Saturday, 10 May 2025
WORLD

จากกระแสลือสนั่นในโลกออนไลน์ เกี่ยวกับการรัฐประหารเงียบในจีน ที่มีเป้าหมายเพื่อโค่นล้ม 'สี จิ้นผิง' ผู้นำสูงสุดของจีน ก่อนการประชุมใหญ่ของสภาพรรคคอมมิวนิสต์แห่งชาติจีน ที่กำลังจะมีขึ้นในวันที่ 16 ตุลาคม 65 ที่จะมีการลงมติรับรอง สี จิ้นผิง เป็นผู้นำจีนต่อ

แม้ตอนนี้จะยังไม่มีการยืนยันข่าวลือใดๆ ทั้งสิ้น แต่สิ่งที่ค่อนข้างชัดเจนในระบบการเมืองหลังม่านไม้ไผ่อันแน่นหนาของจีนก็คือ...

'คลื่นใต้น้ำ' ในพรรคคอมมิวนิสต์จีนนั้น มีอยู่จริง!!

ในขณะที่สำนักข่าวต่างประเทศกำลังจับตามองสถานการณ์อันคลุมเครือในจีน และเฝ้ารอการปรากฏตัวออกสื่อของ สี จิ้นผิง ว่ายังปกติดีหรือไม่นั้น...ก็มีนักวิเคราะห์จำนวนไม่น้อยเชื่อมโยงข่าวลือดังกล่าวนี้กับ 2 คดีใหญ่ที่ศาลสูงจีนเพิ่งตัดสินไปเมื่อ 2 วันก่อนจะเกิดข่าวลือรัฐประหารในจีน

>> คดีนั้น ก็คือการตัดสินโทษประหารชีวิต 2 นักการเมืองที่เคยดำรงตำแหน่งสูงระดับรัฐมนตรี แถมเคยได้ชื่อว่าเป็น 'ดาวรุ่งของพรรคคอมมิวนิสต์' และมีแววพอที่จะขึ้นสู่ตำแหน่งผู้นำสูงสุดของจีน

2 นักการเมืองปีกหักนั้นก็คือ 'ซุน ลี่จุน' และ 'ฝู เจิ้งหัว'

ซุน ลี่จุน เป็นอดีตรองรัฐมนตรีด้านความมั่นคงสาธารณะ และเป็นสมาชิกระดับสูงในพรรคคอมมิวนิสต์จีน ที่เคยสร้างผลงานไว้มากมาย อีกทั้งยังเคยนำทีมควบคุมโรคลงพื้นที่เมืองอู่ฮั่นตอนที่เกิดการระบาด Covid-19 ใหม่ๆ ด้วย 

แต่ไปๆ มาๆ เมื่อเดือนเมษายน 2020 ซุน ลี่จุน ถูกทางการจีนจับกุมตัวด้วยข้อหา คอร์รัปชัน รับสินบนกว่า 646 ล้านหยวน (ประมาณ 3.4 พันล้านบาท) ตลอดระยะเวลาที่เขาเล่นการเมืองตั้งแต่ 2001-2020 อีกทั้งยังถูกกล่าวหาว่า ใช้อำนาจทางการเมืองเข้าไปชักใยในตลาดหุ้นจีน เพื่อหาผลประโยชน์นับร้อยล้านหยวน และครอบครองปืนอย่างผิดกฏหมายอีก 2 กระบอก 

>> แต่ข้อหาที่ดูจะหนักสุดจริงๆ คือ มีหลักฐานว่า ซุน ลี่จุน สมคบคิดกับกลุ่มผู้มีอิทธิพลทางการเมืองในการซ่องสุมอำนาจเพื่อเป็นใหญ่ในพรรคคอมมิวนิสต์ ซึ่งกลุ่มการเมืองนี้มีชื่อว่า 'แก๊งเซี่ยงไฮ้'

อย่าหลงเชื่อวาทกรรมรบ.ไทยซูเอี๋ยมินอ่องหล่าย แนะศึกษาก่อนโจมตี ปมนางงามโดนถอนพาสปอร์ต

เป็นข่าวดังมากในชั่วข้ามคืนกับเหตุการณ์ที่ ฮันเล มิสแกรนด์เมียนมาถูกยกเลิกพาสปอร์ต  ซึ่งเจ้าตัวกว่าจะรู้ตัวก็ตอนที่เดินทางกลับเข้าไทย โดยทางการไทยปฏิเสธการให้เข้าเมืองเนื่องจากพาสปอร์ตถูกยกเลิก โดยเมื่อข่าวนี้แพร่สะพัดออกไปก็มีสื่อหลายกระแสและประชาชนจำนวนไม่น้อยที่พุ่งเป้ามายังรัฐบาลไทยว่ามีส่วนรู้เห็นจนเป็นที่มาของการถูกถอนพาสปอร์ตดังกล่าว หยาบคายไปถึงพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นลิ่วล้อมิน อ่อง หล่าย จากประเด็นนี้ วันนี้เอย่าจะมาวิเคราะห์แต่ละข้อแต่ละจุดว่ารัฐบาลไทยไปเกี่ยวข้องอะไรไหมให้เข้าใจกัน

