Thursday, 12 June 2025
WORLD

'ปารีส' หั่นราคาห้องพักโรงแรม หวังดึงนักท่องเที่ยวช่วงโอลิมปิก 2024 หลังความต้องการฮวบ!! เหตุ 'เงื่อนไขเยอะ-หวั่นความปลอดภัย'

(1 ส.ค. 67) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เปิดฉากกันไปแล้วสำหรับโอลิมปิกเกมส์ 2024 ที่จัดขึ้น ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งเหล่าธุรกิจ-การค้าของประเทศฝรั่งเศสเริ่มตื่นตัว ตัดสินใจดำเนินการเพื่อดึงนักเดินทางด้วยการลดราคาและยกเลิกข้อกำหนดการพักขั้นต่ำ หลังจากมีบางคนเกิดการลังเลเนื่องจากเห็นว่ามีการโก่งราคาค่าห้องพักก่อนจะถึงการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก

ด้าน สำนักงานการท่องเที่ยว กรุงปารีส รายงานว่า ราคาค่าห้องพักโรงแรมโดยเฉลี่ยในระหว่างโอลิมปิก ลดลงไปอยู่ที่คืนละ 258 ยูโร หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 10,000 บาท จากเดิมที่ราคาในช่วงฤดูร้อนอยู่ที่ 342 ยูโร หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 13,200 บาท ซึ่งปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 70 จากค่าห้องพักโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 202 ยูโร หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 7,800 บาทเมื่อเดือนกรกฎาคม 2023 

ด้าน บริษัทท่องเที่ยว กล่าวว่า นักท่องเที่ยวอาจจะได้ลดราคาห้องพักอีกระหว่างร้อยละ 10-70 เนื่องจากผู้บริหารโรงแรมเสนอราคาพิเศษให้หลังจากความต้องการห้องพักในช่วงโอลิมปิกต่ำกว่าที่คาดหมายไว้ เนื่องจากห้องพักมีราคาสูงและมีความกังวลเรื่องความปลอดภัย บางโรงแรมยกเลิกข้อจำกัดต่าง ๆ รวมถึงวันเดินทางมาถึงและระยะเวลาในการพัก เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวที่ตัดสินใจได้ในวินาทีสุดท้าย

ไวรัล!! แซว 'ยูซุฟ ดิเค็ก' นักกีฬายิงปืนตุรกี นิ่งเหมือนนักฆ่า ลีลาไม่ต้องมาก เครื่องแต่งกายไม่ต้องแน่น คว้าเหรียญเงิน

(1 ส.ค.67) กลายเป็นไวรัลในสื่อสังคมออนไลน์อีกครั้งกับนักยิงปืนโอลิมปิกในกรุงปารีส 2024 โดยคราวนี้เป็นนาย ยูซุฟ ดิเค็ก (Yusuf Dikec) นักกีฬายิงปืนจากตุรกี วัย 51 ปี หลังจากที่มีภาพของเขาถือปืน โดยไม่มีหูฟังป้องกัน แต่สวมเสื้อยืด และแว่นตา รวมถึงที่อุดหูธรรมดา ด้วยท่าทีที่ใจเย็น ต่างกับนักกีฬาคนอื่นที่อุปกรณ์พร้อม จนทำให้ชาวเน็ตแซวว่าเหมือนมือปืนอาชีพ เย็นยะเยือกเหมือนนักฆ่า

โดยภาพดังกล่าวถูกแชร์เป็นวงกว้างไม่ว่าจะเป็นภายในกลุ่มชาวตุรกีหรือนานาชาติ ซึ่งแม้นาย อิลอน มัสก์ เจ้าของทวิตเตอร์ยังได้มาแสดงความเห็นใต้ภาพ โดยเขียนสั้น ๆ ว่า “เจ๋ง”

ทั้งนี้ นาย ยูซุฟ ดิเค็ก ลงแข่งแบบทีมคู่กับ เซววัล อิลายดา ทาร์ฮาน ก่อนจะคว้าเหรียญเงิน แข่งยิงปืนแบบผสม หลังพ่ายให้กับทีมชาติเซอร์เบีย ซึ่งถือเหรียญรางวัลเหรียญในกีฬายิงปืนเหรียญแรกในประวัติศาสตร์ตุรกี

สำหรับตัวของนาย ยูซุฟ ดิเค็ก นั้นเกิดเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2516 และถือเป็นนักกีฬายิงปืนมากประสบการณ์ โดยเคยเป็นตัวแทนตุรกีลงแข่งโอลิมปิกมาแล้วในปี 2555 และ 2559 ก่อนจะคว้าเหรียญรางวัลได้ในที่สุด

‘นักกีฬารัสเซีย-เบลารุส’ ต้องร่วมโอลิมปิก 2024 ภายใต้ชื่อ ‘AIN’ เหตุสงครามยูเครนทำให้ถูกแบน จนต้องแข่งขันอย่างไร้ประเทศ

มหกรรมกีฬาโอลิมปิก ถือเป็นงานแข่งขันกีฬาระดับโลก ที่แต่ละประเทศในโลกจะส่งตัวแทนนักกีฬาต่างส่งนักกีฬาตัวแทนมาแข่งขันในงานนี้ พร้อมตราสัญลักษณ์ ธงชาติ หากนักกีฬาชาติได้รับชัยชนะ จะถือเป็นเกียรติประวัติ ผลงานความภาคภูมิใจของชาตินั้น ๆ

แต่ทว่า ในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศสในปี 2024 นี้ กลับมีนักกีฬาที่ลงสนามในนาม ‘AIN’ ที่ย่อมาจาก Athlètes Individuels Neutres ในภาษาฝรั่งเศส หมายถึง นักกีฬาเป็นกลางรายบุคคล และใช้ธงขาวที่แสดงสัญลักษณ์ AIN แทนธงชาติตามสัญชาติของนักกีฬา 

โดย AIN เป็นชื่อที่คณะกรรมการโอลิมปิกสากล (IOC) อนุมัติให้กับนักกีฬาจากรัสเซีย และ เบลารุส ใช้เพื่อเข้าร่วมการแข่งขันในปารีส โอลิมปิก 2024 นี้ แต่จะไม่อนุญาตให้นักกีฬาภายใต้ชื่อ AIN แสดงสัญลักษณ์ใด ๆ ก็ตามที่สื่อถึงชาติของตนระหว่างการแข่งขันกีฬา รวมถึงการใช้เพลงชาติเมื่อนักกีฬาจาก AIN ชนะเลิศ ได้เหรียญทองอีกด้วย เงื่อนไขนี้เป็นผลพวงจากที่รัสเซีย และ เบลารุส ถูกคว่ำบาตรจากเหตุการณ์รุกรานยูเครนในปี 2022 เป็นต้นมา

ปรากฏการณ์นี้ไม่ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก เนื่องด้วยรัสเซียเคยถูกแบนในการเข้าร่วมการแข่งขันโอลิมปิกที่กรุงโตเกียว ในปี 2020 มาก่อนจากคดีอื้อฉาวเรื่องการใช้สารกระตุ้นต้องห้าม แต่ทีมนักกีฬารัสเซียคนอื่น ๆ ยังสามารถเข้าร่วมการแข่งขันภายใต้ชื่อ ‘คณะกรรมการโอลิมปิกรัสเซีย’ หรือ ROC ได้ 

