Thursday, 26 June 2025
ค้นหา พบ 49021 ที่เกี่ยวข้อง

นายกรัฐมนตรี ‘พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา’ ประกาศให้เศรษฐกิจชีวภาพ-เศรษฐกิจหมุนเวียน-เศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy : BCG Model) เป็นวาระแห่งชาติ ดึงคนรุ่นใหม่ร่วมขับเคลื่อน สร้างรายได้ใหม่ให้ประเทศ

พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารการพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ-เศรษฐกิจหมุนเวียน-เศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy : BCG Model) ครั้งที่ 1/2564 หวังดึงคนรุ่นใหม่ร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจ BCG เพิ่มรายได้ประเทศ

.

นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการประชุมคณะกรรมการบริหารการพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ-เศรษฐกิจหมุนเวียน-เศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy : BCG Model) ว่า รัฐบาลมีเป้าหมายพัฒนาให้ประเทศไทยให้เป็นประเทศที่มีรายได้สูง ขณะที่ประชาชนที่เป็นเกษตรกรอยู่ในภาคการเกษตรมีจำนวนมากกว่า 10 ล้านคน จึงต้องหาวิธีการใหม่ เพื่อใช้พื้นที่เกษตรให้เกิดผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่สอดคล้องกับวาระของโลก อาทิ การลดปริมาณขยะ ลดการใช้พลังงานฟอสซิล สภาพภูมิอากาศเปลี่ยน ภัยพิบัติ การกัดเซาะชายฝั่ง เป็นต้น

.

นายกรัฐมนตรียังชื่นชมแผนยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนประเทศไทยด้วยโมเดลเศรษฐกิจ BCG พ.ศ. 2564-2569 โดยเน้นดึงคนรุ่นใหม่ที่มีความรู้ความสามารถเข้ามาร่วมขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่เศรษฐกิจ BCG ใช้จุดเด่นและศักยภาพของประเทศไทยในเรื่องของการเกษตร สาธารณสุข การท่องเที่ยว เพิ่มขีดความสามารถให้มากขึ้น โดยจะประกาศให้ BCG เป็นวาระแห่งชาติ เช่นเดียวกับนโยบายประเทศไทย 4.0 และจะต้องสำเร็จภายใน 5 ปี ลดการพึ่งพาจากต่างประเทศ รวมถึงให้ประเทศไทยเป็นดินแดนแห่งความปลอดภัยในด้านสาธารณสุข และจะนำแผนยุทธศาสตร์ฯ ฉบับนี้เป็นกรอบการทำงานของงบประมาณปี 2565 ดำเนินการให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลด้วย

.

ทั้งนี้ ที่ประชุมมีมติเห็นชอบยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนประเทศไทยด้วยโมเดลเศรษฐกิจ BCG พ.ศ. 2564-2569 ประกอบด้วย 4 ยุทธศาสตร์ ได้แก่

.

ยุทธศาสตร์ที่ 1: สร้างความยั่งยืนของฐานทรัพยากรและความหลากหลายทางชีวภาพด้วยการจัดสมดุลระหว่างการอนุรักษ์และการใช้ประโยชน์

.

ยุทธศาสตร์ที่ 2: การพัฒนาชุมชนและเศรษฐกิจฐานรากให้เข้มแข็งด้วยทุนทรัพยากร อัตลักษณ์ ความคิดสร้างสรรค์ และเทคโนโลยีสมัยใหม่ ใช้ศักยภาพของพื้นที่โดยการระเบิดจากภายใน เน้น “ความหลากหลายทางชีวภาพ” และ “ความหลากหลายทางวัฒนธรรม” ยกระดับมูลค่าในห่วงโซ่การผลิตสินค้าและบริการให้มีมูลค่าสูงขึ้น

.

ยุทธศาสตร์ที่ 3: ยกระดับการพัฒนาอุตสาหกรรมภายใต้เศรษฐกิจ BCG ให้สามารถแข่งขันได้อย่างยั่งยืนด้วยความรู้เทคโนโลยี และนวัตกรรมมาให้ความสำคัญกับระบบการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แบบ “ทำน้อยได้มาก”

.

ยุทธศาสตร์ที่ 4: เสริมสร้างความสามารถในการตอบสนองต่อกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลก สร้างภูมิคุ้มกันและความสามารถในการตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกอย่างเท่าทันเพื่อบรรเทาผลกระทบ

.