1. ประเด็นการเพิกถอนพาสปอร์ตนั้น ต้องเข้าใจก่อนว่าพาสปอร์ตเปรียบเสมือนบัตรประจำตัวประชาชนที่ออกโดยประเทศต้นกำเนิดของเจ้าตัว ดังนั้นการเพิกถอนพาสปอร์ตนั้นเปรียบเสมือนการถอนสัญชาติกลายๆ ดังนั้นการกระทำดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องกับประเทศไทย ซึ่งต่างจากการเพิกถอนวีซ่า เพราะวีซ่าเสมือนตั๋วที่เป็นใบผ่านให้เข้ามาอยู่ในประเทศปลายทางได้ ดังนั้นในกรณีนี้สมมุติว่าประเทศไทยมีเอี่ยวกับเหตุการณ์นี้จะต้องทำการเพิกถอนวีซ่าไม่ใช่พาสปอร์ต 

2. การที่ไทยปฏิเสธเป็นไปตามมาตรา 12 ในพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 ในข้อ 11 ที่ว่า “ถูกรัฐบาลไทยหรือรัฐบาลต่างประเทศเนรเทศ หรือถูกเพิกถอนสิทธิการอยู่อาศัยในราชอาณาจักรหรือในต่างประเทศมาแล้ว หรือถูกพนักงานเจ้าหน้าที่ส่งกลับออกไปนอกราชอาณาจักร โดยรัฐบาลไทยเสียค่าใช้จ่าย ทั้งนี้ เว้นแต่รัฐมนตรีได้พิจารณายกเว้นให้เป็นกรณีพิเศษเฉพาะราย” จากข้อนี้ค่อนข้างจะชัดเจนว่าเมื่อทางเมียนมาเพิกถอนพาสปอร์ตก็เปรียบเสมือนการเนรเทศหรือเพิกถอนสิทธิ์การอยู่อาศัยในประเทศต้นกำเนิดดังนั้นพนักงานเจ้าหน้าไม่จึงไม่สามารถให้เข้าประเทศได้ ซึ่งรายนี้ถือว่าได้สิทธิพิเศษในการติดต่อกับ UNHCR เพื่อให้พักพิงชั่วคราวก่อนลี้ภัยต่อไปประเทศที่ 3 โดยการที่ไทยเลือกที่จะไม่ผลักดันออกนอกประเทศทันทีนั้นก็ค่อนข้างชัดเจนแล้วว่าไทยได้แสดงออกถึงมนุษยธรรมและไม่ได้มีความสัมพันธ์เป็นพิเศษกับทางการเมียนมา เพราะถ้าทางรัฐบาลไทยมีความสัมพันธ์พิเศษ ทางไทยสามารถเลือกจับนางงามเมียนมาส่งเป็นผู้ร้ายข้ามแดนให้ทางเมียนมาก็ได้

‘เซเลนสกี’ ยุชาวรัสเซียรีบหนีออกนอกปท.หากยังอยากมีชีวิต หลัง ‘ปูติน’ เรียกระดมพลเพิ่ม

ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน ในวันพฤหัสบดี (22 ก.ย. 65) เรียกร้องชาวรัสเซียต่อต้านการเรียกระดมกำลังสำรองบางส่วนโดยประธานาธิบดีวลาดมีร์ ปูติน หลังมันโหมกระพือการประท้วงและกระตุ้นให้มีการไหลบ่าเดินทางออกนอกประเทศ

"มีทหารรัสเซียตายแล้ว 55,000 นายในช่วงเวลา 6 เดือนของสงคราม" เซเลนสกีกล่าวปราศรัยประจำวัน "ต้องการมากกว่านี้หรือ? ไม่เลย พวกเขาประท้วง ต่อสู้กลับ หลบหนี หรือไม่ก็ยอมจำนนต่อทหารยูเครน"

"พวกคุณคือผู้ร่วมกระทำผิดในอาชญากรรมทั้งหมดเหล่านี้ ร่วมกระทำผิดในการฆาตกรรมและทรมานชาวยูเครน เพราะว่าพวกคุณปิดปากเงียบ เพราะว่าคุณปิดปากเงียบ" เซเลนสกีระบุ "และตอนนี้มันถึงเวลาแล้วที่คุณต้องเลือก สำหรับพวกผู้ชายในรัสเซีย นี่คือการเลือกระหว่างความตายกับการมีชีวิต การกลายเป็นคนพิการหรือมีร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรง"

ญี่ปุ่น เข้าแทรกแซงค่าเงินเยนแล้ว ส่งผลให้เงินเยนแข็งค่าอย่างฉับพลัน

ญี่ปุ่นเข้าแทรกแซงตลาดปริวรรตเงินตรา (FX) เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2541 เพื่อแก้ปัญหาเงินเยนร่วงหนัก หลังถูกกดดันจากกรณีที่ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายเป็นพิเศษ สวนทางกับการเร่งคุมเข้มนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ทำให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยของญี่ปุ่นและสหรัฐขยับกว้างมากยิ่งขึ้น

นายมาซาโตะ คันดะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังฝ่ายกิจการต่างประเทศของญี่ปุ่นเปิดเผยในวันนี้ (22 ก.ย.) ว่า รัฐบาลญี่ปุ่นได้เข้าแทรกแซงตลาดอัตราแลกเปลี่ยนแล้ว เนื่องจากเงินเยนอ่อนค่าลงเพียงฝั่งเดียวแบบฉับพลัน โดยการเข้าแทรกแซงครั้งล่าสุดนี้ทำให้เงินเยนแข็งค่าขึ้น 1.1% แตะที่ 142.48 เยนต่อดอลลาร์ หลังจากที่เงินเยนอ่อนค่าลงหลุดระดับ 145 เยนต่อดอลลาร์เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2541 เนื่องจาก BOJ ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยเอาไว้ที่ระดับต่ำเป็นพิเศษในวันนี้ หลังจากที่เฟดประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% เมื่อวานนี้ (21 ก.ย.)

