Sunday, 18 May 2025
ค้นหา พบ 48168 ที่เกี่ยวข้อง

“บิ๊กตู่” ตั้ง “ธนกร” นั่งโฆษกฯ ศบศ.แจงงานเศรษฐกิจ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจ (ศบศ.) ลงนามคำสั่งนายกรัฐมนตรี แต่งตั้งนายธนกร วังบุญบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นโฆษกประจำศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจ (ศบศ.) ตามที่นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขาฯ ศบศ.เสนอ เพื่อทำหน้าที่ชี้แจงและประชาสัมพันธ์เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องตามความเป็นจริงแก่สื่อมวลชน รวมทั้งสร้างความเข้าใจให้กับประชาชน

“บิ๊กป้อม” ขึงขังยันไม่เคยส่งสัญญาณลูกพรรคเตรียมพร้อมยุบสภา “ลั่น” อยู่ครบเทอม ไม่กังวลสถานการณ์การเมือง โทษสื่อเขียนกันเองประชุม พปชร.ขอนแก่น ปัดตอบห่วง "บิ๊กตู่" หรือไม่หลังแจงเดือดกลางสภา

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์ข้อเท็จจริงกรณีที่มีข่าวว่าส่งสัญญาณกับลูกพรรคให้เตรียมความพร้อมในทางการเมืองที่อาจะมีการยุบสภาในเวลาอันใกล้นี้ว่า มันครบปีครบเทอมแล้วหรือยัง ถ้ายังก็ไม่มีอะไรเลย สื่อว่ากันและเขียนกันไปเองทั้งนั้น

ผู้สื่อข่าวถามว่าแสดงว่ารัฐบาลจะอยู่ครบเทอมใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร ย้อนถามว่า “ครบเทอมมันกี่ปี ยืนยันว่ากระแสข่าวที่ออกมาไม่มีข้อมูลข้อเท็จจริงเลย สื่อเขียนข่าวกันเองทั้งนั้น” เมื่อถามย้ำว่ารัฐบาลจะอยู่ครบ 4 ปีใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ก็ไม่รู้ แต่ถ้าครบเทอมเวลามันก็คือ 4 ปี

เมื่อถามว่าในฐานะรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงมีความมั่นใจว่ารัฐบาลจะอยู่ครบเทอม โดยไม่มีการยุบสภาก่อนใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “สถานการณ์ข้างหน้าผมคิดคนเดียวไม่ได้ต้องคิดกันหลายๆ พรรคหลายๆ คน ว่ามีความเหมาะสมขนาดไหนและสถานการณ์เป็นอย่างไร” และในส่วนของพรรคพปชร. ทุกคนก็เห็นแล้วว่ามีความเข้มแข็งหรือไม่ แต่ยืนยันว่าไม่มีเรื่องการไปดูดใครเข้ามาอยู่กับพรรค สื่อคิดกันไปเองทั้งนั้น 

เมื่อถามย้ำว่าพรรคเตรียมการปรับโครงสร้างกรรมการบริหารพรรคจริงหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เป็นเรื่องของพรรค จะให้ตนมาบอกอะไร เพราะมีคนที่เขาไม่อยากรู้ก็เยอะ เรื่องนี้เป็นเรื่องของพรรคที่จะดำเนินการเอง อย่างไรก็ตามจะต้องพูดคุยกับสมาชิกพรรคว่าจะเอาอย่างไรไม่ใช่เรื่องของตนเพียงคนเดียว 

ผู้สื่อข่าวถามถึงข่าวการประชุมพรรคในวันที่ 20 มิถุนายนนี้ที่ จ.ขอนแก่น เป็นความจริงหรือไม่ หัวหน้าพรรค พปชร. กล่าวว่า เรื่องการประชุมพรรคเลื่อนมาตั้งนานแล้ว เพราะเกี่ยวข้องใน รายละเอียดตามข้อกฎหมายที่ต้องชี้แจงให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) รับทราบ ในเรื่องของงบดุลประจำปี ซึ่งพรรคเลื่อนประชุมมาโดยตลอด “และถึงวันนี้ก็ยังไม่มีวันที่จะประชุม ว่าเป็นเมื่อไหร่ ยืนยันยังไม่มีอะไรออกมาเลยนอกจากสื่อที่ไปพูดกันเอง”

ผู้สื่อข่าวถามว่าได้มีการพูดคุยกับส.ส. บ้างหรือยังเรื่องการเสียบบัตรแทนกันหลังจากที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดออกมา พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เรื่องนั่นเป็นเรื่องที่ต้องดำเนินการในข้อมูลที่มีอยู่ ซึ่งก็ว่ากันไป 

