Wednesday, 14 May 2025
ค้นหา พบ 48079 ที่เกี่ยวข้อง

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เตือนภัยการล่วงละเมิดทางเพศผ่านสื่อสังคมออนไลน์

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เตือนภัยการล่วงละเมิดทางเพศผ่านสื่อสังคมออนไลน์

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีการกระทำความผิดเกี่ยวกับการล่วงละเมิดทางเพศผ่านสื่อสังคมออนไลน์ที่กำลังแพร่ระบาดว่า...

ในปัจจุบันที่ทุกคนสามารถเข้าถึงสื่อสังคมออนไลน์ได้ง่ายขึ้น นอกจากจะเกิดประโยชน์อย่างมหาศาลแล้ว ในทางกลับกันก็มีเหล่ามิจฉาชีพ ใช้สื่อสังคมออนไลน์ในการกระทำความผิด และเกิดขึ้นมากในแอพพลิเคชั่นหาคู่ ซึ่งเหยื่อมักจะเป็นเด็กและเยาวชน ที่อาจจะรู้เท่าไม่ถึงการณ์

โดยรูปแบบของการกระทำความผิดมักจะเป็นการสร้างโปรไฟล์ปลอมขึ้นมาให้เป็นบุคคลที่หน้าตาดี ฐานะดี และเข้ามาพูดคุยกับเหยื่อผ่านสื่อสังคมออนไลน์ จากนั้นจะล่อลวงโดยบอกว่าจะมอบเงินหรือสิ่งของให้ แลกกับการถ่ายภาพหรือวิดีโอเปลือย หรือในบางรายถึงขั้นล่อลวงไปมีเพศสัมพันธ์และแอบถ่ายไว้ จากนั้นก็จะนำภาพหรือวิดิโอมาข่มขู่ ให้เหยื่อส่งเงินมาให้หรือให้ส่งภาพมาเพิ่ม ไม่เช่นนั้นจะปล่อยลงสื่อสังคมออนไลน์ และเหล่ามิจฉาชีพก็จะนำภาพหรือวิดีโอดังกล่าวไปหาประโยชน์ เช่น การนำไปขายต่อ การสร้างกลุ่มให้คนเข้ามาดูโดยเก็บค่าเข้ากลุ่ม เป็นต้น

การกระทำดังกล่าวเข้าข่ายความผิดฐานรีดเอาทรัพย์ มีโทษจำคุก 1-10 ปี ปรับตั้งแต่ 20,000-200,000 บาท, ความผิดฐานทำ ผลิต มีไว้ หรือเผยแพร่สื่อลามกอนาจารเด็กด้วยวิธีใดๆ มีโทษจำคุก 3-10 ปี ปรับตั้งแต่ 30,000-200,000 บาท, ความผิดฐานนำเข้าสู่ระบบซึ่งข้อมูลใดๆ ที่มีลักษณะลามก มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท ตาม พ.ร.บ.การกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 มาตรา 14(4) และความผิดฐานขู่เข็ญ ชักจูง ส่งเสริม ให้เด็กประพฤติตนไม่สมควร มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน ปรับไม่เกิน 30,000 บาท ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546 มาตรา 26 หรือกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้เห็นความสำคัญและตระหนักถึงพิษภัยของการล่วงละเมิดทางเพศบนอินเตอร์เน็ต จึงมีนโยบายให้กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.), กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์(บก.ปคม.), กองกำกับการสวัสดิภาพเด็กและสตรี​(กก.ดส.), คณะทำงานปราบปรามการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กทางอินเตอร์เน็ต(TICAC) ที่จัดตั้งขึ้นเมื่อปี​พ.ศ.2558 รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เฝ้าระวัง สืบสวน ปราบปรามผู้กระทำความผิดและขยายผลไปถึงผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกคนอย่างจริงจังต่อเนื่อง และต้องมีผลการปฏิบัติที่เป็นรูปธรรม รวมถึงเร่งสร้างการรับรู้ให้กับพี่น้องประชาชนทราบถึงพิษภัยและรูปแบบการกระทำความผิด เพื่อเป็นการจำกัดความเสียหายและตัดโอกาสในการกระทำความผิดที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต

รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงขอฝากประชาสัมพันธ์แนวทางการป้องกันหลีกเลี่ยงโดย ผู้ปกครองต้องปลูกฝังค่านิยมที่ถูกต้องในการใช้สื่อสังคมออนไลน์ให้กับบุตรหลาน คอยแนะนำและสังเกตพฤติกรรมการใช้สื่อสังคมออนไลน์อย่างใกล้ชิด อย่าพูดคุยกับคนแปลกหน้าและอย่าให้ข้อมูลส่วนตัว รวมถึงภาพส่วนตัวกับใครในสื่อสังคมออนไลน์ นอกจากนี้หากพบเบาะแสการกระทำความผิด สามารถแจ้งไปยัง Call Center สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หมายเลขโทรศัพท์ 191 หรือ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เตือนภัยการล่วงละเมิดทางเพศผ่านสื่อสังคมออนไลน์

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เตือนภัยการล่วงละเมิดทางเพศผ่านสื่อสังคมออนไลน์

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีการกระทำความผิดเกี่ยวกับการล่วงละเมิดทางเพศผ่านสื่อสังคมออนไลน์ที่กำลังแพร่ระบาดว่า...

ในปัจจุบันที่ทุกคนสามารถเข้าถึงสื่อสังคมออนไลน์ได้ง่ายขึ้น นอกจากจะเกิดประโยชน์อย่างมหาศาลแล้ว ในทางกลับกันก็มีเหล่ามิจฉาชีพ ใช้สื่อสังคมออนไลน์ในการกระทำความผิด และเกิดขึ้นมากในแอพพลิเคชั่นหาคู่ ซึ่งเหยื่อมักจะเป็นเด็กและเยาวชน ที่อาจจะรู้เท่าไม่ถึงการณ์

โดยรูปแบบของการกระทำความผิดมักจะเป็นการสร้างโปรไฟล์ปลอมขึ้นมาให้เป็นบุคคลที่หน้าตาดี ฐานะดี และเข้ามาพูดคุยกับเหยื่อผ่านสื่อสังคมออนไลน์ จากนั้นจะล่อลวงโดยบอกว่าจะมอบเงินหรือสิ่งของให้ แลกกับการถ่ายภาพหรือวิดีโอเปลือย หรือในบางรายถึงขั้นล่อลวงไปมีเพศสัมพันธ์และแอบถ่ายไว้ จากนั้นก็จะนำภาพหรือวิดิโอมาข่มขู่ ให้เหยื่อส่งเงินมาให้หรือให้ส่งภาพมาเพิ่ม ไม่เช่นนั้นจะปล่อยลงสื่อสังคมออนไลน์ และเหล่ามิจฉาชีพก็จะนำภาพหรือวิดีโอดังกล่าวไปหาประโยชน์ เช่น การนำไปขายต่อ การสร้างกลุ่มให้คนเข้ามาดูโดยเก็บค่าเข้ากลุ่ม เป็นต้น