ทางการญี่ปุ่นได้ยกระดับการเข้าแทรกแซงโดยวาจาตลอดช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยก่อนหน้าการเข้าแทรกแซงตลาดปริวรรตเงินตราเพียงไม่กี่ชั่วโมง นายคันดะเพิ่งออกมากล่าวว่า รัฐบาลญี่ปุ่นพร้อมที่จะเข้าดำเนินการแทรกแซงได้ตลอดเวลา และอาจทำการแทรกแซงแบบไม่แสดงตัว โดยก่อนหน้านี้ BOJ ได้ทำการตรวจสอบอัตราแลกเปลี่ยนในตลาด FX ในเดือนนี้ ซึ่งเป็นความเคลื่อนไหวที่หลายฝ่ายมองว่าเป็นการเตรียมการก่อนเข้าแทรกแซงโดยตรง

เฟด ประกาศขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.75% ตามคาด ขึ้นครั้งที่ 3 ในรอบปี หวังกดเงินเฟ้อให้ลงตามเป้า

เฟด ประกาศขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ตามคาด นับเป็นครั้งที่ 3 ในรอบปี หวังกดเงินเฟ้อให้เป็นไปตามเป้า

(22 ก.ย. 2565) สำนักข่าว รอยเตอร์ รายงานว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.75% อยู่ที่ 3.00-3.25% โดยปรับไปตามคาดการณ์ของตลาด

ทั้งนี้เฟดขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% เป็นครั้งที่ 3 ติดต่อกัน ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายในขณะนี้อยู่ที่ระดับ 3.00-3.25% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2551

พร้อมกันนี้เฟดส่งสัญญาณว่าจะขึ้นดอกเบี้ยอีก 1.25% ในการประชุมที่เหลืออีก 2 ครั้งในปีนี้ ซึ่งทำให้ดอกเบี้ยนโยบายของเฟดจะอยู่ที่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2551 โดยคาดการณ์ใหม่ของเฟด จะทำให้ดอกเบี้ยสิ้นปีนี้อยู่ที่ 4.25%-4.50% และสิ้นปีหน้า อยู่ที่4.50%-4.75%

พี่มาร์ก รั้งอันดับ 20 ในบรรดามหาเศรษฐีโลก หลังทุ่มงบพัฒนา Meta จนเงินหายไปมหาศาล

มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก เจ้าของแพลตฟอร์ม Meta หรือ Facebook ที่ทุกคนคุ้นเคย ได้ตกอันดับจากมหาเศรษฐีระดับโลก สาเหตุหลักมาเพราะการลงทุนในการสร้างโลกเมตาเวิร์สไปด้วยเม็ดเงินกว่า 71 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

ภายหลังการแข่งขันทางเทคโนโลยี รวมถึงแพลตฟอร์มใหม่ๆ ที่ต้องพัฒนาออกมาเพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ และดึงดูดผู้ใช้งานอย่างต่อเนื่อง ได้ทำให้มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก กระโดดเข้ามาทุ่มทุนเพื่อสร้างโลกเมตาเวิร์สอย่างเต็มที่แบบมอบทั้งเวลาและเงินลงทุน

แต่กลับกันการลงทุนครั้งใหญ่นี้ ได้ทำให้ มาร์ก ตกอันดับจากมหาเศรษฐีระดับโลกแบบน่าตกใจ โดยทรัพย์สินของเขาได้ลดลงถึง 71 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปีนี้ โดยตอนนี้ทรัพย์สินของเขาเหลือมูลค่าสุทธิ 55.9 พันล้านดอลลาร์ หล่นไปอยู่ในอันดับที่ 20 จากทำเนียบมหาเศรษฐีระดับโลก ซึ่งนับเป็นอันดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2014 

เมื่อไม่ถึง 2 ปีที่แล้ว ซักเคอร์เบิร์ก วัย 38 ปี มีมูลค่าทรัพย์สิน 106 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และอยู่ในลำดับต้นๆ มหาเศรษฐีระดับโลก แถมความร่ำรวยของเขายังเพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดที่ 142 พันล้านดอลลาร์ในเดือนกันยายน 2564 

รัสเซียเคาะวันประชามติ ผนวกรวม 4 แคว้นยูเครน ด้านเซเลนสกี้ หยัน!! ปูตินรีบเพราะเห็นเค้าลางแพ้

สาธารณรัฐประชาชนโดเนตสก์ และ ลูฮันสก์ ที่เคยประกาศแยกตัวออกจากยูเครน ประกาศเดินหน้าทำประชามติเพื่อรวมเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียแล้ว โดยกำหนดไว้ในวันที่ 23-27 กันยายน 2565 ที่จะถึงนี้ 

ในขณะเดียวกัน เมืองเคอร์ชอน และ ซาปอริซเซีย ซึ่งเป็นเขตยึดครองของกองทัพรัสเซีย ก็เตรียมทำประชามติ เพื่อไปรวมกับรัสเซียในวันเดียวกันกับทางแคว้นโดเนตสก์ และ ลูฮันสก์ ด้วยเช่นกัน 

วลาดิมีร์ ซาลโด ผู้ว่าการเมืองเคอร์ชอน ที่ทางรัฐบาล มอสโควเป็นผู้แต่งตั้ง ได้ออกมาประกาศผ่านคลิปวิดีโอว่า “เราได้เตรียมแผนการที่จะกลับไปเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียอีกครั้ง และเราจะไม่ถอยหลังอีกแล้ว”

