Wednesday, 25 June 2025
ค้นหา พบ 49019 ที่เกี่ยวข้อง

นายกฯ จัดเต็ม เปิดมาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบโควิด-19 ระลอกใหม่ โดนใจข้อไหน ตามไปเช็ก!

ยิ่งกว่าเมสซี่เจ ก็ต้อง ‘ลุงตู่’ นี่ล่ะคร้าบ!! ช่วงนี้นายกฯ กำลังท็อปฟอร์มเจง ๆ ล่าสุดวันนี้มีมติจากครม. ออกมา เป็นมาตรการเยียวยาประชาชนจากสถานการณ์โควิด-19 ระลอกใหม่ งานนี้จัดหนัก จัดเต็ม ทุกดอก! เป็นนักฟุตบอลก็ปล่อยของแบบ ‘ซัดเต็มเหนี่ยว’ ส่วนจะถูกใจแฟนบอล เอ้ย! ประชาชนคนไทยขนาดไหน อันนี้ต้องตามไปเช็กมาตรการเหล่านี้กัน!

กรมสรรพากร ขยายเวลาการใช้ระบบภาษีหัก ณ ที่จ่ายอิเล็กทรอนิกส์ (e-Withholding Tax) เหลือ 2% ถึงสิ้นปี 2565 คาดทำให้มีกระแสเงินสดหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ กว่า 24,840 ล้านบาท ส่วนการลงทุนระบบใช้สิทธิหักรายจ่ายได้ 2 เท่า

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2564 ได้มีมติเห็นชอบมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการใช้ระบบภาษีหัก ณ ที่จ่ายอิเล็กทรอนิกส์ (e-Withholding Tax) โดยลดอัตราภาษีหัก ณ ที่มีอัตรา 5% และ 3% เหลือ 2%

สำหรับการจ่ายเงินได้พึงประเมินผ่านระบบ e-Withholding Tax ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2563 - 31 ธันวาคม 2565 ซึ่งจะช่วยคืนสภาพคล่องให้แก่ประชาชนและผู้ประกอบการ ทำให้มีกระแสเงินสดหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ กว่า 24,840 ล้านบาท

นายเอกนิติ กล่าวเพิ่มเติมว่า คณะรัฐมนตรี ยังได้เห็นชอบมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนในระบบภาษีอิเล็กทรอนิกส์ โดยบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลสามารถนำรายจ่ายจากการลงทุน และการใช้บริการระบบ e-Withholding Tax หรือระบบใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์และใบรับอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice & e-Receipt) มาหักเป็นรายจ่ายได้ 2 เท่า

ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563 - 31 ธันวาคม 2565 ซึ่งจะช่วยให้ภาคเอกชนมีต้นทุน และภาระในการจัดทำ และการจัดเก็บเอกสารรวมทั้งการปฏิบัติหน้าที่ทางภาษีลดลง นอกจากนี้ ยังเป็นการส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลและการแปลงเป็นดิจิทัลของทั้งภาครัฐและภาคเอกชน สนับสนุนนโยบายประเทศไทย 4.0 และเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และช่วยป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 (COVID-19)

สำหรับ ระบบ e-Withholding Tax เป็นหนึ่งในนโยบาย Tax From Home ที่กรมสรรพากรได้นำการเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการทำงานด้วยดิจิทัล (Digital Transformation) มาใช้เพื่อให้การปฏิบัติการและชำระภาษีผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์เป็นเรื่องง่าย สามารถทำได้ทุกที่ ซึ่งสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันที่ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ปรับเปลี่ยนการลงทุนในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์มากขึ้น เพื่อให้ธุรกิจสามารถดำเนินการได้อย่างต่อเนื่อง ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ และช่วยป้องกันการแพร่ระบาดของ COVID-19

13 มกราคม วันการบินแห่งชาติ

วันนี้เป็นวัน ‘การบินแห่งชาติ’ โดยถือว่าเป็นวันสำคัญต่อกิจการการบินของประเทศ ซึ่งที่มาของวันนี้ สืบย้อนกลับไปราว 110 ปี ในปี พ.ศ. 2454 จอมพลสมเด็จเจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถ กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ ได้นำความกราบบังคมทูลต่อพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 6) ถึงความจำเป็นและประโยชน์ของเครื่องบิน ที่มีไว้เพื่อป้องกันประเทศ

