Saturday, 10 May 2025
WORLD

สหรัฐฯ อ่วม!! ประสบปัญหา 'สมองไหล' นักวิทยาศาสตร์หัวกะทิ ย้ายหนีกลับจีน

สหรัฐอเมริกากำลังสูญเสียนักวิทยาศาสตร์ระดับมันสมองไปต่างประเทศเป็นจำนวนมากในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา แต่ในขณะเดียวกัน จีนกลับได้อานิสงส์จากกระแสย้ายถิ่นของนักวิชาการจากอเมริกาเพิ่มขึ้นหลายเท่าในรอบทศวรรษ

จากข้อมูลขององค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (OECD) ซึ่งเป็นองค์กรระหว่างประเทศระดับรัฐบาลเปิดเผยว่า สหรัฐอเมริกากำลังเสียนักวิทยาศาสตร์ชั้นหัวกะทิ ที่ต่างเคยมีผลงานวิจัยตีพิมพ์ในวารสารวิชาการชั้นนำนับพันคนให้กับต่างประเทศ โดยเฉพาะ ‘จีน’ ที่กำลังอัดฉีดแคมเปญดึงดูดนักวิทยาศาสตร์ระดับสูง ให้มาร่วมงานกับสถาบันการศึกษาของจีนเป็นจำนวนมาก 

ทั้งนี้ได้มีการยกตัวอย่างตัวเลขที่มีการเปิดเผยว่า ในปี 2021 ปีเดียว จีนได้ตัวนักวิทยาศาสตร์ต่างประเทศไปร่วมงานราว ๆ 2,408 คน แม้จะไม่ใช่ตัวเลขที่ว้าวอะไร แต่หากเทียบกับข้อมูลในปี 2017 จะพบว่า สหรัฐอเมริกาสามารถดึงนักวิจัยต่างชาติได้ถึง 4,292 คน ในขณะที่จีนได้เพียง 116 คน เท่านั้น 

เท่ากับจีน มีตัวเลขนักวิทยาศาสตร์ต่างชาติที่ก้าวกระโดดหลายเท่าตัว กลับกันกับสหรัฐฯ ที่นอกจากจะสูญเสีย ‘เสน่ห์’ ในการดึงดูดผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศแล้ว ยังเสี่ยงเจอปัญหาสมองไหล ถูกต่างชาติดึงตัวนักวิจัยเก่ง ๆ ไปด้วย

กระแสสมองไหลในอเมริกา เริ่มเกิดขึ้นก่อนจะเกิดวิกฤติการระบาด Covid-19 ในโลกเสียอีก โดยมีเหตุและปัจจัยจากนโยบายของอดีตผู้นำสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์ ที่จุดประกายสงครามการค้ากับจีน ซึ่งช่วงเวลานั้นรัฐบาลสหรัฐฯ ใช้กฎหมายเล่นงานนักวิชาการจากจีน ด้วยข้อหาละเมิดสิทธิทางปัญญา ไปจนถึงการเป็นสายลับ จารกรรมข้อมูล

ด้วยการดำเนินนโยบายอย่างแข็งกร้าวต่อจีน มีส่วนกดดันสถาบันการศึกษาในสหรัฐฯ ที่ทำงานร่วมกับนักวิชาการจีน หรือเพียงแค่มีเชื้อสายจีน มีการข่มขู่ คุกคามที่จะฟ้องร้อง ดำเนินคดีนักวิชาการเหล่านั้น หรือตัดสิทธิ์นักศึกษาจีนไม่ให้เข้าเรียนในสถาบันของสหรัฐฯ ได้

นับเป็นช่วงเวลาแห่งการกวาดล้างนักวิชาการเชื้อสายจีนในสหรัฐฯ โดยสถาบันสาธารณสุขแห่งชาติเปิดเผยว่า มีการไล่นักวิชาการจีนมากกว่า 100 คน รวมถึงการปิดศูนย์วิจัยกว่า 150 โครงการ ซึ่งกว่า 80% เป็นงานของนักวิจัยเชื้อสาย ‘เอเชีย’ 

แอนดรูส์ อี. เลลลิง อัยการสหรัฐฯ ยอมรับว่า การกดดันทางกฎหมายของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ผ่านมา สร้างบรรยากาศความหวาดกลัวในแวดวงวิชาการสหรัฐฯ อย่างมาก และสร้างความอึดอัดใจในการทำงานวิจัยร่วมกับสถาบันการศึกษาในต่างประเทศทั่วโลก ที่ล้วนมีนักวิจัยจากหลากหลายเชื้อชาติ หรือเคยรับทุนวิจัยส่วนหนึ่งจากรัฐบาลจีนมาก่อน

‘IMF’ เผย ยูโรอาจกลายเป็นผู้ท้าชิง ‘สกุลเงินสำรองหลักของโลก’ หลังสัดส่วนการถือครองเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ลดลงเหลือต่ำกว่า 60%

(3 พ.ค. 66) กรรมการจัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) แสดงความคิดเห็นในเวทีสัมมนาหนึ่งในสัปดาห์นี้ เผย ดอลลาร์สหรัฐฯ กำลังค่อยๆ สูญเสียสถานะในฐานะ ‘สกุลเงินสำรองหลักของโลก’ ท่ามกลางสัดส่วนการถือครองลดลงจากระดับ 70% เหลือต่ำกว่า 60% เล็กน้อย