แต่สำหรับโอลิมปิกคราวนี้ มีประเด็นการเมืองที่ต่างออกไป และเป็นครั้งแรกที่เบลารุส ถูกแบน จึงทำให้นักกีฬาของเบลารุส และ รัสเซีย ต้องลงแข่งขันภายใต้ชื่อใหม่ ‘AIN’ ใช้เพียงตราสัญลักษณ์บนพื้นขาว และใช้เพลงบรรเลงที่กำหนดโดยคณะกรรมการโอลิมปิก เมื่อขึ้นรับเหรียญรางวัลเท่านั้น

และไม่ใช่นักกีฬารัสเซีย และ เบลารุส ทุกคนสามารถเข้าร่วมการแข่งขันในนาม AIN ได้ แต่ต้องได้รับการอนุมัติจากสหพันธ์กีฬานานาชาติแต่ละแห่งก่อน แม้ว่านักกีฬาจะมีคุณสมบัติตรงตามเกณฑ์ก็ตาม 

อีกทั้งนักกีฬา AIN ไม่ถือเป็นทีม หรือเป็นตัวแทนของชาติใด จึงไม่สามารถเข้าร่วมในขบวนแห่นักกีฬาในพิธีเปิดที่แม่น้ำแซนได้ รวมถึงตัวแทนรัฐจากทั้งรัสเซีย และ เบลารุส จะไม่ได้รับเชิญให้เข้าร่วมในพิธีใด ๆ ในงานโอลิมปิกครั้งนี้ และเหรียญรางวัลที่ได้จากการแข่งขันของนักกีฬา AIN ก็จะไม่ถูกรวมอยู่ในตารางเหรียญรางวัลด้วยเช่นกัน

จึงถือว่า รัสเซีย และ เบลารุส ได้ถูกแบนจากการเข้าร่วมกีฬาโอลิมปิก 2024 แล้ว แต่ฝ่ายเจ้าหน้าที่ยูเครนบางคนแย้งว่า ทาง IOC ไม่ควรอนุญาตให้นักกีฬารัสเซีย และ เบลารุสคนใดเลยเข้าร่วมการแข่งขันเลย แม้ว่าจะอยู่ในนาม AIN ก็ตาม 

แต่คณะกรรมการ IOC ได้กล่าวในแถลงการณ์แสดงความเป็นน้ำหนึ่งอันเดียวกับยูเครนเมื่อเดือนมกราคม 2023 ว่า ‘ไม่ควรมีนักกีฬาชาติใดถูกกีดกันเพียงเพราะหนังสือเดินทางของพวกเขา’

แต่หาก IOC ใช้ประเด็นเรื่องการรุกรานยูเครน ในการแบนรัสเซีย และ เบลารุส จึงเกิดคำถามว่า IOC ควรใช้มาตรฐานเดียวกันกับประเด็นความขัดแย้งในสงครามกาซาด้วยหรือไม่? 

โดยมีการยื่นคำร้องจากผู้ร่วมลงนามหลายแสนคนให้แบนอิสราเอลจากการเข้าร่วมมหกรรมกีฬาโอลิมปิก เช่นเดียวกับ รัสเซีย และ เบลารุส จากเหตุใช้กำลังทหาร และ การโจมตีทางอากาศของกองทัพอิสราเอลเข้าถล่มเขตพลเรือนในฉนวนกาซ่า อันเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 4 หมื่นคน ในจำนวนนั้นมีนักกีฬาชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตไม่น้อยกว่า 400 คน 

แต่สุดท้าย อิสราเอลสามารถเข้าร่วมงาน ปารีส โอลิมปิก 2024 โดยได้ส่งนักกีฬา 88 คน เข้าร่วมแข่งขันในกีฬา 16 ประเภท

สมเป็นมหกรรมกีฬาของโลกที่เต็มไปด้วยความขัดแย้ง และการเมืองที่แท้จริง

เรื่อง : ยีนส์ อรุณรัตน์

‘มาเลเซีย’ ออกกฎหมายต่อสู้กับอาชญากรรมในโลกออนไลน์ บังคับทุกแพลตฟอร์ม ‘โซเชียลมีเดีย’ ต้องขอใบอนุญาตจากภาครัฐ

รัฐบาลมาเลเซียเอาจริงกับปัญหาสื่อสังคมออนไลน์ในประเทศ เมื่อคณะกรรมการการสื่อสารและมัลติมีเดียแห่งมาเลเซีย (MCMC) กำหนดให้แพลตฟอร์มผู้ให้บริการโซเชียลมีเดีย และส่งข้อความออนไลน์ ที่มีบัญชีผู้ใช้งานตั้งแต่ 8 ล้านบัญชีขึ้นไปในมาเลเซีย ต้องขึ้นทะเบียนเพื่อขอใบอนุญาตตามกรอบกฎหมายการกำกับดูแลใหม่ ให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 1 มกราคม 2568

กรอบระเบียบใหม่นี้ สอดคล้องกับการตัดสินใจในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีที่ว่าโซเชียลมีเดียและบริการส่งข้อความทางอินเทอร์เน็ตจะต้องปฏิบัติตามกฎหมายของมาเลเซีย เพื่อต่อสู้กับคดีอาชญากรรมและการฉ้อโกงทางไซเบอร์ รวมถึงพฤติกรรมการกลั่นแกล้งกันบนโลกออนไลน์ และอาชญากรรมทางเพศต่อเด็กและเยาวชน ผ่านสื่อโซเชียลที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก 

โดยรัฐบาลมาเลเซียเชื่อมั่นว่า กรอบระเบียบใหม่นี้ จะช่วยสร้างระบบนิเวศออนไลน์ที่ปลอดภัย มีคุณภาพ เพื่อประสบการณ์ที่ดีสำหรับผู้ใช้งานทุกเพศ ทุกวัย โดยเฉพาะเด็กและครอบครัว

นั่นหมายความว่า แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียยักษ์ใหญ่ อาทิ Facebook, Instagram, WhatsApp, Line, Youtube, TikTok, Telegram, X และอื่น ๆ ที่มีผู้ใช้งานในมาเลเซียเกิน 8 ล้านบัญชี ต้องมาลงทะเบียนขอใบอนุญาต และปฏิบัติตามกรอบกฎหมายใหม่นี้ นับตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2567 นี้เป็นต้นไป จนถึงภายในวันที่ 1 มกราคม 2568 มิฉะนั้น จะถือเป็นความผิด ที่ต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายของมาเลเซีย ที่อาจมีผลถึงการถูกระงับการเผยแพร่ หรือใช้งานภายในประเทศได้

ก่อนหน้านี้ แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย และสื่อออนไลน์ ได้รับการยกเว้นในการขอใบอนุญาตตามระเบียบข้อบังคับกิจการสื่อในมาเลเซีย ซึ่งแตกต่างจากสื่อออฟไลน์ดั้งเดิม ที่ต้องอยู่ภายในกฎหมายควบคุมของรัฐบาลอย่างเคร่งครัด และนั่นจึงกลายเป็นช่องโหว่ที่นำไปสู่การก่ออาชญากรรมมากมาย ที่ใช้ช่องทางโซเชียลเข้าถึงเหยื่อผู้ใช้งานเป็นจำนวนมาก

จากข้อมูลของ MCMC พบว่า ตั้งแต่เดือนมกราคม 2020 - ตุลาคม 2023 มีคดีหลอกลวงทางไซเบอร์ที่สร้างความเสียหายให้แก่เหยื่อ เป็นมูลค่าสูงกว่า 506 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีคดีเกี่ยวข้องกับการ กลั่นแกล้ง และเผยแพร่คำพูดแสดงความเกลียดชังผ่านโซเชียลถึง 3,419 รายการ