ทั้งนี้ การขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศด้วยโมเดลเศรษฐกิจ BCG พ.ศ. 2564-2569 อยู่บนพื้นฐานของ 4 + 1 ประกอบด้วย 4 สาขายุทธศาสตร์ คือ 1.เกษตรและอาหาร 2.สุขภาพและการแพทย์ 3.พลังงาน วัสดุและเคมีชีวภาพ และ 4.การท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ และ 1 ฐานความหลากหลายทางชีวภาพและวัฒนธรรม ซึ่งเป็นทุนพื้นฐานสำคัญในการพัฒนาประเทศและการเพิ่มคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับประชาชน

“วิษณุ” เผย ภายใน 1-2 วัน รายชื่อคณะกรรมการสางปมบ่อนพนัน-แรงงานผิดกฎหมาย ออกชัดเจน ระบุ ประธานไม่ใช่คนสีกากี มีประวัติการทำงานดี มีความรู้ความสามารถ และมีประสบการณ์ในส่วนที่รับผิดชอบ

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้ารายชื่ออคณะกรรมการแก้ปัญหาบ่อนการพนันและแรงงานผิดกฎหมาย ตามที่นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ภายใน 1-2 วันนี้ รายชื่อคณะกรรมการ ที่เกี่ยวกับแรงงานผิดกฎหมายและคณะกรรมการที่เกี่ยวกับบ่อนการพนัน จะชัดเจน ซึ่งบางคนอาจไม่สะดวกที่จะรับตำแหน่งเนื่องจากต้องลงพื้นที่ โดยเฉพาะในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ต้องเพิ่มความระมัดระวัง เพราะบางคนเป็นผู้สูงอายุ

นายวิษณุ กล่าวว่า ส่วนผู้ที่จะมานั่งเป็นประธานคณะกรรมการ จะมีชื่อระดับบิ๊กเนมหรือไม่นั้น ตอบได้เพียงว่าเป็นผู้ที่มีประวัติการทำงานดี มีความรู้ความสามารถ และมีประสบการณ์ในส่วนที่รับผิดชอบ ซึ่งประธานคณะกรรมการทั้งสองคณะ ไม่จำเป็นต้องเป็นเจ้าหน้าที่ทหารหรือตำรวจ เพราะขั้นปฏิบัติ เจ้าพนักงานที่เป็นทหาร ตำรวจ เป็นผู้ดำเนินการอยู่แล้ว ซึ่งตัวประธานก็ไม่อยากให้เป็นข้าราชการทหารตำรวจ แต่เป็นอดีตข้าราชการได้ และที่สำคัญ ไม่อยากให้เป็นตำรวจเพราะอาจจะมีความเชื่อมโยงเกี่ยวข้องได้

“คณะกรรมการที่ตั้งขึ้นมาเป็นการแก้ไขเฉพาะหน้า เน้นเรื่องที่ได้รับร้องเรียนเรื่องปัจจุบันและหามาตรการป้องกันในอนาคต โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับการทำให้เกิดการแพร่ระบาดของ โควิด-19 จะไม่มีการตรวจสอบย้อนหลัง เพราะเจ้าหน้าที่ก็ดำเนินคดีตามกฎหมายอยู่แล้ว”

นายวิษณุ กล่าวว่า บทบาทหน้าที่ของคณะกรรมการทั้งสองชุด ไม่ได้มีหน้าที่จับกุม เพราะคนจับคือเจ้าพนักงาน แต่จะทำหน้าที่เป็นผู้รับเรื่องราวร้องทุกข์และเบาะแสต่าง ๆ ที่มีบ่อนและแรงงานผิดกฎหมาย และจี้กำชับไปยังหน่วยงานที่รับผิดชอบให้ตำรวจพื้นที่ลงไปดำเนินการ เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นขณะนี้คือเจ้าพนักงานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ หากพบว่าเจ้าหน้าที่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ของตัวเอง ก็สามารถไปแจ้งดำเนินคดีได้ที่กองปราบปรามหรือ ตำรวจสอบสวนกลาง และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) โดยให้คณะกรรมการป้องกัน และปราบปราบการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และ คณะกรรมการป้องกันและปราบปราบการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) ตรวจสอบ เป็นต้น