อย่างไรก็ตาม คริสตาลินา จอร์เจียวา กรรมการผู้จัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ เน้นย้ำระหว่างกล่าวในเวทีสัมมนา Milken Institute Global Conference ประจำปี 2023 ในเบเวอร์ลีฮิลส์ รัฐแคลิฟอร์เรีย สหรัฐฯ เมื่อวันจันทร์ (1พ.ค.) ว่ายังไม่มีทางเลือกอื่นในบรรดาสกุลเงินอื่น ๆ ของโลก ที่จะก้าวมาแทนที่ดอลลาร์ในอนาคตอันใกล้นี้

“มีการบ่ายหนีจากดอลลาร์อย่างค่อยเป็นค่อยไป สัดส่วนการสำรองเคยอยู่ที่ 70% ตอนนี้ลดลงมาต่ำกว่า 60% เล็กน้อย” เธอกล่าว พร้อมระบุว่า ยูโรสามารถถูกมองในฐานะผู้ท้าชิงรายใหญ่ที่สุดของดอลาร์ ขณะที่เงินปอนด์ของสหราชอาณาจักร เยนญี่ปุ่นและหยวนองจีน “มีบทบาทเล็กน้อยมาก”

เธอเน้นว่าปัจจัยสำคัญสำหรับความเชื่อมั่นที่มีต่อสกุลเงินและประเทศนั้น ๆ ก็คือความเข้มแข็งของเศรษฐกิจและมิติความลึกของตลาดทุน

“และหากคุณคิดว่ามีทางเลือกอื่นๆในโลก ซึ่งเราอาจโยกย้ายสู่สกุลเงินดิจิทัล ที่ออกโดยธนาคารกลางครั้งใหญ่ แต่ฉันมองไม่เห็นทางเลือกอื่น ฉันไม่เห็นว่ามันจะก้าวเข้ามาในอนาคตอันใกล้นี้” จอร์เจียวา ระบุ

‘เจฟฟรีย์ ฮินตัน’ ประกาศลาออกจากกูเกิลด้วยวัย 75 ปี เตือน!! เอไอส่อเค้าอันตราย วันหนึ่งอาจฉลาดเหนือมนุษย์

เมื่อวันที่ 2 พ.ค. 66 นายเจฟฟรีย์ ฮินตัน ซึ่งได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลาย ในฐานะเจ้าพ่อด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) ได้ลาออกจากกูเกิล พร้อมเตือนเกี่ยวกับภัยอันตรายจากการพัฒนา AI
ทั้งนี้ นายฮินตัน อายุ 75 ปี ได้ประกาศเรื่องการลาออกจากกูเกิล ในแถลงการณ์ต่อหนังสือพิมพ์นิวยอร์ก ไทม์ส พร้อมระบุว่า เขาเริ่มเสียใจต่องานของเขาแล้ว

นอกจากนี้ นายฮินตันได้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวบีบีซีว่า อันตรายบางประการจากแชตบอต AI นั้น ‘ค่อนข้างน่ากลัว’

“ขณะนี้แชตบอต AI ยังไม่ฉลาดกว่าพวกเราก็จริง แต่ผมคิดว่าอาจเป็นเช่นนั้นในอนาคตอันใกล้นี้” นายฮินตัน กล่าว

สุดทึ่ง!! เมื่อ ‘คู่รักชาวจีน’ โชว์สกิลขั้นเทพ โดยเต้นบัลเลต์ ‘บนไหล่’ งานนี้พื้นไม่จำเป็นอีกต่อไป

(2 พ.ค. 66) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ชวนชมลีลาการเต้นบัลเลต์บนไหล่อันน่าทึ่งของคู่รักชาวจีน ซึ่งเป็นสมาชิกคณะกายกรรมในนครกว่างโจว มณฑลกว่างตง (กวางตุ้ง) ทางตอนใต้ของจีน

'แอรอน ทักเกอร์' หนุ่มวัย 32 ปี ที่เพิ่งออกจากคุกเพียงสัปดาห์เดียว ยอมทิ้งโอกาสสัมภาษณ์งาน เพื่อช่วยชีวิตผู้อื่น...ผลลัพธ์?

(2 พ.ค.66) รศ.ดร.วินัย ดะห์ลัน ผู้อำนวยการ ศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (ศวฮ.) ได้โพสต์เรื่องราวจากเพจ 'Pagarung Rit (ปะการัง)' ซึ่งสะท้อนถึงโอกาสในชีวิตผ่านชายหนุ่มวัย 32 ที่เพิ่งออกจากคุกมาไม่นาน ว่า...

แอรอน ทักเกอร์ หนุ่มวัย 32 ปี เพิ่งออกจากคุกเพียงสัปดาห์เดียว แต่เขาโชคดีที่ได้นัดสัมภาษณ์งานในเช้าวันหนึ่ง ที่เมืองบริดจ์พอร์ต รัฐคอนเนตทิคัต 

เขาตื่นแต่เช้ามืด สวมเสื้อเชิ้ตสะอาดตัวเก่งแล้วรีบขึ้นรถบัสประจำทางตรงไปจุดหมายทันที...