ทางด้านรัสเซีย ดมิตี้ เมดเวเดฟ อดีตผู้นำรัสเซีย ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งเป็นรองประธานสภาฝ่ายความมั่นคง เคยให้ความเห็นมาก่อนหน้านี้แล้วว่า การจัดทำประชามติ ในเขตโดเนตสก์ และ ลูฮันสก์ เป็นสิ่งจำเป็น ที่จะช่วยให้รัสเซียส่งกำลังพลไปลงในพื้นที่ได้อย่างเต็มที่มากกว่าที่เป็นอยู่นี้ 

ส่วน เซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียก็ออกมาสนับสนุนแผนการทำประชามติอย่างเต็มที่ โดยบอกว่า ด้วยสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ก็ควรให้ประชาชนได้มีส่วนตัดสินใจอนาคตของพวกเขา 

แต่ในทางตรงกันข้าม ดมิโตร คูเลบา รัฐมนตรีต่างประเทศของทางยูเครนได้ออกมาประณามแผนการทำประชามติในพื้นที่ 4 เขตยึดครองของกองทัพรัสเซียอย่างรุนแรงว่าเป็นการทำประชามติที่น่าละอาย และไม่ได้ทำให้สถานการณ์อะไรเปลี่ยนแปลงเลย

การเร่งเดินหน้าแผนการทำประชามติเกิดขึ้นหลังจากที่กองทัพยูเครน สามารถตีโต้กองทัพรัสเซีย และยึดคืนพื้นที่ทั้งหมดของเมืองคาร์คีฟมาได้ และเริ่มเดินหน้ารุกคืบพื้นที่ในแคว้นลูฮันสก์ ซึ่ง โวโลดิมีร์ เซเลนสกี้ ได้ออกมาประกาศว่ายูเครนพร้อมแล้วที่จะตีพื้นที่ในดองบาสคืนกลับมาทั้งหมด

เตือนคนพม่าเข้าไทย หวังย้ายไปประเทศที่ 3 ระวังถูกขายฝัน ปันเงินก้อนสุดท้ายไปให้มิจฉาชีพ

ท่ามกลางกระแสในประเทศไทยที่มีการโหมโรงเรื่องย้ายประเทศกันเถอะ เปิดโอกาสให้คนไทยหลายคนที่เบื่อหน่ายกับรัฐบาลลุงตู่ จนอยากที่จะขอไปตายเอาดาบหน้า แต่จนแล้วจนรอด ส่วนใหญ่คนที่ออกตัวที่จะไปตายเอาดาบหน้า ก็เห็นกลับมาตายเอาที่ประเทศสยามขวานทองเหมือนเดิม เพราะการที่จะย้ายไปใช้ชีวิตในต่างประเทศนั้นไม่ง่ายอย่างที่คิด

วันนี้เอย่าเลยถือโอกาสขอเล่าเรื่องของการย้ายประเทศ โดยเราจะตัดเรื่องความวุ่นวายในการทำเรื่องย้ายประเทศไปก่อน แล้วมาดูตัวแปรอื่น ๆ กัน 

การที่จะไปใช้ชีวิตในต่างแดนนั้น ไม่ง่าย!! เริ่มจากความต่างของภาษา ถ้าคุณมั่นใจว่าคุณมีความเก่งกาจในการสื่อสารภาษาอังกฤษพอ การที่จะย้ายประเทศไปอยู่ในประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษากลางในการสื่อสารคงไม่ใช่เรื่องที่ลำบากมากนัก แต่อย่าลืมว่าประเทศส่วนใหญ่บนโลกนี้ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษากลางในการสื่อสาร ดังนั้นการย้ายไปในบางประเทศ คุณต้องเรียนรู้ภาษาใหม่ เพื่อให้เอาตัวรอดในการใช้ชีวิตประจำวันได้  

ต่อมาคือเรื่องของอาหารการกิน แม้หลายคนอาจจะถูกปากถูกใจกับอาหารฝรั่ง แต่เราต้องกินอาหารแบบนี้ทุกวัน คือ ต้องอยู่กับมันให้ได้ มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายนะ!! จำได้ว่าเมื่อเอย่ามาถึงเมียนมาครั้งแรกเมื่อหลายปีก่อน เราทานอะไรไม่ได้เลย เอย่าต้องใช้ชีวิตกับบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป จนน้ำหนักลดไปเป็น 10 กิโลตั้งหลายเดือน กว่าจะหลงเสน่ห์อาหารพม่าจนน้ำหนักกลับพุ่งทะยานจนเกินกว่าวันแรกที่เข้ามาเหยียบแผ่นดินเมียนมานี้ 

แค่ 2 เรื่องนี้ยังต้องใช้การปรับตัวแรมปี ไหนจะเรื่องเงินที่ต้องมีพอในการใช้จ่ายก่อนที่จะหาการหางานทำเพื่อหาเงินได้ ซึ่งมันไม่ได้ง่ายเลย

พูดถึงเรื่องย้ายประเทศไม่ใช่แค่คนไทยเท่านั้นที่มีความคิดแบบนี้ แต่คนเมียนมาที่หนีจากการปกครองของระบบทหารก็คิดจะไปหาที่อยู่ใหม่เช่นกัน สำหรับรายที่รวยพอมีเงินหนาพอที่ไม่ต้องไปเป็น PDF เขาก็เลือกที่จะไปใช้ชีวิตใหม่ต่างแดนอย่างสบายใจ แต่คนเมียนมาที่เป็นชนชั้นกลางที่มีความฝันในการสู้แล้วพอช่องทางลี้ภัยจากการช่วยเหลือผ่านองค์กร NGO ต่าง ๆ ที่เข้ามาสนับสนุนทางการเงินให้แก่กลุ่ม นี่ก็เป็นอีกหนึ่งความฝันที่พวกเขาจะได้มีโอกาสไปใช้ชีวิตใหม่

