Saturday, 26 April 2025
ค้นหา พบ 47684 ที่เกี่ยวข้อง

‘ ประชามติ ’ ไม่ได้มีที่เดียวในโลก

ภายใต้ระบอบประชาธิปไตย ซึ่งยึดถือเสียงข้างมากเป็นหลักแต่ในขณะเดียวกันก็เคารพในสิทธิและเสียงของข้างที่น้อยกว่า ซึ่งหลักการนี้นำมาใช้เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมเนื่องจากในสังคมมีคนมากมายต่างความคิด ความเห็นกัน ถ้ารัฐตัดสินเพียงฝ่ายเดียวก็จะดูเหมือนการมัดมือชกไปสักหน่อย รัฐจึงต้องมีการเปิดพื้นที่เพื่อให้ประชาชนได้ใช้สิทธิของตน

จึงเกิดรูปแบบที่เรียกว่า ‘ ประชามติ ’ เกิดขึ้นเพื่อให้ประชาชนออกเสียงเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบในกฎหมายหรือนโยบายต่างๆของรัฐซึ่งประชามติ ก็เป็นรูปแบบนึงที่หลายๆประเทศนำมาใช้ไม่ใช่เพียงแต่ประเทศไทยเท่านั้น แต่ยังมีอีกหลายประเทศทั่วโลกที่ใช้รูปแบบของประชามติเพื่อให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมแสดงความเห็นชอบด้านการเมือง วันนี้ The States Times อยากจะพาทุกคนไปดูว่า ‘ ประชามติ ’ ในแต่ละประเทศเป็นยังไงและมีความแตกต่างกันอย่างไร

.

เครดิตภาพ : https-//www.teenvogue.com/story/the-american-flag-was-sewn-in-part-by-a-teenage-black-girl

.

เริ่มที่ประเทศแรกประเทศที่ใครๆต่างก็รู้จัก ‘ ประเทศสหรัฐอเมริกา ’ ที่ใช้ระบบการปกครองแบบ สหพันธรัฐประชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ แต่ประเทศนี้เขาใช้ประชามติแค่ในระดับมลรัฐเท่านั้น โดยใช้ 2 แบบ คือการให้ออกเสียงประชามติที่เริ่มต้นจัดทําโดยฝ่ายนิติบัญญัติและการออกเสียงประชามติที่เสนอโดยประชาชน ซึ่งทั้งสองแบบเรื่องที่เสนอขึ้นมาจะนำไปใช้ได้หรือไม่ได้ก็ต้องผ่านความเห็นชอบของประชาชนก่อนดังนั้นการใช้กระบวนการประชามติในสหรัฐฯจึงถือว่าเป็นกระบวนการที่ทำให้ประชาชนนั้นได้มีส่วนร่วมทางการเมืองอย่างแท้จริงแม้จะในระดับมลรัฐก็ตาม

อย่างในกรณีของการลงประชามติในระดับมลรัฐ ซึ่งมีขึ้นที่รัฐออริกอน ที่มีการลงประชามติให้มีการยกเลิกโทษความผิดทางอาญา สำหรับการครอบครองยาเสพติดร้ายแรง เช่นเฮโรอีน หรือโคเคน สำหรับใช้ส่วนตัวในปริมาณเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

.

เครดิตภาพ : https-//th.investing.com/news/economic-indicators/article-22708

.