ทั้งนี้ในช่วงท้ายผู้สื่อข่าวถามว่า มีความกังวลอะไรต่อสถานการณ์การเมืองในขณะนี้หรือไม่พล.อ.ประวิตร กล่าวปฏิเสธว่า “ไม่มี เห็นหน้าผมแล้วเป็นอย่างไรมีความกังวลหรือไม่” 

เมื่อถามว่าเป็นห่วงน้องชายอย่างพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม หรือไม่ ซึ่งล่าสุดมีการชี้แจงดุเดือดในสภาวานนี้ (9 มิ.ย.) พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “สื่อก็ดูเองว่า มีการวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างไร ก็ดูกันเอง”

“บิ๊กแก้ว” พร้อมส่ง ทหาร คุมแคมป์แรงงาน กทม. พร้อมตั้งจุดตรวจเข้า-ออก ชุดลาดตระเวณ กั้นรั้วลาดหนาม สกัดเคลื่อนย้าย

ที่กองบัญชาการกองทัพไทย (บก.ทท.) พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) ในฐานะหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง (หน.ศปม.) กล่าวถึงกรณี ศบค. ประสานหน่วยงานความมั่นคงให้ส่ง กำลังทหาร ตำรวจ คุมเข้มแคมป์คนงานก่อสร้างใน กทม. หลังพบว่ายังมีการเคลื่อนย้าย ว่าเป็นภาพรวมของนโยบาย ว่าเจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคงจะเข้าไปดูแลในการควบคุม ตั้งแต่การตั้งจุดตรวจ การตรวจสถานที่ต่างๆ

ซึ่งสถานการณ์ในปัจจุบัน หลังจากมีการตรวจแคมป์คนงาน ที่เป็นคลัสเตอร์การแพร่ระบาด โควิด-19 และยังมีการเคลื่อนย้ายกันออกไป ทั้งนี้ต้องไปดูว่า ศบค.ได้กำหนด แคมป์คนงานในแต่ละพื้นที่เอาไว้อย่างไร

ซึ่งในแนวทางปฏิบัติหากมีกรณีเช่นนี้เราจะจัดส่งเจ้าหน้าที่ไปสำรวจวแคมป์แรงงาน จะต้องได้รับการควบคุมแบบไหน การเข้าออก สามารถเล็ดออกจากพื้นที่ได้หรือไม่ จำเป็นต้องมีเครื่องกีดขวางมากั้นช่องโหว่ที่ยังปิดไม่ได้หรือไม่ เช่น รั้วลวดหนาม

โดยประสานกับผู้ประกอบการที่ดูแลพื้นที่ เพื่อไม่ให้เกิดการลักลอบโดย

1.) จัดเจ้าหน้าที่ประจำจุดเข้า-ออก และพิจารณาเป็นกรณีไปหากจำเป็นต้องเข้า-ออก

2.) ลาดตระเวนในพื้นที่เพื่อให้ไม่ให้มีการลักลอบ 

ทั้งนี้ยืนยันว่าจะใช้เจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นหลักในการปฏิบัติหน้าที่ในขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารจะเป็นส่วนเสริม และใช้ สารวัตรทหาร(สห.) ในการปฏิบัติงาน ยกเว้นกรณีมีแคมป์แรงงานหลายแห่งทีต้องควบคุม จำเป็นต้องใช้กำลังทหาร ซึ่งขึ้นอยู่กับว่า แคมป์แรงงานตั้งอยู่ในพื้นที่ความรับผิดชอบของเหล่าทัพใด ก็จะประสานเหล่าทัพนั้นส่งกำลังทหารไปดูแล

ศธ.แจง แนวทาง 4 ON รับเปิดเรียน 14 มิ.ย.นี้ ย้ำ 4 จ.แดงเข้ม ยังไม่ให้ใช้พื้นที่ทำการสอน ชี้ บุคลากร ข้ามจว.หากมีความเสี่ยงให้กักตัว 14 วัน

ที่ทำเนียบรัฐบาล พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19 ) หรือศบค.แถลงว่า ศบค.ชุดเล็กได้พูดคุยถึงการเตรียมความพร้อมในการเปิดเรียนภาค 1/2564 ในวันที่ 14 มิ.ย.นี้ โดยปลัดกระทรวงศึกษาธิการ แจ้งถึงความพร้อมโดยให้จัดการเรียนการสอนตามความเหมาะสมของผู้เรียน เหมาะสมกับสถานการณ์และสอดคล้องกับการเรียนวิถีใหม่ในรูปแบบ 4 ON โดยแยกพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดงเข้ม) 4 จังหวัด ให้เปิดเรียนพร้อมกันทั่วประเทศ แต่ไม่อนุญาตให้ใช้สถานที่บริเวณโรงเรียนหรือสถานศึกษา ทำการเรียนการสอน แต่ให้จัดการเรียนการสอน 4 รูปแบบ คือ

