Thursday, 15 May 2025
ค้นหา พบ 48086 ที่เกี่ยวข้อง

"รมต.อนุชา" ลั่น รพ.สนามชัยนาท พร้อมรับ ผู้ป่วย โควิด-19 คนในพื้นที่ และจว.ใกล้เคียง

นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เดินทางมาตรวจเยี่ยมโรงพยาบาลสนามองค์การบริหารส่วนจังหวัดชัยนาท ต.เขาพลอง อ.เมืองชัยนาท จ.ชัยนาท โดยมีนายสมบูรณ์ ศิริเวช ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยนาท พร้อมด้วยนายนที มนตริวัต,นางศุภรินทร์ เสนาธง รองผู้ว่าราชการจังหวัดชัยนาท, พลตำรวจตรีวรณัฏฐ์ ผันผ่อน ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชัยนาท หัวหน้าส่วนราชการจังหวัดชัยนาทที่เกี่ยวข้อง และบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข ร่วมในงาน

นายอนุชา ได้พบปะพูดคุยให้กำลังใจผู้ป่วยที่มารับการรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลสนาม จำนวน 15 คน ผ่านระบบวีดิโอคอล ภายในศูนย์บัญชาการโรงพยาบาลสนาม โดยกล่าวว่า วันนี้ได้มาตรวจเยี่ยมโรงพยาบาลสนามขององค์การบริหารส่วนจังหวัดชัยนาท ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าภูมิใจแทนพี่น้องชาวจังหวัดชัยนาทที่ได้เห็นความร่วมมือภาคส่วนราชการ จัดสร้างโรพยาบาลสนามขึ้นมารองรับประชาชนชาวชัยนาทที่ได้รับผลกระทบจากโรคระบาดโควิด-19  ซึ่งระบาดเป็นระลอกที่สาม มีความรุนแรงและมีการกระจายของเชื้อเป็นวงกว้าง ถึงแม้ว่าตอนนี้สถานการณ์จังหวัดชัยนาทจะไม่รุนแรงแต่เตียงโรงพยาบาลหลักของรัฐมีอยู่จำนวนจำกัด ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีในการบริหารจัดการเตรียมความพร้อมรองรับสถานการณ์ในอนาคต เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแก้ไขปัญหาให้กับชาวชัยนาท รวมถึงพี่น้องประชาชนจังหวัดใกล้เคียงที่ติดเชื้อโควิด-19 ประสบปัญหาหาเตียงรักษาไม่ได้ 

นายอนุชา กล่าวว่า ฝากถึงพี่น้องประชาชนชาวชัยนาท และพี่น้องประชาชนจังหวัดใกล้เคียง ที่กำลังประสบกับความเดือดร้อนเรื่องเตียงรักษาผู้ป่วย ซึ่งในหลายพื้นที่มีข้อจำกัดในเรื่องการดูแลผู้ป่วยไม่ทั่วถึงเนื่องจากผู้ป่วยที่มีจำนวนมาก อยากให้ติดต่อขอกลับมารักษาตัวในโรงพยาบาลสนามจังหวัดชัยนาท ที่เบอร์โทรศัพท์ 0629936162 หรือสาธารณสุขจังหวัดชัยนาท และคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดชัยนาท จังหวัดชัยนาทยินดีที่จะต้อนรับ และดูแลเป็นอย่างดี พร้อมมอบความรัก ความอบอุ่น และความห่วงใยให้คนชัยนาทและพี่น้องประชาชนจังหวัดใกล้เคียงอย่างดีที่สุด ดั่งคนในครอบครัว

“สิระ”ย้อนถาม "เต้ มงคลกิตติ์” ทำไมอยากเป็นลูกน้องโจร เย้ย "ทักษิณ"กลับมาก็ทประโยชน์อะไรไม่ได้ 

นายสิระ เจนจาคะ ส.ส. กทม.พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ โพสต์เฟตบุ๊คส่วนตัวระบุถึงเวลาที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ต้องกลับประเทศแล้ว พร้อมเสนอตัวเป็นลูกมือทุกหน้าที่ว่า ตนตั้งคำถามว่าวันนี้นายมงคลกิตติ์ เป็นผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นตำแหน่งอันทรงเกียรติ ที่ประชาชนเลือกเข้ามาให้ทำงาน เหตุใดวันนี้จึงเสนอตัวไปเป็นลูกน้องโจร เป็นลูกน้องมิจฉาชีพ พร้อมตั้งข้อสังเกตว่าการที่ออกมาเสนอตัวเป็นลูกน้องของผู้ต้องหาหนีคดี ถือเป็นการกระทำที่ขัดจริยธรรม ส.ส.หรือไม่ 

