Monday, 19 May 2025
ค้นหา พบ 48181 ที่เกี่ยวข้อง

"สุทิน" ไม่ติดสละเงินเดือนซื้อวัคซีนช่วยโควิด แต่ชี้ เป็นหน้าที่รบ.ต้องลดงบไม่จำเป็นช่วยปชช.

เมื่อวันที่ 28 มิ.ย. นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่ประชาชนต้องการให้ ส.ส. และ ส.ว. สละเงินเดือนเพื่อนำมาจัดซื้อวัคซีนในการป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 ว่า เป็นประเด็นที่เมื่อถึงคราวที่จะต้องทำก็ไม่มีปัญหา แม้ว่าหาก ส.ส. และ ส.ว. ร่วมกันสละเงินเดือนก็จะเป็นเงินในส่วนน้อยซึ่งไม่เพียงพอต่อความต้องการของประชาชนทั่วประเทศ แต่การให้สมาชิกรัฐสภาสละเงินเดือนก็จะได้ข้อคิดและประโยชน์กลับมา คือ การสร้างสำนึกให้ทุกคนมีความเสียสละ ซึ่งการสละเงินเดือนเพื่อให้พี่น้องประชาชนนั้นตนไม่ติดขัด แต่อยากจะให้มองกลับไปอีกจุดหนึ่งว่างบประมาณที่จะนำมาจัดซื้อวัคซีนให้เพียงพออยู่ที่การบริหารของรัฐบาล โดยรัฐบาลจะต้องไปประหยัดงบส่วนอื่นที่ไม่จำเป็น นำมาปรับใช้ในการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19

“ดังนั้นรัฐบาลจึงควรพิจารณาประหยัดงบประมาณในส่วนอื่น เช่น งบประมาณของกองทัพในการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ ซึ่งเมื่อประหยัดงบประมาณในส่วนดังกล่าวได้แล้วและขอให้ทาง ส.ส. และ ส.ว. มาร่วมบริจาคเงินเดือนเพื่อสมทบแนวคิดดังกล่าวก็จะเป็นประโยชน์ต่อการบริหารท่ามกลางสถานการณ์โควิด และเป็นวิธีที่จะสามารถแก้ปัญหาได้” นายสุทิน กล่าว


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

‘บิ๊กตู่’ ลั่นไม่เลื่อนโครงการคนละครึ่งเฟสสาม เตรียมงบ 7.5 พันล้านเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากคำสั่งฉบับที่ 25 เป็นเวลา 1 เดือน ลูกจ้างในระบบประกันสังคมได้ 50 % ส่วนนอกระบบได้หัวละ 2,000 บาท

ที่ตึกภักดีบดินทร์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังเรียกประชุมคณะกรรมการบริหารเศรษฐกิจในช่วงสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศบศ. เป็นการด่วนเพื่อหามาตรการเยียวยาทางเศรษฐกิจ ว่าที่ประชุมมีมติ ช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบ จากการประกาศในฉบับที่ 25 ในระยะหนึ่งเดือนที่ได้มีการประกาศออกมาเบื้องต้นจะมีการชดเชยให้กับผู้ที่อยู่ในระบบประกันสังคมจำนวน 50% โดยมีงบประมาณที่ได้เตรียมไว้แล้วทั้งหมดประมาณ 7.5 พันล้านบาท โดยเป็นงบประมาณของรัฐบาลและในส่วนของกองทุนประกันสังคม รวมทั้งจะมีมาตรการในการช่วยเหลือผู้ประกอบการต่าง ๆ ร้านอาหาร ในระยะเวลาหนึ่งเดือนนี้ซึ่งทางรัฐบาลจะพิจารณาตั้งแต่รอบ 15 วันเป็นต้นไป

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรียืนยันว่าจะไม่มีการเลื่อนกำหนดโครงการคนละครึ่งเฟส 3 ในวันที่ 1 กรกฎาคมตามที่มีข่าวอย่างแน่นอน

พลเอกประยุทธ์ ยันยันว่า ไม่หวั่นไหวกับแรงเสียดทานโดยเฉพาะการวิพากษ์วิจารณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ รวมทั้งการชุมนุมต่าง ๆ เมื่อยืนอยู่ตรงนี้ก็พร้อมที่จะทำงานทุกอย่างให้กับประชาชนทุกคนอย่างบริสุทธิ์ใจ ไม่ว่าจะรักเกลียดผม แต่ยอมรับว่าเสียใจ เพราะบางคนออกมาใช้วาจาด่าทอหยาบคาย