ประเทศต่อมาคงหนีไม่พ้นประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ประเทศที่ไม่ได้มีดีแค่ธรรมชาติที่สวยงาม แต่ยังเด่นเรื่องประชาธิปไตยทางตรงของพี่เขาอีกด้วย ซึ่งประเทศสวิสเซอร์แลนด์ปกครองในรูปแบบสมาพันธรัฐ ระบบการเมืองของประเทศสวิสเซอร์แลนด์นั้นเป็นระบบ ‘ ประชาธิปไตยทางตรง ’ อันเป็นกลไกที่ระบุไว้ในรัฐธรรมนูญ และด้วยความกระตือรื้อร้นของพลเมืองจึงทำให้เกิดการใช้ระบบประชาธิปไตยทางตรงบ่อยครั้ง ซึ่งเป็นการให้พื้นที่กับประชาชนในการมีส่วนร่วมทางการเมืองเป็นอย่างมาก การออกเสียงประชามติในประเทศสวิสเซอร์แลนด์ไม่เหมือนประเทศไหน ๆ เพราะคนที่ตัดสินว่าจะลงประชามติในเรื่องไหนบ้างไม่ใช่รัฐบาลแต่เป็นรัฐธรรมนูญที่จะมีการกำหนดเรื่องที่ต้องออกเสียงประชามติไว้อย่างชัดเจน นอกจากนี้การออกเสียงประชามติยังสามารถเกิดขึ้นได้ด้วยวิธีการเรียกร้องจากประชาชนอีกด้วย จะเห็นได้ว่าประเทศสวิตเซอร์แลนด์เองก็ได้นำกระบวนการออกเสียงประชามติมาใช้บ่อยครั้งเพราะด้วยตัวกฎหมายที่ส่งเสริมและประชาชนที่ให้ความสนใจ จึงทำให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการเมืองอย่างแท้จริง 

ตัวอย่างในการลงประชามติที่เรียกร้องจากประชาชน ในเรื่องรับแผนประกันเงินเดือนขั้นต่ำของประเทศสวิสเซอร์แลนด์  ถึงแม้ว่าผลของประชามติจะถูกปัดตกไป แต่ก็แสดงให้เห็นว่าประชาชนให้ความสนใจและมีส่วนร่วมในการเมืองอย่างแท้จริง

.

เครดิตภาพ : https://www.posttoday.com/world/584840

.

การออกเสียงประชามติในประเทศฝรั่งเศส ซึ่งปกครองโดยระบอบสาธารณรัฐ ประชาธิปไตย กึ่งประธานาธิบดี ในปัจจุบันเรื่องที่นำมาให้ประชาชนออกเสียงประชามติมีทั้งหมด 4 กรณี ซึ่ง 3 กรณีเป็นเรื่องระดับประเทศ และอีกกรณีคือเรื่องท้องถิ่นทั่วไป แบ่งได้ง่ายๆคือ การออกเสียงประชามติระดับชาติเกี่ยวกับร่างกฎหมาย การออกเสียงประชามติระดับชาติเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญ การออกเสียงประชามติระดับชาติเกี่ยวกับความเปลี่ยนแปลงในดินแดน และการออกเสียงประชามติระดับท้องถิ่น ซึ่งทั้ง 4 กรณีล้วนผ่านความเห็นชอบจากคนส่วนใหญ่ก่อนจึงจะสามารถนำมาใช้ได้ การออกเสียงประชามติในประเทศฝรั่งเศส จึงเป็นกระบวนการที่มีความสําคัญเป็นอย่างมาก ที่จะเปิดโอกาศให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมด้วยการปรึกษาหารือกับผู้บริหารประเทศ โดยผ่านการตั้งคำถามหรือขอความเห็นในร่างกฎหมายหรือนโยบายที่สำคัญต่าง ๆ 

อย่างเช่นการลงประชามติปกครองตนเองของแอลจีเรียซึ่งนับว่าเป็นการให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการออกเสียงประชามติระดับชาติเกี่ยวกับความเปลี่ยนแปลงในดินแดน

จากประเทศที่ได้ยกตัวอย่างมาให้ดูนี้ จะเห็นได้ว่าทุกประเทศล้วนปกครองในระบอบประชาธิปไตย ซึ่งเป็นระบอบการปกครองที่ให้ความสำคัญกับเสียงส่วนมากและให้อำนาจสูงสุดกับประชาชน ด้วยการให้สิทธิประชาชนในการมีส่วนร่วมกับรัฐเพื่อตัดสินใจในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ซึ่งจะส่งผลกับตัวประชาชนโดยตรง 

.