นายสิระ ยังกล่าวว่า ถึงแม้นายทักษิณ จะกลับมา ก็ไม่สามารถทำประโยชน์อะไรให้กับบ้านเมืองได้ เพราะตามรัฐธรรมนูญปี 2560 นายทักษิณ ถือว่าขาดคุณสมบัติทั้งการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีและส.ส เพราะมองว่าปัญหาของโควิด- 19 ไม่ใช่เพียงแค่รัฐบาลอย่างเดียวที่จะแก้ไขได้ประชาชนทุกคนต้องให้ความร่วมมือ และเมื่อประชาชนให้ความร่วมมือแล้วภาครัฐต้องเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบอย่างเร็วที่สุด 

“ทีเคพาร์ค” ปรับทิศทางสู่องค์กรยุคดิจิทัล พลิกโฉมดีไซน์-บริการ-นวัตกรรมใหม่ มุ่งสร้างระบบนิเวศแห่งการเรียนรู้ เพื่อเสริมศักยภาพคนไทยในสังคมโลก นำเสนอ 5 จุดเช็คอินใหม่

สถาบันอุทยานการเรียนรู้ “TK Park” ครบรอบ 16 ปี เดินหน้าปรับทิศทางองค์กรครั้งใหญ่ พร้อมปรับโฉมใหม่ รวมทั้งเสริมบริการสุดล้ำให้เข้ากับยุคดิจิทัล โชว์วิสัยทัศน์พร้อมสร้างสรรค์ “ระบบนิเวศแห่งการเรียนรู้” คู่สังคมไทย เพื่อเพิ่มศักยภาพคนไทยให้มีทักษะในการเรียนรู้ด้วยตนเองตลอดทุกช่วงชีวิต ซึ่งเป็นกลไกหนึ่งในการสร้างทุนมนุษย์ที่มีความสำคัญ และสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันที่ยั่งยืน 

นายกิตติรัตน์ ปิติพานิช ผู้อำนวยการสถาบันอุทยานการเรียนรู้ “TK Park” หน่วยงานในสังกัดสำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน) สำนักนายกรัฐมนตรี เปิดวิสัยทัศน์ในโอกาสครบรอบ 16 ปี ว่า TK Park ได้วางยุทธศาสตร์การพัฒนาองค์กรเพื่อเข้าสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มตัว พลิกกลยุทธ์จากห้องสมุดมีชีวิต มุ่งสู่บทบาทใหม่ ในฐานะผู้ริเริ่มสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อการเรียนรู้แห่งอนาคต (Pioneer of Innovative Future Learning) เน้นตอบโจทย์การสร้างระบบนิเวศการเรียนรู้ให้คนไทย พร้อมปรับทิศทางและภาพลักษณ์องค์กรใหม่ 

เริ่มตั้งแต่การปรับโครงสร้างการบริหารงานในองค์กรให้มีความกระชับ เพื่อการขับเคลื่อนที่รวดเร็ว การพัฒนาบุคลากร สร้างคุณค่าหลักร่วมกันขององค์กร รวมไปถึงการปรับเปลี่ยนโลโก้ ให้ดูทันสมัยเข้ากับคนรุ่นใหม่ การปรับปรุงพื้นที่บริการ ชั้น 8 โดยแบ่งโซนบริการต่างๆ ให้สามารถใช้สอยได้อย่างสะดวก เข้ากับทุกกลุ่มทุกวัยที่มาเข้าใช้บริการ รวมทั้งการปรับปรุงบริการให้สะดวกรวดเร็วโดยการใช้นวัตกรรมเพื่อการเรียนรู้เข้ามาเสริมทัพ ที่จะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับสมาชิก ซึ่งทั้งหมดนี้จะตอบโจทย์เป้าหมายหลักของ TK Park ในการสร้างระบบนิเวศการเรียนรู้ที่ครอบคลุมทุกมิติ เพื่อเสริมศักยภาพคนไทยให้มีคุณภาพ เป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง นำมาสู่การพัฒนาสังคมไทย และสร้างสรรค์คุณค่าแก่สังคมโลก 

