตบอลอาชีพ แต่ด้วยความรักในฟุตบอล เจ้าตัวก็ยังวนเวียนอยู่ในเส้นทางฟุตบอลอยู่เสมอ กระทั่งเมื่อปี 2010 ใครจะไปคาดคิดว่า มาราโดน่าจะก้าวขึ้นสู่การเป็นผู้จัดการทีมชาติอาร์เจนติน่า พาทีมฟ้าขาวลุยฟุตบอลโลก 2010 ที่ประเทศแอฟริกาใต้ นี่เป็นภาพที่แฟนบอลยุค 80-90 ต่างพากันตื่นเต้น เหมือนได้เห็นไอดอลในวัยเด็กกลับมาเชิดฉายอีกครั้ง มาราโดน่าทำผลงานกับอาร์เจนติน่าได้ไม่ดีนัก พาทีมไปจบที่รอบ 8 ทีมสุดท้าย พ่ายแพ้ให้กับคู่ปรับเก่าตลอดกาลอย่างทีมชาติเยอรมันไป 4-0 แต่ถึงกระนั้น ภาพแอ็คชั่นข้างสนามของเขา รวมทั้งลีลายียวนอันเป็นเอกลักษณ์ ก็ได้สร้างสีสันให้กับฟุตบอลโลกหนนั้น รวมทั้งแฟนบอลอย่างพวกเราเป็นอย่างมาก

 

 

 

 

Q&A ลุงตู่!! เคลียร์ปมประเด็นร้อน...หลังเกิดเหตุยิงสนั่นหน้า SCB

จากเหตุการณ์ยิงกันที่หน้าธนาคารไทยพาณิชย์สำนักงานใหญ่ หรือ SCB ภายหลังการชุมนุมเมื่อวานนี้ (25 พ.ย.) ทำให้นักข่าวต่างกรูกันไปสอบถาม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม จนลุงตู่ต้องออกมาพูดถึงการชุมนุมของกลุ่มราษฎรในหลายประเด็น

.

“ตนเคยพูดหลายครั้งแล้วว่า หากเป็นการชุมนุมที่ถูกกฎหมายก็ห้ามอะไรไม่ได้ แต่ต้องเป็นการชุมนุมที่ถูกต้อง ไม่ว่าจะฝ่ายไหนก็ตามต้องเคารพกฎหมาย อย่าทำผิดกฎหมาย กฎหมายเขียนว่าอย่างไรก็ต้องปฏิบัติตามนั้น รัฐบาลก็มีหน้าที่จะดูแลความปลอดภัยให้กับประชาชน ไม่ว่าจะกี่พวกก็ตาม แต่ไม่ว่าจะพวกไหน ก็ต้องไม่ทำผิดกฎหมาย ใครทำผิดก็ต้องถูกดำเนินคดีเหมือนกัน” นายกกล่าวและว่า

.

“สำหรับเหตุการณ์ยิงกันหลังการชุมนุมที่ SCB ซึ่งไม่น่าจะเกิดขึ้น เป็นเรื่องที่น่าเสียใจว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร ตนกำลังให้เจ้าหน้าที่สอบสวนติดตามอยู่ เห็นว่ามีภาพถ่ายมีอะไรตลอด สื่อก็ได้บันทึกไว้ ก็จะได้พิสูจน์ได้ว่าใครทำกันแน่ ไม่อย่างนั้นก็โยนกันไปโยนกันมาว่าอีกพวกหนึ่งทำ ว่ารัฐบาลทำ ทั้งที่รัฐบาลมีแต่ทำหน้าที่ดูแลให้ทุกคนปลอดภัย มันเป็นหน้าที่ของรัฐบาล เข้าใจหรือไม่ การชุมนุมจะต้องช่วยกัน อย่าให้เกิดขึ้นอีก จะต้องเป็นการชุมนุมที่ปลอดภัย ถ้าคนไปร่วมชุมนุม ไปแล้วไม่ปลอดภัยเขาก็ไม่ไป”

.