ที่สำคัญนายกรัฐมนตรีได้เปิดสายด่วน 1111 ให้ประชาชนแจ้งเบาะแส ซึ่งกรรมการทั้งสองชุดจะขยายผลไปตรวจสอบข้อร้องเรียนต่างๆ และอาจจะเปิดรับข้อมูลจากต่างจังหวัดด้วย ซึ่งกรรมการก็จะมีการตั้งอนุกรรมการขึ้นมาทำงานอีกต่อนึง

14 มกราคม ค.ศ. 2016 ‘อลัน ริคแมน’ ศาสตราจารย์เซเวอรัส สเนป แห่งภาพยนตร์แฮร์รี่ พอตเตอร์ เสียชีวิต

วันที่ 14 มกราคมของเมื่อ 5 ปีก่อน คอหนังหลายคนพากันใจหายไปตาม ๆ กัน เมื่อมีข่าวช็อก นักแสดงคนดัง ‘อลัน ริคแมน’ เสียชีวิต

หลายคนรู้จักเขาในฐานะนักแสดงมากความสามารถ ผู้คว่ำหวอดในวงการภาพยนตร์มากว่า 40 ปี แต่สำหรับแฟนหนังแนวแฟนตาซี นักแสดงคนนี้ คือศาตราจารย์ผมยาว ผู้มีบุคลิกลึกลับ นามว่า ‘เซเวอรัส สเนป’ แห่งมหากาพย์ภาพยนตร์เรื่องยิ่งใหญ่ แฮร์รี่ พอตเตอร์ นั่นเอง

อลัน ริคแมน เป็นชาวอังกฤษโดยกำเนิด เขาเคยเป็นนักออกแบบกราฟิก ก่อนที่จะตัดสินใจเรียนการแสดงเพิ่มเติม และก้าวเข้าสู่แวดวงการแสดง จนเริ่มเป็นที่รู้จักจากหนังเรื่อง Les Liaisons Dangereuses ในปี ค.ศ. 1985 รวมถึงได้รับบทบาทตัวร้ายที่โดดเด่นในหนังเรื่องดังอย่าง Die Hard

ชื่อของ อลัน ริคแมน มาโด่งดังเป็นพลุแตกอีกครั้ง จากการที่เขาเข้ามารับบทบาทเป็นหนึ่งในอาจารย์ของโรงเรียนพ่อมด ‘ฮอกวอตส์’ ในหนังแฮร์รี่ พอตเตอร์ ซึ่งตัวละคร ‘สเนป’ ทำให้คนดูต้องติดตามความลึกลับของเขา ถือเป็นตัวละครในหนังแฮร์รี่ พอตเตอร์ ที่หลายคนจดจำได้ดี

กระทั่งในวันที่ 14 มกราคม ค.ศ. 2016 จู่ ๆ ก็เกิดมีข่าวร้ายกับวงการฮอลลีวู้ด เมื่อมีรายงานข่าวว่า อลัน ริคแมน เสียชีวิตลงด้วยโรคมะเร็งตับอ่อน ในวัย 69 ปี แต่ถึงแม้ตัวจะจากไป ชื่อเสียงและความสามารถ โดยเฉพาะกับภาพศาสตราจารย์สเนป ก็ยังคงอยู่ในความทรงจำของแฟน ๆ อยู่เสมอ

สภาพัฒน์’ ยันไม่ติดใจแผนฟื้นฟู ขสมก. ระบุส่งเสียงหนุน ให้คณะรัฐมนตรีนานแล้ว รอแค่คมนาคมส่งแผนลงทุนซื้อรถเมล์ใหม่ มาให้เคาะตามขั้นตอนเท่านั้น

ภายหลังสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สคม.) ตีกลับแผนฟื้นฟูกิจการขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ให้หารือในรายละเอียดกับสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) อีกครั้ง ส่งผลให้ประชาชนไม่ได้ใช้รถเมล์โฉมใหม่ ที่เป็นรถพลังงานไฟฟ้า ลดมลภาวะ PM 2.5 แอร์เย็นฉ่ำในราคาสบายกระเป๋า