พระเจ้าชาร์ลส์ที่ ๓ ถึงพร้อมทั้งสติปัญญา – ประสบการณ์ เชื่อไร้ปัญหา ยุค ‘อังกฤษ’ ผลัดแผ่นดิน

เรื่อง: อนุดี เซียสกุล อดีต Radio Journalist, วิทยุบีบีซีภาคภาษาไทย

“The king is dead, long live the king” พระราชพิธีพระบรมศพของสมเด็จพระราชินีนาถ เอลิซาเบธที่ ๒ ของอังกฤษผ่านพ้นไปแล้ว และก็เป็นธรรมดาที่จะต้องมีการจับจ้องมองว่าพระเจ้าแผ่นดินพระองค์ใหม่จะเป็นอย่างไร

แน่นอนพระเจ้าชาร์ลส์ที่ ๓ คงจะต้องถูกเปรียบเทียบกับแผ่นดินในยุคสมเด็จพระชนนีในการดำเนินพระราโชบายต่างๆ ซึ่งพระองค์คงได้ตระหนักดีแล้ว ดังนั้นในวันที่สถาปนาพระองค์ขึ้นเป็นพระเจ้าแผ่นดินพระองค์ใหม่อย่างเป็นทางการ พระเจ้าชาร์ลส์ที่ ๓ จึงทรงให้คำมั่นสัญญาว่าจะรักษาแนวปฏิบัติเหมือนเช่นที่พระมารดาได้ทรงทิ้งไว้ให้ คือการวางพระราโชบายที่ฉลาดคงเส้นคงวาอย่างไม่มีที่ติตลอด ๗๐ ปีของการครองราชย์สมบัติ

ผู้เขียนคิดว่าพระเจ้าชาร์ลส์ที่ ๓ คงจะไม่ประสบปัญหาในการดำรงตำแหน่งองค์พระประมุขพระองค์ใหม่ของอังกฤษเท่าใดนักเพราะ ด้วยเหตุที่ว่าพระองค์เสด็จขึ้นครองราชย์เป็นพระมหากษัตริย์ด้วยพระชนม์มายุ ๗๓ ชันษา นับว่าเป็นการขึ้นครองราชย์ที่มีพระชนมายุมากที่สุดของอังกฤษ เพราะฉะนั้นท่านจึงได้สะสมและเผชิญเรื่องราวต่างๆมาไม่น้อยแล้ว บวกกับความเฉลียวฉลาดของพระองค์เองและการมีพระมารดาเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุด คาดกันว่าในรัชสมัยของพระองค์คงจะราบรื่น

อย่างไรก็ดี เนื่องจากในระหว่างที่เป็นองค์รัชทายาท พระเจ้าชาร์ลส์ที่ ๓ ทรงปรากฏพระนิสัยที่เรียกกันว่า inveterate interferer and meddler คือ มักที่จะเข้าไปแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องต่างๆในประเทศเช่น สิ่งแวดล้อม,การเปลี่ยนแปลงสารพันธุกรรม(GM crops), โบราณคดี หรือการก่อสร้างแฟลตสวัสดิการของรัฐบาล เป็นต้น คือทรงเห็นอย่างไรก็ให้ความเห็นออกไปเช่นนั้นถือว่าก้าวก่ายฝ่ายบริหารอันอาจเป็นปัญหาระหว่างสองสถาบัน และด้วยพระนิสัยดังนี้ เมื่อถูกสัมภาษณ์ในรายการสารคดีของบีบีซีในปี ค.ศ. ๒๐๑๘ ผู้สื่อข่าวถามว่าเมื่อเสด็จขึ้นครองราชย์เป็นพระเจ้าแผ่นดินแล้วจะยังทรงวิพากษ์วิจารณ์ให้ความเห็นในเรื่องต่างๆอีกหรือไม่ “No it won’t.  I’m not that stupid. I do really that it is a separate exercise being sovereign. So of course I understand entirely how that should operate” 

ทรงตอบว่า พระองค์ไม่โง่ที่จะทำเช่นนั้น เพราะทรงตระหนักดีว่าการทรงงานขององค์รัชทายาทและพระมหากษัตริย์นั้นแตกต่างกัน และทรงทราบเป็นอย่างดีว่าควรจะวางพระองค์อย่างไร

เช่นนี้ก็คงทำให้คนหมดสงสัยว่าพระเจ้าชาร์ลส์ที่ ๓ จะทรงทำหน้าที่พระประมุขของประเทศเพียงเท่านั้น ส่วนหากมีพระประสงค์ที่จะให้ความคิดเห็นอย่างไรในเรื่องใดก็สามารถที่จะทำได้ด้วยการสนทนากับนายกรัฐมนตรีที่จะต้องเข้าเฝ้าประจำทุกสัปดาห์ได้

สหรัฐฯ-แคนาดา ส่งเรือรบล่องผ่านช่องแคบไต้หวัน หลัง 'ไบเดน' ประกาศจะปกป้องไต้หวัน หากจีนรุกราน

เรือรบสหรัฐฯ และแคนาดา ล่องผ่านช่องแคบไต้หวัน เมื่อวันอังคาร (20 ก.ย. 65) ความเคลื่อนไหวนี้มีขึ้นหลังจากประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ประกาศกร้าวเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ ว่าอเมริกาจะปกป้องพิทักษ์ไต้หวัน ในกรณีที่ถูกจีนโจมตี