ต่อมาจึงมีคำสั่งให้นายทหาร 3 นายไปฝึกวิชาการบินที่ประเทศฝรั่งเศส พร้อมกันนั้น ทางการยังได้สั่งซื้อเครื่องบินจากฝรั่งเศสเป็นครั้งแรกจำนวน 7 ลำ กระทั่งนายทหารนักบินทั้ง 3 นายสำเร็จการศึกษากลับมา ก็ได้ทดลองบินเป็นครั้งแรกในประเทศ เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2456 ซึ่งผลการขับเป็นไปด้วยดี ท่ามกลางเสียงชื่นชมของผู้ชมจำนวนมากที่มารอชม

ในเวลาต่อมา พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงสถาปนาแผนกการบินขึ้นในกระทรวงกลาโหม เป็นผลให้กิจการการบินไทยได้รับการพัฒนาขึ้นตามลำดับ กระทั่งเมื่อวันที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2456 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จทอดพระเนตรการบิน โดยมีนายทหารนักบินขึ้นแสดงการบินถวายและโปรยกระดาษถวายพระพรชัยมงคล

เวลาผันผ่านมาจนถึงปัจจุบัน เพื่อเป็นการน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ทรงมีต่อกิจการการบินของชาติ คณะรัฐมนตรีจึงได้มีมติเห็นชอบกำหนดให้วันที่ 13 มกราคมของทุกปี เป็นวันการบินแห่งชาติ โดยเริ่มมาตั้งแต่ พ.ศ. 2538 เป็นต้นมา ทั้งนี้เพื่อเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ผู้ทรงเป็นผู้ริเริ่มและมีสายพระเนตรยาวไกลต่อกิจการการบิน กระทั่งได้รับการพัฒนามาจนถึงปัจจุบัน

 

กลายเป็นที่โจษจันไปทั้งเมืองลอดช่อง เมื่อสาวใหญ่วัย 65 ปีชาวสิงคโปร์ ที่เคยติดเชื้อ Covid-19 เมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2020 ที่ผ่านมาต้องติดคุกนานถึง 5 เดือนเพียงเพราะเธอปกปิด Timeline

สาวใหญ่ดวงตกรายนื้ชื่อว่านาง " โอ บี ฮก " แต่งงานแล้ว มีสามีเป็นตัว เป็นตนที่ยังอยู่กินด้วยกัน แต่เมื่อช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ปีที่แล้ว เธอตรวจพบว่าติดเชื้อ Covid-19 และเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล Singapore General Hospital

ทางการสิงคโปร์จึงส่งเจ้าหน้าที่จากกระทรวงสาธารณสุขมาสอบสวนโรค และให้เธอเปิดเผย Timeline ว่าได้ไปที่ไหน กับใครมาบ้างในรอบ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ในตอนแรกเธอบ่ายเบี่ยง อ้างว่าไข้ขึ้น อ่อนเพลีย และต้องการพักผ่อน

วันต่อมาเจ้าหน้าที่ยังจี้ต่อ โทรศัพท์มาให้เธอแจงวัน เวลา และสถานที่ที่ไปในรอบสัปดาห์อย่างละเอียด เธอบอกเพียงว่าไปวัด ไหว้เจ้า และกินเลี้ยงกับครอบครัวช่วงตรุษจีน

แต่ว่า Timeline ที่เธอได้แจ้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขกลับไม่ตรงกับที่เธอเคยแจ้งบอกคุณหมอไว้ว่า เธอไปจ่ายตลาดที่ย่าน บูกิต บาต็อก และ บูกิต ติมาห์ สัปดาห์ละ 3 ครั้ง และไปร่วมงานเลี้ยงวันเกิดให้สามีในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ ที่มีครอบครัว ที่มีหลาน ๆไปร่วมงานฉลองหลายคน