ดังนั้น ‘ ประชามติ ’ จึงเป็นกระบวนการที่สร้างขึ้นเพื่อพื้นที่ในการมีส่วนร่วมและรับฟังเสียงของผู้ที่มีอำนาจที่สุดนั่นก็คือ   ‘ ประชาชน ’

จีนพร้อมรับมือ "ความบ้าคลั่ง" ครั้งสุดท้ายของทรัมพ์

ยังคงป่วนต่อเนื่อง สำหรับประธานาธิบดีเฝ้าทำเนียบคนปัจจุบัน อย่างโดนัลด์ ทรัมพ์ ที่คงเหลือเวลาในตำแหน่งอีกเพียงแค่เดือนกว่าๆ ก่อนที่จะต้องลาจากทำเนียบไปในเดือนมกราคม ปีหน้า

ถึงจะอยู่ได้อีกไม่นาน แต่ทรัมพ์ก็ยังคงมีอำนาจเต็ม ที่ยังสามารถใช้ปากกาเป็นอาวุธในการเซ็นคำสั่งประธานาธิบดีได้อยู่ ซึ่งล่าสุดในเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 12 พฤศจิกายน ค.ศ.2020 ที่ผ่านมา ทรัมพ์ก็ได้ตวัดปากกาเซ็นคำสั่ง ห้ามชาวอเมริกัน ไม่ว่าใครก็ตามเข้าไปลงทุนร่วม หรือทำธุรกิจกับบริษัทจีน 31 แห่ง ที่ฝ่ายกลาโหมของสหรัฐรายงานว่า เป็นบริษัทที่มีความเชื่อมโยงกับกองทัพจีน

บริษัทจีนทั้ง 31 แห่งนี้ นอกจากจะมี Huawei และ China Telecom แล้ว ก็ยังมีบริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์สื่อสาร พัฒนายานยนต์ ขนส่ง ทางรถไฟ และเทคโนโลยีอากาศยาน ซึ่งเป็นบริษัทที่ใหญ่ และมีส่วนสำคัญในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้อยู่แล้วที่จะต้องมีปฏิสัมพันธ์กับรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นบริษัทของประเทศไหนก็ตาม

คำสั่งนี้จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 11 มกราคม ค.ศ.2021 ก่อนวันสุดท้ายที่ทรัมพ์จะต้องลาตำแหน่งในวันที่ 20 มกราคม ค.ศ.2021ไม่กี่วัน

พอทรัมพ์เซ็นคำสั่งเปรี้ยงลงมาเช่นนี้ ก็ไม่ต่างจากคนที่หยิกเล็บ เจ็บเนื้อตัวเองเหมือนกัน เพราะโลกเราทุกวันนี้มีการลงทุนหลายรูปแบบ ถึงจะไม่ได้ลงทุนร่วมกันตรง ๆ ก็อาจจะมีการลงทุนผ่านกองทุนรวม หรือหุ้น ที่ผูกรวมกันหลายชั้น ซับซ้อนกันมากมาย ก็จะมาเดือดร้อนบริษัทอเมริกันที่ต้องมาตรวจเช็คว่า ได้ร่วมทุนกับบริษัทจีนที่อยู่ในลิสต์ต้องห้ามของทรัมพ์ผ่านช่องทางใด ช่องทางหนึ่งหรือไม่

ซึ่งคำสั่งนี้ เป็น Executive Order ฉบับแรกที่ทรัมพ์เซ็น หลังจากที่ผ่านช่วงเลือกตั้งมาแล้ว และหลายฝ่ายก็เริ่มเกรงว่า ช่วงเวลาที่เหลืออยู่ในตำแหน่ง ท่านทรัมพ์ จะสำแดงฤทธา ดั่งเพลิงพิโรธอะไรอีก

และวันนี้สื่อตะวันตก ได้อ้างอิงรายงานของ Global Times สำนักข่าวของรัฐบาลจีน ที่ออกมาฟันธงว่า ทรัมพ์กำลังเตรียมทิ้งบอมบ์ลูกโต เพื่อเล่นงานจีนเป็นการทิ้งทวนก่อนลาตำแหน่งที่จะสร้างปัญหาหนัก(ใจ) ให้กับโจ ไบเดน ที่จะต้องมารับช่วงต่อจากเขา

และนอกจากจะแบนบริษัทชั้นนำของจีนแล้ว ไมค์ ปอมเปโอ ก็ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ออกสื่อในช่วงเวลาใกล้เคียงกันว่า สหรัฐไม่เคยรับรองว่าไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีน ซึ่งถือเป็นการยั่วยุขั้นสุด ที่เป็นเหมือนฟางเส้นสุดท้ายของความสัมพันธ์ระหว่างจีน - สหรัฐ