การกระทำดังกล่าวเข้าข่ายความผิดฐานรีดเอาทรัพย์ มีโทษจำคุก 1-10 ปี ปรับตั้งแต่ 20,000-200,000 บาท, ความผิดฐานทำ ผลิต มีไว้ หรือเผยแพร่สื่อลามกอนาจารเด็กด้วยวิธีใดๆ มีโทษจำคุก 3-10 ปี ปรับตั้งแต่ 30,000-200,000 บาท, ความผิดฐานนำเข้าสู่ระบบซึ่งข้อมูลใดๆ ที่มีลักษณะลามก มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท ตาม พ.ร.บ.การกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 มาตรา 14(4) และความผิดฐานขู่เข็ญ ชักจูง ส่งเสริม ให้เด็กประพฤติตนไม่สมควร มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน ปรับไม่เกิน 30,000 บาท ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546 มาตรา 26 หรือกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้เห็นความสำคัญและตระหนักถึงพิษภัยของการล่วงละเมิดทางเพศบนอินเตอร์เน็ต จึงมีนโยบายให้กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.), กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์(บก.ปคม.), กองกำกับการสวัสดิภาพเด็กและสตรี​(กก.ดส.), คณะทำงานปราบปรามการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กทางอินเตอร์เน็ต(TICAC) ที่จัดตั้งขึ้นเมื่อปี​พ.ศ.2558 รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เฝ้าระวัง สืบสวน ปราบปรามผู้กระทำความผิดและขยายผลไปถึงผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกคนอย่างจริงจังต่อเนื่อง และต้องมีผลการปฏิบัติที่เป็นรูปธรรม รวมถึงเร่งสร้างการรับรู้ให้กับพี่น้องประชาชนทราบถึงพิษภัยและรูปแบบการกระทำความผิด เพื่อเป็นการจำกัดความเสียหายและตัดโอกาสในการกระทำความผิดที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต

รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงขอฝากประชาสัมพันธ์แนวทางการป้องกันหลีกเลี่ยงโดย ผู้ปกครองต้องปลูกฝังค่านิยมที่ถูกต้องในการใช้สื่อสังคมออนไลน์ให้กับบุตรหลาน คอยแนะนำและสังเกตพฤติกรรมการใช้สื่อสังคมออนไลน์อย่างใกล้ชิด อย่าพูดคุยกับคนแปลกหน้าและอย่าให้ข้อมูลส่วนตัว รวมถึงภาพส่วนตัวกับใครในสื่อสังคมออนไลน์ นอกจากนี้หากพบเบาะแสการกระทำความผิด สามารถแจ้งไปยัง Call Center สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หมายเลขโทรศัพท์ 191 หรือ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

'ผู้ช่วยฯ รอย' ต่อยอดนโยบาย ผบ.ตร. จัดโครงการ นัดหมาย พงส.แจ้งความผ่าน ออนใลน์ ล่วงหน้า 11 สถานีนำร่อง เริ่มใช้แล้ววันนี้

'ผู้ช่วยฯ​ รอย'​ ต่อยอด นโยบาย ผบ.ตร. จัดโครงการ นัดหมาย พงส.แจ้งความผ่าน ออนใลน์ ล่วงหน้า  11 สถานีนำร่อง เริ่มใช้แล้ววันนี้ 

เมื่อวันที่ 4 ก.ค.2564 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.รอย อิงคไพโรจน์ ผู้ช่วย ผบ.ตร.,และ รักษาราชการแทน ผบช.ภ.2 เปิดเผยว่า จากกรณีที่มีการแพร่ระบาดของโรค โควิด 19  เพื่อต้องช่วยหยุดการแพร่กระจายโรคติดต่อร้ายแรง และลดความแออัดบนโรงพักในการใช้บริการที่สถานีตำรวจในพื้นที่ บช.ภ.2 รวมถึง จากแนวนโยบายและเจตนารมณ์ ของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข 
ผบ.ตร.ที่ต้องการบริการให้ประชาชนให้ได้รับความสะดวก ในการแจ้งความ จึงได้จัดทำโครงการ นัดหมาย พนักงานสอบสวนล่วงหน้า ทาง Online ในบางคดีความผิด ขึ้น เช่น คดียักยอกทรัพย์ ,คดีฉ้อโกง,คดีหมิ่นประมาท, คดี พ.ร.บ.เช็คฯ ซึ่งไม่ได้เป็นคดีเร่งด่วน #เมื่อนัดหมายวันเวลาแล้วค่อยมาพบ พนักงานสอบสวน เพื่อความสะดวกของประชาชน

ด้าน พล.ต.ต.สุรจิต ชินวรรน์ รอง ผบช.ภ.2 กล่าวว่า โครงการดังกล่าว ชื่อโครงการนัดหมาย พนักงานสอบสวนล่วงหน้า ผ่านระบบออนไลน์”เพื่อความสะดวกรวดเร็วกับพี่น้องประชาชน  นั้น เป็นวิสัยทัศน์แล้วก็นโยบายของ รรท.ผบช.ภ.2 โดยตำรวจภูธรภาค 2 ได้ใช้สถานีตำรวจ สภ.เมือง ทุก ภ.จว.และ เทศบาลเมืองพัทยา รวมเป็น 11 สภ.