“เป็นครั้งแรกในรอบกว่าทศวรรษ ที่เราได้ปรับปรุงพื้นที่ภายในส่วนบริการ ชั้น 8 ด้วยรูปแบบใหม่เข้ากับยุคดิจิทัลเพื่อตอบโจทย์การใช้งานให้สะดวกรวดเร็ว ในแนวคิด Journey to the Next Chapter นำเสนอ 5 จุดเช็คอิน ได้แก่ 

1. Start Your Journey พื้นที่ทางเข้าสู่อุทยานการเรียนรู้ ออกแบบใหม่เพื่อสร้างสรรค์บรรยากาศของการเดินทาง ที่พร้อมพาทุกคนสู่โลกการเรียนรู้ บริการสมัครสมาชิกผ่านแอป MyTK เข้าออกพื้นที่และชำระเงินแบบไร้การสัมผัสด้วยการสแกน QR Code 

2. Smart Library พบกับจุดให้บริการห้องสมุดในดีไซน์ใหม่ เน้นออกแบบมาเพื่อการบริการตนเอง (Self Service) สมาชิกสามารถยืม คืน ต่ออายุการยืม ผ่านอุปกรณ์อัตโนมัติ ลดการสัมผัสใกล้ชิด เพื่อความปลอดภัยของทุกคน 

3. Toy Library ห้องสมุดของเล่น บริการใหม่ภายในห้องสมุดเด็กของ TK Park ให้เด็กๆ เรียนรู้เสริมทักษะได้มากขึ้นจากการเล่นที่สนุกสนาน ด้วยของเล่นวัสดุธรรมชาติจากความร่วมมือกับ PlanToys บริษัทของเล่นชั้นนำ พร้อมหนังสือในธีมเดียวกัน คัดสรรโดยบรรณารักษ์ TK Park

4. Reading Space พื้นที่สำหรับอ่านหนังสือที่ปรับปรุงใหม่ เพิ่มมุมนิตยสารให้กว้างมากขึ้น ปรับขนาดชั้นวางหนังสือให้เข้าถึงได้สะดวกขึ้น เพิ่มที่นั่งการอ่านแบบโต๊ะขนาดใหญ่ พร้อมไฟส่องสว่างประจำโต๊ะ และเสริมที่นั่งอ่านเดี่ยว เพื่อความเป็นส่วนตัว

5. Book Wall & TK Cafe มุมใหม่ล่าสุด ที่เรียกได้ว่าเป็น Book Cafe ผสมผสานทั้งหนังสือ เครื่องดื่มและบรรยากาศได้อย่างกลมกล่อมลงตัว นับเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของบทสนทนา แบบสบายๆ ระหว่างวัน แลกเปลี่ยนกันเรื่องหนังสือ การอ่าน การเรียนรู้ 

อุทยานการเรียนรู้ TK Park ได้เปิดให้บริการตามมาตรการผ่อนคลายของรัฐบาลแล้ว ตั้งแต่วันอังคาร – วันอาทิตย์ เวลา 11.00 - 18.00 น. ที่ชั้น 8 Dazzle Zone ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ หากยังคงเดินหน้ารักษามาตรการป้องกัน COVID-19 เพื่อความปลอดภัยของสมาชิก และผู้มาใช้บริการทุกคน โดยจำกัดจำนวนผู้ใช้บริการไม่เกิน 100 คน คนละไม่เกิน 60 นาที และทุกคนต้องสแกน QR Code ผ่าน "ไทยชนะ" ทุกครั้งที่แวะมายืม คืน หนังสือ สำหรับผู้สนใจสมัครสมาชิก TK Park สามารถลงทะเบียนผ่านแอป MyTK เพื่อรับโปรโมชั่นพิเศษ สมัครฟรีแบบไม่มีค่าใช้จ่าย วันนี้ ถึง 31 กรกฎาคม 2564 เท่านั้น ดูรายละเอียดเพื่อเติมได้ที่ www.tkpark.or.th

THE STATES TIMES ดีเดย์!! พร้อมเสิร์ฟเวลาแห่งความรู้ ผ่าน LIVE Content ทุกวันจันทร์ - พฤหัสบดี ตั้งแต่เวลา 19.00 - 23.00 น.