การเคลื่อนไหวในช่วงสุดท้ายของรัฐบาลทรัมพ์นั้น ศาสตราจารย์ เฉิน อี้ จากภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ของมหาวิทยาลัยฟู่ตั้น ได้ให้ความเห็นกับทาง Global Times ว่า ทรัมพ์ต้องการที่จะวางยาไบเดน ด้วยการทำลายความสัมพันธ์ระหว่างจีน กับ สหรัฐทุกรูปแบบ ก่อนจากไป เนื่องจากทรัมพ์ดำเนินนโยบายต่อต้านจีนมาตั้งแต่ต้น ที่มีชาวสหรัฐจำนวนไม่น้อยชอบเสียด้วย และยกให้เป็นหนึ่งในผลงานชิ้นโบว์แดงของเขา ทรัมพ์ยังเคยโจมตีไบเดนว่าเป็นพวกนิยมจีน และหากโจ ไบเดน ได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐเมื่อไหร่ ชาวอเมริกันก็เตรียมตัวไปเรียนภาษาจีนได้เลย

ดังนั้นหากไบเดน ขึ้นมารับตำแหน่งมีอำนาจเต็มเมื่อไหร่ จะเซ็นถอนคำสั่งของทรัมพ์ก็ได้ แต่ก็จะถูกโจมตีว่า ออกคำสั่งเอื้อผลประโยชน์ให้จีน แต่ถ้าปล่อยทิ้งไว้อย่างนั้น นโยบายของทรัมพ์ก็จะมีผลผูกพันกับไบเดน ที่จะต้องเล่นตามเกมที่ทรัมพ์วางหมากไว้ ไม่ว่าทางไหนก็ดูไม่ดีทั้งนั้น

แต่สำหรับจีน ก็ยืนยันว่าพร้อมเสมอ ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลไหน ซึ่งตอนนี้จีนก็กำลังจับตามมองพื้นที่เขตไต้หวัน ที่คาดว่าสหรัฐน่าจะใช้กลยุทธทางทหารเข้ากดดัน และทางจีนก็ประกาศชัดเจนว่ายอมไม่ได้เสียด้วย

ดังนั้นคงต้องมาดูกันแล้วว่าช่วงเวลาที่เหลืออยู่ในวาระของประธานาธิบดีคนที่ 45 ของสหรัฐว่าจะระเบิดความบ้าคลั่ง ดั่งเพลิงพิโรธ ได้ร้อนแรง ปั่นป่วนถึงใจจนหยดสุดท้ายได้ขนาดไหนกัน

.

แหล่งข่าว

Global Times

https://www.globaltimes.cn/content/1206986.shtml

Independent UK

https://www.independent.co.uk/news/world/americas/us-politics/global-times-china-trump-beijing-b1724582.html

News Week

https://www.newsweek.com/china-preparing-trumps-final-madness-before-biden-state-media-says-1547907

New York Times

https://www.nytimes.com/2020/11/12/business/economy/trump-china-investment-ban.html

รวมซุป’ ตาร์ฟุตบอลติดโควิด-19

'ระนาว' เป็นคำวิเศษณ์ ใช้กับสิ่งที่มีลักษณะเป็นสาย เป็นแถว เป็นแนว เหตุที่หยิบคำไทย ๆ มาอธิบาย เพราะขณะนี้ เหล่าบรรดานักฟุตบอลระดับโลก พากันติดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ หรือโควิด-19 แบบ...ระนาวววว!