และล่าสุดจากกรณีการฆ่าตัวตายของ ‘Esha’ หรือ ราชาสวารี อัพพาหุ TikToker สาวชื่อดังชาวมาเลเซีย ที่ทำคอนเทนต์ด้านความงาม และการใช้ชีวิตแบบคิดบวก แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถต่อสู้กับข้อความบูลลี่ คุกคาม ไปจนถึงการขู่ฆ่าทางออนไลน์ได้ จนเกิดอาการซึมเศร้าและจบชีวิตตนเองเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคมที่ผ่านมา กลายเป็นประเด็นที่ชาวมาเลเซียวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางถึงมาตรการป้องกันการกลั่นแกล้ง ดูหมิ่นกันในโลกออนไลน์อย่างเหมาะสม

แต่เมื่อรัฐบาลมาเลเซียตัดสินใจที่จะจัดระเบียบโซเชียลใหม่ ก็มีกลุ่มต่อต้านมองว่า รัฐบาลกำลังใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือในการควบคุมสื่อออนไลน์ เป็นการละเมิดเสรีภาพทางการพูด และนำเสนอข่าวทางสื่อสาธารณะ ที่เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน ที่จะนำไปสู่การปิดกั้น และ ปราบปรามกลุ่มเห็นต่างทางการเมือง ที่ต่อต้านรัฐบาลได้ในภายหลัง

และมีการส่งจดหมายเปิดผนึกจากองค์กรอิสระ 44 แห่งและนักเคลื่อนไหว 23 คน ถึงนายกรัฐมนตรี อันวาร์ อิบราฮิม ประณามการออกกฎหมายควบคุมสื่อโซเชียลมีเดียดังกล่าวว่า เป็นการใช้อำนาจมิชอบอย่างโจ่งแจ้ง เพื่อโจมตีระบอบประชาธิปไตย และลดการมีส่วนร่วมของประชาชน

ในขณะเดียวกัน กฎหมายควบคุมแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียใหม่ของมาเลเซีย กำลังจะกลายเป็นต้นแบบให้กับรัฐบาลอื่น ๆในอาเซียน อย่างอินโดนีเซีย และ สิงคโปร์ ที่กำลังพิจารณากฎหมายควบคุมสื่อสังคมออนไลน์ด้วยเช่นกัน เพื่อป้องกันอาชญากรรมทางออนไลน์ไม่ให้ประชาชนของชาติตกเป็นเหยื่อ

หากรัฐบาลหลายชาติเริ่มออกมาเคลื่อนไหวในการกำหนดกรอบกติกาการใช้สื่อโซเชียลมีเดียมากขึ้น ก็ต้องมาติดตามว่าแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียยักษ์ใหญ่ว่าจะออกมาปรับตัวให้อยู่ในกรอบเพื่อรักษาตลาด หรือ ปลุกกระแสต่อต้านเพื่อรักษาคำว่า "เสรีภาพสื่อ" ที่ไม่ยอมอยู่ภายใต้กฎหมายของชาติใด

‘ทีมแพทย์กว่างตง’ ผ่าตัดให้ผู้ป่วยอยู่ไกลกว่า 5,000 กม.สำเร็จ หลังใช้เทคโนโลยี ‘หุ่นยนต์ผ่าตัด 5G’ ทำให้ราบรื่นไปด้วยดี

(31 ก.ค.67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ทีมแพทย์ในมณฑลกว่างตง (กวางตุ้ง) ทางตอนใต้ของจีนประสบความสำเร็จในการผ่าตัดระบบทางเดินปัสสาวะ จากระยะไกลหลายพันกิโลเมตร ให้ผู้ป่วยในเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ ทางตะวันตกเฉียงเหนือ ของจีน ด้วยความช่วยเหลือจากเทคโนโลยีหุ่นยนต์ผ่าตัด 5G

ด้าน หลินเทียนซิน ผู้อำนวยการโรงพยาบาลแห่งที่ 5 ในเครือมหาวิทยาลัยซุนยัตเซ็น เป็นผู้บังคับแผงควบคุมหุ่นยนต์ที่พัฒนาในประเทศระหว่างผ่าตัดให้ผู้ป่วยที่อยู่โรงพยาบาลในภูมิภาคคัชการ์ของซินเจียง ซึ่งอยู่ห่างจากกว่างตงกว่า 5,000 กิโลเมตร โดยการผ่าตัดราบรื่นด้วยแขนกลที่คล่องแคล่วและความหน่วงน้อย

ทั้งนี้ โรงพยาบาลหลายแห่งในบางภูมิภาคทางตะวันตกของจีนประสบปัญหาขาดแคลนบุคลากรมืออาชีพและอุปกรณ์ขั้นสูง จึงต้องแสวงหาความช่วยเหลือจากทีมแพทย์ของศูนย์การแพทย์ชั้นนำ เพื่อดำเนินการผ่าตัดที่ตรงกับความจำเป็นของผู้ป่วย ซึ่งทีมแพทย์บางส่วนต้องเดินทางไกลไปยังภูมิภาคเหล่านั้น

อย่างไรก็ดี ปัญหาเหล่านี้ถูกแก้ไขอย่างมีประสิทธิภาพในปัจจุบันด้วยเทคโนโลยีการผ่าตัด 5G ซึ่งช่วยให้ผู้ป่วยในภูมิภาคห่างไกลของจีนเข้าถึงการบริการทางการแพทย์ที่มีคุณภาพสูงเพิ่มขึ้น

‘รถยนต์ไฟฟ้าจีน’ คว้าส่วนแบ่งตลาดในยุโรป 11% ทุบสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ในเดือนมิถุนายน

เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.67) Business Tomorrow รายงานว่า รถยนต์ไฟฟ้าจากจีนคว้าส่วนแบ่งตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในยุโรปไปถึง 11% ในเดือนมิถุนายน ทำสถิติสูงสุดใหม่ ขณะที่ผู้ผลิตรถยนต์เร่งส่งออกเพื่อหนีภาษีที่เข้มงวดของสหภาพยุโรปซึ่งมีผลบังคับใช้ต้นเดือนนี้

ด้าน บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ คอร์ป (SAIC) เป็นผู้นำในการส่งออกรถยนต์ไฟฟ้ารุ่น MG4 Hatchback จำนวนมากสู่ตัวแทนจำหน่าย ตามข้อมูลของบริษัทวิจัย Dataforce ซึ่งรวบรวมตัวเลขดังกล่าว รถยนต์ที่จดทะเบียนก่อนวันที่ 5 กรกฎาคม สามารถจำหน่ายให้กับลูกค้าได้โดยไม่ต้องเสียภาษีนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มเติม

ตัวเลขของ Dataforce แสดงให้เห็นว่า รถยนต์ไฟฟ้าแบรนด์จีนมากกว่า 23,000 คัน ได้รับการจดทะเบียนทั่วทั้งภูมิภาคในเดือนดังกล่าว ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดเท่าที่เคยมีมา โดยเพิ่มขึ้น +72% เมื่อเทียบกับเดือนพฤษภาคม ซึ่งเป็นสองเท่าของการเพิ่มขึ้นของการจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้าโดยรวมในยุโรปสำหรับเดือนมิถุนายน รถยนต์นำเข้าจากจีนของผู้ผลิตรถยนต์ตะวันตก รวมถึง Volvo Car AB, BMW AG และ Tesla ก็ต้องเสียภาษีใหม่เช่นกัน