ประกาศด่วน!!

ตั้งแต่วันที่ 5 กรกฎาคม 2564

THE STATES TIMES ดีเดย์!! พร้อมเสิร์ฟเวลาแห่งความรู้ ผ่าน LIVE Content กันยาว ๆ ทุกวันจันทร์ - พฤหัสบดี ตั้งแต่เวลา 19.00 - 23.00 น. แล้ว!!

แฟนเพจทุกท่านสามารถตามติดเรื่องราว ข่าวสาร เกร็ดความรู้ เรื่องเล่า และบทสนทนากับแขกรับเชิญหลากสไตล์ในแวดวงสังคมไทยได้แบบไม่ผิดหวัง ตั้งแต่ 5 ก.ค.นี้ บนช่องทางของ THE STATES TIMES กับ 3 รายการ 3 ช่วงเวลาใหม่ ที่จะมาออนแอร์กันให้รับชมทุกวันจันทร์ - พฤหัสบดี…

ตามนี้เลยจ้า…

 

***19.00 - 20.00 น.

>> รายการ ‘กบร่อนตะลอนเล่า’

พิธีกรอารมณ์ดีแห่ง THE STATES TIMES ‘กบ - อินทร บุณยรัตพันธุ์’ จะชวนไปตะลอนหลากมุมที่น่าติดตามของเมืองไทยให้แฟน ๆ ที่เหนื่อยล้าจากการทำงาน ได้หยุดพักสมอง แล้วผ่อนคลายหัวใจไปกับมุมสนุก ๆ รอบรั้วเมืองไทยมาเล่าให้ฟังในกรอบเนื้อหาที่ผสมผสานทั้งข่าวสาร, ท่องเที่ยว, อาหาร, บันเทิง, กีฬา และอื่น ๆ อีกเพียบ โดย…

>> จันทร์ : พบกับตะลอนเล่าบันเทิ้ง...บันเทิง

>> อังคาร : พบกับตะลอนเล่า เม้าท์กินเที่ยว

>> พุธ : พบกับเรื่องนี้ต้องถึงบอส

>> พฤหัส : พบกับตะลอนเล่าฟรีสไตล์

 

***20.00 - 21.00 น.

>> รายการ ‘Click on Clear The Topic’ จับประเด็น เน้นความรู้

รวบประเด็นข่าวสารต้องตามในรอบวัน พร้อมอัปเดตข้อมูลดี ๆ จากสังคมที่อยากชวนคุณผู้ชมมาลองติดตาม โดยผู้ดำเนินรายการสาวสวยคนเดิม ‘ปริม - กุญชนิตา กุญชร ณ อยุธยา’ นอกจากนี้ ในแต่ละวันทุกท่านจะได้พบแขกรับเชิญที่น่าสนใจ ที่ Click on Clear The Topic จะชวนมาไข Topic เด่น ในกรอบของสังคม, การเมือง, เศรษฐกิจ, นวัตกรรม และอื่น ๆ ซึ่งในสัปดาห์นี้ ขอเกริ่นเลยว่าห้ามพลาด!! กับไฮไลต์เด็ดที่ Click on Clear The Topic จะขอคุยกันแบบเคลียร์ ๆ กับ ‘กรณ์ จาติกวณิช’ หัวหน้าพรรคกล้า กันเสียด้วย

>> จันทร์ 5 ก.ค. 64 พบกับ อ.ต้อม - กิตติธัช ชัยประสิทธิ์ นักวิชาการอิสระ และอาจารย์ด้านสถาปัตยกรรม สอนพิเศษด้าน ปรัชญาการเมือง สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าคุณทหารลาดกระบัง ที่จะเคลียร์ประเด็น Trend & Innovation ในมุม Covid Up Skill อยู่แบบเดิมไม่รอด ทำไง?

>> อังคาร 6 ก.ค. 64 พบกับ ดร.ตั้น - กฤชนนท์ อัยยปัญญา เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ที่จะมาช่วยเคลียร์มุมมองในเรื่อง Industrial Weekly Review ตัวเลข ‘ขึ้น-ลง’ ในภาคอุตสาหกรรมไทย นัยยะสำคัญแค่ไหน?