ทั้งนี้ ล่าสุดที่ประชุมมีมติ ออกมาตรการเยียวยาลูกจ้างในระบบประกันสังคม 6.9 แสนคน จะมีการชดเชยรายได้ 50% และเพิ่มวงเงินพิเศษให้อีก 2,000 บาท ขณะที่นายจ้างได้รับการเยียวยาจำนวน 3,000 บาท/คน ไม่เกิน 200 คน ส่วนลูกจ้างนอกระบบที่ไม่สามารถประเมินได้ว่ามีจำนวนเท่าใด จะไม่ได้รับการชดเชยรายได้ 50% แต่ยังวงเงินได้ 2,000 บาท โดยงบประมาณจะมากจาก 2 ส่วน คือ เงินกู้เพื่อการเยียวยาโควิด 4,000 ล้านบาท และเงินจากประกันสังคม 3,500 ล้านบาท


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

“ผู้ช่วยเลขาฯ ชวน” ฟาดกลับ ขรก.สภา โพสต์เดือด ชี้ หากไม่พร้อมทำงานขอย้ายออกจากสำนักประชุมได้  ยันสภาฯมีมาตรการเข้มข้นป้องกันโควิด ส่วนไม่เลือกประชาธิปัตย์ อยู่ที่ปชช.ตัดสิน

น.ส.ศิริภา อินทวิเชียร รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะผู้ช่วยเลขานุการประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีที่มีข้าราชการของสภาผู้แทนราษฎรรายหนึ่งโพสต์ วิพากษ์วิจารณ์ ในทำนองไม่เห็นด้วยกับการประชุมร่วมสภาเพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ผ่านมา ท่ามกลางสถานการณ์โควิด-19 และกรณีที่มี ส.ว. ติดเชื้อเข้าร่วมประชุมนั้น ต้องโทษ ผู้ยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญรวมถึงคนนัดประชุม ถึงขั้นประกาศจะไม่เลือกพรรคประชาธิปัตย์อีก ว่า การแสดงออกทางความคิดย่อมเป็นสิทธิเสรีภาพของเขา แต่ความเห็นที่แสดงออกมานั้นก็สะท้อนให้เห็นถึงปัญญาของบุคคลนั้นด้วยเช่นกัน อย่าสำคัญผิด ความปลอดภัย ไม่ใช่การห้ามมาทำงาน แต่เป็นการปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด ส่วนตัวเห็นใจข้าราชการสภาฯทำงานหนักโดยเฉพาะในวันประชุม แม้สถานการณ์ยังน่าเป็นห่วง แต่ต้องไม่ลืมหน้าที่หลักของตนเอง และหน้าที่หลักของสภาคือดำเนินการประชุม เพื่อพิจารณาญัตติต่าง ๆ ที่สมาชิกเข้าชื่อมาโดยเฉพาะ ส.ส.ก็ต้องการใช้สภาเป็นเวทีแก้ปัญหาให้กับประชาชนและติดตามการดำเนินงานของฝ่ายบริหาร แต่ต้องไม่ลืมว่าตำแหน่งหน้าที่ของคุณมาจากภาษีของประชาชน หากไม่พร้อมก็สามารถขอย้ายออกไปจากสำนักประชุมได้ 

น.ส.ศิริภา กล่าวต่อว่า มาตรการของสภาฯที่ออกมาถือว่าเข้มข้นมาก ตามมาตรการของกรมควบคุมโรค ทำให้โอกาสการแพร่ระบาดจนเกิดเป็นคลัสเตอร์ใหม่เลยนั้นมีโอกาสน้อยมาก ในรัฐสภามีบุคลากรอยู่ร่วมกันหลายพันคน แต่ยังไม่เกิดการระบาด หรือคลัสเตอร์ มีเพียงแต่ผู้ที่ติดเชื้อจากภายนอกเท่านั้น มีการจัดสรรวัคซีนให้กับบุคลากรของรัฐสภา ก็เพื่อให้รัฐสภาทำหน้าที่แทนประชาชนต่อไปได้ ไม่เช่นนั้นกฎหมายต่างๆโดยเฉพาะงบประมาณแผ่นดิน ก็จะหยุดชะงักบ้านเมืองก็ไปต่อไม่ได้ 

ส่วนจะเลือกหรือไม่เลือกพรรคประชาธิปัตย์ในการเลือกตั้งครั้งหน้านั้นรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับประชาชนจะตัดสินใจ ตนเชื่อมั่นในประธานรัฐสภาที่ได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างซื่อสัตย์สุจริต และรัฐมนตรีของพรรคทุกคนก็มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ การเสนอญัญติแก้ไขรัฐธรรมนูญจนเป็นที่มาของการประชุมร่วมรัฐสภา ที่ทำให้ข้าราชการบุคคลดังกล่าวไม่เห็นด้วยก็เป็นหนึ่งในพันธสัญญาที่พรรคประชาธิปัตย์ให้ไว้กับประชาชน

