“นายกฯ”กำชับ ดูแลชาวนา บรรเทาราคาข้าวตกต่ำ

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ไม่ได้นิ่งนอนใจ ต่อกรณีที่ชาวนาร้องเรียนราคาข้าวตกต่ำจนถูกกว่าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป และกำชับกระทรวงพาณิชย์ และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.)เร่งหาแนวทางแก้ไขปัญหาเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร ที่ได้รับผลกระทบทั้งโควิด-19 น้ำท่วม ราคาข้าวตกต่ำ จึงต้องหาทางบรรเทาความเดือดร้อนโดยเร็ว ขณะนี้ธ.ก.ส. แจ้งว่าระบบจะโอนเงินให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวในโครงการประกันรายได้ งวดแรกในวันที่ 9 พ.ย.นี้ 

นายธนกร กล่าวถึงราคาข้าวที่ลดต่ำลงในช่วงนี้ ว่า มาจากปัจจัยหลายด้าน เช่น การส่งออกข้าวไปต่างประเทศ การบริโภคในประเทศที่ลดลง ปริมาณฝนตกชุก ปัญหาน้ำท่วมส่งผลต่อคุณภาพข้าว โดยกระทรวงพาณิชย์ รายงานว่าคำสั่งซื้อข้าวจากต่างประเทศมีมากขึ้นในช่วง 6 เดือนหลัง และค่าเงินบาทอ่อนตัวลง จึงเพิ่มความสามารถในการแข่งขันข้าวไทยและคาดว่าปีนี้ จะส่งออกได้ราว 6 ล้านตันตามที่ตั้งเป้าไว้ ขณะที่ความต้องการบริโภคในประเทศมีสัญญานดีขึ้น และสถานการณ์น้ำท่วมเริ่มคลี่คลาย มาตรการที่กระทรวงพาณิชย์เข้าไปแก้ไขปัญหาจะช่วยให้ราคาข้าวเปลือกในตลาดดีขึ้นเป็นลำดับ

สำหรับมาตรการดูแลพี่น้องชาวนามีทั้งโครงการประกันรายได้ปี 2564/65 กำหนดราคาข้าวเปลือกที่ความชื้นไม่เกิน 15เปอร์เซ็นต์ เช่น ข้าวเปลือกหอมมะลิ ตันละ 15,000 บาท ข้าวเปลือกเจ้า ตันละ 10,000 บาท ข้าวเปลือกเหนียว ตันละ 12,000 บาท และยังมีมาตรการคู่ขนานให้เกษตรกรรวบรวมจัดเก็บข้าวไว้ในยุ้งฉาง จะได้รับค่าฝากเก็บตันละ 1,500 บาท และรับซื้อข้าวเปลือกกับสหกรณ์และโรงสีเพื่อเพิ่มสภาพคล่อง โดยชดเชยดอกเบี้ย 3เปอร์เซ็นต์ ระยะเวลา 2-6 เดือน สำหรับโรงสี และ 1 ปี สำหรับสหกรณ์ ทั้งนี้กรมการค้าภายในได้อนุมัติให้ผู้ประกอบการนอกพื้นที่ เข้าไปช่วยรับซื้อข้าวเหนียวในพื้นที่ภาคเหนือ 7 จังหวัด ตั้งแต่เดือน ต.ค. 2564 และอนุมัติโครงการตลาดนัดข้าวเปลือกให้มีผู้รับซื้อเข้าไปแข่งขันรับซื้อในพื้นที่ที่มีผู้รับซื้อไม่เพียงพอกับผลผลิต เพื่อให้เกิดการแข่งขันและราคา ใน 19 จังหวัด