Tuesday, 1 July 2025
ค้นหา พบ 49115 ที่เกี่ยวข้อง

ภูมิภาคย่างกุ้งของเมียนมาเริ่มกระบวนการเชิญชวนประชาชนลงทะเบียนรับวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) โดยมีวัคซีน ‘โควิชีลด์’ (Covishield)

ภูมิภาคย่างกุ้งของเมียนมาเริ่มกระบวนการเชิญชวนประชาชนลงทะเบียนรับวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) โดยมีวัคซีน ‘โควิชีลด์’ (Covishield) ชุดแรกถูกขนส่งถึงเมียนมาเมื่อวันที่ 22 ม.ค. และจะเริ่มฉีดให้ประชาชนราว 750,000 คนภายในสัปดาห์นี้

อนึ่ง กระทรวงสาธารณสุขและกีฬาของเมียนมาระบุว่าเมียนมามีผู้ป่วยโรคโควิด-19 สะสม 137,574 ราย เมื่อนับถึงวันอาทิตย์ (24 ม.ค.)

สำหรับ วัคซีน ‘โควิชีลด์’ (Covishield) เป็นวัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่ผลิตจากสถาบันเซรุ่มแห่งอินเดีย (Serum Institute of India) ที่เมืองปูเน่ รัฐมหาราษฎระ ที่พัฒนาโดยบริษัทแอสตร้าเซนเนก้า และมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดของอังกฤษ


อ้างอิง: China Xinhua News

https://www.facebook.com/1660335044182511/posts/2864901813725822/

ข้อมูลจากหน่วยงานท่าเรือนครถังซาน มณฑลเหอเป่ยทางตอนเหนือของจีน ระบุว่าท่าเรือถังซานมีปริมาณการขนส่งสินค้าสูงที่สุดเป็นอันดับ 2 ของบรรดาท่าเรือชายฝั่งทั่วโลก ในปี 2020 โดยมีปริมาณการขนส่งสินค้าอยู่ที่ 702 ล้านตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 7 เมื่อเทียบปีต่อปี

ท่าเรือถังซานประกอบด้วยพื้นที่ท่าเรือ 2 ส่วน ได้แก่ จิงถังและเฉาเฟยเตี้ยน โดยมีปริมาณขนส่งตู้คอนเทนเนอร์บรรจุสินค้าผ่านท่าจิงถังมากกว่า 2.3 ล้านทีอียู (TEU: หน่วยนับสินค้าที่บรรจุในตู้คอนเทนเนอร์ความยาว 20 ฟุต) ขณะที่ท่าเฉาเฟยเตี้ยนอยู่ที่มากกว่า 800,000 ล้านทีอียู

ถังซาน ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงปักกิ่ง เมืองหลวงของจีน 150 กิโลเมตร และตั้งอยู่ทางตอนเหนือของทะเลโป๋ไห่ เชื่อมต่อท่าเรือภายในประเทศ 39 แห่งใน 9 มณฑลของจีน และท่าเรืออีกมากกว่า 190 แห่งในกว่า 70 ประเทศและภูมิภาคทั่วโลก โดยมีเส้นทางเดินเรือขนส่งตู้คอนเทนเนอร์บรรจุสินค้า 41 เส้นทาง ครอบคลุมท่าเรือชายฝั่งหลักๆ ของจีน ญี่ปุ่น และสาธารณรัฐเกาหลีหรือเกาหลีใต้

ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ท่าเรือถังซานมีปริมาณการขนส่งสินค้าเพิ่มขึ้นจาก 493 ล้านตัน มาเป็น 702 ล้านตัน และมีปริมาณขนส่งตู้คอนเทนเนอร์บรรจุสินค้าเพิ่มขึ้นจาก 1.52 ล้านทีอียู มาเป็น 3.12 ล้านทีอียู โดยมีอัตราการเติบโตต่อปีที่ร้อยละ 7 และร้อยละ 17.5 ตามลำดับ


ที่มา: xinhuathai

https://www.facebook.com/1660335044182511/posts/2864949053721098/

กระทรวงการคลัง โชว์ตัวเลขยอดใช้จ่ายคนละครึ่งทะลุ 7.1 หมื่นล้านบาท จากจำนวนคนใช้สิทธิกว่า 13 ล้านคน พร้อมย้ำให้ผู้ได้รับสิทธิรอบเก็บตกรีบใช้จ่ายภายใน 14 วัน ก่อนโดนตัดสิทธิ