ระหว่างทาง ได้พบเหตุการณ์ไม่คาดคิด รถคันหนึ่งประสบอุบัติเหตุพุ่งชนต้นไม้แล้วพลิกคว่ำ ขณะที่รถบัสชะลอ 

แอรอนถามคนขับว่า คุณจะลงไปช่วยไหม? คนขับรถบัสตอบว่า “ไม่ได้ครับ แต่ถ้าคุณลงจากรถ ผมก็ต้องทิ้งคุณไว้นะครับ” เพราะคนขับต้องรักษาเวลาตามตารางเดินรถ"

ขณะนั้นเอง ที่แอรอนสังเกตเห็นเริ่มมีควันลอยออกมาจากรถที่ประสบเหตุ 

เขาตัดสินใจวิ่งลงจากรถบัสตรงไปยังรถที่พลิกคว่ำทันที เขารีบปลดเข็มขัดที่นั่งคนขับ ดึงเขาออกมาจากซากรถ ปากพร่ำพูดปลอบประโลมชายผู้เคราะห์ร้ายว่า “ไม่เป็นไร คุณจะไม่เป็นไร...ครอบครัวของคุณยังต้องการคุณ ลืมตาตื่นไว้นะครับ” 

ครู่ต่อมา ไฟลุกท่วมรถ โชคดีที่ดึงคนขับออกมาจากรถได้ทัน แอรอนยอมถอดเสื้อสะอาดตัวเก่งเพียงตัวเดียวของเขาออกและใช้มันช่วยห้ามเลือดที่ศีรษะของผู้บาดเจ็บ เขาอยู่เฝ้ารอจนนักผจญเพลิงและหน่วยกู้ภัยฉุกเฉินมาถึง...

แล้วแอรอนก็พลาดนัดสัมภาษณ์งาน เขารู้ว่านั่นเป็นนัดครั้งสำคัญของเขา โดยเฉพาะคนที่เพิ่งออกจากคุก แต่ก็มีสิ่งอื่นที่สำคัญมากกว่า...

**เมื่อมีคนถามว่าทำไมยอมเสียโอกาสขนาดนั้น?

***เขาตอบว่า “เรื่องงานเดี๋ยวก็มาใหม่ได้แต่เรื่องของชีวิต มีแค่ครั้งเดียว"

มาร์กาเร็ต บี. มอสส เคยกล่าวว่า “ความหวัง คือหน้าต่างบานใสที่ยอมให้แสงสว่างและโอกาสใหม่ ๆ ผ่านเข้ามา

"ถ้อยคำดีๆ, ความมีน้ำใจ และความรักจะเปิดหน้าต่างบานนั้น... 

"ความหวัง, ก็เป็นเช่นเดียวกับแสงตะวันอบอุ่น ที่สามารถทำให้เรากลับมามีชีวิตได้...”

ล้มเป็นรายที่ 3 เมื่อ ‘เฟิสต์ รีพับลิก แบงก์’ ถูกสั่งปิด ‘เจพีมอร์แกน เชส’ ไม่รอช้า!! เข้าซื้อกิจการต่อทันที

(2 พ.ค.66) เฟิสต์ รีพับลิก แบงก์ ธนาคารยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ ล้มเป็นรายที่ 3 ในรอบ 2 เดือน หลังหน่วยงานคุ้มครองการเงินและนวัตกรรมของรัฐแคลิฟอร์เนียเข้ายึดธนาคารเฟิร์สต์ รีพับลิก แบงก์ ซึ่งตั้งอยู่ในรัฐแคลิฟอร์เนียแล้วในเช้าวันจันทร์ตามเวลาสหรัฐฯ และบริษัทประกันเงินฝากสหรัฐฯ (FDIC) เข้าคุ้มครองเงินฝาก โดยมีการตกลงขายกิจการให้กับเจพีมอร์แกน เชส แล้ว ภายใต้ข้อกลงดังกล่าวเจพีมอร์แกน จะเข้าควบคุมทั้งสินเชื่อ 173,000 ล้านดอลลาร์, หลักทรัพย์ 30,000 ล้านดอลลาร์ และเงินฝาก 92,000 ล้านดอลลาร์ของเฟิสต์ รีพับลิก แบงก์ แต่จะไม่รับผิดชอบหนี้สิน เจพีมอร์แกนจะจ่ายให้ FDIC 10,600 ล้านดอลลาร์ และจะได้รับเงินสนับสนุน 50,000 ล้านดอลลาร์จาก FDIC ในการทำสัญญาซื้อกิจการ

บริษัทประกันเงินฝากสหรัฐฯ (FDIC) ยืนยันว่า ธนาคารของเฟิร์สต์ รีพับลิก แบงก์ ทั้ง 84 สาขา ใน 8 รัฐ จะเปิดทำการได้ในวันจันทร์ (1 พ.ค.) ในฐานะสาขาของเจพีมอร์แกน เชส แบงก์ และผู้ฝากสามารถเข้าถึงเงินฝากของตัวเองได้เต็มจำนวน

‘สหรัฐฯ’ เสี่ยงผิดนัดชำระหนี้ หลังสภาพคล่องติดขัด เงินสดเหลือใช้ไม่ถึงกลางปี 66 ลุ้น!! นโยบายยืดชีวิต

เจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังแห่งสหรัฐอเมริกา ได้ออกอาการหวั่นวิตก ว่าเงินคงคลังในประเทศกำลังหมด ซึ่งอาจนำไปสู่สัญญาณอันตรายว่าสหรัฐฯ มหาอำนาจด้านเศรษฐกิจอันดับ 1 ของโลก เสี่ยงที่จะผิดนัดชำระหนี้ ภายในวันที่ 1 มิถุนายน 2566 นี้ หากสภาคองเกรซไม่เร่งพิจารณานโยบายเพิ่มเพดานหนี้ หรือ ระงับอำนาจในการกู้เงินในประเทศ ก่อนภาคธุรกิจการเงินของโลกจะปั่นป่วนรุนแรง 

