Thursday, 26 June 2025
ค้นหา พบ 49021 ที่เกี่ยวข้อง

สถานการณ์ COVID-19 ประเทศไทยและอาเซียน (13 มกราคม พ.ศ.2564)

ศูนย์ข้อมูล COVID-19 รายงานสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ประจำวัน โดยประเทศไทยพบจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 157 ราย ทำให้ยอดผู้ป่วยยืนยันสะสมอยู่ที่ 10,991 ราย รวมยอดผู้เสียชีวิต 67 ราย รักษาหายเพิ่ม 211 ราย รวมผู้ป่วยที่รักษาหายแล้ว 6,943 ราย ยังคงรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 3,981 ราย

ทั้งนี้ ผู้ป่วยรายใหม่ 157 ราย เป็นผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศและเข้าสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ จากไอซ์แลนด์ 1 ราย,สหรัฐอเมริกา 1 ราย,เยอรมนี 1 ราย,กาตาร์ 1 รายผ่านการคัดกรองและเข้าพักสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้

เดินทางมาจากต่างประเทศ เป็นคนไทย 21 ราย จาก เมียนมา เข้ารับการรักษาตัวใน รพ.แม่สอด

ผู้ป่วยรายใหม่จากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 90 ราย

ติดเชื้อจากการตรวจคัดกรองเชิงรุก 42 ราย

ขณะเดียวกันสถานการณ์ COVID-19 ของประเทศในกลุ่มอาเซียนมีการอัพเดทดังนี้

ประเทศบรูไน ดารุสซาลาม ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 174 ราย รักษาหายแล้ว 153 ราย เสียชีวิต 3 ราย

ประเทศกัมพูชา ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 396 ราย รักษาหายแล้ว 376 ราย ไม่มียอดผู้เสียชีวิต

ประเทศอินโดนีเซีย ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 8.47 แสน ราย รักษาหายแล้ว 6.96 แสน เสียชีวิต 24,645 ราย

ประเทศลาว ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 41 ราย รักษาหายแล้ว 40 ราย ไม่มียอดผู้เสียชีวิต

ประเทศมาเลเซีย ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 1.42 แสน ราย รักษาหายแล้ว 1.11 แสน ราย เสียชีวิต 559 ราย

ประเทศพม่า ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 1.32 แสน ราย รักษาหายแล้ว 1.15 ราย เสียชีวิต 2,878 ราย

ประเทศฟิลิปปินส์ ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 4.91 แสน ราย รักษาหายแล้ว 4.58 แสน ราย เสียชีวิต 9,554 ราย

ประเทศสิงคโปร์ ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 58,946 ราย รักษาหายแล้ว 58,694 ราย เสียชีวิต 29 ราย

ประเทศเวียดนาม ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 1,520 ราย รักษาหายแล้ว1,361 ราย เสียชีวิต 35 ราย

‘รมว.พาณิชย์’ เห็นชอบต่ออายุสินค้าควบคุม 4 รายการ คือ หน้ากากอนามัย ใยสังเคราะห์สำหรับผลิตหน้ากากอนามัย ผลิตภัณฑ์ที่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนประกอบ เพื่อสุขอนามัยสำหรับมือ และเศษกระดาษ เป็นสินค้าควบคุม

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) ว่า ที่ประชุมเห็นชอบให้ต่ออายุสินค้าควบคุม 4 รายการ คือ หน้ากากอนามัย ใยสังเคราะห์สำหรับใช้ในการผลิตหน้ากากอนามัย ผลิตภัณฑ์ที่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนประกอบเพื่อสุขอนามัยสำหรับมือ และเศษกระดาษและกระดาษที่นำกลับมาใช้ได้อีก เป็นสินค้าควบคุม เพราะจะสิ้นสุดระยะเวลาการควบคุมในวันที่ 3 ก.พ.64 โดยขั้นตอนต่อไปจะนำเสนอให้ที่ประชุม ครม. ในสัปดาห์หน้าอนุมัติ

สำหรับสาเหตุที่ต้องควบคุมหน้ากากอนามัย วัตถุดิบที่ใช้ในการผลิต และเจลล้างมือ เนื่องจากยังมีการระบาดของโควิด-19 ทำให้ยังมีความต้องการสินค้าเหล่านี้เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยในส่วนของหน้ากากอนามัยมี 3 ส่วน คือ 1. หน้ากากอนามัยทางการแพทย์ที่ผลิตจากโรงงานในประเทศไทยที่ขึ้นทะเบียนกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ปัจจุบันมีอยู่ 30 กว่าโรงงาน จะคุมราคาขายปลีกไม่เกินชิ้นละ 2.50 บาทเช่นเดิม 2. หน้ากากอนามัยทางเลือก ซึ่งมีทั้งที่ผลิตในประเทศและนำเข้า จะคุมราคาโดยต้นทุนบวกค่าบริหารจัดการไม่เกิน 60% และ 3. หน้ากากผ้าไม่ควบคุม เพราะรัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมให้ประชาชนใช้หน้ากากผ้าในการป้องกันโควิด-19