26 ม.ค.2564 นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักงาน เศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงความคืบหน้าการดำเนินโครงการคนละครึ่งว่า ณ วันที่ 24 ม.ค. 2564 มีร้านค้าลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 1 ล้านร้านค้า และมีผู้ใช้สิทธิแล้วจำนวน 13,655,380 คน

โดยมียอดการใช้จ่ายสะสม 71,323 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินที่ประชาชนจ่าย 36,488 ล้านบาท และภาครัฐร่วมจ่ายอีก 34,835 ล้านบาท โดยจังหวัดที่มีการใช้จ่ายสะสมมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ กรุงเทพมหานคร ชลบุรี สงขลา เชียงใหม่ และสมุทรปราการ ตามลำดับ ซึ่งผู้ประกอบการร้านค้ายังคงสมัครเข้าร่วมโครงการได้อย่างต่อเนื่อง

สำหรับผู้ที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 2 รอบเพิ่มเติมเมื่อวันที่ 20 ม.ค. 2564 ที่ได้รับ SMS ยืนยันสิทธิ จะสามารถใช้จ่ายในโครงการได้ระหว่างวันที่ 25 ม.ค. – 31 มี.ค. 2564 และต้องเริ่มใช้จ่ายผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตัง ครั้งแรกภายใน 14 วัน หรือภายในวันที่ 7 ก.พ. 2564 มิเช่นนั้นจะถูกตัดสิทธิ

“ขอให้รีบดำเนินการยืนยันตัวตน ซึ่งสามารถดำเนินการเองได้โดยง่ายผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตัง หรือดำเนินการผ่านตู้เอทีเอ็มสีเทาของธนาคารกรุงไทยกว่า 3,300 ตู้ทั่วประเทศ โดยสามารถค้นหาตำแหน่งของตู้เอทีเอ็มสีเทาได้ใน Google Maps โดยพิมพ์คำว่า ATM กรุงไทย ยืนยันตัวตน โดยไม่จำเป็นต้องไปยืนยันตัวตนที่สาขาของธนาคารกรุงไทยเพียงช่องทางเดียว” นางสาวกุลยา กล่าว

อย่างไรก็ดี ในส่วนของประชาชนที่ใช้สิทธิโครงการคนละครึ่งแล้ว จะไม่สามารถใช้สิทธิช็อปดีมีคืนได้

‘ธนกร’ เดือด อัดเนื้อหาญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจบิดเบือนใส่ร้าย ‘บิ๊กตู่’ ลั่นรัฐบาลไม่เคยอ้างสถาบันปิดบังความผิดตัวเอง มีแต่ปกป้องสถาบันตลอดมา เตือนใครหยิบข้อมูลเท็จไปอภิปราย ระวังหอกพุ่งกลับใส่ตัว

‘ธนกร’ เดือด อัดเนื้อหาญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจบิดเบือนใส่ร้าย ‘บิ๊กตู่’ ลั่นรัฐบาลไม่เคยอ้างสถาบันปิดบังความผิดตัวเอง มีแต่ปกป้องสถาบันตลอดมา เตือนใครหยิบข้อมูลเท็จไปอภิปราย ระวังหอกพุ่งกลับใส่ตัว

นายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจของพรรคร่วมฝ่ายค้านว่า รัฐบาลไม่ได้กังวลอะไร พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ไม่ได้มีปัญหาการทุจริตคอรัปชันเหมือนรัฐบาลในอดีต

แต่สิ่งหนึ่งที่ตนไม่สบายใจคือ เนื้อหาในญัตติหลายเรื่องสวนทางกับความเป็นจริง โดยเฉพาะการไม่ยึดมั่นและศรัทธาระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นพระประมุข นำสถาบันมาเป็นข้ออ้างแบ่งแยกประชาชน แอบอ้างสถาบันพระมหากษัตริย์มาเป็นเกราะปิดบังความผิดพลาดล้มเหลวในการบริหารราชการแผ่นดินของตนเองนั้น สิ่งเหล่านี้ไม่เป็นความจริงเลย ฝ่ายค้านมีเจตนาพิเศษ เป็นการบิดเบือนข้อมูลเพื่อโจมตีรัฐบาลมากกว่า