ทั้งนี้ เจเน็ต ยังได้ส่งจดหมายตรงถึงทั้งประธานสภาผู้แทน และ วุฒิสภา ให้เร่งพิจารณานโยบายดังกล่าวเพื่อปกป้องศรัทธา และความน่าเชื่อมั่นของสหรัฐอเมริกาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยได้อ้างถึงแผนการจำกัดวงเงินกู้จำนวน 31.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ที่เป็นอำนาจการกู้เงินตามกฎหมาย

รัฐมนตรีคลังหญิง หนักใจกับความหนักหนาสาหัสของสภาพคล่องในกองคลังของสหรัฐฯ ถึงขนาดกล่าวออกมาว่า ไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่า เงินสดจะหมดคลังสหรัฐฯ เมื่อไหร่ แต่หากประเมินจากรายได้ภาษีในเดือนเมษายนที่ผ่านมา และ ระดับค่าใช้จ่ายของรัฐบาลกลาง คาดว่ามีกระแสเงินสดใช้จ่ายได้ถึงแค่ต้นเดือนมิถุนายนนี้เท่านั้น

พระราชพิธีบรมราชาภิเษกพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 แห่งอังกฤษ วินาทีเสด็จขึ้นประทับพระราชบัลลังก์ The enthronement

เมื่อ 70 ปีที่แล้วชาวอังกฤษได้ชมพระราชพิธีบรมราชาภิเษกของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ของอังกฤษผ่านทางโทรทัศน์เป็นครั้งแรก (2 มิถุนายน 2496) การถ่ายทอดครั้งนั้นนับเป็นครั้งแรกที่เกิดขึ้นในประเทศอังกฤษ อย่างไรก็ดีมีเสียงคัดค้านว่าไม่ควรที่จะถ่ายทอดทางโทรทัศน์ในพระราชพิธีที่ถือว่าศักดิ์สิทธิ์นี้ เพราะเป็นของสูงและคนชมอาจจะไม่สำรวมพอในระหว่างที่ชม

อย่างไรก็ดี สมเด็จพระราชินีฯ ที่ยังทรงพระเยาว์อยู่มากคือทรงมีพระชนมายุเพียง 25 พรรษา ทรงมีพระราชานุญาตให้สถานีบีบีซีที่พร้อมและสามารถที่จะเผยแพร่ภาพทางโทรทัศน์เป็นครั้งแรกได้ ชาวอังกฤษจึงมีโอกาสชมพระราชพิธีราชาภิเษกกษัตริย์ของตนทางโทรทัศน์เป็นครั้งแรก

และเช่นกันในวันที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 ณ วิหารเวสต์มินสเตอร์ใจกลางกรุงลอนดอนก็จะมีพระราชพิธีราชาภิเษกพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ขึ้นเป็นพระเจ้าแผ่นดินพระองค์ใหม่ตามโบราณราชประเพณีเพื่อให้ครบถ้วนกระบวนการว่ากษัตริย์พระองค์ใหม่ได้ผ่านการสถาปนาขึ้นเป็นกษัตริย์ด้วยพิธีการทางศาสนาและท่ามกลางมหาสมาคม

พระราชพิธีในวันที่ 6 พฤษภาคมนี้ตามรายงานข่าวของบีบีซีภาษาอังกฤษบอกว่าแม้จะใช้เวลาราวๆ สองชั่วโมง แต่ก็มีการตัดทอนให้กระชับกว่าเดิม

เวลา 11 โมงเช้าเมื่อพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 และพระราชินีคามิลล่าเสด็จมาถึงวิหารเวสต์มินสเตอร์ ทั้งสองพระองค์จะเสด็จเข้าทางประตูที่เรียกว่า The Great West Door ที่นั่นผู้นำทางศาสนา, ผู้แทนพระองค์, ผู้แทนจากประเทศในเครือจักรภพและนายกรัฐมนตรีอังกฤษรับเสด็จและนำเสด็จเข้าไปในวิหาร

>> พระราชพิธีแรกที่เริ่มขึ้นเรียกว่า The Recognition หรือการยอมรับ
ในที่นี่พระเจ้าชาร์ลส์จะแสดงพระองค์ต่อที่ชุมนุมโดยจะประทับยืนข้างๆ พระเก้าอี้ราชาภิเษก Coronation Chair (บางที่ก็เรียกว่าบัลลังก์พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่มีอายุถึง 700 ปีทำด้วยไม้) พระองค์จะหันพระพักตร์ไปยังทั้งสี่ทิศและจะมีเสียงประกาศว่า Undoubted King คือ กษัตริย์ที่แท้จริงและผู้ที่ชุมนุมในที่นั้นจะแสดงความเคารพและความจงรักภักดี

อาร์ชบิชอปแห่งแคนเทอร์เบอรี่ Archbishop of Canterbury หรือจะเทียบกับทางพุทธก็คือสมเด็จพระสังฆราชจะทรงเป็นผู้ประกาศคนแรก ต่อมาผู้ที่ชุมนุมในที่นั่นจะตะโกนว่า “God Save the King” พิธีการนี้อังกฤษทำมาตั้งยุคแองโกลแซกซัน