ยูเอสเอส ฮิกกินส์ เรือพิฆาตติดขีปนาวุธนำวิถีชั้นอาร์เลห์เบิร์ค แห่งกองทัพเรือสหรัฐฯ ดำเนินการล่องเรือผ่านช่องแคบไต้หวันตามปกติในวันอังคาร (20 ก.ย.) เรือเอกมาร์ค แลงฟอร์ด โฆษกกองทัพเรือสหรัฐฯ ระบุในถ้อยแถลง

แลงฟอร์ดกล่าวต่อว่า เรือรบของสหรัฐฯ ทำการล่องเรือ ในความร่วมมือกับเอชเอ็มซีเอส แวนคูเวอร์ เรือฟริเกต ชั้นแฮลิแฟกซ์ แห่งกองทัพเรือแคนาดา พร้อมระบุว่า "เรือทั้ง 2 ลำล่องผ่านแนวกันชนหนึ่งในช่องแคบ ที่อยู่นอกทะเลอาณาเขตรัฐชายฝั่งใด ๆ การล่องเรือนี้แสดงให้เห็นถึงพันธสัญญาของสหรัฐฯ พันธมิตรและคู่หูของเรา ที่มีต่อแปซิฟิกที่เสรีและเปิดกว้าง"

เจ้าหน้าที่กลาโหมรายหนึ่ง เปิดเผยกับซีเอ็นเอ็นว่า นับตั้งแต่นางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฏรสหรัฐฯ เดินทางเยือนไต้หวันในช่วงต้นเดือนสิงหาคม อเมริกาพพบเห็นเรือและเรือดำน้ำของกองทัพเรือจีนเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างมาก รอบ ๆไต้หวัน

แม้สหรัฐฯ เรียกมันว่าเป็นการล่องเรือตามปกติ แต่มันมีขึ้นหลังจาก ไบเดน ซ้ำเติมสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างวอชิงตันกับปักกิ่งเกี่ยวกับไต้หวัน ด้วยให้สัมภาษณ์กับรายการ 60 มินิตส์ของสถานีโทรทัศน์ซีบีเอส ว่าเขาจะใช้กองกำลังสหรัฐฯ ปกป้องเกาะแห่งนี้ หากว่าจีนพยายามรุกราน

ปักกิ่งอ้างอำนาจอธิปไตยเหนือไต้หวัน เกาะที่มีประชากร 23 ล้านคน แม้ว่าพรรคคอมมิวนิสต์จีนไม่เคยควบคุมมันก็ตาม นอกจากนี้แล้วปักกิ่งยังกล่าวอ้างอำนาจอธิปไตย สิทธิอธิปไตย และขอบเขตอำนาจศาลเหนือน่านน้ำต่าง ๆ ในช่องแคบไต้หวัน ภายใต้กฎหมายของจีน และจากการตีความของพวกเขาเองต่ออนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฏหมายทะเล (UNCLOS)

อย่างไรก็ตามกองทัพเรือสหรัฐฯ บอกว่าพื้นที่ส่วนใหญ่ของช่องแคบแห่งนี้อยู่ในน่านน้ำสากล โดยอ้างคำนิยามของ UNCLOS เกี่ยวกับน่านน้ำอาณาเขต ซึ่งครอบคลุมรัศมี 12 ไมล์ทะเล (22.2 กิโลเมตร) จากชายฝั่งประเทศหนึ่ง ๆ ทั้งนี้อเมริกาส่งเรือรบล่องผ่านช่องแคบแห่งนี้เป็นประจำ แต่หลายสิบครั้งเกิดขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

ระหว่างการให้สัมภาษณ์ในรายการ '60 มินิตส์' ของเครือข่ายทีวีซีบีเอสของสหรัฐฯ ซึ่งนำมาแพร่ภาพออกอากาศในวันอาทิตย์ (18 ก.ย.) ที่ผ่านมา เมื่อเขาถกถามว่ากองกำลังสหรัฐฯ จะเข้าป้องกันเกาะแห่งนี้หรือไม่ ไบเดน ก็ตอบว่า “ครับ ถ้าในทางเป็นจริงแล้ว มีการโจมตีอย่างชนิดที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน”

เมื่อถูกซักไซ้ว่า เขาหมายความว่ามันจะไม่เหมือนกับสิ่งที่เกิดขึ้นมาในยูเครนใช่ไหม โดยที่กองกำลังสหรัฐฯ ซึ่งก็คือชายและหญิงชาวอเมริกันจะเข้าพิทักษ์ป้องกันไต้หวันในกรณีที่จีนรุกรานหรือ ไบเดนก็ตอบว่า “ใช่”

'ไบเดน' ประกาศการระบาดโควิดในสหรัฐฯ จบแล้ว!! แม้ยอดผู้เสียชีวิตยังพุ่งสูงเฉลี่ยวันละ 400 คน

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ ประกาศว่า การระบาดของโควิด-19 ยุติลงแล้วในสหรัฐฯ แต่เขาก็ยอมรับในการให้สัมภาษณ์รายการ 60 มินิตส์ (60 Minutes) ของซีบีเอสว่า "เรายังคงมีปัญหาอยู่ และยังมีงานต้องทำอีกมากเพื่อควบคุมโควิด แต่สถานการณ์กำลังดีขึ้นอย่างรวดเร็ว ขณะนี้ไม่มีใครต้องสวมหน้ากากอนามัยแล้ว สถานการณ์กำลังเปลี่ยนไปในทางที่ดี"