1.) ทางออนไลน์ หรือการเรียนผ่านช่องทางออนไลน์

2.) ออนแอร์ หรือการเรียนรู้ผ่านดีแอลทีวี หรือทางดิจิตอลทีวี

3.) ออนดีมานหรือการเรียนการสอนผ่านการใช้งานแอพพลิเคชั่นต่างๆ

4.) ออนแฮนด์ หรือการจัดส่งหนังสือแบบเรียนและสื่อการเรียนรู้ถึงบ้านทางไปรษณีย์เท่านั้น

สำหรับจังหวัดพื้นที่ควบคุมสูงสุด (สีแดง) 17 จังหวัด และพื้นที่ควบคุม 56 จังหวัด (สีส้ม) สามารถจัดการเรียนการสอนแบบผสมผสานได้ เช่น เรียนในที่ตั้งสามารถทำได้ โดยโรงเรียนทั้งหมดต้องผ่านเกณฑ์ประเมิน ไทยสต็อปโควิด 44 ข้อ และมีมาตรการปลอดภัยเพียงพอที่จะเปิดการเรียนได้ โดยการใช้สถานที่ของโรงเรียนต้องผ่านการประเมิน จากนั้นให้โรงเรียนขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดทำการเปิดเรียนในที่ตั้งสถานศึกษา ส่วนกรุงเทพฯ ได้เพิ่มช่องทางออนสกูลไลน์ หรือมีกลุ่มไลน์แต่ละห้องเรียนหรือรายวิชา

พญ.อภิสมัย กล่าวว่า ที่ประชุมศบค.พูดคุยถึงการเตรียมความพร้อมบุคลากร โดยเกือบ 60 เปอร์เซ็นต์ ได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว หากบุคลากรต้องข้ามพื้นที่จากต่างจังหวัดเข้ามาในกรุงเทพฯขอให้ทุกคนสำรวจความเสี่ยงของตัวเองและสังเกตอาการ ไปในพื้นที่เสี่ยงหรือสัมผัสกับกลุ่มเสี่ยงหรือไม่ ถ้าไม่แน่ใจให้กักตัว 14 วัน ก่อนติดต่อประสานงานกับบุคคลอื่น และสถานศึกษาต้องเอาใจใส่บุตรหลานที่จะเดินทางไปเรียนด้วย

คุณนุ่น บุศย์สิรินทร์ ยิ่งเกียรติกุล | THE STUDY TIMES STORY EP.39

บทสัมภาษณ์ คุณนุ่น บุศย์สิรินทร์ ยิ่งเกียรติกุล ปริญญาโท คณะรัฐศาสตร์ สาขาบริหารรัฐกิจ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, ผู้ประกาศข่าว Thai PBS
สื่อมวลชนผู้มีเป้าหมายใช้พื้นที่สื่อเพื่อผลักดันสังคมให้ดีขึ้น

ปัจจุบันคุณนุ่นเป็นผู้สื่อข่าว ผู้ประกาศข่าวที่ช่อง Thai PBS และ Content Creator ให้กับเพจ The Active

คุณนุ่นเริ่มสังเกตตัวเองตั้งแต่ช่วงมัธยม ด้วยความที่เรียนวิทย์-คณิต มีความฝันอยากเป็นนักธุรกิจและนักจิตวิทยา แต่ค้นพบว่าตัวเองมีบุคลิกนิ่งๆ และชอบสังเกตพฤติกรรมของคน จึงตัดสินใจเลือกสามคณะแรกเป็นจิตวิทยาทั้งหมด จนสุดท้ายติดที่คณะสังคมศาสตร์ สาขาจิตวิทยาพัฒนาการ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ความน่าสนใจคือ ปริญญาที่ได้มาจะจบด้วยคำว่าวิทยาศาสตร์บัณฑิต (จิตวิทยา) หมายความว่า ในเวลาเรียน 4 ปี จะได้เรียนทั้งวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ สรีระร่างกายของมนุษย์ รวมทั้งได้สังคมผนวกเข้ามาอีก จากนั้นนำไปรวมกับจิตวิทยาแขนงต่างๆ 

หลังจากเรียนจบปริญญาตรี คุณนุ่นมีความรู้สึกว่าจิตวิทยาไม่ได้กว้างมากพอ จึงตัดสินใจจะเรียนต่อในสิ่งที่เกี่ยวข้องกับงานราชการแทน กระทั่งเลือกเรียนต่อปริญญาโท คณะรัฐศาสตร์ สาขาบริหารรัฐกิจ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งจะเรียนเกี่ยวกับสังคม การบริหารคน การบริหารองค์กร รวมถึงนโยบายสาธารณะ ทำให้เห็นวิธีคิดของรัฐ และวิธีคิดของภาคประชาชนชัดเจนมากขึ้น