ทั้งนี้มีการสอบถามลุงคู่เพิ่มเติมถึงกรณีการลดความขัดแย้งตรงนี้ว่าจะทางยุติได้อย่างไรต่อไป

.

Q: ควรจะดำเนินการแก้ไขและธรรมนูญให้เสร็จสิ้นโดยเร็วหรือไม่?

ลุงตู่: “การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นกระบวนการของรัฐสภา ซึ่งประธานสภาดูแลอยู่แล้วในเรื่องนี้ รัฐบาลจะไม่ก้าวล่วง เพราะเราเป็นฝ่ายบริหาร ซึ่งการแก้ไขตรงโน้น เป็นเรื่องของพรรคการเมือง ทั้งพรรคร่วมรัฐบาล พรรคร่วมฝ่ายค้าน อะไรก็แล้วแต่ เราไม่มีส่วนร่วมตรงนั้น อย่าเอาปัญหานี้ไปใส่ปัญหานั้น เราเป็นฝ่ายบริหาร ตรงนั้นเป็นฝ่ายนิติบัญญัติ เรื่องแก้รัฐธรรมนูญเราเพียงอำนวยความสะดวกให้มีการแก้ไขเท่านั้นก็จบแล้ว สั่งใครได้ที่ไหนล่ะ”

.

Q: นายกฯได้ประเมินหรือไม่ว่าการชุมนุมจะยืดเยื้อจะส่งผลกระทบมากแค่ไหน?

ลุงตู่: “ผมอยากฝากคนทั้งประเทศให้กังวลด้วยแล้วกัน เพราะผมกังวลอยู่แล้ว ยิ่งชุมนุมนานไป ก็ยิ่งเสียหายมากขึ้น ยิ่งนานไปเศรษฐกิจก็ขับเคลื่อนไม่ได้ ยิ่งนานไปการจราจรก็ติดขัดมากขึ้น ขอถามหน่อยว่า ได้ประโยชน์กับใคร เขาอาจจะได้ประโยชน์ของเขา แต่หาวิธีการอื่นไม่ได้หรือ ที่ดีกว่า ที่มันสงบ ไม่ให้เกิดอันตราย หรือไปล่วงละเมิดใคร ผมว่ามันควรมองตรงนั้นมากกว่า สื่อช่วยกันพูดหน่อย”

 

รู้จัก ‘ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์’ ใน ‘10 บรรทัด’ (A4)

1.‘ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์’ คือ ทรัพย์สินที่ตกทอดมาตั้งแต่ราชวงศ์จักรี

2.เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงการปกครองจึงได้ตกมาเป็นทรัพย์สินของแผ่นดิน

3.จากนั้นจะถูกตั้งเป็น ‘สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์’ ที่มีกระทรวงการคลังดูแล

4.ทรัพย์สินส่วนนี้จะถูกนำไปใช้กับการช่วยเหลือประชาชน

5.อีกส่วนหนึ่งนำมาลงทุนเมื่อได้ผลกำไรจะนำมาถวายต่อในหลวงตามสมควร

6.นอกเหนือจากนั้นจะนำไปใช้เพื่อประโยชน์ของชาติและประชาชน

7.ส่วน ‘ทรัพยสินส่วนพระองค์’ คือ ทรัพย์สินส่วนตัวของในหลวง ที่นำไปใช้ได้ตามพระราชอัธยาศัย

8.แต่ก็ต้องเสียภาษีอากรให้แก่รัฐรวมไปถึงมูลนิธิต่างๆ ที่ในหลวงก่อตั้งขึ้นด้วย

9.ส่วน ’ทรัพย์สินของราชวงศ์จักรี’ อยู่ใต้การดูแลจาก ‘กรมธนารักษ์’ เช่น ทรัพย์สมบัติส่วนพระองค์ของในหลวงรัชกาลต่างๆ

10.ทรัพย์สินส่วนนี้มีงบปีละ 2,000 ล้านบาทให้แก่สำนักพระราชวัง แต่ยังคงอยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของนายกฯ โดยตรง

ผิดกฎหมายชัด!! ศรีสุวรรณ ชี้ คูปองเป็ดเหลือง ผิดหนักโทษแรงถึงจำคุกตลอดชีวิต

หลังจากเมื่อวาลุ่มคณะราษฎร หรือ ม็อบ 25 พฤศจิกายน ได้นัดรวมตัวชุมนุมกันบริเวณหน้าสำนักงานใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ถนนรัชดาภิเษก

.