ในช่วงเดือนต่อ ๆ ไป จะมีการจับตาอย่างใกล้ชิดว่ายอดขายจะสามารถรักษาไว้ได้หรือไม่ เนื่องจากภาษีใหม่ของสหภาพยุโรปมีผลบังคับใช้แล้ว ภาษีชั่วคราวของสหภาพยุโรปทำให้เอสเอไอซี ต้องเสียภาษีเพิ่มอีก 38% ในขณะที่ บีวายดี ต้องจ่ายภาษีเพิ่มอีก 17% จากอัตราภาษีศุลกากรเดิม 10%

อย่างไรก็ตาม ผู้ผลิตรถยนต์ทั้งสองทวีปกำลังเร่งเพิ่มการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าในยุโรปเพื่อหลีกเลี่ยงภาษีใหม่ ขณะที่ความตึงเครียดระหว่างปักกิ่งและบรัสเซลส์มีความเสี่ยงที่จะกลายเป็นสงครามการค้า

'อิสมาอิล ฮานิเยห์' ถูกลอบสังหารในกรุงเตหะราน ด้าน ‘สหรัฐฯ-อิสราเอล’ ไม่แสดงความเห็นใดๆ

(31 ก.ค. 67) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นายอิสมาอิล ฮานิเยห์ (Ismail Haniyeh) หัวหน้ากลุ่มฮามาส ถูกลอบสังหารในช่วงเช้าขณะเดินทางไปเข้าร่วมพิธีสาบานตนรับตำแหน่งของประธานาธิบดีอิหร่านคนใหม่

ซามี อาบู ซูห์รี เจ้าหน้าที่ระดับสูงของฮามาส ระบุว่า การลอบสังหารฮานีเยห์โดยอิสราเอลถือเป็นการยกระดับความรุนแรงขึ้น โดยมีจุดหมายที่จะทำลายเจตจำนงของฮามาส แต่มันจะไม่บรรลุเป้าหมาย ฮามาสจะเดินหน้าตามเส้นทางที่เดินอยู่ต่อไป และเราเชื่อว่าเราจะชนะ

ด้านกองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติอิหร่านยืนยันการเสียชีวิตของนายฮานิเยห์ ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากเขาเข้าร่วมพิธีสาบานตนดังกล่าว และระบุว่ากำลังทำการสอบสวนเรื่องดังกล่าวอยู่ ขณะที่อิสราเอลยังไม่แสดงความเห็นใด ๆ ในทันที

ทางด้านทำเนียบขาว ไม่แสดงความเห็นใด ๆ หลังถูกสอบถามเกี่ยวกับการเสียชีวิตของนายฮานิเยห์ทันที โดยข่าวการเสียชีวิตของฮานิเยห์ดังกล่าวเกิดขึ้นเพียงไม่ถึง 24 ชั่วโมงหลังมีรายงานว่า อิสราเอลได้ถล่มกรุงเบรุตของเลบานอน เพื่อสังหารนายฟูอัด ชุกร์ ผู้บัญชาการระดับสูงของฮิซบอลเลาะห์ด้วย

ฮานิเยห์ซึ่งอาศัยอยู่ที่กาตาร์ถือเป็นตัวแทนของฮามาสในเวทีการทูตระหว่างประเทศ เขาได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้นำฮามาสในปี 2017 และเดินทางไปมาระหว่างเมืองหลวงของกาตาร์ โดยเขายังทำหน้าที่เป็นผู้เจรจาหยุดยิงในฉนวนกาซา และหารือกับอิหร่านซึ่งเป็นพันธมิตรของฮามาส

'ผู้เชี่ยวชาญ' แนะ!! สหรัฐฯ ควรปฏิรูป 'ระบบภาษี-สวัสดิการสังคม' ช่วยแก้ปัญหาระยะยาว หลังหนี้สาธารณะพุ่งแตะ 35 ล้านล้านเหรียญ

(31 ก.ค.67) Business Tomorrow รายงานว่า สหรัฐอเมริกากำลังเผชิญหน้ากับวิกฤตหนี้สาธารณะที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อตัวเลขหนี้รวมของรัฐบาลกลางพุ่งทะลุ 35 ล้านล้านดอลลาร์เป็นครั้งแรก สร้างความกังวลให้กับนักเศรษฐศาสตร์และผู้เชี่ยวชาญทั่วโลก

ตัวเลขหนี้สาธารณะของสหรัฐอยู่เหนือระดับ 34 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วงปลายเดือน ธ.ค. 2566 และในช่วง 3 เดือนก่อนหน้านั้น หนี้สาธารณะของสหรัฐได้ทำสถิติพุ่งขึ้นทะลุระดับ 33 ล้านล้านดอลลาร์

ข้อมูลจากมูลนิธิปีเตอร์ จี ปีเตอร์สัน (Peter G. Peterson Foundation) องค์กรที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดและมุ่งเน้นการจัดการกับความท้าทายด้านการคลังระยะยาวของสหรัฐ ระบุว่า หนี้สาธารณะจำนวน 35.001 ล้านล้านดอลลาร์นั้น หมายความว่าตัวเลขหนี้สินต่อประชากร 1 คนในสหรัฐอยู่ 103,945 ดอลลาร์

นางมายา แมคกินีส์ ประธานคณะกรรมการด้านงบประมาณของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ได้ออกมาเตือนถึงความรุนแรงของปัญหานี้ และเรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินมาตรการแก้ไขอย่างเร่งด่วน 

ทั้งนี้มูลนิธิปีเตอร์ จี ปีเตอร์สัน ซึ่งเป็นองค์กรที่ศึกษาปัญหาการคลังระยะยาวของสหรัฐฯ ก็ได้ชี้ให้เห็นว่า หนี้สาธารณะที่พุ่งสูงขึ้นเป็นผลมาจากปัจจัยโครงสร้างที่ซับซ้อน และจำเป็นต้องมีการปฏิรูประบบภาษีและสวัสดิการสังคมเพื่อแก้ไขปัญหาในระยะยาว

'ญี่ปุ่น' เข้ม!! จัดหมวด 'กระเป๋าเดินทางไฟฟ้า' เป็น 'ยานพาหะ' สั่งแบนขี่ซิ่งใน 'สนามบิน - ท้องถนน - ทางเท้า' ฝ่าฝืนเจอจับปรับ

นับเป็นปีทองด้านการท่องเที่ยวของญี่ปุ่นจริง ๆ ด้วยอานิสงส์จากค่าเงินเยนอ่อน บวกกับสิ่งอำนวยความสะดวกสาธารณะอันยอดเยี่ยม สถานที่ท่องเที่ยว และวัฒนธรรม ที่มีเอกลักษณ์ดึงดูดใจ จึงทำให้ญี่ปุ่นกลายเป็นจุดหมายปลายทางยอดฮิตพุ่งแรงในปีนี้ จากตัวเลขนักท่องเที่ยวช่วงครึ่งปีแรกของปี 2024 อยู่ที่ 17.78 ล้านคน มากกว่าช่วงเดียวกันของปี 2019 ก่อนเกิดวิกฤติการณ์ Covid-19 ถึง 1 ล้านคนทีเดียว

ในขณะที่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวญี่ปุ่นกำลังบูมสุดขีด แต่ญี่ปุ่นกลับต้องแลกกับความวุ่นวาย และความไร้ระเบียบที่เกิดจากความไม่คุ้นชินของนักท่องเที่ยว จนทางการญี่ปุ่นจำเป็นต้องออกกฎระเบียบเพิ่มมากขึ้น และระเบียบใหม่ล่าสุดที่เพิ่งออกมาคือ ข้อห้ามในการใช้กระเป๋าเดินทางไฟฟ้า 