>> พุธ 7 ก.ค. 64 พบกับ ‘หยก THE STATES TIMES’ จะมาชวนคุยแบบเคลียร์ ๆ เรื่อง ‘กองอาทมาต’ นักรบผู้รับใช้กษัตริย์ ในภาคขยาย

>> ไฮไลต์ พฤหัส 8 ก.ค. 64 พบกับการเปิดใจ 1 ปี ‘กรณ์ จาติกวณิช’ หัวหน้าพรรคกล้า พร้อมแชร์ยุทธศาสตร์ประเทศไทย กับการเดินเกมเศรษฐกิจยุคหลังโควิด-19 ที่ควรเร่งทำ

อย่าพลาด!!

 

***22.00 - 23.00

>> ปิดท้ายค่ำคืน เวลาดีของคนรุ่นใหม่สายนกฮูก กับรายการ ‘คุยกับระนาด’

รายการ Talk คุยสบาย ๆ ตามสไตล์ New Gen พร้อมช่วงถามตรง ๆ ของคนที่อยากได้ความรู้แบบไม่กั๊ก จากแขกรับเชิญหลากสไตล์ ที่คร่ำหวอดทั้งในวงการเมือง สังคม และเศรษฐกิจ ที่พร้อมจะมาช่วยไขเรื่องราวชีวิต คติสอนใจ และไกด์ไปถึงแง่มุมการทำธุรกิจ กลยุทธ์เจ๋ง ๆ แก่ผู้ชมทุกท่าน ผ่านรอยต่อของคนคอนเทนต์สุดซน ‘ณัฐชนน กำเนิดมณี’ Co-founder บริษัท คลาสออนไลน์ (ประเทศไทย) จำกัด​ เจ้าของวลีดังแห่งจักรวาล TikTok “ผมชื่อระนาด และผมเก่งมาก” ส่วนสัปดาห์นี้ ‘ระนาด’ จะคุยกับใคร รอชม!! แต่ไม่ผิดหวังแน่นวล...

พบ 3 Live สดรายการใหม่ 3 ช่วงเวลา บนช่องทางของ THE STATES TIMES ได้ตั้งแต่ 5 กรกฎาคม ศกนี้

ฝากติดตามกันด้วย ‘นะจ๊ะ’


โปรเด็ด! ถึง 15 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES 
คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

สินค้า FMCG หรือ Fast-Moving Consumer Goods “โอกาส” ในตลาดชนบทอินเดีย

คนทั่วไปมักจะมองว่าอินเดียมีแต่ผู้คนที่ยากจนไม่มีกำลังซื้อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขตชนบท ซึ่งแน่นอนว่าผู้บริโภคอินเดียในเขตชนบทย่อมมีกำลังซื้อต่ำกว่าคนในเขตเมือง แต่ถ้าคิดให้ดีจะพบว่าไม่ว่าคนรวยหรือคนจน ยังไงๆ ก็ต้องกินต้องใช้สินค้าที่จำเป็นขั้นพื้นฐานอยู่แล้ว ซึ่งก็คือสินค้าอุปโภคบริโภคที่นิยมเรียกกันว่า FMCG หรือ Fast-Moving Consumer Goods นั่นเอง โดย FMCG จะเป็นสินค้าอุปโภคบริโภคที่ขายได้เร็วเพราะคนทั่วไปต้องใช้ในชีวิตประจำวันและเป็นสินค้าที่ใช้แล้วหมดไป

ที่สำคัญก็คือ แนวโน้มการบริโภคสินค้า FMCG ในเขตชนบทของอินเดียกลับมีแนวโน้มการขยายตัวในอัตราสูงอย่างต่อเนื่อง โดยตลาดชนบทอินเดียประกอบไปด้วยหมู่บ้านประมาณ 650,000 หมู่บ้าน มีประชากรประมาณ 850 ล้านคน คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 70% ของประชากรทั้งหมดของอินเดียและมีสัดส่วนของ GDP อยู่ที่ประมาณ 50% ของ GDP รวมทั้งประเทศ