ล่าสุด นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ" (สศช.) หรือ “สภาพัฒน์” ให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้แผนฟื้นฟูฯ ขสมก. ไม่ได้ติดอยู่ที่สภาพัฒน์ และกระทรวงคมนาคม ไม่จำเป็นต้องนำแผนฟื้นฟูฯ มาให้สภาพัฒน์พิจารณาก่อนเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เรื่องนี้อาจเป็นการเข้าใจผิด อย่างไรก็ตามสิ่งที่กระทรวงคมนาคม ต้องเสนอมาให้สภาพัฒน์พิจารณาคือ แผนการลงทุนในการจัดหารถโดยสารประจำทางใหม่ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่อยู่ในแผนฟื้นฟูฯ ถือเป็นกระบวนการปกติของหน่วยงานรัฐวิสาหกิจหากต้องจัดซื้อจัดจ้างต้องส่งมาให้สภาพัฒน์พิจารณาด้วย ไม่ได้เกี่ยวกับแผนฟื้นฟูฯ

“ยืนยันว่าสภาพัฒน์ไม่ได้มีประเด็นอะไรเกี่ยวกับแผนฟื้นฟู ขสมก. ซึ่งก่อนหน้านี้สภาพัฒน์ได้ส่งความคิดเห็นเกี่ยวกับแผนฟื้นฟูฯ ไปยัง ครม. นานมากแล้ว โดยไม่ได้คัดค้านแต่อย่างใด เวลานี้หากแผนพื้นฟูฯจะเข้าครม. ก็เข้าไปได้เลย ไม่ต้องส่งมาที่สภาพัฒน์ ส่วนเรื่องที่ต้องส่งมาคือแผนที่ ขสมก. จะลงทุนซื้อรถเมล์ใหม่ อย่างไรก็ตาม สภาพัฒน์พร้อมที่จะชี้แจง และเตรียมนัดหารือกับทางกระทรวงคมนาคมในเร็วๆ นี้ หากเรื่องนี้จะมีประเด็นน่าจะอยู่ที่เรื่องภาระหนี้ของ ขสมก. มากกว่า โดยเป็นเรื่องของสำนักงบประมาณ กระทรวงการคลัง ไม่ได้เกี่ยวกับสภาพัฒน์แต่อย่างใด” นายดนุชา กล่าว

ด้าน ดร.สุเมธ องกิตติกุล ผู้อำนวยการวิจัยด้านนโยบายการขนส่งและโลจิสติกส์ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาแห่งประเทศไทย (TDRI) กล่าวว่า ในหลักการแผนฟื้นฟูฯดังกล่าวถือว่าเป็นแผนที่ดี โดยเฉพาะเรื่องการจ้างเอกชนวิ่งรถโดยสารตามระยะทางที่ให้บริการ โดยจ่ายค่าจ้างเป็นกิโลเมตร (กม.) เป็นแนวคิดที่ดีมาก เพราะ ขสมก. จะได้ไม่ต้องแบกรับภาระต้นทุนค่าซ่อมบำรุง และค่าเสื่อมสภาพของรถโดยสารจำนวนมากเหมือนในปัจจุบัน ซึ่งแนวคิดนี้คิดกันมาหลายยุคหลายสมัย แต่ยังไม่สามารถนำมาดำเนินการเป็นแนวปฏิบัติที่ชัดเจนได้ อย่างไรก็ตามเวลานี้ที่มีข่าวว่าแผนฟื้นฟูฯ อยู่ระหว่างการพิจารณาของสภาพัฒน์นั้น ส่วนตัวมองว่าสภาพัฒน์น่าจะเห็นด้วย ในหลักการ เพียงแต่รายละเอียดการปฏิบัติเรื่องต่างๆ ที่อยู่ในแผนฟื้นฟูฯ ทางสภาพัฒน์อาจยังไม่มั่นใจ จึงเป็นเรื่องที่ ขสมก. ต้องชี้แจงให้ได้ เชื่อว่าคงไม่ใช่เรื่องยาก

ดร.สุเมธ กล่าวต่อไปว่า สำหรับแผนฟื้นฟูฯ ฉบับนี้ มีข้อเสนอแนะ 2 เรื่องคือ 1.การจัดเก็บค่าโดยสาร 30 บาทต่อคนต่อวัน ถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะจะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายการเดินทางให้กับประชาชน โดยเฉพาะผู้ที่ต้องเดินทางขึ้นรถโดยสารหลายต่อ จะช่วยประหยัดได้มาก แต่เชื่อว่าผู้โดยสารทุกคนคงไม่ได้หันมาซื้อตั๋วแบบ 30 บาทตลอดวันทั้งหมด