‘กระเป๋าเดินทางไฟฟ้า’ หรือ ที่บ้านเราเรียกว่ากระเป๋าเดินทางขี่ได้ กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่นักท่องเที่ยว เป็นกระเป๋าเดินทางขนาดเล็กที่ติดมอเตอร์ไว้ด้านใน สามารถขึ้นไปนั่งขี่ได้คล้ายรถสกูตเตอร์ไฟฟ้า ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ลิเทียม ขับขี่ได้ด้วยความเร็วตั้งแต่ 10-15 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

และเมื่อมีนักท่องเที่ยวต่างชาติหลั่งไหลเข้ามาในญี่ปุ่นเป็นจำนวนมาก จึงมักพบเห็นนักท่องเที่ยวนำกระเป๋าเดินทางไฟฟ้าออกมาขี่ตามท้องถนน และทางเท้าในญี่ปุ่น ไม่นับรวมการขี่ด้วยความเร็วภายในอาคารสนามบินที่มีผู้ใช้บริการเป็นจำนวนมาก

ดังนั้น รัฐบาลญี่ปุ่นจึงได้ออกระเบียบใหม่ สำหรับการใช้กระเป๋าเดินทางไฟฟ้าในญี่ปุ่น เพราะมันจะไม่นับเป็นกระเป๋าที่ใช้บรรจุสัมภาระเดินทางอีกต่อไป แต่ถูกจัดให้เป็น 'ยานพาหะติดเครื่องยนต์' แทน 

เมื่อเป็นถูกจัดให้อยู่ในหมวด 'ยานพาหะ' ก็หมายความว่าผู้ใช้สามารถขี่กระเป๋าเดินทางไฟฟ้าบนท้องถนนได้ต่อเมื่อติดตั้งอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่ และหมวกกันน็อก พร้อมมีใบอนุญาตในการขับขี่ด้วย แม้ว่าจะขี่ด้วยความเร็วไม่มากก็ตาม

นอกจากนี้ สนามบินนานาชาติชูบุเซ็นแทรร์ ในจังหวัดไอจิ และสนามบินคันไซ ในโอซาก้า ได้ออกมาประกาศขอให้ผู้โดยสารงดขี่กระเป๋าเดินทางไฟฟ้าภายในอาคาร เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุแล้วเช่นกัน

กฎระเบียบใหม่ของการใช้กระเป๋าเดินทางไฟฟ้าในญี่ปุ่น มีผลบังคับใช้แล้ว และมีการจับ ปรับ จริงเมื่อพบเห็นผู้ฝ่าฝืน อย่างกรณีนักศึกษาสาวจีนคนหนึ่งได้ขี่กระเป๋าเดินทางไฟฟ้าบนทางเท้า และเด็กชายชาวอินโดนีเซีย ที่นำกระเป๋าเดินทางมาขี่เล่นกลางย่านการค้าโดทมโบริ ในโอซาก้า โดยที่ไม่รู้ว่าต้องมีใบขับขี่ และสวมหมวกกันน็อก จึงขี่ได้ 

เป็นข้อมูลอัปเดตล่าสุดสำหรับนักท่องเที่ยวสายติดล้อ ที่ใช้กระเป๋าเดินทางไฟฟ้าอยู่ ยังสามารถใช้ใส่สัมภาระขึ้นเครื่องบินได้ ใช้ลากได้ แต่ขี่ในสนามบินบางแห่งของญี่ปุ่นไม่ได้ และนำมาขี่เล่นตามทางเท้าก็ไม่ได้แล้วด้วย มิฉะนั้น อาจถูกจับ และปรับได้ แล้วจะหาว่าเจ้าบ้านไม่เตือน ไม่ได้นะ 

‘ฝรั่งเศส’ โจรชุม!! ‘เจ้าหญิงกาตาร์’ โดนปล้นกระเป๋าแอร์เมส 11 ใบ ขณะโดยสารรถไฟมาปารีส แถมเจ้าหน้าที่ยังคว้าน้ำเหลวหาขโมย

(30 ก.ค.67) ท่ามกลางการแข่งขันที่เป็นไปอย่างดุเดือดของเหล่านักกีฬาจากหลากหลายประเทศทั่วโลกที่กำลังชิงชัยคว้าเหรียญโอลิมปิก นอกสนามก็มีการแข่งขันเช่นกัน แต่เป็นการแข่งเอาตัวรอดว่าใครจะรอดพ้นจากการถูกจี้ และปล้นนานกว่ากัน เพราะตั้งแต่ยังไม่เริ่มเปิดการแข่งขัน ก็มีข่าวนักกีฬาโดนจี้ โดนปล้นกันชนิดรายวัน ทั้งทุบรถขโมยทรัพย์สิน โดนล้วงกระเป๋า ไปจนถึงความวุ่นวายอย่างการก่อวินาศภัยระบบรถไฟ

แถมล่าสุดมีข่าวฮือฮา เมื่อเจ้าหญิงกาตาร์ ‘อัล มายัสสา บินท์ ฮามาด อัล ธานิ’ ที่มีศักดิ์เป็นลูกสะใภ้ของผู้ครองนครกาตาร์ หนึ่งในครอบครัวที่ร่ำรวยที่สุดในโลก ซึ่งได้เดินทางไปเชียร์นักกีฬาในการแข่งขันโอลิมปิก โดนปล้นกระเป๋าแอร์เมส 11 ใบ ขณะกำลังโดยสารรถไฟความเร็วสูง TGV จากเมืองนีซไปยังปารีส

ทางด้านเจ้าหน้าที่ได้มีการหยุดรถไฟกว่า 20 นาที และพยายามค้นหาขโมย แต่ก็คว้าน้ำเหลว ไม่พบผู้ก่อการและไม่สามารถตามหากระเป๋าแบรนด์หรูได้ เรียกได้ว่าเป็นการปล้นที่มีมูลค่าสูงมาก เพราะแค่กระเป๋าแต่ละใบก็มูลค่าหลักล้านบาทแล้ว แถมด้านในยังมีข่าวว่าบรรจุทรัพย์สินมีค่ามากมายทั้งข้าวของเครื่องใช้ เสื้อผ้า นาฬิกา และอัญมณี เครื่องประดับต่าง ๆ

‘โจ๋วัย 17 ปี’ บุกไล่แทงเด็กน้อยในคลาสเรียนเต้น ประเทศอังกฤษ ดับสลด!! 2 ราย - เจ็บ 11 ราย เบื้องต้นตำรวจยังไม่ทราบแรงจูงใจ

(30 ก.ค.67) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เกิดเหตุคนร้ายวัย 17 ปีรายหนึ่ง ใช้อาวุธมีดบุกเข้าไปไล่แทงผู้คนในชั้นเรียนที่กำลังจัดกิจกรรมเวิร์กช็อปเกี่ยวกับเทเลอร์ สวิฟต์ ในช่วงปิดเทอมสำหรับเด็กอายุระหว่าง 6-11 ปี โดยมีครูผู้หญิง 2 คนสอนโยคะและสอนเต้น เมืองเซาท์พอร์ต เมืองชายทะเลใกล้กับเมืองลิเวอร์พูล

โดยเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้มีเด็กเสียชีวิต 2 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 11 คน ในจำนวนนี้อาการสาหัส 6 คน โดยภาพจากกล้องวงจรปิดเผยให้เห็นว่าผู้ก่อเหตุเดินเข้ามาจากถนนและเริ่มทำร้ายเด็ก ๆ ในขณะที่ผู้ใหญ่ในห้องพยายามปกป้องพวกเขา