และเรื่องก็มาโป๊ะแตก เมื่อมีคนไข้ติด Covid-19 อีกคนเข้ามารักษาตัวที่โรงพยาบาล และเมื่อเช็ค Timeline ของคนไข้รายนั้น ก็พบว่าเคยเจอคุณนาย โอ บี ฮก ที่ภัตตาคาร Joy Garden ในห้าง SAFRA Jurong เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ซึ่งมีงานเทศกาลดินเนอร์ และคาราโอเกะ ที่กลายเป็น Cluster ใหญ่ มีคนติดเชื้อในงานเลี้ยงมากถึง 47 ราย

เมื่อพบหลักฐานว่า คุณนายโอ บี ฮก ไปงานเลี้ยงในห้าง SAFRA Jurong และยังพบว่าเธอไม่ได้มาคนเดียว แต่มากับผู้ชายอีกคน ซึ่งไม่ใช่สามีของเธอ!!

เจ้าหน้าที่สาธารณสุขจึงเร่งสืบว่าผู้ชายที่มากับคุณนายโอ บี ฮก เป็นใคร และในที่สุดก็ทราบชื่อว่าเขาคือ นาย "ลิม เกียง ฮง" อายุ 71 ปี และติดเชื้อ Covid-19 เช่นเดียวกัน

เมื่อเป็นเช่นนี้ ทางเจ้าหน้าที่จึงสืบต่อ จากข้อมูลประวัติการใช้บัตรเครดิตของนายลิม เกียง ฮง และ เลขทะเบียนรถที่มีบันทึกว่าไปจอดในสถานที่ใดบ้างในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ก็พบความจริงว่า คุณนาย โอ บี ฮก และ นายลิม เกียง ฮง นัดพบกันถึง 5 ครั้งในรอบไม่กี่สัปดาห์ และมักนัดพบกันในร้านอาหารตามห้างสรรพสินค้าในเขตฝั่งตะวันตกของเมืองสิงคโปร์

เจ้าหน้าที่จึงนำหลักฐานกลับไปหาคุณนาย โอ บี ฮก แจงรายละเอียด Timeline ที่สืบได้ถี่ยิบ จนคุณนายโอ ต้องยอมรับสารภาพความจริงว่า ที่เธอจงใจปกปิดไม่ยอมบอกเรื่องของนายลิม เพราะไม่อยากเป็นที่ครหานินทาว่าเธอมีความสัมพันธ์อันลึกซึ้งกับนายลิม เกียง ฮก แต่ก็ยังนัดเจอนายลิม อยู่เป็นประจำในวันที่สามีออกไปตีแบตมินตัน ที่มักจะเป็นวันว่างของเธอ เพราะไม่ต้องทำกับข้าว

แต่ที่เรื่องมาแดง เพราะติด Covid-19 จากการแอบนัดพบกันที่ห้าง SAFRA Jurong ที่เป็น Cluster ใหญ่นั่นเอง

เรื่องลับส่วนตัวเช่นนี้ เกิดกับใครคงไม่อยากจะบอก และคงไม่มีคนนอกคนไหนอยากจะเข้าไปยุ่งเกี่ยว แต่ไม่ใช่กับครั้งนี้ ที่มีโจทย์การติดเชื้อ Covid-19 มาเกี่ยวด้วย คุณนาย โอ บี ฮก นอกใจสามีของเธอหรือยัง ไม่อาจรู้ได้ แต่ที่ฟันธงได้แน่ๆคือ เธอทำผิดกฎหมายเรื่องการปกปิดข้อมูล Timeline ในช่วงที่มีกฎหมายว่าด้วยเรื่องการควบคุมโรคระบาด

และผลจากการที่เธอปิดบังข้อมูล ทำให้หลานชายอีกคนในครอบครัวติดเชื้อ Covid-19 ไปด้วยจากงานเลี้ยงฉลองวันเกิดสามีของเธอในวันที่ 22 กุมภาพันธ์นั่นเอง

และความผิดในการปกปิดข้อมูลสอบสวนโรคในสิงคโปร์ มีโทษสูงสุดถึงจำคุก 6 เดือน ปรับอีก 10,000 เหรียญสิงคโปร์ หรือประมาณ 2.27 แสนบาท