ดังนั้น ขสมก. จึงต้องพิจารณาให้ดีว่าจะดำเนินการเรื่องนี้ในทางปฏิบัติอย่างไร ซึ่งส่วนตัวมองว่าควรต้องศึกษา และสำรวจพฤติกรรมการใช้บริการของผู้โดยสารอย่างละเอียด รวมทั้งควรทดลองการจำหน่ายตั๋ว 30 บาทตลอดวันด้วย และ 2.รูปแบบการจัดเก็บรายได้ ซึ่งแน่นอนว่าต้องมีการนำตั๋วอิเล็กทรอนิกส์มาใช้ ดังนั้นในทางปฏิบัติต้องพิจารณาให้ดีว่าจะควบคุมเรื่องการเงินอย่างไร ไม่ให้เกิดปัญหารายได้รั่วไหล

หัวหน้าพรรคกล้า "กรณ์" เสนอแก้บ่อนเถื่อน ยกมาไว้บนโต๊ะ เป็นพนันถูกกฎหมาย แก้ปัญหาทุจริต เปลี่ยนส่วยเป็นภาษี เปิดช่องรัฐเข้าควบคุมระบาดโควิด-19 ได้ ฝาก "บิ๊กตู่" ถ้ากล้า ทำได้แน่นอน

นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โพสต์ข้อความลง Facebook กรณีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ระบุถึงการแก้ไขปัญหาบ่อนการพนันว่า "ต่อให้ร้อยนายกฯก็ทำไม่ได้ ถ้าทุกคนไม่ร่วมมือกัน" โดยนายกรณ์ เสนอแนวทางแก้ปัญหาบ่อนเถื่อน ด้วยการทำให้การพนันอยู่บนโต๊ะ มีกฎหมายรองรับกำกับดูแล มีการเสียภาษีให้รัฐ ป้องกันเงินรั่วไหลไปบ่อนต่างประเทศ แก้ปัญหาการทุจริตวงการคนในเครื่องแบบ สามารถเข้าถึงการควบคุมการแพร่ระบาดเชื่อโควิด-19 ได้ โดยมีข้อความดังนี้

"นายกฯ คนเดียว ก็แก้ได้ ถ้ากล้าเอาไว้ "บนโต๊ะ"
#เปลี่ยนส่วยเป็นภาษี นำเม็ดเงินกลับมาใช้เพื่อประชาชน

ถ้าพรรคกล้าเป็นรัฐบาล เราจะเอา ‘การพนัน’ ขึ้นไว้บนโต๊ะเลยครับ

ผมคิดว่าวิธีแก้ปัญหาไม่ใช่การขอให้คน ‘ร่วมมือ’ เลิกเล่นการพนัน แต่การทำให้การพนัน ‘อยู่บนโต๊ะ’ โดยมีกฎหมายรองรับ และมีการกำกับดูแล

ปัญหาสังคมเราคือ ‘บ่อนเถื่อน’ ซึ่งเป็นที่มารายได้ของผู้มีอิทธิพล เป็นที่มาของการทุจริตคอร์รัปชั่นในวงการคนมีเครื่องแบบ การรั่วไหลเงินไปบ่อนถูกกฎหมายในต่างประเทศ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งการหลบๆซ่อนๆ ที่ทำให้เกิดปัญหาการแพร่เชื้อ Covid-19 ตามที่ปรากฏ

ดังนั้นถ้าตั้งโจทย์ให้คนเลิกเล่นการพนัน เราเห็นด้วยกับนายกฯ ว่า.. ไม่ต้องร้อยนายกฯหรอกครับ - พันนายกฯ คนก็แก้ไม่ได้ แต่นี่คือโจทย์ที่ผิดโจทย์ที่ถูกคือทำอย่างไรให้การเล่นการพนันเป็นภัยต่อสังคมให้น้อยที่สุด

คำตอบคือ การพนันที่มีใบอนุญาตบนโต๊ะอย่างถูกกฎหมาย มีการกำกับดูแล และมีการเสียภาษีให้รัฐเข้าระบบ เพื่อนำเม็ดเงินกลับมาใช้จ่ายดูแลประชาชน แทนการเข้ากระเป๋ามาเฟีย

ถ้าตามนี้นายกฯ คนเดียวที่มีความกล้า ทำได้แน่นอนครับ"


ที่มา: https://www.facebook.com/71254499739/posts/10159289526159740/


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top