ต่อมาตำรวจอังกฤษ ได้จับกุมมือมีดวัย 17 ปีไว้ได้ พร้อมกับตั้งข้อหาฆาตกรรมและพยายามฆ่า จากการสอบสวนเบื้องต้นยังไม่ทราบแรงจูงใจในการก่อเหตุที่ชัดเจน ขณะที่ทีมสอบสวนไม่ถือว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีความเชื่อมโยงกับการก่อการร้ายแต่อย่างใด

ด้าน กษัตริย์ชาร์ลส์ที่ 3 ทรงแสดงความเสียใจ ส่งคำอธิษฐาน และความเห็นอกเห็นใจอย่างสุดซึ้งให้กับผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์สุดเลวร้ายดังกล่าวด้วย

ด้าน นายกรัฐมนตรีเคียร์ สตาร์เมอร์ กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้เลวร้ายมากต่อความรู้สึกของคนทั้งประเทศ ผมขอแสดงความเสียใจต่อผู้ประสบเหตุ ครอบครัว เพื่อน และชุมชนโดยรวมซึ่งแทบจะจินตนาการถึงความโศกเศร้านี้ไม่ได้เลย

ทั้งนี้ พยานที่เห็นเหตุการณ์เผยว่า เด็ก ๆ ที่ตัวเปื้อนเลือดพากันหวีดร้องและวิ่งหนีตายออกมาจากชั้นเรียน พวกเขาวิ่งหนีออกมาบนถนน และมีร่องรอยถูกแทงเต็มไปหมด ทั้งที่คอ หลัง และหน้าอกด้วย

ด้าน สำนักงานบริการรถพยาบาลภาคตะวันตกเฉียงเหนือ (NWAS) กล่าวว่า ได้ให้การรักษาผู้บาดเจ็บ 11 คนจากการถูกแทงในที่เกิดเหตุ จากนั้นจึงนำผู้บาดเจ็บขึ้นเฮลิคอปเตอร์เพื่อไปส่งยังโรงพยาบาล ทั้งนี้ บริเวณที่เกิดเหตุเป็นย่านที่เงียบสงบและเต็มไปด้วยที่อยู่อาศัย เหตุอุกอาจในครั้งนี้จึงสร้างความตื่นตระหนกให้กับคนในพื้นที่อย่างมาก

เมื่อ 'เสรีภาพการแสดงออก' เกินเบอร์ในพิธีเปิดกีฬาโอลิมปิก 2024 ทำลาย ‘ความศรัทธา’ จนก่อให้เกิด ‘ความบาดหมางและแตกแยก’

พิธีเปิดกีฬาโอลิมปิก 2024 เมื่อวันเสาร์ที่ 27 กรกฎาคม 2024 ที่ผ่านนั้นมา มีการแสดงต่าง ๆ มากมายที่เน้นประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของฝรั่งเศส และกองเรือ 85 ลำบรรทุกนักกีฬา 6,800 คน ล่องไปตามแม่น้ำแซนเป็นระยะทาง 3 ไมล์ครึ่งท่ามกลางสายฝนที่เทลงมาอย่างหนัก ก่อนจะปิดฉากอย่างอลังการด้วยม้าเงินแอนิมาโทรนิกส์ที่วิ่งไปตามทางน้ำสู่ทรอคาเดโร ในพิธีเปิดที่กินเวลานานถึง 4 ชั่วโมงนี้แตกต่างจากพิธีเปิดที่ผ่านมาในรอบ 128 ปีของการแข่งขันโอลิมปิกสมัยใหม่

แต่การแสดงบางส่วนต้องเผชิญกับการวิพากษ์วิจารณ์คริสต์ศาสนิกชนอย่างหนัก เนื่องจากมีการใช้การแสดงล้อเลียนภาพจิตรกรรมฝาผนัง ‘The Last Supper’ ซึ่งวาดขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 15 โดย Leonardo Da Vinci ภาพนี้แสดงให้เห็นพระเยซูกับอัครสาวกทั้ง 12 คน ซึ่งเป็นภาพช่วงเวลาที่พระองค์ประกาศว่าอัครสาวกคนหนึ่งจะทรยศต่อพระองค์ เป็นภาพวาดเหตุการณ์เกี่ยวกับอาหารค่ำมื้อสุดท้ายของพระเยซูกับอัครสาวก ก่อนที่พระองค์จะทรงถูกนำไปตรึงกางเขน โดยการแสดงดังกล่าวถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักหลังจากมีวิดีโอเผยแพร่ทางโซเชียลมีเดีย

การแสดงดังกล่าว มีฉากที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงท้ายของการแสดงในพิธีเปิดที่กินเวลานานถึง 4 ชั่วโมง มีนักแสดงประมาณ 18 คนยืนโพสท่าอยู่หลังโต๊ะยาว โดยมีแม่น้ำแซนและหอไอเฟลเป็นฉากหลัง โดยในจำนวนนี้ มีนักแสดง Drag queen (ชายแต่งกายเป็นหญิง) ชื่อดัง 3 คนจาก Drag Race France ร่วมแสดงด้วย ตรงกลางมีนักแสดง Drag queen นางหนึ่ง ซึ่งแต่งตัวอย่างประณีตสวมผ้าโพกศีรษะสีเงินขนาดใหญ่คล้ายรัศมีตามที่เห็นในภาพพระเยซู เธอยิ้มและทำมือเป็นรูปหัวใจ ในขณะที่กลุ่มนักแสดง Drag queen คนอื่นๆ โพสท่าให้กล้องถ่ายก่อนจะเข้าสู่การแสดงท่าเต้นที่ออกแบบไว้ 

นอกจากนั้นแล้ว ยังรวมถึงแฟชั่นโชว์แบบสด ๆ โดยผู้ที่เข้ามาชมได้ร่วมเต้นรำไปตามข้างสนาม นอกจากนี้ ในช่วงท้ายของฉาก มีถาดเสิร์ฟวางอยู่บนเวที และชายที่แต่งกายบางเบาและทาตัวด้วยสีฟ้าแวววาวทั้งตัว ออกมาปรากฏตัวออกมาจากข้างใน เพื่อเพิ่มความตระการตา บัญชี X อย่างเป็นทางการของการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกระบุว่า “นี่คือ การตีความของเทพเจ้ากรีก Dionysus ซึ่งทำให้เราตระหนักถึงความไร้สาระของความรุนแรงระหว่างมนุษย์"

อย่างไรก็ตาม การแสดงดังกล่าวได้ถูกวิจารณ์อย่างหนักว่า เป็นการล้อเลียนคริสต์ศาสนา แม้กระทั่ง Elon Musk CEO ของ Tesla และ SpaceX ยังได้แสดงความเห็นว่า “การกระทำดังกล่าวเป็นการไม่ให้เกียรติคริสต์ศาสนาเป็นอย่างยิ่ง” Musk ตอบโต้ต่อการพรรณนาถึงไดโอนีซัส เทพเจ้ากรีกผู้ทำไวน์และความอุดมสมบูรณ์ โดยกล่าวว่า “ทำไมถึงมีสิ่งนี้ในพิธีเปิดกีฬาโอลิมปิก ไนเมื่อคนบนโลกกำลังจะย้ายไปดาวอังคาร” 

ส่วน Marion Marechal นักการเมืองฝรั่งเศสและสมาชิกรัฐสภายุโรป ถึงกับต้องออกปากขอโทษว่า “ถึงคริสต์ศาสนิกชนทั่วโลกที่รับชมพิธีเปิดกีฬาโอลิมปิก 2024 และรู้สึกไม่พอใจกับการแสดงล้อเลียนภาพ ‘The Last Supper’ ขอให้รู้ไว้ว่า นี่ไม่ใช่เสียง(ความคิดเห็น)ของชาวฝรั่งเศสส่วนใหญ่ แต่เป็นเสียงของกลุ่มคนฝ่ายซ้ายส่วนน้อยที่พร้อมและต้องการที่จะยั่วยุในทุกวิถีทาง” Marion Marechal เป็นหลานย่า/ยายของ Jean-Marie Le Pen ผู้ก่อตั้งพรรคแนวร่วมแห่งชาติ และเป็นหลานสาวของ Marine Le Pen ประธานกลุ่มชุมนุมแห่งชาติในรัฐสภา