คุณนุ่นเล่าว่า การเรียนจิตวิทยาและรัฐศาสตร์มีส่วนช่วยในการทำงานข่าวอย่างมาก เพราะงานข่าวต้องเจอคนเยอะ ทั้งในการสัมภาษณ์หรือลงพื้นที่ ต้องดูพฤติกรรมการสื่อสารต่างๆ ส่วนด้านรัฐศาสตร์ ด้วยความที่อยู่ศูนย์สื่อสารวาระทางสังคมและนโยบายทางสาธารณะ จึงต้องทำข่าวที่เกี่ยวข้องกับนโยบายสาธารณะ การทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐและภาคประชาชน ทำให้สามารถผสมผสานการเรียนเข้ากับการทำงานได้เลย คุณนุ่นฝากไว้ว่า บางทีระหว่างทางที่เรียนมา เราไม่รู้ว่าจะมาบรรจบที่ตรงไหน แต่การเก็บเล็กผสมน้อยให้เต็มที่ พอถึงจุดหนึ่ง สามารถเอามาใช้ได้ทุกอย่าง อยู่ที่ว่าเราจะหยิบมาใช้หรือเปล่า

เริ่มแรกคุณนุ่นไม่ได้มีเป้าหมายชัดว่าอยากจะเป็นผู้ประกาศข่าว/ ผู้สื่อข่าว แต่เพราะได้ทำงานฟรีแลนซ์กับกองที่ Thai PBS ช่วงแรกโดนว่าเยอะเรื่องการท่องจำบท พูดผิดๆ ถูกๆ แต่พอได้ทำต่อเนื่องไปเรื่อยๆ ก็รู้สึกสนุกกับงานหน้าจอ จนลองคิดไปอีกสเต็ปว่าถ้าไม่พูดตามสคริปต์ แต่ได้ออกไปหาข้อมูลแล้วนำสิ่งนั้นมานำเสนอ จะท้าทายกว่านี้ไหม จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการเป็นนักข่าว 

เทคนิคการเตรียมตัวสำหรับผู้ที่อยากเป็นผู้ประกาศข่าว/ ผู้สื่อข่าว นั้น คุณนุ่นแนะนำว่าให้อ่านข่าว มีทักษะในเรื่องการเขียน การวิเคราะห์ การเล่าเรื่องเพื่อเชื่อมโยงปรากฏการณ์ 

เส้นทางกว่าจะมาเป็นนักข่าวที่ Thai PBS คุณนุ่นเล่าว่า เริ่มแรกต้องเขียนเรียงความว่าทำไมอยากเป็นนักข่าว จากนั้นจะมีการคัดเข้ามาเพื่อสอบข้อเขียน ในวิชาภาษาอังกฤษพื้นฐาน ช้อยส์เกี่ยวกับข่าวความรู้ทั่วไป และข้อเขียนเชิงวิเคราะห์ รอบสามคือการสัมภาษณ์ ทดสอบรายงานข่าวสดต่อหน้ากรรมการ หลังจากผ่านเข้ารอบแล้วต้องมาฝึกอีกเยอะพอสมควร ทั้งการทำข่าวภาคสนามและการนั่งอ่านข่าวในสตู

งานสื่อสารมวลชน ทำให้เห็นการเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่าง เป้าหมายสำคัญในอาชีพผู้สื่อข่าวของคุณนุ่นนับจากนี้ คืออยากเป็นคนที่ใช้ศักยภาพของตัวเองให้เต็มที่ พัฒนาข่าวให้ไปถึงจุดที่สามารถเป็นนักวิเคราะห์ข่าว และมองปรากฏการณ์ในสังคมทุกมิติได้ขาด เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้สังคมดีขึ้นได้ 

คุณนุ่นฝากทิ้งท้ายเป็นกำลังใจให้น้องๆ ที่รู้สึกว่าเราเปลี่ยนอะไรไม่ได้ บางครั้งการคิดใหญ่มันทำให้เราท้อ ลองกลับมาตั้งคำถามกับตัวเองว่าเราทำอะไรให้กับตัวเองได้บ้าง เราอยากจะทำสิ่งนี้เพื่ออะไร เพราะอะไร เพราะใคร เท่านั้นพอ ไม่จำเป็นต้องเอาความใหญ่ ความหนักมากดดันหรือแบกเอาไว้จนเราไม่กล้าทำอะไร 
.

.

.

.


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top