ส่วนผลการดำเนินคดีช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 รอบใหม่ ตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค. 63 - 12 ม.ค. 64 มีผู้ร้องเรียนเข้ามาทั้งหมด 160 ราย ตรวจสอบแล้ว 129 ราย ดำเนินคดีไป 19 ราย ประกอบด้วย ไม่ปิดป้ายแสดงราคา 13 คดี ขายเกินราคา 6 คดี ที่เหลือเมื่อตรวจสอบแล้ว ไม่พบการกระทำความผิด และในจำนวนคดีที่ขายเกินราคา 6 คดีนั้น เป็นคดีที่กระทำความผิดบนออนไลน์ 2 คดี ส่วนที่เหลืออีก 31 คดี จะเร่งตรวจสอบต่อไป

“บิ๊กตู่” ไม่ห้ามท้องถิ่นจัดซื้อวัคซีนป้องกันโควิด ฉีดให้ประชาชนในพื้นที่ ระบุ เป็นสิทธิ์ทำได้ เผยวัคซีน บ.สยามไบโอไซฯ อยู่ในเกณฑ์ยอมรับได้ ส่วนตัวเลขแพร่ระบาดยังขึ้นๆ ลง ๆ สะท้อนคนไทยให้ความร่วมมือ

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ว่า ทราบว่าสื่อมวลชนคิดถึงอยากเห็นตัวเป็นๆ จริงๆก็เห็นกันทุกวันอยู่แล้ว จะใกล้จะไกลก็เห็นกันอยู่และขอให้ช่วยกันดูแลรัฐบาลบ้าง พยายามทำอย่างเต็มที่ไม่เคยได้หยุดนิ่ง หลายเรื่องจะทำให้ถูกใจทุกคนคงเป็นไปได้ยาก ข้อสำคัญคือเราทำให้คนจำนวนมากได้รับการดูแล นั่นคือเรื่องความเป็นธรรมใช่หรือไม่

ส่วนเรื่องของโอกาสก็ให้ทุกคนเข้าถึงโอกาส ไม่ว่าจะเป็นเรื่องวัคซีนหรือเรื่องอะไรต่างๆ มันต้องใช้วิธีการที่เหมาะสม มีกระบวนการ ซึ่งนายกฯต้องเป็นผู้อนุมัติเรื่องเหล่านี้ทั้งสิ้น ไม่ว่าใครจะเสนออะไรมาก็ต้องอนุมัติโดยการนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) จะพูดก่อนอะไรก่อนก็ไม่รู้ แต่ถ้าเข้ามาแล้วมันไม่ได้ ไม่ผ่าน ไม่มีงบประมาณมันก็ไม่ได้ เข้าใจหรือไม่ ฉะนั้นต้องระมัดระวังที่สุด ในการใช้จ่ายงบประมาณเวลานี้ ซึ่งเราก็ยังเจอปัญหาอีกหลายด้านด้วยกัน งบประมาณมีอยู่จะเพียงพอในระยะนี้ไปก่อน ถ้าไม่พอค่อยว่ากันใหม่

กรณีที่หลายท้องถิ่น ประกาศจะจัดหาวัคซีนมาฉีดให้กับประชาชนในพื้นที่ของตัวเอง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ก็เป็นโอกาสที่ทำได้ ซึ่งตนเปิดโอกาสให้สามารถนำเข้าวัคซีนมาได้ หากจะใช้เงินท้องถิ่นก็ถือเป็นสิทธิ์และเป็นเรื่องของสภาท้องถิ่นจะจัดซื้อที่ไหนอย่างไรก็ว่ามา หากท้องถิ่นนำเข้ามา และผ่านมาตรฐานของคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) สิ่งสำคัญหลายคนตั้งความหวังกับวัคซีนมาก รัฐบาลจำเป็นต้องหาหลายช่องทาง หลากหลายประเทศ แต่ท้ายที่สุดต้องผ่านมาตรฐาน อย. ถ้ายังไม่ผ่านเราต้องระมัดระวังที่สุดในเรื่องของผลค้างเคียงอะไรต่างๆ เยอะแยะ