“เด็ก ภท.” จับมือ “พรรคชัช เตาปูน” ขู่ยื่นศาลรธน. ตีความปมแก้จำนวนส.ส. 400 ไม่สอดคล้อง ม.86 

ที่รัฐสภา นายโกวิทย์ พวงงาม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังท้องถิ่นไทย พร้อมด้วยนายสฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง ส.ส.กระบี่ พรรคภูมิใจไทย ในฐานะคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การกระจายอำนาจการปกครองส่วนท้องถิ่น และการบริหาราชการรูปแบบพิเศษ แถลงถึงร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมร่างที่ 13 ในมาตรา 83 และมาตรา 91 ที่เสนอโดยนายจุรินทร์ ลักษณะวิศิษฏ์ กับคณะ ซึ่งรัฐสภาได้ให้ความเห็นชอบในขั้นรับหลักการไปแล้วนั้น โดยนายโกวิทย์ กล่าวว่า ร่างฉบับนี้มีความไม่สมบูรณ์ครบถ้วนในบทบัญญัติที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งในมาตราอื่นๆ ซึ่งร่างขอแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับที่ 13 นี้ ไม่ได้เสนอแก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 86 ซึ่งอาจก่อให้เกิดปัญหาตามมาได้ เช่น มาตรา 86 ซึ่งมีหลายประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการคิดคะแนนและการแบ่งเขต รวมถึงการได้มาของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในแต่ละจังหวัด โดยเฉพาะในมาตรา 86 ที่บัญญัติไว้ถึงจำนวนสมาชิกที่มาจากจังหวัดและเขต 350 เขต ที่ขัดแย้งกับตัวร่างแก้ไขในมาตรา 83 และมาตรา 91 ที่ผ่านการรับหลักการไป และมีความกังวลว่า กมธ.วิสามัญพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม จะดำเนินการต่อไปอย่างไร และส.ส.จะแปรญัตติอย่างไร เพราะร่างรัฐธรรมนูญได้เสนอว่าให้มี ส.ส.เขตเลือกตั้งจำนวน 400 คน และส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ 100 คน ซึ่งจะทำให้มีจำนวน ส.ส.เกินจำนวน

นายโกวิทย์ กล่าวต่อว่า กมธ.หลายคนบอกว่าเมื่อรับหลักการไปแล้วก็สามารถแก้ไขได้ในขั้นแปรญัตติ ตนยืนยันว่าแก้ไม่ได้ หากยังไม่แก้มาตรา 86 ให้สอดคล้องกับจำนวน 400 คน รวมถึงมาตราอื่น ๆ ให้มีความสอดคล้องกัน โดยอาจจะพิจารณาส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตีความ ก่อนที่ กมธ. จะเดินหน้าพิจารณาต่อไป อย่างไรก็ตาม ขอให้ทุกฝ่ายให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนเป็นหลัก พร้อมทั้งให้ความสำคัญกับการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นเป็นสำคัญ

ด้านนายสฤษฏ์พงษ์ กล่าวว่า ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับที่ 13 นั้น ตนกลัวว่าจะเป็นการเสนอมาโดยเปล่าประโยชน์ เนื่องจากการแก้มาตรา 83 และ 91 นั้นเป็นสาระสำคัญ และเป็นการทำงานแบบเร่งรีบ ตั้งเป้าขยายเขตเพื่อจะได้มาให้ครบ 400 คน ไม่ได้ดูเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ 60 ทั้งยังไม่มองเป้าประสงค์ของประชาชนว่าต้องการอยู่ดีกินดี ต้องการให้มีการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น ต้องการให้แก้ปัญหาโควิด-19 เป็นต้น ตนเข้าใจว่าพรรคการเมืองต้องการชิงความได้เปรียบในการยกร่างรัฐธรรมนูญและต้องการทำให้พรรคเล็กไม่สามารถเดินเข้าสู่พื้นที่ในการเลือกตั้งครั้งหน้าได้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่เกิดประโยชน์กับประชาชน