ประกอบด้วย สภ.เมืองชลบุรี​สภ.พัทยา,​สภ.บางละมุง,​ สภ.แสนสุข สภ.เมืองปราจีนบุรี,​ สภ.เมืองระยอง,​ สภ.เมืองนครนายก,​ สภ.เมืองจันทบุรี,​ สภ.เมืองฉะเชิงเทรา,​ สภ.เมืองตราด,​ สภ.เมืองสระแก้ว ในเวลา 10.00 น.ถึง 19.00.น. ในวันเวลาราชการใน 4 ข้อหาหลัก ก็คือคดียักยอก คดีฉ้อโกง คดีหมิ่นประมาทและคดี พ.ร.บ.เช็คฯ ต้องขอขอบคุณ ผบ.ตร.ที่ได้เล็งเห็นความสำคัญเร่งรัดโครงการต่างๆเพื่อให้เกิดเป็นรูปธรรมสามารถบริการพี่น้องประชาชนให้พึงพอใจสูงสุด 

สำหรับขั้นตอนนั้น ให้โหลดแอปพลิเคชัน หรือ สแกนคิวอาร์โค้ด ตามที่แจ้งให้ทราบ แล้วลงทะเบียน โดยกรอกข้อความรายละเอียด แล้วนัดหมาย กับพนักงานสอบสวน และมีการผ่านการตอบนัดหมาย จะมีการยืนยันระหัส โอทีพี​ (OTP) ถือว่าแล้วเสร็จการนัดหมาย สะดวก ปลอดภัย ลดความหนาแน่น โดยโครงการดังกล่าวนี้สามารถ ใช้บริการได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ทั้ง 11 สถานี ซึ่งฝากว่าหากพบปัญหาหรือมีข้อเสนอแนะ ตำรวจภูธรภาค 2 น้อมรับและยินดีนำไปปรับปรุงระบบให้รองรับการบริการประชาชนให้ดีขึ้นต่อไป พร้อมทั้ง บช.ภ.2 ยังได้จัดทำคลิป แนะนำให้พี่น้องประชาชาชน เพื่อรณรงค์การใช้ประโยชน์จากโครงการดังกล่าวนี้ด้วย

'ผบช.สตม.' นำทัพลงพื้นที่ตรวจเข้มชายแดน 3 จังหวัดชายแดนใต้ วางแผนสกัดคนหลบหนีเข้าเมือง ห่วงโควิดระบาด

4 กรกฎาคม 2564 ที่ จ.นราธิวาส พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ผบช.สตม.), พ.ต.อ.ศุภชัชจ์ เปี่ยมมนัส รอง ผบก.ตม.6, พ.ต.อ.รัชธพงศ์ เตี้ยสุด รอง ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.ศุภชาติ เวชพร ผกก.ตม.จว.นราธิวาส, พ.ต.อ.จิรพงศ์ รุจิรดำรงค์ชัย ผกก.สส.บก.ตม.3, พ.ต.อ.กีรติศักดิ์ ก้องเกียรติศิริ ผกก.สส.บก.ตม.1, พ.ต.อ.ชย พานะกิจ ผกก.​ (สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม. ลงพื้นที่ตรวจแนวชายแดนใน อ.สุไหงโกลก จ.นราธิวาส ซึ่งมีช่องทางส่วนใหญ่เป็นช่องทางธรรมชาติที่คนต่างด้าวและชาวไทยใช้ลักลอบหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย โดยการลงพื้นที่ครั้งนี้ร่วมกับ เจ้าหน้าที่ทหาร และฝ่ายปกครองในพื้นที่ ตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จากชายแดนประเทศมาเลเซีย