>> ในขั้นตอนที่ 2 คือการให้คำสาบาน The Oath
พระราชพิธีในขั้นตอนนี้คือจะทรงให้คำมั่นสัญญาอยู่สองคำสัญญา อันแรกเรียกว่า the Coronation Oath อันเป็นข้อกำหนดไว้ในกฎหมายว่าพระเจ้าแผ่นดินจะต้องสาบานในเรื่องนี้โดยท่านอาร์ชบิชอปจะเป็นผู้นำกล่าวคำสาบานและพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 จะทรงกล่าวคำยืนยันว่าจะส่งเสริมและรักษากฎหมายและศาสนจักร Church of England ตลอดการครองราชย์สมบัติ ส่วนในคำสาบานอีกครั้งที่สองเรียกว่า The Accession Declaration Oath คือคำประกาศว่าจะซื่อสัตย์ต่อนิกายโปรเตสแตนต์

เมื่อมาถึงพระราชพิธีตอนที่ 3 คือพิธีเจิมน้ำมันศักดิ์สิทธิ์หรือ the anointing พระเจ้าชาร์ลส์จะทรงเปลี่ยนฉลองพระองค์แล้วเสด็จไปประทับที่พระเก้าอี้เพื่อรับการถวายน้ำมันเจิมจากท่านอาร์ชบิชอป ก่อนที่พิธีจะเริ่มเจ้าพนักงานจะนำฉากมากั้นรอบพระองค์ เพื่อไม่ให้คนภายนอกเห็น เพราะพิธีนี้ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

แม้ว่าเราอาจจะไม่เห็น แต่มีการอธิบายว่าท่านอาร์ชบิชอป จะรินน้ำมันศักดิ์สิทธิ์จากภาชนะใส่น้ำมันเพื่อทำพิธีกรรม The Ampulla ลงในช้อน The Coronation Spoon (ช้อนราชาภิเษกอันนี้ถือว่าเป็นเครื่องราชกกุธภัณฑ์ที่เก่าแก่ที่สุดที่เหลือรอดจากการทำลายของ โอลิเวอร์ ครอมเวล หลังจากชนะในสงครามกลางเมืองของอังกฤษ) และจะทรงเจิมที่พระนลาฏ, พระอุระ และพระหัตถ์ทั้งสอง

‘กัมพูชา’ ฟิตจัด!! ส่งนักกีฬาเก็บตัวต่างประเทศ หวังคว้าเหรียญ ‘ซีเกมส์ 2023’ หลายรายการ

(2 พ.ค. 66) สำนักข่าวซินหัว ทอง คูน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวของกัมพูชา เผยการคาดการณ์ว่ากัมพูชา ซึ่งรับหน้าที่เจ้าภาพการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ (SEA Games) ครั้งที่ 32 ระหว่างวันที่ 5-17 พ.ค. จะสามารถกวาดเหรียญรางวัลหลายรายการจากการแข่งขันครั้งนี้

ทอง คูน ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งชาติกัมพูชา ระบุว่าจำนวนเหรียญที่กัมพูชาจะได้รับในการแข่งขันดังกล่าวอาจเพิ่มขึ้นเกือบร้อยละ 200 จากสถิติ 63 เหรียญที่กัมพูชาเคยได้รับในการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ครั้งที่ 31 ในเวียดนาม เมื่อปี 2022 ซึ่งแบ่งเป็น 9 เหรียญทอง 13 เหรียญเงิน และ 41 เหรียญทองแดง

คณะผู้แทนที่มีความแข็งแกร่ง จำนวน 1,203 คน ซึ่งรวมถึงนักกีฬากัมพูชา 896 คน จะเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 32 ซึ่งกัมพูชาเป็นเจ้าภาพครั้งแรกในรอบ 64 ปี โดยงานกีฬานี้จัดขึ้นเป็นประจำทุก 2 ปี

ระหว่างการประชุมกับนักกีฬาและผู้ฝึกสอนที่วิมานสันติภาพหรือสำนักนายกรัฐมนตรีของกัมพูชาในกรุงพนมเปญ ทอง คูนกล่าวว่านักกีฬากัมพูชาราวร้อยละ 40 ถูกส่งไปฝึกฝนและแข่งขันในต่างประเทศเพื่อพัฒนาความสามารถและเทคนิคก่อนหน้าการแข่งขันฯ

‘ญี่ปุ่น’ ทุ่มงบกลาโหมขั้นสูงสุด แต่ขาดกำลังพลสู้รบ ชี้!! กองทัพไฮเทคไกลความจริง เหตุยังต้องใช้คนดูแล

(2 พ.ค. 66) รัฐบาลญี่ปุ่นมีนโยบายส่งเสริมกลาโหมถึงขั้นสูงสุด แต่กลับขาดแคลนกำลังพลที่เต็มใจจะสู้รบจนถึงเดือนมีนาคม 2023 กองกำลังป้องกันตนเองของญี่ปุ่น (หรือ SDF เป็นบุคลากรจากญี่ปุ่นที่ถูกจัดตั้งขึ้นหลังสงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุดลง เพื่อแทนที่กองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่นที่ถูกยุบไป และฝ่ายสัมพันธมิตรยึดครองญี่ปุ่น) ยังบรรลุไม่ถึงครึ่งทางของเป้าหมายการเปิดรับกำลังพล ซึ่งตั้งยอดไว้ที่ 9,245 นายในปีงบประมาณที่เพิ่งเสร็จสิ้นไป หนังสือพิมพ์ Nikkei รายงานข่าวว่ามีเพียง 4,300 คนเท่านั้นที่มีความกระตือรือร้นในการรับใช้ชาติ