หลังจากสู้คดีมาหลายเดือน ศาลสิงคโปร์เพิ่งตัดสินลงโทษคุณนาย โอ บี ฮก ด้วยโทษจำคุกนาน 5 เดือน ข้อหาปกปิด Timeline ที่ทำให้เกิดการแพร่ระบาด Covid-19 เพิ่ม ยังทำให้เจ้าหน้าที่รัฐเสียทั้งเวลา และงบประมาณโดยใช่เหตุ

จึงเป็นข้อคิดเตือนใจสำหรับใครหลายคน ที่คิดว่าติด Covid ไม่เป็นไร แต่สำหรับบางประเทศเขาซีเรียสกว่าที่คุณคิด เพราะฉะนั้น หากคุณ...มีความลับเยอะ ใส่หน้ากาก เว้นระยะห่าง หมั่นล้างมือ ถ้าไม่อยากถูกเปิดเผย Timeline นะจ๊ะ


แหล่งข่าว

https://www.todayonline.com/singapore/housewife-safra-jurong-covid-19-cluster-gets-jail-not-disclosing-secret-meetings-male

https://www.bbc.com/news/world-asia-55579775

https://www.straitstimes.com/singapore/courts-crime/jail-for-housewife-with-covid-19-who-failed-to-disclose-meetings-with-male

รองนายกรัฐมนตรี ‘วิษณุ เครืองาม’ เผยครม.เห็นชอบให้เลือกตั้งทิ้งถิ่นระดับเทศบาลก่อน ส่วนเลือกตั้งผู้ว่ากรุงเทพมหานคร รอคิวก่อน ระบุ ยังอยู่ระหว่างแก้กฎหมายจะยังคงมี สก.- สข. หรือไม่

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึง ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติให้เตรียมการจัดเลือกตั้งท้องถิ่น ระดับเทศบาล และ สภาเทศบาล ว่า เป็นการเลือกตั้งระดับเทศบาล คือ เทศบาลตำบล เทศบาลเมือง และ เทศบาลนคร ส่วนการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. เป็นลำดับที่จะพิจารณาต่อไป

การเลือกตั้งเกี่ยวกับกทม. ยังมีปัญหาเพราะขณะนี้ยังถกเถียงกันเรื่องสก. และ สข. ว่าจะให้มีสข. หรือไม่ ถ้าจะให้มีกฎหมายต้องแก้กฎหมาย ซึ่งขณะนี้ค้างอยู่สภาฯ ดังนั้นลำดับแรกเลือกระดับเทศบาลก่อน จากนั้น ค่อยเลือกตั้งองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) จากนั้นเป็นเมืองพัทยา และ กทม. ซึ่ง 2 อย่างนี้อาจจะร่วมหรือแยกกันก็ได้

ซึ่งเลขากกต. ชี้แจงว่า พื้นที่เทศบาลไม่ทับซ้อนกับพื้นที่อบต. จึงไม่สามารถนำมาเลือกพร้อมกันได้ จึงต้องแยกกันเลยขอให้แต่ละอย่างเว้นช่วง โดยเรื่องเทศบาลควรเลือกภายใน 3 เดือนแรกของปี เนื่องจากมีความเกี่ยวโยงกับจำนวนประชากรที่พรบ.การทะเบียนราษฎรให้สรุปเมื่อวันที่ 31 ธ.ค. 63 และต้องประกาศภายใน 3 เดือนจึงเลือกตั้งเทศบาลภายในเดือนมี.ค.64 ส่วนวันที่เท่าไหร่นั่นอยู่ที่กกต.เพราะครม.ไม่มีอำนาจ

เมื่อถามว่ามีการประเมินเบื้องต้นว่าจะมีการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ช่วงไหน นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ทราบเพราะครม.ในวันนี้ไม่มีการพูดเรื่องดังกล่าว เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับครม.เพราะจะเป็นผู้บอกว่าวันนี้เลือกเทศบาล โดยขอเอาเรื่องเลือกตั้งระดับเทศบาลก่อน ส่วนการเลือกตั้งระดับอื่น ๆ จะเป็นเมื่อไหร่ ครม.จะเป็นคนบอก และประเมินตามสถานการณ์หลายอย่าง เช่น กฎหมายเกี่ยวกับสข. ที่ค้างอยู่ในสภาฯที่รอความเห็นรัฐบาล


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top