พล.ต.ท.สมพงษ์ กล่าวว่า การเดินทางมาครั้งนี้เป็นไปตามข้อสั่งการของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. เน้นย้ำกำชับให้กวดขันเกี่ยวกับการหลบหนีเข้าเมือง โดยก่อนหน้านี้บริเวณ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นช่องทางที่คนไทยที่ทำงานในประเทศมาเลเซียลักลอบหนีกลับเข้าประเทศ โดยไม่ผ่านช่องทางปกติ เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เพราะเพื่อนบ้านเรามีสถิติติดเชื้อค่อนข้างสูง

จากการประชุมและตรวจสอบ​ ร่วมกับ พล.ต.ต.พิชญ์วุฒิ สงวนสมบัติศิริ ผบก.ภ.จว.ปัตตานี และ พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ ผบก.ภ.จว.ยะลา ทราบว่าสถานการณ์การลักลอบเข้าเมืองลดน้อยลงเพราะตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้มงวดมาอย่างต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งเพราะด้านพรหมแดนเปิดให้คนไทยข้ามแดนได้สามวันต่อสัปดาห์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม ที่ผ่านมา คณะของ พล.ต.ท.สมพงษ์ ได้ลงพื้นที่ตรวจชายแดนช่องทางธรรมชาติ อ.เบตง จ.ยะลา และ อ.สุไหงโกลก จ.นราธิวาส และด่านผ่านแดนจุดต่างๆที่เชื่อมกับประเทศมาเลเซีย โดยมีการกำชับให้แต่ละพื้นที่เฝ้าระวังการหลบหนีเข้าแดนโดยผิดกฎหมายอย่างเข้มงวด โดยกำชับให้ตำรวจ ตม. ปฏิบัติตามนโยบายปฏิบัติราชการ รวม 5 มาตรการ คือ...

1.ดำเนินมาตรการเร่งด่วนเพื่อสกัดกั้นการระบาดในพื้นที่เป้าหมายและสกัดกั้นการเคลื่อนย้ายกลุ่มเสี่ยง บังคับใช้กฎหมายกับกลุ่มเสี่ยงต่อการแพร่โรค ต้องบูรณาการร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่

2.การลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมายให้เพิ่มความเข้มข้นในการสกัดกั้นและปราบปรามจับกุมคนต่างด้าว ขยายผลอย่างต่อเนื่อง

3.กำชับให้เพิ่มความเข้มในการใช้กฎหมาย กรณีคนต่างด้าวสัญชาติจีน ให้ตรวจสอบก่อนและหลังอนุญาตว่าเป็นไปตามวัตถุประสงค์หรือไม่

4.การกักตัวคนต่างด้าวให้ดำเนินการตามมาตรการเมื่อรับตัวผู้ต้องกักต้องมีการคัดกรอง

และ 5.สถานการณ์การแพร่ระบาดโควิดสายพันธ์ใหม่ ให้มีมาตรการมนการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาด ในส่วนของเจ้าหน้าที่ให้ดำเนินการตามมาตรการที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด

ด้าน พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รองบช.สตม./โฆษก สตม., พ.ต.อ.ภัคพงศ์ สายอุบล รอง ผบก.ตม.1/รองโฆษก สตม. ร่วมกันเปิดเผยว่า การดำเนินการดังกล่าวเป็นไปตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม. ดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุกับคนไทยหรือชาวต่างชาติ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด

ทั้งนี้ สตม. ขอเรียนให้ทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดต่างๆ รวมทั้งการดำเนินการตรวจสอบชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนหรือ ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศชาติ หากประชาชนท่านใดพบเบาะแสในการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507 ซ.สวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือที่​www.immigration.go.th