เมื่อถามว่าข้อกังวลนี้จะทำให้พรรคเล็กหรือ ส.ส.จะไปยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยตีความหรือไม่ นายโกวิทย์ กล่าวว่า มีแน่นอน ฝั่ง ส.ว.หลายคนก็เกิดความสงสัย ในส่วนของพรรคพลังท้องถิ่นไทยจะหารือกันว่าหากยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญเป็นรายบุคคลได้โดยไม่ต้องให้ประธานรัฐสภาเป็นคนยื่น พรรคเราก็จะยื่นเอง ทั้งนี้ ศาลรัฐธรรมนูญก็เคยวินิจฉัยแล้วว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องทำเป็นรายมาตรา แต่การแก้รายมาตราไม่ได้ถูกแก้มาในการร่างครั้งนี้ เราจึงฟันธงว่าเป็นการลุกลี้ลุกลนของ ส.ส. ที่อยากแก้ให้มี ส.ส.มากกว่าเดิมหรือไม่ แก้เพื่อต้องการกำจัดพรรคเล็กหรือไม่ แม้พรรคพลังท้องถิ่นไทยจะเป็นพรรคเล็กแต่ก็ไม่ได้กังวล ซึ่งก็ต้องชื่นชมนายจุรินทร์ เพราะร่างฉบับที่ 13 มีความแตกต่างกับร่างของพรรคเพื่อไทยและพรรคประชารัฐ เพราะไม่ได้ใช้คะแนนขั้นต่ำ พรรคเล็กจึงยังมีโอกาสหากมีนโยบายที่ดีให้ประชาชนได้ขานรับ 

“ประวิตร” ถก กนช.สั่งขับเคลื่อนแผนแม่บทน้ำเพิ่มประสิทธิภาพ บริการจัดการน้ำ รับมือฤดูฝน

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) ครั้งที่ 2/2564 ผ่านวิดีโอ คอนเฟอร์เรนท์ โดยมีนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติ เข้าร่วม โดยกนช.เห็นชอบการจัดทำแผนปฏิบัติการด้านทรัพยากรน้ำ ผ่านระบบ "Thai Water Plan" ซึ่งเป็นระบบบริหารจัดการแผนงานโครงการ และฐานข้อมูล เพื่อใช้ในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำให้มีประสิทธิภาพ มากยิ่งขึ้น และเห็นชอบให้ทบทวน บทบาท ของหน่วยงาน บริหารจัดการทรัพยากรน้ำ เพื่อให้มีเอกภาพการทำงาน มากขึ้น 

นอกจากนั้นที่ประชุมรับทราบสถานการณ์น้ำในแหล่งน้ำ แหล่งน้ำขนาดใหญ่ มีปริมาณน้ำ 32,344 ล้านลบ.ม. (45%) ขนาดกลางมีปริมาณน้ำ 2,732 ล้านลบ.ม.(50%) และขนาดเล็ก มีปริมาณน้ำ 1,868 ล้านลบ.ม. (37%) ซึ่งสทนช.ได้ดำเนินการขับเคลื่อน 10 มาตรการ เพื่อรับมือฤดูฝน โดยบูรณาการหน่วยงานภายใต้กอนช. และมีความคืบหน้าในภาพรวม อย่างน่าพอใจ โดยมุ่งเน้นการป้องกันน้ำหลาก น้ำท่วม และการกักเก็บน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้งหน้า ให้เพียงพอ ต่อการอุปโภคบริโภค การเกษตร และการอุตสาหกรรม และรับทราบ ผลการประชุมคณะกรรมการแม่น้ำโขงแห่งชาติไทย ที่สำคัญได้แก่ แนวทางการแก้ปัญหา ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลง ระบบนิเวศแม่น้ำโขง ต่อวิถีชีวิตของประชาชนในลุ่มแม่น้ำโขง 7 จังหวัด

โดย พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ขอให้สทนช.เร่งดำเนินการตามนโยบายนายกรัฐมนตรี ในการแก้ไขปัญหาผลกระทบ จากการเปลี่ยนแปลงระบบนิเวศ แม่น้ำโขงต่อวิถีชีวิตของประชาชน ในลุ่มแม่น้ำโขง และให้เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำโขง อย่างใกล้ชิด พร้อมแจ้งเตือนประชาชนให้ทันต่อสถานการณ์ โดยใช้กลไกคณะอนุกรรมการทรัพยากรน้ำระดับจังหวัด ดำเนินการ ต่อไป

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า นอกจากนั้น ให้เร่งรัดแผนงาน โครงการภายใต้แผนแม่บทน้ำ และพ.ร.บ.น้ำ ให้แล้วเสร็จตามเป้าหมายและกรอบเวลา ที่กำหนด เพื่อให้ประชาชนมีน้ำใช้ อย่างเพียงพอ และลดผลกระทบ จากภาวะน้ำท่วม ภัยแล้ง และน้ำเค็มรุก อย่างเป็นรูปธรรม เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top