โดยมีการผลิตธนบัตรหรือแบงค์เป็ด หรือ คูปองเป็ดเหลือง 3,000 ใบ แจกจ่ายให้ผู้เข้าร่วมชุมนุมในกิจกรรมดังกล่าว ซึ่งคูปองเป็ดเหลืองมีมูลค่าใบละ 10 บาท หน้าคูปองประกอบด้วยสัญลักษณ์ต่างๆ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย – ลูกชิ้นทอด – นกพิราบขาว – หมุดราษฎร – เป็ดยาง โดยสามารถใช้ได้เฉพาะวันที่ 25 พ.ย. 63 และใช้ได้กับร้านค้าที่ร่วมรายการประมาณ 10 ร้านเท่านั้น

.

ดูเหมือนจะเป็นเรื่องแล้วกับผู้ที่นำคูปองดังกล่าวไปใช้ หลังจาก นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ออกมาชี้ชัดว่า การผลิต การจ่ายแจก หรือนำออกมาใช้ซึ่งธนบัตรเป็ดดังกล่าว เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายทั้งผู้ผลิต ผู้จ่ายแจก ผู้นำไปใช้ และร้านค้าผู้รับธนบัตรดังกล่าว

.

เนื่องจากประเทศไทยมีกฎหมายที่ควบคุมเรื่องดังกล่าวไว้ คือ พระราชบัญญัติเงินตรา พ.ศ.2501 ซึ่งในมาตรา 9 ได้บัญญัติไว้ว่า ห้ามผู้ใดทำ จำหน่าย ใช้หรือนำออกใช้ซึ่งวัตถุหรือเครื่องหมายใดๆ แทนเงินตรา เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และมีการกำหนดโทษสำหรับผู้ฝ่าฝืนไว้ คือ ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกิน 3 ปีหรือปรับไม่เกิน 50,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ

.

นอกจากนั้นยังมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 240 อีกด้วย โดยบัญญัติไว้ว่า ผู้ใดทำปลอมขึ้นซึ่งเงินตรา ไม่ว่าจะปลอมขึ้นเพื่อให้เป็นเหรียญกระษาปณ์ ธนบัตรหรือสิ่งอื่นใด ซึ่งรัฐบาลออกใช้หรือให้อำนาจให้ออกใช้ หรือทำปลอมขึ้นซึ่งพันธบัตรรัฐบาลหรือใบสำคัญสำหรับรับดอกเบี้ยพันธบัตรนั้นๆ ผู้นั้นกระทำความผิดฐานปลอมเงินตรา ‘ต้องระวางโทษจำคุกตลอดชีวิต’ หรือจำคุกตั้งแต่ 10 ปีถึง 20 ปี และปรับตั้งแต่ 200,000 บาทถึง 400,000 บาท

.

ส่วนผู้ที่นำธนบัตรเปิดออกใช้จ่ายก็มีความผิดตาม มาตรา 244 ที่บัญญัติไว้ว่า ผู้ใดมีไว้เพื่อนำออกใช้ซึ่งสิ่งใดๆ อันตนได้มาโดยรู้ว่าเป็นของปลอมตามมาตรา 240 หรือของแปลงตามมาตรา 241 ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปีถึง 15 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000 บาทถึง 300,000 บาท

.

ดังนั้น การผลิตและนำออกมาจ่ายแจกให้ผู้ชุมนุมและร้านค้าใช้ธนบัตรเป็ด จึงเข้าข่ายความผิดทั้งหมด ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สามารถดำเนินการจับกุมดำเนินคดีได้ทันที


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top