วันนี้เป็นที่น่ายินดีว่าวัคซีนที่ บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด ผลิตอยู่ในเกณฑ์ที่ยอมรับได้ ส่วนอื่นๆ ก็ยังต้องตรวจสอบกันต่อไป แต่เราก็เชื่อมโยงไว้หมด ไม่ว่าจะของใครก็ตาม และตนคิดว่าการผลิตวัคซีนจะมีมากขึ้น และต้องดูว่าประเทศต้นทางรับรองมาตรฐานหรือเปล่านั่นคือประเด็นสำคัญ ตนจะต้องตัดสินใจตรงนี้ แม้เราจะมีวัคซีนเข้ามาก็ตามก็ต้องเร่งรัดการรับรองมาตรฐานจะทำอย่างไร ซึ่งต้องระมัดระวังผลกระทบข้างเคียงของประชาชน

ส่วนสถานการณ์ภาพรวมล่าสุดของการแพร่ระบาดโควิด-19 ภายในประเทศ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้ได้มีการรายงานตัวเลขมาอยู่ที่ประมาณร้อยกว่าคน ช่วงนี้มันก็จะเป็นแบบนี้ขึ้นๆ ลงๆ แสดงว่าความร่วมมือของประชาชนมากยิ่งขึ้นในการตรวจคัดกรอง โดยเฉพาะการงดการเดินทางโดยที่ไม่จำเป็น อันนี้ทำให้การแพร่ระบาดคลี่คลายได้เร็ว และมีการคัดกรองคนเข้าระบบมากขึ้น สิ่งสำคัญที่สุดต้องร่วมมือกัน ไม่ว่ารัฐบาลจะออกมาตรการใดก็ตาม ถ้าประชาชนไม่ร่วมมือกันก็ทำไม่ได้ทั้งหมด

เช็กเงื่อนไข ใครได้ ใครอด เงินเยียวยา 3,500 จาก ‘โครงการเราชนะ’

ฮือฮาท่ามกลางลมหนาว เห็นจะเป็นข่าว ‘โครงการเราชนะ’ ที่นายกฯ และครม. เคาะกันออกมาแล้วว่า จะจ่ายเงินเยียวยาให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ระบาดระลอกสอง คนละ 3,500 บาท เป็นระยะเวลา 2 เดือน

งานนี้เหมือนได้ตัวช่วยเป็นไออุ่นท่ามกลางลมหนาว แถมจำนวนผู้ที่ได้รับสิทธิ์หนนี้ ยังครอบคลุมประชาชนไปทั้งประเทศ ทุกระดับ กว่า 40 ล้านคน โดยรัฐจะใช้ฐานข้อมูลการลงทะเบียนจาก ‘โครงการเราไม่ทิ้งกัน’ มาเป็นข้อมูลพิจารณา

ดังนั้น ไม่จำเป็นต้องลงทะเบียนใหม่ จะมีแค่เฉพาะกลุ่มเกษตรกร ที่ลงทะเบียนเยียวยาเกษตรไปรอบที่แล้วประมาณ 7 ล้านคน ที่จะต้องลงทะเบียนใหม่ เพราะข้อมูลไม่ได้อยู่ในระบบที่เชื่อมกับโครงการนี้

ย้ำอีกทีว่าไม่ต้องกังวลเรื่องการแย่งสิทธิ หรือที่เรียกว่า มาก่อนได้ก่อน เพราะโครงการนี้จุดประสงค์คือ เยียวยาทุกคนที่ควรได้รับการช่วยเหลือ ถ้าเคยอยู่ในระบบไหน ที่รัฐมีข้อมูลอยู่แล้ว ขอแค่รอให้ระบบคัดกรองว่า ‘เข้าเกณฑ์’ ก็พร้อมโอนได้ทันที คาดว่าจะมีผลปลายเดือนมกราคม หรือต้นเดือนกุมภาพันธ์ เป็นต้นไป

เอาเป็นว่า ตอนนี้รอรายละเอียดความชัดเจนหลังจาก ครม.อนุมัติในวันที่ 19 มกราคมอย่างเป็นทางการเสียก่อน แต่เบื้องต้นมาเช็กดูเงื่อนไขไปพลางๆ ว่าเราเป็นผู้ที่เข้าข่าย หรือไม่เข้าข่าย การรับเงิน 3,500 บาท กันเสียก่อน เช็กกันซะให้ชัวร์ๆ ว่าเงินเยียวยาหนนี้ เรามีสิทธิ์หรือไม่!? ไปดู!