ธนกร ยังกล่าวอีกว่า รัฐบาลยึดมั่นและศรัทธาระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข แต่มีพรรคฝ่ายค้านบางพรรคพยายามจะแก้รัฐธรรมนูญในมาตราที่เกี่ยวข้องกับสถาบัน แก้มาตรา 112 ใครกันแน่ไม่ยึดมั่น ส่วนที่บอกว่านำสถาบันมาเป็นข้ออ้างในการแบ่งแยกประชาชนนั้นก็ไม่เป็นความจริง

เพราะรัฐบาลและประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศยึดมั่นและเทิดทูนไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ แต่มีเครือข่ายของบางพรรคออกไปปลุกปั่นให้มีการแก้ไขมาตรา112 แกนนำคณะราษฎรมีการจาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งคนไทยทั้งประเทศไม่ยอม

และสุดท้ายที่กล่าวหารัฐบาลแอบอ้างสถาบันพระมหากษัตริย์ เพื่อปิดบังความผิดพลาดล้มเหลวในการบริหารราชการแผ่นดินนั้น เป็นการใส่ร้ายรัฐบาลด้วยข้อมูลเท็จ เพราะรัฐบาลนี้ไม่เคยกระทำ ไม่เคยแอบอ้างสถาบัน มีแต่ปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ รัฐบาลบริหารงานด้วยความโปร่งใสตรวจสอบได้ ยึดประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลัก

ทั้งนี้ ตนผิดหวังมากที่เนื้อหาในญัตติเป็นแบบนี้ อยากจะเตือนไว้ว่า ใครอภิปรายประเด็นเหล่านี้ระวังเจอสวนกลับด้วยข้อเท็จจริงจนหน้าแหก หมอไม่รับเย็บ เพราะทุกอย่างไม่ใช่ข้อเท็จจริง

‘นพ.ยง ภู่วรวรรณ’ อัปเดต ‘วัคซีนโควิด’ ทั่วโลกฉีดแล้ว 66 ล้านโดส ขณะที่อิสราเอลฉีดให้ประชากรมากสุด เริ่มพบสัญญาณที่ดี หลังผู้สูงอายุเกิน 60 ปี มีอัตราป่วยลดลง

ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Yong Poovorawan เกี่ยวกับ “วัคซีนโควิด-19” โดยมีเนื้อหาว่า

โควิด 19 วัคซีน

ขณะนี้ทั่วโลก มีการให้วัคซีนไปแล้ว มากกว่า 66 ล้านโด๊ส

ประเทศที่ให้วัคซีนเป็นอัตราส่วนของประชากรมากที่สุด คือ อิสราเอล

ประชากรได้รับวัคซีนไปแล้ว 1 โดส ถึง 1 ใน 3 วัคซีนที่ใช้ เป็นของ บริษัทไฟเซอร์

รองลงมาเป็นประเทศ อาหรับเอมิเรตส์ให้ไปแล้วถึง 20 เปอร์เซ็นต์ ของประชากร โดยใช้วัคซีนของจีน Sinopharm

การติดตามผลของวัคซีนในอิสราเอล เริ่มเห็นผลแล้วว่าผู้สูงอายุที่เกินกว่า 60 ปีมีอัตราป่วยลดลงอย่างเห็นได้ชัด

ข้อมูลประสิทธิผลของวัคซีนในการใช้จริง จะเริ่มเห็นผลและมีรายงานออกมาในไม่ช้านี้ โดยเฉพาะในประเทศอิสราเอล และ อาหรับเอมิเรตส์

สำหรับในประเทศอังกฤษ ก็มีการให้วัคซีนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ขณะนี้ให้ให้เป็นเข็มแรกประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ของประชากร

ส่วนในสหรัฐอเมริกาให้ไปแล้วประมาณ 5% ของประชากร

ผลการศึกษาต่างๆในการให้สภาพจริง จะมีตามมาในไม่ช้านี้


ที่มา : เพจ Yong Poovorawan

https://www.facebook.com/yong.poovorawan?fref=nf


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top