Auguste Pfluger สมาชิกพรรครีพับลิกันจากมลรัฐ Texas โพสต์บน X ว่า “เป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ที่พิธีเปิดมีการล้อเลียนคริสต์ศาสนาและภาพอาหารค่ำมื้อสุดท้าย แล้วยังให้เด็กเข้าร่วมการแสดง Drag queen” 

Daniel French บาทหลวงแห่งเมือง Salcombe และ Marlborough ได้วิจารณ์การแสดงดังกล่าวอย่างรุนแรงเช่นกัน โดยกล่าวว่า “พิธีเปิดการแข่งขันโอลิมปิกเป็นการล้อเลียนศาสนาคริสต์ และ ภาพ ‘The Last Supper’ ในลักษณะที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับศาสนาอื่น” ทั้งได้เรียกร้องให้ Justin Welby ซึ่งเป็น Archbishop แห่ง Canterbury ได้สะท้อนความคิดเห็นของ Robert Barron บาทหลวงชาวสหรัฐฯ ผู้ดูแลสังฆมณฑลวิ Winona-Rochester ใน Southern Minnesota ผู้ที่กล่าวถึงการแสดงครั้งนี้ว่าเป็นการ “ล้อเลียน” คริสต์ศาสนาอย่างร้ายแรง

ผู้ใช้โซเชียลมีเดียหลายคนยังได้วิพากษ์วิจารณ์การแสดงดังกล่าวว่ามีเด็กเกี่ยวข้องด้วย “โอลิมปิก 2024 ที่ปารีสถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่า มีการนำ ‘เด็ก’ มาประกอบในการแสดง ‘The Last Supper’ ซึ่งเป็นการล้อเลียนศาสนาและดูหมิ่นศาสนาแบบสุดโต่ง แทนที่จะนำผู้คนมารวมกันเพื่อความสมัครสมานสามัคคี แต่ผู้จัดงานกลับต้องการล้อเลียนศาสนาที่มีผู้คนนับถือถึง 2.4 พันล้านคน” ผู้ใช้โซเชียลมีเดียรายหนึ่งระบุ

ทางด้านโฆษกของโอลิมปิก 2024 กล่าวที่กรุงปารีสว่า “เห็นได้ชัดว่า การแสดงไม่มีเจตนาที่จะไม่เคารพต่อศาสนาหรือความเชื่อใด ๆ แต่ตรงกันข้าม ภาพในพิธีเปิดโอลิมปิกปารีส 2024 แต่ละภาพมีจุดประสงค์เพื่อเฉลิมฉลองชุมชนและการยอมรับในความแตกต่าง” พวกเขายังกล่าวเสริมว่า นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ศิลปินได้รับ “แรงบันดาลใจจากภาพวาดชื่อดังของ Leonardo Da Vinci” เพราะมีมาตั้งแต่ “Andy Warhol ไปจนถึง The Simpsons ซึ่งศิลปินหลาย ๆ คนได้เคยทำมาแล้ว” กีฬาโอลิมปิกปารีส 2024 ได้เริ่มขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ 26 กรกฎาคมที่ผ่านมา และการแข่งขันจะดำเนินต่อไปจนถึงวันที่ 11 สิงหาคม 2024

‘โนวัค โยโควิช’ นักเทนนิสระดับโลก โชว์ ไม้กางเขนคริสเตียน อย่างภาคภูมิใจ เพื่อส่งสารอันทรงพลัง ท่ามกลางความขัดแย้ง กรณี ‘พิธีเปิดโอลิมปิก’ ที่ปารีส

(29 ก.ค. 67) โนวัค โยโควิช นักเทนนิสระดับโลกชาวเซอร์เบีย ส่งข้อความอันทรงพลังด้วย #ไม้กางเขนคริสเตียน (CHRISTIAN CROSS) ใน #โอลิมปิก ที่ #ปารีส

โนวัค โยโควิช แชมป์เทนนิสโชว์ไม้กางเขนคริสเตียนอย่างภาคภูมิใจระหว่างโอลิมปิกที่ปารีส ส่งสารอันทรงพลังท่ามกลางความขัดแย้ง
โอลิมปิกที่ปารีสเผชิญกับกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากข้อกล่าวหาล้อเลียนศาสนาคริสต์ระหว่างพิธีเปิด

นอกจากนี้ งานนี้ยังถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าใช้ DMCA (Digital Millennium Copyright Act หรือรัฐบัญญัติลิขสิทธิ์แห่งสหัสวรรษดิจิทัล) เป็นอาวุธเพื่อลบโพสต์บนโซเชียลมีเดียที่มีเนื้อหาวิพากษ์วิจารณ์

‘สมาร์ตโฟนจีน’ เขี่ย ‘แอปเปิ้ล’ ร่วง Top 5 ในไตรมาส 2 ‘วีโว่’ ขึ้นแท่นผู้นำในจีน โกย!! ยอดขาย 13.1 ล้านเครื่อง

(29 ก.ค. 67)  สำนักข่าวซีเอ็นบีซี เผยว่า ส่วนแบ่งตลาดของแอปเปิ้ลในจีนร่วงลงสู่ระดับ 14% ในไตรมาสสองปี 2567 จากระดับ 15% ในไตรมาสหนึ่ง และจากระดับ 16% ในช่วงเวลาเดียวกันเมื่อปีก่อน

จากข้อมูลดังกล่าวทำให้ผู้ผลิตไอโฟน ที่ครองส่วนแบ่งตลาดในจีนมากเป็นอันดับที่ 3 ในไตรมาสสองของปีก่อน ร่วงลงไปครองตำแหน่งแบรนด์ที่มีส่วนแบ่งตลาดมากสุดอันดับที่ 6 ในจีน ซึ่งจากการคำนวณของซีเอ็นบีซี พบว่า แอปเปิ้ลมียอดจัดส่งสมาร์ตโฟนราว 9.7 ล้านเครื่อง

‘ลูคัส จง’ นักวิจัยจากคานาลิส (Canalys) กล่าวว่า

“นี่ถือเป็นไตรมาสแรกของประวัติศาสตร์ที่แบรนด์ของจีนครองส่วนแบ่งตลาดทั้ง 5 อันดับแรก”

ทั้งนี้ ยอดจัดส่งสมาร์ตโฟนของแอปเปิ้ลลดลงต่อเนื่องตั้งแต่ไตรมาสแรก ซึ่งร่วงมากถึง 25% สู่ระดับ 10 ล้านเครื่อง เมื่อเทียบแบบปีต่อปี

‘แอปเปิ้ล’ กำลังเผชิญกับภาวะคอขวดในตลาดจีน ขณะที่บริษัทพยายามรักษาเสถียรภาพด้านราคาขายปลีก และปกป้องกำไรตามช่องทางการจำหน่ายของพาร์ตเนอร์

คานาลิส ระบุ อีก 12 เดือนข้างหน้าบริการ "แอปเปิ้ล อินเทลลิเจนซ์ " (Apple Intelligence) ท้องถิ่นในจีน จะเป็นความเคลื่อนไหวครั้งสำคัญ เพื่อแข่งขันกับแบรนด์สมาร์ตโฟนจีนที่กำลังพัฒนาการนำเอไอรู้สร้าง หรือเจนเอไอ (GenAI) ไปใช้ในผลิตภัณฑ์ของตน