นายกรัฐมนตรี ‘พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา’ ประกาศให้เศรษฐกิจชีวภาพ-เศรษฐกิจหมุนเวียน-เศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy : BCG Model) เป็นวาระแห่งชาติ ดึงคนรุ่นใหม่ร่วมขับเคลื่อน สร้างรายได้ใหม่ให้ประเทศ

พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารการพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ-เศรษฐกิจหมุนเวียน-เศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy : BCG Model) ครั้งที่ 1/2564 หวังดึงคนรุ่นใหม่ร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจ BCG เพิ่มรายได้ประเทศ

นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการประชุมคณะกรรมการบริหารการพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ-เศรษฐกิจหมุนเวียน-เศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy : BCG Model) ว่า รัฐบาลมีเป้าหมายพัฒนาให้ประเทศไทยให้เป็นประเทศที่มีรายได้สูง ขณะที่ประชาชนที่เป็นเกษตรกรอยู่ในภาคการเกษตรมีจำนวนมากกว่า 10 ล้านคน จึงต้องหาวิธีการใหม่ เพื่อใช้พื้นที่เกษตรให้เกิดผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่สอดคล้องกับวาระของโลก อาทิ การลดปริมาณขยะ ลดการใช้พลังงานฟอสซิล สภาพภูมิอากาศเปลี่ยน ภัยพิบัติ การกัดเซาะชายฝั่ง เป็นต้น

นายกรัฐมนตรียังชื่นชมแผนยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนประเทศไทยด้วยโมเดลเศรษฐกิจ BCG พ.ศ. 2564-2569 โดยเน้นดึงคนรุ่นใหม่ที่มีความรู้ความสามารถเข้ามาร่วมขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่เศรษฐกิจ BCG ใช้จุดเด่นและศักยภาพของประเทศไทยในเรื่องของการเกษตร สาธารณสุข การท่องเที่ยว เพิ่มขีดความสามารถให้มากขึ้น โดยจะประกาศให้ BCG เป็นวาระแห่งชาติ เช่นเดียวกับนโยบายประเทศไทย 4.0 และจะต้องสำเร็จภายใน 5 ปี ลดการพึ่งพาจากต่างประเทศ รวมถึงให้ประเทศไทยเป็นดินแดนแห่งความปลอดภัยในด้านสาธารณสุข และจะนำแผนยุทธศาสตร์ฯ ฉบับนี้เป็นกรอบการทำงานของงบประมาณปี 2565 ดำเนินการให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลด้วย

ทั้งนี้ ที่ประชุมมีมติเห็นชอบยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนประเทศไทยด้วยโมเดลเศรษฐกิจ BCG พ.ศ. 2564-2569 ประกอบด้วย 4 ยุทธศาสตร์ ได้แก่

ยุทธศาสตร์ที่ 1: สร้างความยั่งยืนของฐานทรัพยากรและความหลากหลายทางชีวภาพด้วยการจัดสมดุลระหว่างการอนุรักษ์และการใช้ประโยชน์

ยุทธศาสตร์ที่ 2: การพัฒนาชุมชนและเศรษฐกิจฐานรากให้เข้มแข็งด้วยทุนทรัพยากร อัตลักษณ์ ความคิดสร้างสรรค์ และเทคโนโลยีสมัยใหม่ ใช้ศักยภาพของพื้นที่โดยการระเบิดจากภายใน เน้น “ความหลากหลายทางชีวภาพ” และ “ความหลากหลายทางวัฒนธรรม” ยกระดับมูลค่าในห่วงโซ่การผลิตสินค้าและบริการให้มีมูลค่าสูงขึ้น

ยุทธศาสตร์ที่ 3: ยกระดับการพัฒนาอุตสาหกรรมภายใต้เศรษฐกิจ BCG ให้สามารถแข่งขันได้อย่างยั่งยืนด้วยความรู้เทคโนโลยี และนวัตกรรมมาให้ความสำคัญกับระบบการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แบบ “ทำน้อยได้มาก”

ยุทธศาสตร์ที่ 4: เสริมสร้างความสามารถในการตอบสนองต่อกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลก สร้างภูมิคุ้มกันและความสามารถในการตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกอย่างเท่าทันเพื่อบรรเทาผลกระทบ

ทั้งนี้ การขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศด้วยโมเดลเศรษฐกิจ BCG พ.ศ. 2564-2569 อยู่บนพื้นฐานของ 4 + 1 ประกอบด้วย 4 สาขายุทธศาสตร์ คือ 1.เกษตรและอาหาร 2.สุขภาพและการแพทย์ 3.พลังงาน วัสดุและเคมีชีวภาพ และ 4.การท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ และ 1 ฐานความหลากหลายทางชีวภาพและวัฒนธรรม ซึ่งเป็นทุนพื้นฐานสำคัญในการพัฒนาประเทศและการเพิ่มคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับประชาชน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top