และด้วยแนวโน้มการขยายตัวในอัตราสูงอย่างต่อเนื่องรวมทั้งมีผู้บริโภคจำนวนมหาศาล ก็เลยส่งผลให้ปัจจุบันบริษัทจําหน่ายสินค้า FMCG  หลายบริษัทในอินเดียกลับมาบุกตลาดชนบทอินเดียอีกครั้ง โดยคาดการณ์ว่าผู้บริโภคในชนบทจะเลือกซื้อสินค้าที่มีแบรนด์แทนสินค้าขายปลีกที่ไม่มีแบรนด์ ซึ่งถือเป็นโอกาสของบริษัทเหล่านี้ในการผลักดันผลิตภัณฑ์อาทิ สบู่ แชมพู บิสกิต เครื่องดื่ม และอาหารแปรรูปในบรรจุภัณฑ์ แม้ว่าอาจจะต้องตั้งราคาต่ำกว่าก็ตาม โดยอุปสงค์ในสินค้า FMCG จากตลาดชนบทเติบโตเร็วกว่าจากตลาดในเมืองมาหลายไตรมาสแล้ว และคาดว่าอุปสงค์ในเมืองเล็กและเขตชนบทจะเติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคต

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา Nestle India วางแผนที่จะขยายการเข้าถึงผู้บริโภคในเขตชนบทเพิ่มขึ้น 120,000 หมู่บ้านภายในปี 2567 โดย Nestle India พยายามที่จะขยายตลาดไปยังเขตชนบทมาหลายปีแล้ว โดยในปี 2560 สินค้าของบริษัทฯ วางจําหน่ายอยู่ในหมู่บ้านราว 1,000 หมู่บ้านทั่วประเทศ แต่ในปี 2561 ตัวเลขเพิ่มขึ้นเป็น 89,000 หมู่บ้าน ทั้งนี้ ยอดขายราว 75% ของ Nestle India มาจากเขตเมือง และที่เหลือมาจากเขตชนบท เพราะฉะนั้นการขยายตลาดไปยังเขตชนบทเพิ่มขึ้นย่อมหมายถึงการปรับสัดส่วนสินค้าหรือการออกสินค้าใหม่ที่ตรงตามความต้องการของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายมากขึ้น

ทั้งนี้ บริษัท Nielsen ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยตลาดระบุว่ายอดขายสินค้า FMCG ในเขตชนบทคิดเป็น 39% ของยอดขายสินค้า FMCG ในอินเดียทั้งหมด แสดงให้เห็นว่าตลาดชนบทอินเดียยังเติบโตได้อีกมาก นอกจากนี้ Nielsen ยังระบุอีกว่าตลาด FMCG ในเขตชนบทยังขยายตัวอยู่ในอัตราสูงราว 14.2% ในเดือนธันวาคม 2563 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนหน้า ส่วนในเขตเมืองเติบโตเพียง 0.8% เท่านั้น ซึ่งตลาดชนบทในช่วงก่อน COVID-19 เติบโตอย่างเชื่องช้าเนื่องจากข้อจํากัดด้านรายได้ แต่หลังจากเกิดการแพร่ระบาดของ COVID-19 ทําให้มีการอพยพออกจากเมืองใหญ่มากขึ้น และการบริโภคในเขตเมืองเล็กและชนบทก็เติบโตอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม ในอนาคตการขยายตัวของรายได้ต่อหัวในตลาดเหล่านี้อาจมีความท้าทายอยู่ บริษัท FMCG จึงอาจจะใช้กลยุทธ์ในการออกสินค้าแบบเน้นความคุ้มค่า (Value Pack) เพื่อที่จะแข่งขันกับคู่แข่งในท้องถิ่นได้

Marico เป็นอีกหนึ่งบริษัท FMCG ของอินเดียที่ได้เพิ่มจํานวนผู้ค้าส่งในเขตชนบท ซึ่งทําให้บริษัทฯ อาจจะสามารถขยายการกระจายสินค้าได้ถึง 20% ในอีกไม่กีปีข้างหน้า เช่นเดียวกับบริษัทผลิตบิสกิต Britannia Industries ที่ได้เพิ่มจํานวนผู้จัดจําหน่ายในตลาดชนบทจาก 19,000 รายในเดือนมีนาคม 2563 เป็น 23,000 รายในเดือนธันวาคม 2563