การขาดแคลนกำลังพลนับเป็นปัญหาที่รุมเร้าญี่ปุ่นมานานหลายปี ก่อนหน้านี้ SDF เคยเกณฑ์พลได้มากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ แต่ตอนนี้เหลือไม่ถึง 50 เปอร์เซ็นต์ และแม้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างญี่ปุ่นกับเกาหลีเหนือและจีนจะตึงเครียดมากกว่าแต่ก่อนก็ตาม ปัจจัยสำคัญสำหรับปัญหาการระดมพลคือ ข้อมูลประชากรของญี่ปุ่น ในปี 1994 กลุ่มเป้าหมายอายุระหว่าง 18-26 ปีมีจำนวนประมาณ 17 ล้านคน จนถึงปี 2018 ความเป็นไปได้ของจำนวนผู้สมัครใจเข้ารับราชการทหารลดน้อยลงเหลือ 11 ล้านคน ปัจจุบัน SDF มีกำลังพลประจำการทั้งสิ้น 247,150 นาย และยอดกำลังสำรอง 56,000 นาย (ข้อมูลปี 2018) นอกจากนี้อาชีพทหารในญี่ปุ่นยังขาดแรงจูงใจอยู่มาก เมื่อเทียบกับอาชีพตำรวจซึ่งให้ค่าตอบแทนและสวัสดิการมากกว่า รวมถึงที่พักอาศัยไม่ดีพอ การต้องย้ายที่ประจำการบ่อย และโอกาสในอนาคตที่ไม่แน่นอน เหล่านี้ยังเป็นอุปสรรค

ปี 2018 รัฐบาลญี่ปุ่นเพิ่มขีดจำกัดอายุของผู้สมัครเป็น 32 ปี เพื่อขยายกลุ่ม อีกทั้งยังตั้งงบประมาณให้กระทรวงกลาโหมเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าภายในห้าปีข้างหน้า ตลอดจนเพิ่มอัตราค่าจ้างและการลงทุนในค่ายทหาร ทดแทนที่พักอาศัยของทหาร ที่ปกติเหมือนตู้แช่แข็งในฤดูหนาวและคล้ายซาวน่าในฤดูร้อน

อย่างไรก็ดี ยังเป็นที่น่าสงสัยว่าแคมเปญที่โฆษณาเกี่ยวกับความสุขสบายของค่ายทหาร และสิ่งจูงใจทางการเงินนั้นจะช่วยแก้ปัญหาด้านกำลังพลของ SDF ได้จริงหรือไม่ นักวิจารณ์หลายคนกลับชี้ให้เห็นถึงอุปสรรคพื้นฐาน นั่นคือ ชื่อเสียง ไม่ว่าในกรุงโตเกียวหรือเมืองอื่นๆ ของญี่ปุ่น แทบไม่มีทหารในเครื่องแบบเดินตามท้องถนนให้พบเห็น สมาชิกของกองทัพต่างรู้ดีว่า ที่นอกกำแพงค่ายทหารพวกเขามักจะพบกับความอยากรู้อยากเห็นของผู้คน มากกว่าสายตาที่ให้ความเคารพ นอกจากนี้ข่าวเกี่ยวกับการกลั่นแกล้งหรือพฤติกรรมที่หยาบคายของทหารหนุ่มยังทำให้ภาพลักษณ์ของกองทัพเสื่อมเสีย แต่พวกเขาจะได้รับความนิยมหรือคำชมเฉพาะในยามที่ปฏิบัติการควบคุมภัยพิบัติต่างๆ

โตโมะฮิโกะ ทานิกุชิ-ศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัยสึกุบะ และอดีตที่ปรึกษาของชินโซ อาเบะ เชื่อว่า รัฐธรรมนูญฉบับสันติกำลังจุดชนวนความสงสัยเกี่ยวกับคนในเครื่องแบบ ใครก็ตามที่อ่านข้อความในรัฐธรรมนูญแบบคำต่อคำ จะได้ข้อสรุปว่ากองกำลังติดอาวุธของญี่ปุ่นจริงๆ แล้วขัดแย้งกับรัฐธรรมนูญ ในมาตรา 9 ระบุว่าญี่ปุ่นสละสิทธิ์ในการทำสงครามในฐานะประเทศเอกราช อดีตผู้รุกรานซึ่งยึดครองคาบสมุทรเกาหลีจนถึงปี 1945 ให้คำมั่นว่าจะไม่สร้างกองทัพอีกหลังจากพ่ายแพ้ในสงครามโลกครั้งที่สอง ต่อมาญี่ปุ่นได้รับสิ่งที่เรียกว่า กองกำลังป้องกันตนเอง เป็นกองกำลังที่สามารถขับไล่ศัตรู แต่ไม่มีศักยภาพในการคุกคามใดๆ ปัจจุบันกองกำลังป้องกันตนเองของญี่ปุ่นเป็นหนึ่งในกองทัพที่มีอุปกรณ์พร้อมรบดีที่สุดในเอเชีย ซึ่งความเป็นจริงข้อนี้ก็ห่างไกลจากเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญแล้ว

พระราชพิธีบรมราชาภิเษกพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 แห่งอังกฤษ ระยะห่างจากพิธีราชาภิเษกของสมเด็จพระมารดาร่วม 70 ปี