ตั้งแต่เดือน เม.ย. ถึง มิ.ย. วีโว่ (Vivo) ขึ้นเป็นแบรนด์อันดับ 1 ที่ครองส่วนแบ่งตลาด 19% และมียอดขาย 13.1 ล้านเครื่อง อานิสงส์จากยอดขายแพลตฟอร์มออฟไลน์ และออนไลน์แข็งแกร่ง ในช่วงเทศกาลชอปปิงออนไลน์ 618

ขณะที่ออปโป้ (OPPO) ยังคงครองส่วนแบ่งตลาดอันดับที่ 2 เหมือนเดิม มียอดขาย 11.3 ล้านเครื่อง เนื่องจากได้รับแรงหนุนจากรุ่น Reno 12 ส่วนออเนอร์ (Honor) ครองอันดับที่ 3 มียอดขาย 10.7 ล้านเครื่อง เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 4 %

หัวเว่ย (Huawei) อยู่อันดับที่ 4 ครองส่วนแบ่งตลาด 15% โดยมียอดขาย 10.6 ล้านเครื่อง ขณะที่ปีก่อนหน้าหัวเว่ยยังไม่สามารถขึ้นเป็นแบรนด์ท็อป 5 ได้ แต่ขณะนี้ธุรกิจที่จำหน่ายสินค้าสู่ผู้บริโภคโดยตรง (consumer business) ของหัวเว่ยฟื้นตัวได้ดีในจีน หลังออกสมาร์ตโฟนรุ่น Mate 60

ด้านเสียวหมี่ (Xiaomi) ที่เพิ่งเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าที่สร้างความฮือฮาอย่าง SU7 ครองส่วนแบ่งตลาดอันดับที่ 5 และยอดขายโทรศัพท์มือถือ K70 และรุ่นเรือธงอย่าง เสียวหมี่ 14 เติบโตแข็งแกร่ง

โดยรวมแล้วตลาดสมาร์ตโฟนจีนเติบโต 10% ในไตรมาสสองเมื่อเทียบแบบปีต่อปี และมียอดขายมากกว่า 70 ล้านเครื่อง

ระวัง!! 'เมียนมาอพยพ' หวังฮุบ 'มหาชัย' เป็นเมืองหลวงแห่งที่ 2 ท่ามกลางความมั่นใจ 'ข้าราชการไทยซื้อได้-NGO คุ้มกะลาหัว'

ประเด็นเรื่องแรงงานเมียนมาในไทย ยังมีไม่จบไม่สิ้น จากที่ เอย่า กล่าวไปแล้วในบทความก่อน ก็มีโซเชียลมีเดียกลุ่มแรงงานเมียนมาบางกลุ่มมาโวยวายว่า 'คนไทยควรสำนึกบุญคุณที่แรงงานเขาสร้างไทยให้พัฒนา' และที่สำคัญคือ เขาได้จ่ายภาษีให้แก่ไทยด้วย โดยเฉพาะกลุ่มแรงงาน MOU

มาถึงจุดนี้ เอย่า ถึงกับตกใจว่า คนเหล่านี้ไปเอาคำกล่าวนี้มาจากไหน?

เอาเป็นว่าวันนี้ เอย่า มาอธิบายเรื่อง ภาษีรายได้ของคนต่างชาติที่มาทำงานกันให้ทราบดีกว่า...

เมื่อปีที่แล้วทางรัฐบาลทหารเมียนมามีการประกาศเกี่ยวกับการเก็บภาษีบุคคลที่ทำงานในต่างประเทศโดยมีรายละเอียดที่ปรากฎเมียนมาระบุว่า...

1. แรงงาน MOU และ กลุ่ม Blue Collarจะถูกหัก 2% ของรายได้ โดยทางการรัฐบาลเมียนมาจะ Fix ว่าคนกลุ่มนี้มีรายได้ที่ 7,500 บาท ดังนั้นคนกลุ่มนี้จะเสียภาษี 150 บาท/เดือน หรือ 1,800 บาท/ปี โดยทางสถานทูตจะกำหนดให้จ่ายทุก 6 เดือน หรือ 9 เดือน

2. สำหรับงาน White collar หรือกลุ่ม Expat จะเสียภาษี 2% เช่นกัน แต่เนื่องจากกลุ่มนี้มีการจ่ายภาษีให้ไทย จึงสามารถนำภาษีไทยมาหักภาษีได้ เช่น รายได้ 15,000 บาท จะต้องเสียภาษี 5% ให้ไทย แปลว่าภาษีส่วนนี้ก็ไม่ต้องจ่ายให้ทางเมียนมา ดังนั้นจึงไม่มีปัญหาการจ่ายภาษีซ้ำซ้อนหรือ doubble tax เช่นกัน หากจ่ายภาษีที่ไทยต่ำกว่า 2% ก็ให้นำหลักฐานการเสียภาษีในไทยมาหักกับภาษีที่ต้องจ่ายแล้วจ่ายส่วนต่างแทน

ฉะนั้นกลุ่มแรงงานและ Blue Collar ควรเข้าใจได้แล้วนะว่า พวกคุณไม่เคยเสียภาษีรายได้ในไทย แต่คุณเสียภาษีให้แก่รัฐบาลของคุณ (เมียนมา) ตามกฎหมายนั่นเอง

เอย่า ขอกล่าวว่า แรงงานไม่ว่าชาติใด ก็มีส่วนในการขับเคลื่อนประเทศไทยทั้งสิ้น ไม่ใช่แค่เมียนนมา แต่การขับเคลื่อนนั้น แลกมาด้วยค่าแรงที่นายจ้างจ่ายนะ ไม่ใช่พวกคุณมาทำให้ฟรีๆ ดังนั้นจึงถือเป็นบุญคุณคงไม่ได้ และถ้าพวกคุณจะไม่พอใจ ก็กลับไปได้เลย เพราะเชื่อว่ายังมีแรงงานชาติอื่นๆ ที่พร้อมจะเข้ามาเป็นแรงงานแทนพวกคุณ  

พวกคุณควรจะขอบคุณนายจ้างที่ยังจ้างพวกคุณทำงานมากกว่า!!

ส่วนเรื่อง 'มหาชัย' คุณจะตั้งเมียนมาทาวน์ เหมือนเยาวราชที่เป็นไชน่าทาวน์ หรือ พาหุรัดที่เป็นลิตเติลอินเดียก็ได้ แต่ถ้าไม่ปฏิบัติตนตามกฎหมายไทย คุณก็อย่าคิดว่าจะได้อยู่อย่างเป็นสุข เพราะที่นี่ไม่ใช่เมืองหลวงนอกประเทศของเมียนมา จำเอาไว้ด้วย

สุดท้าย เอย่า ขอเตือนข้าราชการไทยไว้ว่า ในโซเชียลของชาวพม่า ต่างดูถูกดูแคลนพวกข้าราชการไทย บ้างก็ว่าข้าราชการไทยเอาเงินจ่ายก็จบ บ้างก็ว่าข้าราชการไทยทำอะไรพวกเขาไม่ได้ เพราะพวกเขามี NGO คุ้มกะลาหัวอยู่ 

เป็นข้าของแผ่นดินไทยนะคะ ถ้าจะไม่อายคนที่มีชีวิตอยู่ ก็ควรอายผีบรรพบุรุษบ้าง!!

เอย่า ขอฝากไว้ให้คิดแค่นี้


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top