อย่างไรก็ตาม ข้อมูลจากมหาวิทยาลัยจอห์นส์ ฮอปกินส์ในสหรัฐฯ ระบุว่า มีชาวอเมริกันเสียชีวิตจากโควิดเฉลี่ยมากกว่า 400 คนต่อวัน และในสัปดาห์ที่แล้ว มีผู้เสียชีวิตจากโควิดในสหรัฐฯ มากกว่า 3,000 คน 

ด้านนายแพทย์แอนโทนี เฟาซี ผู้อำนวยการสถาบันโรคติดเชื้อและภูมิแพ้แห่งชาติของสหรัฐฯ กล่าวล่าสุดเมื่อวันที่ 19 กันยายนที่ผ่านมาว่า อัตราการเสียชีวิตรายวันจากโควิดในสหรัฐฯ ยังคงอยู่ในระดับสูง แต่ก็ยอมรับว่าสถานการณ์กำลังดีขึ้น แต่ยังไม่ถึงจุดที่สามารถบอกได้ว่าเราอยู่ร่วมกับโควิดได้ พร้อมเตือนว่าสหรัฐฯ อาจพบโควิดกลายพันธุ์สายพันธุ์ใหม่ได้อีก โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวที่จะถึงนี้

ไบเดนขู่ ‘สี จิ้นผิง’ ระวังหายนะจะมาเยือน หากคิดจะช่วยเหลือรัสเซีย

โจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อว่า เขาได้พูดคุยกับ สี จิ้นผิง ผู้นำจีน ที่กำลังตัดสินใจผิดพลาดอย่างมหันต์ที่คิดจะฝ่ามาตรการคว่ำบาตรของชาติตะวันตกเพื่อเข้าไปช่วยเหลือรัสเซีย

สถานีข่าวช่อง CBS ของสหรัฐฯ ได้ออกอากาศงานสัมภาษณ์ โจ ไบเดน เมื่อวันอาทิตย์ที่ 18 กันยายน 65 ที่ผ่านมา โดย ไบเดน กล่าวว่า เขาได้มีโอกาสพูดคุยกับสี จิ้นผิง ผ่านทางโทรศัพท์เมื่อไม่นานมานี้ และได้บอกกับผู้นำจีนอย่างเด็ดขาดว่า หากจีนมั่นใจว่า นักธุรกิจชาวอเมริกัน และชาติพันธมิตรอื่นๆ ยังคิดที่จะไปลงทุนในจีนอยู่ หลังจากที่จีนยังคงเลือกที่จะช่วยเหลือคบค้ากับรัสเซีย และเพิกเฉยต่อมติคว่ำบาตรของพันธมิตรชาติตะวันตก ขอบอกเลยว่า ผู้นำจีนคิดผิดอย่างมหันต์ และ จีนจะต้องรับผลกระทบหนักอย่างแน่นอนจากความผิดพลาดของตัวเอง 

โจ ไบเดน กล่าวต่อไปว่า ที่โทรไปนี่ ไม่ได้แค่ไปขู่ แต่เป็นการเตือนให้จีนได้รู้ถึงผลที่จะตามมาหากยังไม่คิดที่จะสนใจมาตรการคว่ำบาตรของตะวันตก แต่ทั้งนี้ ไบเดน ยอมรับว่า จนถึงตอนนี้ยังไม่มีหลักฐานชี้ว่าจีนได้ส่งอาวุธ และทรัพยากรอื่นๆ ไปช่วยเหลือตามที่รัสเซียร้องขอ และไบเดนก็เชื่อมั่นว่า จีนยังต้องพึ่งพารายได้จากตลาดตะวันตกเป็นหลัก ดังนั้นจีนคงไม่ทำอะไรแตกแถวที่จะสร้างความหายนะให้กับเศรษฐกิจของตัวเอง

เศรษฐกิจรัสเซียได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากมาตรการคว่ำบาตรของชาติตะวันตกหลังจากที่รัสเซียนำทัพบุกยูเครนตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์เป็นต้นมา ดังนั้นจีนจึงกลายเป็นตลาดสำคัญของรัสเซีย ทั้งการส่งออกน้ำมัน และสินค้าอื่นๆ โดยใช้เงินสกุลหยวน และระบบธุรกรรมการเงินของจีนในการซื้อขายได้ 

GISTDA เผยภาพพายุ 'นันมาดอล' พัดถล่มญี่ปุ่น 'โตเกียว-คานากาวะ-คิวชู' เตรียมรับมือน้ำท่วม

เพจ GISTDA สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) ได้เผยภาพจาก #ดาวเทียมฮิมาวาริ8 🛰🛰🛰 ของญี่ปุ่น พร้อมระบุว่า...

🌪🌪🌪พายุหินหนามหน่อ (ซ้าย) เมื่อปลายเดือนสิงหาคม 65 ที่ผ่านมาเกือบ 20 กว่าวัน เทียบกับ พายุนามาดอล (ขวา) ที่ถ่ายไว้เมื่อวันศุกร์ที่ 16 กันยายน 65 ด้วยดาวเทียมฮิมาวาริ-8 ณ ตำแหน่งใกล้เคียงกัน ซึ่งปัจจุบัน (19 กันยายน 65) พายุนันมาดอลกำลังพัดถล่มตอนใต้ของญี่ปุ่นด้วยความเร็วลมประมาณ 110 km/h 🌪🌪🌪

ทั้งนี้ อิทธิพลของพายุจะทำให้เกิดฝนตกหนัก และมีความเสี่ยงที่จะเกิดน้ำท่วมฉับพลัน และดินถล่มตามมา ทางการญี่ปุ่น ได้ประกาศเตือนประชาชนในกรุงโตเกียว จังหวัดคานากาวะ และเกาะคิวชู ให้เตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์น้ำท่วมด้วย