พระราชพิธีบรมราชาภิเษกของพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ของประเทศอังกฤษในวันที่ 6 พฤษภาคมนี้ ห่างเหินจากพระราชพิธีบรมราชาภิเษกของสมเด็จพระมารดากว่า 70 ปีที่มีขึ้นในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2496

แม้ว่าพระราชพิธีหลักๆ จะยังคงไว้เป็นส่วนใหญ่แต่ก็มีการเปลี่ยนแปลงในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ อยู่บ้าง เช่น จำนวนแขกที่เชิญก็ลดลง, ราชรถพระที่นั่งก็เปลี่ยน, น้ำมันศักดิ์สิทธิ์ที่จะใช้เจิมก็เปลี่ยนสูตรโดยตัดบางอย่างออก

ราชวงศ์อังกฤษนับว่าเป็นสถาบันพระมหากษัตริย์ที่สืบทอดกันมายาวนานที่สุดแห่งหนึ่งในโลกและเป็นที่จับตามองของทั่วโลกมาตลอดเวลา ดังนั้นพระราชพิธีบรมราชาภิเษกพระเจ้าแผ่นดินพระองค์ใหม่ครั้งนี้ก็จะเป็นเหตุการณ์ที่คนใคร่รู้ใคร่ดู ส่วนจะมากน้อยเพียงใด หลังพิธีก็อาจจะรู้กัน 

พิธีการที่จะเกิดขึ้นในวันนั้นมีอะไรบ้าง เรื่องนี้ถือได้ว่าเป็นความรู้รอบตัว ใครได้อ่านได้ดูก็ถือว่าได้ความรู้เพิ่มอีกด้านหนึ่ง และพระราชพิธีเช่นนี้มีขึ้นไม่บ่อยนักเช่นครั้งนี้ก็รอกันมา 70 ปีกว่า

ในรายงานข่าวของบีบีซีภาษาอังกฤษได้ลำดับพระราชพิธีในวันที่ 6 พฤษภาคมไว้ชัดเจนและเข้าใจง่ายมากดังนี้...

เริ่มกันตั้งแต่ 6 โมงเช้าทางการจะเปิดสถานที่ให้คนเข้าไปจับจองที่ชมขบวนเสด็จผ่านจากพระราชวังบัคกิ้งแฮมไปยังวิหารเวสมินสเตอร์กลางกรุงลอนดอน

เส้นทางผ่านคือ The Mull และ White Hall เมื่อเส้นทางทั้งสองนี้คนเต็มก็จะขยายไปยัง Hyde Park, Green Park และ St. James Park ที่อยู่ใกล้ๆ ซึ่งมีการติดตั้งจอภาพให้ชม

สำหรับแขกที่ได้รับเชิญให้มาชมขบวนนั้นจะมีที่นั่งอยู่หน้าพระราชวังได้แก่ทหารผ่านศึก, เจ้าหน้าที่สาธารณสุข (NHS) และเจ้าหน้าที่สังคมสงเคราะห์เป็นต้น

สิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนไปในขบวนเสด็จครั้งนี้คือ รถม้าพระที่นั่งที่เคยใช้ในการเสด็จพระราชดำเนินในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกครั้งที่แล้วจากพระราชวังบัคกิ้งแฮมของสมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธที่ 2 นั้นทรงใช้รถม้าพระที่นั่งชื่อ Gold State Coach แต่พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ทรงเลือกที่จะประทับรถม้าพระที่นั่งอีกคันหนึ่งชื่อ Diamond Jubilee State Coach แทน

ความแตกต่างของรถม้าพระที่นั่งสองคันนี้ น่าสนใจคือ Gold State Coach เก่าแก่อย่างยิ่ง คือสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1972 และถูกใช้เป็นพระราชพาหนะในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกมาตั้งแต่ปีค.ศ. 1831 Gold State Coach นั้นงดงามอร่าอร่ามมากและหนักถึง 4 ตัน ถูกเก็บรักษาไว้ใน The Royal Mews เนื่องจากตัวรถสร้างด้วยไม้จึงต้องมีการเก็บรักษาอย่างดี

แม้จะสวยงามและเก่าแก่ แต่ตามที่มีข่าวออกมาคือสมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธที่ 2 เคยทรงปรารภว่านั่งไม่สบายนักเพราะเมื่อรถเคลื่อนจะโขยกเขยก

มาดูกันว่ารถม้าพระที่นั่งที่พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ทรงเลือกคือ Diamond Jubilee State Coach นั้นต่างกันอย่างไร?

ที่แน่ๆ คือใหม่กว่ามากเพราะสร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 2012 โดยรัฐบาลออสเตรเลียสร้างถวายเป็นของที่ระลึกในโอกาสที่สมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธที่ 2 ทรงครองราชย์สมบัติครบ 60 ปี งดงามและสบายกว่าเพราะติดแอร์คอนดิชั่นเสียด้วย

ผู้เขียนต้องการให้ท่านผู้อ่านเห็นภาพพระราชพิธีนี้คร่าวๆ ทั้งหมดก่อนว่าจะมีอะไรบ้างเพื่อให้เข้าใจ เพราะว่าจะมีรายละเอียดปลีกย่อยที่อธิบายกันแตกแขนงออกไปอีกในพิธีและสิ่งของที่จะใช้ประกอบ ซึ่งทั้งหมดน่าสนใจและจะกล่าวถึงต่อไป