ทั้งนี้ การบริโภคในเขตชนบทอินเดียเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องซึ่งเป็นผลมาจากระดับรายได้และความต้องการสินค้าใหม่ๆ ที่เพิ่มขึ้น โดยตลาดสินค้า FMCG ในเขตชนบทคาดว่าจะเติบโตจาก 2.36 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ  ในปี 2561 เพิ่มเป็น 2.2 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ ภายในปี 2568 อย่างไรก็ตาม การซื้อขายในตลาดชนบทส่วนใหญ่ยังเป็นการค้าขายแบบค้าปลีกตามร้านค้าขนาดเล็กและไม่เป็นระบบ (Kirana Store) หรือเรียกง่ายๆ แบบบ้านเราก็คือร้านโชห่วยนั่นเอง ผู้ค้าสินค้า FMCG ขนาดใหญ่ที่เป็นระบบจึงอาจจะวางแผนเจาะตลาดโดยการสร้างการรับรู้แบรนด์ผ่านร้านค้าปลีกที่ทันสมัย และมีการกระจายสินค้าผ่านอีคอมเมิร์ซไปพร้อมกัน เนื่องจากคาดว่าการจับจ่ายเพื่อซื้อสินค้า FMCG ในอินเดียในปี 2563 กว่า 40% จะเป็นการซื้อขายออนไลน์ ทั้งยังคาดว่าตลาด FMCG ออนไลน์ในอินเดียในปี 2563 มีมูลค่ากว่า 4.5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งเติบโตอย่างรวดเร็วจาก 2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2560

อย่างไรก็ตาม แม้การบริโภคสินค้า FMCG ส่วนใหญ่จะมาจากเขตเมือง แต่การบริโภคสินค้า FMCG บางประเภท ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ดูแลร่างกาย ผลิตภัณฑ์ดูแลเสื้อผ้า และเครื่องดื่มร้อนราว 40% มาจากเขตชนบท ส่วนสินค้าประเภทอาหาร เบเกอรี่ และผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนม คาดว่าจะเติบโตทั้งในเขตเมืองและเขตชนบท โดยผู้เล่นสําคัญในตลาด FMCG อินเดียในปัจจุบัน ได้แก่ HUL (Hindustan Unilever Ltd.), ITC (Indian Tobacco Company), Nestle India, GCMMF (AMUL), Dabur India, Asian Paints (India), Cadbury India, Britannia Industries, Procter & Gamble (P&G) Hygiene and Health Care, Marico Industries, Nirma, Coca-Cola และ Pepsi เป็นต้น โดย HUL และ Dabur India มียอดขายกว่าครึ่งมาจากเขตชนบทของอินเดียซึ่งมีประชากรราว 850 ล้านคน และเป็นคนที่อยู่ในวัยทํางานราว 400 ล้านคน

โดยเฉลี่ยแล้วชาวอินเดียในเขตชนบทมีกําลังซื้อน้อยกว่าครึ่งหนึ่งของชาวอินเดียในเขตเมือง แต่ก็ถือเป็นตลาดใหม่ (Untapped Market) ที่ผู้เล่น FMCG หลายรายกําลังพยายามเข้าไปตีตลาดให้ได้ และด้วยสาเหตุที่หลายบริษัทยังคงมีมาตรการให้พนักงานทํางานที่บ้าน ประกอบกับการอพยพย้ายกลับเมืองเล็กหลังมาตรการล็อคดาวน์ในเดือนมีนาคม 2563 ทําให้การบริโภคในเมืองรองและชนบทเติบโตขึ้น นอกจากนี้ การเข้าถึงสมาร์ทโฟนและอินเทอร์เน็ตรวมถึงความนิยมในอีคอมเมิร์ซก็เพิ่มขึ้นอีกด้วย ทําให้ตลาดชนบทเป็นที่น่าสนใจไม่แพ้ตลาดในเมืองใหญ่เช่นกัน

ก็ขอฝากส่งท้ายไว้ว่าอินเดียยังมีอะไรให้เราแสวงหาอีกมากมายโดยเฉพาะ “โอกาส” ที่รอให้เราเปิดใจที่จะพบและคว้าไว้...แม้แต่ “ตลาดชนบท” ที่เรารู้สึกว่ายากจน แต่สุดท้ายก็ยังมี “โอกาส” ให้ทุกคนวิ่งเข้าไปแย่งชิงกันในที่สุด

เขียนโดย: อดุลย์ โชตินิสากรณ์ อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ผู้เชี่ยวชาญการค้าในอินเดียแบบเจาะลึก


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top