ไล่ไปตั้งแต่ 'ปอล ป็อกบา' กองกลางทรงผมจี๊ดใจของทีมแมนยูฯ มีอันป่วยด้วยโรคโควิด-19 เมื่อช่วงปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ต่อมาต้นเดือนกันยายน 'คีเลียน เอ็มบัปเป้' กองหน้าสัญชาติฝรั่งเศส เพื่อนร่วมชาติของป็อกบา ก็มาติดโควิด-19 ด้วยอีกคน

ในเวลาไล่เรี่ยกัน ซุป'ตาร์ชาวบราซิล 'เนย์มาร์' เพื่อนร่วมสโมสรของเอ็มบัปเป้ในทีมปารีสแซงต์ - แชร์กแมง ก็มาป่วยด้วยโรคนี้เช่นเดียวกัน ผ่านมาถึงกลางเดือนตุลาคม ก็เกิดข่าวใหญ่เมื่อ 'CR7' หรือ 'คริสเตียโน่ โรนัลโด้' นักเตะคนเหล็กจอมฟิตเบอร์ต้น ๆ ของโลก ก็มากลายเป็นเหยื่อโควิด-19 เข้าอีกราย

และ 2 รายชื่อล่าสุดที่เพิ่งถูกตรวจพบว่า ติดเชื้อโควิด-19 นั่นคือ 'หลุยส์ ซัวเรส' สตาร์ดังจากทีมแอตเลติโก มาดริด รวมทั้ง 'โมฮาเหม็ด ซาลาห์' ขวัญใจชาวหงส์แดง - ลิเวอร์พูล ก็มาป่วยด้วยอีกคน

ไล่เรียงมานี้ มีทั้งที่เป็นแล้วหายเรียบร้อย และที่กำลังเป็นอยู่ อย่างไรก็ขอให้หายป่วยโดยไว ว่าแต่ ไล่รายชื่อมานี้ เป็นระดับซุป’ตาร์โลกฟุตบอลล้วนๆ แต่เหมือนจะขาดใครไป???

อ่า! พี่ 'ลิโอเนล เมสซี่' สตาร์เบอร์ 1 ของโลกนี่เอง เอิ่มม ไม่ได้แช่งนะครับพี่ แต่เพื่อความปลอดภัย โปรดใส่หน้ากากตลอดเว และดูแลสุขภาพแบบจัดๆ เลยนะครับ กินร้อน ช้อนกลาง เตะบอลก็อย่าไปถ่มน้ำลายเรี่ยราด ด้วยความปรารถนาดีจากแฟนบอลต่างดาวววววนะครัช

ตรงไหนดี พี่จะรับไปพิจารณา

เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563 ที่พรรคประชาธิปัตย์  นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงร่างรัฐธรรมนูญที่ได้ผ่านการลงมติจากที่ประชุมร่วมรัฐสภาในวาระที่หนึ่ง จำนวน 2 ร่าง ไปเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563 ว่า ต้องถือว่าเป็นอีกก้าวที่สำคัญในเรื่องการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ

ซึ่งนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯและรมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรค ได้ประกาศไว้ชัดตั้งแต่แรกเมื่อครั้งร่วมรัฐบาล คือการแก้มาตรา 256 และต่อมามีการเพิ่มเติมให้มีการจัดตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ(ส.ส.ร.) ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ซึ่งประสบความสำเร็จมาอีกหนึ่งก้าวที่สำคัญ แต่คงไม่หยุดเพียงเท่านี้เพราะทุกฝ่ายยังต้องหาความเห็นชอบร่วมกันในวาระที่สองในชั้นคณะกรรมาธิการฯ และยังมีวาระที่สามที่เสียงของสมาชิกวุฒิสภา 1 ใน 3 ที่ต้องร่วมกันทำให้สำเร็จ เพราะเราจะต้องทำให้เป็นรัฐธรรมนูญของประชาชน และประเทศ ภายใต้การปกครองในระบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

นายราเมศ กล่าวต่อว่า การหาความเห็นพ้องจากประชาชนก็เป็นส่วนสำคัญ ในชั้นกรรมาธิการฯนั้น พรรคประชาธิปัตย์จะมีการเสนอให้รับฟังเสียงจากประชาชนให้มากที่สุด เพื่อให้ประชาชนได้มีส่วนร่วม ซึ่งจะมีผลต่อการทำประชามติที่จะเป็นไปในทิศทางที่ดี 

ส่วนร่างของภาคประชาชนหรือไอลอว์ ตนไม่อยากให้มองว่าถูกปัดตกไปทั้งหมด ความตั้งใจทำในส่วนที่ดีที่เป็นประโยชน์ ก็จำเป็นต้องนำมาประกอบการพิจารณา อาจมีบางประเด็นที่เห็นไม่ตรงกัน แต่ส่วนไหนรับได้ส่วนไหนรับไม่ได้ก็ควรหยิบยกมาพูดคุยกันก็จะเกิดประโยชน์