'เฉลิมชัย'​ เร่งปั้น 'โลว์คอสต์แอร์คาร์โก้สินค้าเกษตร'​ ผนึก 'ภาครัฐ-เอกชน'​ ช่วยเกษตรกรขยายตลาดส่งออกทั่วโลก

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังการประชุมเรื่องการพัฒนาระบบขนส่งสินค้าทางอากาศ​ (Air cargo system) ว่า ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ทำหน้าที่ประธานการประชุมและได้สั่งการให้เร่งดำเนินการพัฒนาระบบการขนส่งทางอากาศ​ (Air Cargo System) สำหรับการส่งออกสินค้าเกษตรและอาหาร​ ซึ่งประกอบด้วยโครงสร้างและระบบ​ 3​ ส่วนสำคัญได้แก่ คาร์โก้เทอร์มินัล (Cargo Terminal), สายการบินคาร์โก้​ (Air Cargo Fleet) และศูนย์ตรวจสอบคุณภาพสินค้าเกษตร-อาหารแบบครบวงจรในคาร์โก้เทอร์มินัล

โดยร่วมมือกับภาครัฐและภาคเอกชนในพื้นที่ดำเนินการที่ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมืองและท่าอากาศยานภูมิภาคที่มีความพร้อมเช่นเชียงใหม่ ขอนแก่น หาดใหญ่ ภูเก็ต เป็นต้นเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยในการส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารเป็นการบริหารโอกาสของประเทศไทยภายใต้วิกฤติโควิด19

ทั้งนี้สถาบันอาหารประเมินว่าในปี 2564 การส่งออกสินค้าอาหารของไทยจะมีมูลค่า 1.08-1.10 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.2-12.2% เทียบกับปีที่ผ่านแม้จะได้รับผลกระทบจากวิกฤติการณ์โควิด 19 สะท้อนถึงศักยภาพของประเทศไทย

สำหรับศูนย์ตรวจสอบคุณภาพสินค้าเกษตร-อาหาร ณ คาร์โกเทอร์มินัลซึ่งทำหน้าที่ให้บริการตรวจสอบรับรองสินค้าเกษตรและอาหารทั้งสินค้าพืช ประมง และปศุสัตว์ตามมาตรฐานสากลจะต้องบริการด่วน​ (Express Service) แบบวันสต็อปเซอร์วิสใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่เพื่อลดเวลาและค่าใช้จ่ายของภาคเอกชนทั้งนำเข้าและส่งออกเพื่อบรรลุเป้าหมายการเป็นฮับการผลิตและขนส่งสินค้าเกษตรและอาหารของอาเซียน

นายอลงกรณ์กล่าวว่า ดร.เฉลิมชัยได้แจ้งต่อที่ประชุมว่าได้หารือเบื้องต้นกับนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเกี่ยวกับโครงการแอร์คาร์โก้สินค้าเกษตร และมอบที่ปรึกษารัฐมนตรีเกษตรเร่งประสานความร่วมมือกับทุกภาคส่วนต่อไปโดยเร็ว 

“นอกจากนี้ผู้ประกอบการบินได้นำเสนอสถานการณ์ของธุรกิจการบินและแนวทางการพัฒนาสายการบินขนส่งสินค้าทางอากาศในลักษณะโลคอสต์แอร์คาร์โก้โดยมุ่งเป้าหมายตลาดจีน ญี่ปุ่น เกาหลี ตะวันออกกลาง ยุโรปและอเมริกาด้วยอัตราค่าบริการถูกกว่าอัตราค่าขนส่งในปัจจุบันและเห็นด้วยกับนโยบายของรัฐมนตรีเกษตรฯ​ โดยพร้อมให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่เนื่องจากการส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารต้องการความสะดวกรวดเร็วส่งถึงลูกค้าปลายทางทั่วโลกด้วยคุณภาพและมาตรฐานระดับสากลซึ่งการขนส่งทางอากาศคือคำตอบ”


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top