'ไบเดน' ประกาศชัดจะส่งกองทัพปกป้อง 'ไต้หวัน' หาก 'จีน' เปิดฉากรุกรานเกาะแห่งนี้

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ช่องหนึ่งซึ่งออกอากาศในวันอาทิตย์ (18 ก.ย.) ประกาศกร้าวกองกำลังสหรัฐฯ จะปกป้องไต้หวัน ในกรณีที่จีนเปิดฉากรุกราน ถ้อยแถลงชัดเจนที่สุดเท่าที่เคยมีมาของผู้นำรายนี้ในประเด็นดังกล่าว

ระหว่างให้สัมภาษณ์กับรายการ 60 Minutes ของสถานีโทรทัศน์ซีบีเอส ไบเดนถูกถามว่ากองกำลังสหรัฐฯ จะปกป้องเกาะปกครองตนเองที่จีนอ้างว่าเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนหรือไม่ เขาตอบว่า "ใช่ ถ้าในความเป็นจริง มีการโจมตีอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน"

พอถูกถามเพิ่มเติมขอความกระจ่างชัด หมายความว่าสิ่งนี้ต่างจากยูเครน โดยกองกำลังสหรัฐฯ ทั้งชายและหญิงจะปกป้องไต้หวันในกรณีที่ถูกจีนรุกราน ใช่หรือไม่ เขาตอบว่า "ใช่"

คำสัมภาษณ์นี้ถือเป็นหนล่าสุดที่เหมือนว่า ไบเดน จะพูดเกินเลยขอบเขตนโยบายที่สหรัฐฯ ยึดถือมาช้านานเกี่ยวกับไต้หวัน แต่ขณะเดียวกัน คำพูดนี้ถือเป็นถ้อยแถลงที่ชัดเจนกว่าครั้งก่อน ๆ เกี่ยวกับพันธสัญญาของทหารสหรัฐฯ ในการปกป้องเกาะแห่งนี้

เมื่อสอบถามความคิดเห็นในเรื่องนี้ไปยังทำเนียบขาว ทางโฆษกทำเนียบขาวรายหนึ่งเน้นย้ำว่า นโยบายของสหรัฐฯ ที่มีต่อไต้หวันยังคงไม่เปลี่ยนแปลง "ก็อย่างที่ท่านประธานาธิบดีเคยพูดในเรื่องนี้มาก่อน ในกรุงโตเกียวเมื่อช่วงกลางปี ท่านอธิบายอย่างชัดเจนในตอนนั้นว่า นโยบายไต้หวันของเราไม่เปลี่ยนแปลง และนั่นยังคงเป็นความจริง"

บทสัมภาษณ์กับซีบีเอสครั้งนี้เป็นการบันทึกเทปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยเวลานี้ประธานาธิบดีไบเดน อยู่ในสหราชอาณาจักร เพื่อเข้าร่วมพระราชพิธีศพสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ในวันจันทร์ (19 ก.ย.)

สหรัฐฯ ยึดถือนโยบายหนึ่งมาช้านาน ด้วยการทำให้เป็นเรื่องคลุมเครือว่าพวกเขาจะตอบโต้ทางทหารต่อกรณีมีเหตุโจมตีไต้หวันหรือไม่

อินเดีย-รัสเซีย ใกล้บรรลุข้อตกลงชำระเงิน เตรียมเริ่มค้าขายด้วยสกุลเงินรูปีเร็ว ๆ นี้

อินเดียจะเริ่มค้าขายกับรัสเซียด้วยสกุลเงินรูปีเร็ว ๆ นี้ จากการเปิดเผยของประธานสหพันธ์องค์กรการส่งออกของอินเดีย (FIEO) เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว 

ความคืบหน้านี้มีขึ้นตามหลังธนาคาร State Bank of India (SBI) ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่ที่สุดของประเทศ เห็นพ้องลดความซับซ้อนของกลไกชำระเงินแบบใหม่

"State Bank of India ออกโรงเพื่ออำนวยความสะดวกแก่การค้าด้วยสกุลเงินรูปีกับรัสเซีย และมีธนาคารอื่น ๆ บางแห่งก็แสดงความสนใจเช่นกัน" A.Shaktivel ประธานสหพันธ์องค์กรการส่งออกของอินเดียบอกกับพวกผู้สื่อข่าว พร้อมระบุว่า อินเดียมี "กลไกชำระเงินด้วยรูปีที่ดีอยู่ก่อนแล้วในอิหร่าน ดังนั้นสิ่งเดียวกันนี้จะเกิดขึ้น (กับรัสเซีย)

ในเดือนกรกฎาคม ธนาคารกลางอินเดีย เผยแพร่หนังสือเวียน เรียกร้องบรรดาสถาบันการเงินทั้งหลายในประเทศให้เตรียมการต่าง ๆ เพิ่มเติมสำหรับการทำธุรกรรมนำเข้าและส่งออกด้วยสกุลเงินรูปี ความเคลื่อนไหวที่ออกแบบมาเพื่อลดการพึ่งพิงของรูปีต่อดอลลาร์ และถูกมองในฐานะแรงจูงใจส่งเสริมการค้ากับรัสเซียด้วยเช่นกัน

การส่งออกของอินเดียไปยังรัสเซียลดต่ำลงถึง 1 ใน 3 ระหว่างเดือนเมษายนถึงกรกฎาคม สืบเนื่องจากมาตรการคว่ำบาตรอันครอบคลุมที่ตะวันตกกำหนดเล่นงานมอสโก ลงโทษกรณีรุกรานยูเครน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top