อย่างไรก็ตามใน 11 ประเด็นของร่างไอลอว์ มีบางประเด็นที่น่าสนใจและควรหยิบยกมาพูดคุยกันในชั้นกรรมาธิการฯ เช่นกรณีของท้องถิ่น การแก้ไขเพิ่มเติมเพื่อให้มีการเลือกตั้งท้องถิ่น และกระจายอำนาจอย่างแท้จริง นอกจากนั้นยังอยากให้กรรมาธิการฯนำผลการศึกษาของคณะกรรมาธิการฯที่มีนายพีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค เป็นประธาน มาประกอบการพิจารณาด้วย  

 

3 นางเอกสายเกา...ยิ่งดูยิ่งปัง

ไม่ได้มีแค่สาว ๆ เขาหลงใหลพระเอกสายเกาเท่านั้นะ แต่หนุ่มไทยมากมาย ก็ปลื้มอกปลื้มใจ นางเอกสายเกาหลีเหมือนกัน โดยเฉพาะ 3 คนนี้ ‘คิมโกอึน & คิมดามี & พัคโซดัม’ ทั้งหมดมีความพิเศษคล้าย ๆ กัน ตรงที่หากเพียงเห็นแวบแรก จะรู้สึกเฉย ๆ กับพวกเธอ อารมณ์ประมาณว่า ‘อึ๋ย! หน้าตาธรรมดา ๆ เป็นนางเอกได้ไง?’

แต่! อย่าสบประมาทความน่ารักของพวกเธอ เพราะถ้าหากดูซีรี่ส์ที่เธอเล่นไปเรื่อย ๆ อารมณ์ที่บอกไปทีแรก จะเปลี่ยนไปทันที ‘อึ๋ย! น่ารว้อกอ่ะ!’ 

เพราะใคร ๆ ก็ตกหลุมรักเธอ The States Times Lite ก็เลยตกหลุมรักเธอ ไม่ช่าย! เราก็เลยต้องไปทำความรู้จักกับ 3 นางเอกสายเกา ที่แต่ละคนบอกเลยว่า ผลงานไม่ธรรมดา!


คิมโกอึน

นางเอกสาวผู้โด่งดังจากซีรี่ส์ ‘ก็อบลิน’ (Goblin) เธอประกบคู่กับพระเอกฉายาสามีแห่งเอเชีย ‘กงยู’ แต่ก่อนที่จะดังเปรี้ยงปร้าง คิมโกอึนเคยใช้ชีวิตที่ประเทศจีนมากว่า 10 ปี ก่อนที่จะบินกลับมาที่เกาหลีใต้ และเรียนจบทางด้านการแสดงจาก Korea National University of Arts 

โกอึนเริ่มต้นงานแสดงจากภาพยนตร์ดราม่า-อีโรติกเรื่อง A Muse ก่อนจะตามมาด้วย Memories of the Sword (ค.ศ.2015) และ Coin Locker Girl (ค.ศ.2015) ซึ่งส่วนใหญ่งานของเธอจะเป็นการแสดงภาพยนตร์ และเริ่มเป็นที่รู้จักในวงกว้างจากซีรีส์เรื่อง Cheese in the Trap (ค.ศ.2016) และ Goblin (ค.ศ.2016 - 2017) กระทั่งเมื่อปีที่แล้วก็ได้มาประกบกับพระเอกสุดฮอต ลีมินโฮ ใน The King: The Eternal Monarch 

ใครที่เคยผ่านตาผลงานของโกอึนตั้งแต่เรื่องแรก ๆ จะสัมผัสได้ว่า เธอมีใบหน้าที่เรียบ ๆ เหมือนสาวหมวยเกาหลีทั่วไป แต่ก็เป็นเรื่องน่าแปลกว่า ยิ่งพอดูเธอแสดงไปเรื่อย ๆ กลับมีเสน่ห์ชวนมองมากขึ้น และสุดท้ายเราก็ตกหลุมรักเธอจนได้!

.

คิมดามี

อีกหนึ่งนางเอกหน้ากวน ที่ดูไปดูมา อ้าว น่ารักเฉย ซึ่งใคร ๆ ก็พากันตกหลุมรักเธอ กับบทบาท ‘โซอีซอ’ ในซีรี่ส์สุดฮิต Itaewon Class ตัวจริงของเธอนั้นมีชื่อจริงๆ ว่า คิมดามี ปัจจุบันอายุ 25 ปี เข้าวงการบันเทิงมาตั้งแต่ปี ค.ศ.2017 เธอเริ่มต้นงานแรกด้วยการเป็นนักแสดงสมทบในหนังเรื่อง Romans 8:37 ก่อนจะแจ้งเกิดใน The Witch: Part 1. The Subversion (ค.ศ.2018) ซึ่งดามีเป็น 1 ในนักแสดง 1500 คนที่ได้รับเลือกจากการออดิชั่นหนังเรื่องนี้ แถมพอหนังเข้าฉาย เธอก็กวาดรางวัลเป็นว่าเล่น ไม่ว่าจะเป็นรางวัลนักแสดงหน้าใหม่หญิงยอดเยี่ยม จากงานประกาศรางวัล 39th Blue Dragon Film Awards และรางวัลนักแสดงดาวรุ่ง จากงานประกาศรางวัล 3rd London Asian Film Festival

ลำหรับซีรี่ส์เรื่อง Itaewon Class ถือเป็นงานซีรี่ส์เรื่องแรกของเธอ แต่กลับกลายเป็นซีรี่ส์ที่ส่งให้ชื่อของดามีโด่งดังเป็นพลุแตก ปฏิเสธไม่ได้ว่า ด้วยใบหน้ากวน ๆ (ที่ไม่ได้มาแนวสวยใส) พร้อมวิธีการแสดงออกของเธอ มันทำให้คนดูอย่างเรา ๆ รู้สึกสนุก และพากันให้กำลังใจตัวละคร ‘โซอีซอ’ ที่เดินหน้าจีบพระเอก ‘พัคแซรอย’ อย่างสุดใจ

.

พัคโซดัม

อีกหนึ่งหมวยที่เราต้องหลงรักเธอ! กับผลงานล่าสุด ซีรี่ส์เรื่อง Record of Youth นางเอกสาววัย 29 ปีคนนี้ รับบทเป็นช่างแต่งหน้า แถมยังเป็นติ่งของพระเอกในเรื่อง ที่รับบทโดย พัคโบกอม หากใครได้เห็นเพียงโปสเตอร์ของซีรี่ส์เรื่องนี้ อาจคาดหวังว่าคงได้กรี้ดกับใบหน้าหล่อใสกิ๊งของพัคโบกอม แต่พอดูไปดูมา อ้าว! เราเพลินกับความหน้าเก๋ของพัคโซดัมไปซะอย่างนั้น

หลายคนอาจคุ้นหน้าคุ้นตาเธอมาบ้างแล้ว เพราะก่อนหน้านี้ โซดัมคือหนึ่งในนักแสดงของหนังแห่งปีอย่าง Parasite ที่กวาดมาทุกเวที จากเกาหลีไปยันออสการ์ โซดัมจบการศึกษาด้านการแสดงจากมหาวิทยาลัยศิลปะแห่งชาติเกาหลี (Korea National University of Arts)​ ซึ่งที่ผ่านมา เธอเป็นนักแสดงที่มีผลงานทั้งภาพยนตร์และซีรี่ส์มาพอสมควร ความเก่งของเธอคือการแสดงที่ทำให้คนดูรู้สึกเหมือนว่าเธอไม่ได้แสดง เหมือนอย่างเรื่อง Record of Youth ที่เธอแสดงได้เนียนตาเอามากๆ เผลอรู้ตัวอีกที เราก็ตกหลุมรักเธอไปอีกแล้วเช่นกัน เฮ้อ...

.

เรียกว่าเป็น 3 นางเอกสายเกาที่มาแรงในช่วงเวลานี้จริงๆ และเร็วๆ นี้ พวกเธอก็จะมีผลงานมาให้ได้ชมกันอีกอย่างแน่นอน สาวกซีรี่ส์เกาหลีห้ามพลาดดดด!

 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top