ดังที่กล่าวมาแล้วคือขบวนเสด็จจากวังบัคกิ้งแฮมมายังวิหารที่จะประกอบพระราชพิธี, ภายในวิหารเวสมินสเตอร์จะมีพิธีการอะไรบ้าง ไปจนกระทั่งเมื่อพิธีเสร็จแล้วพระเจ้าแผ่นดินพระองค์ใหม่ที่ตอนนี้ได้ผ่านพิธีการบรมราชาภิเษกครบถ้วนแล้วทรงทำอะไรบ้าง

หัวใจของพระราชพิธีผู้เขียนเข้าใจว่ามีอยู่ 2 อย่างคือ พิธีที่ประกอบ และ เครื่องราชกกุธภัณฑ์ The Regalia ที่จะใช้ประกอบ

วิหารเวสมินสเตอร์แห่งนี้ใช้เป็นสถานที่บรมราชาภิเษกพระเจ้าแผ่นดินอังกฤษมาตั้งแต่ ค.ศ. 1066 จำนวน 39 พระองค์และพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 จะเป็นพระองค์ที่ 40 

ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกครั้งนี้เครื่องราชกกุธภัณฑ์ที่จะใช้ในการนี้ บีบีซีภาษาอังกฤษอ้างถึง The Royal Family เว็บไซท์ที่เขียนว่า อังกฤษยังเป็นประเทศในยุโรปประเทศเดียวที่ยังใช้เครื่องราชกกุธภัณฑ์ในพระราชพิธีนี้

เครื่องราชกกุธภัณฑ์ประกอบด้วย พระมหามงกุฎ St. Edward, ลูกโลกOrb, คทาที่มียอดเป็นไม้กางเขน Sceptre with Cross, และ คทาที่มียอดเป็นนกพิราบ Sceptre with Dove นอกจากนี้ก็ยังมีพระธำมรงค์หรือแหวนที่จะถวายให้สวมอีกด้วย

‘บริษัทเอกชนจีน’ กว่า 10,000 ราย จับมือ ‘สถาบันศึกษาจีน’  เพื่อช่วย ‘เด็กจบใหม่’ หางานทำ ชี้ จะจัดกิจกรรมรับสมัครงานกว่า 100 เมือง

(30 เม.ย.66) สำนักงานข่าวซินหัวรายงานว่า กลุ่มผู้ประกอบการเอกชนจีนมากกว่า 10,000 ราย ได้ร่วมมือกับกลุ่มสถาบันอุดมศึกษา ดำเนินโครงการส่งเสริมการจ้างงานที่จะช่วยเหลือเหล่าบัณฑิตจบใหม่หางานทำ

รายงานระบุว่าโครงการข้างต้นจะจัดกลุ่มผู้ประกอบการดำเนินกิจกรรมรับสมัครงานแบบพิเศษในกว่า 100 เมืองที่มีมหาวิทยาลัยตั้งอยู่หนาแน่น โดยมีกำหนดดำเนินโครงการจนถึงสิ้นเดือนพฤษภาคม

‘ส.ว.-ส.ส.’ สหรัฐฯ เสนอห้ามใช้ ‘เอไอ’ ควบคุมคลังแสงนิวเคลียร์  นักวิจัยถึง 36% ชี้!! อาจเป็นต้นตอหายนะ ยังจำเป็นต้องมีมนุษย์อยู่

(30 เม.ย.66) สมาชิกวุฒิสภา และสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ แสดงความกังวลเกี่ยวกับความเป็นไปได้ของการใช้ปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) ในคลังแสงนิวเคลียร์ของอเมริกา โดยแนะว่าเทคโนโลยีดังกล่าวไม่ควรถูกวางสถานะให้ยิงหัวรบนิวเคลียร์ได้ด้วยตนเอง

กลุ่ม ส.ว. และ ส.ส. จากเดโมแครต 3 รายและริพับลิกัน 1 ราย เสนอร่างกฎหมายฉบับหนึ่งที่เรียกร้องให้แบนเอไอ จากการถูกใช้งานในแนวทางหนึ่งๆ ที่อาจนำไปสู่การปล่อยอาวุธนิวเคลียร์ และถ้ามันผ่านความเห็นชอบและประกาศบังคับใช้ กฎหมายฉบับนี้จะถูกรวมเข้ากับนโยบายหนึ่งของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ (เพนตากอน) ในปัจจุบัน ที่กำหนดให้มนุษย์ต้องอยู่ในวงในการตัดสินใจใดๆ

"เราต้องการสร้างความมั่นใจว่ามนุษย์จะอยู่ในกระบวนการของการยิงอาวุธนิวเคลียร์ เมื่อใดก็ตามที่เราจำเป็นต้องปล่อยอาวุธนิวเคลียร์" เคน บัค สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ สังกัดพรรครีพับลิกัน จากโคโลราโด กล่าวเมื่อวันศุกร์ (28 เม.ย.) ระหว่างให้สัมภาษณ์กับฟ็อกซ์นิวส์ "หากคุณได้ดูหนังไซไฟ โลกหลุดจากการควบคุมเพราะว่าถูกเอไอเข้ายึด เราจำเป็นต้องมีมนุษย์ในกระบวนการนี้"

บัค พาดพิงของเหตุการณ์ฝันร้ายเรื่องราวระบบไอเอเข้าควบคุมอาวุธนิวเคลียร์ในภาพยนตร์ชื่อดังหลายเรื่อง เช่น "วอร์เกมส์" และ Colossus: The Forbin Project พร้อมเตือนว่าการใช้เอไอโดยปราศจากห่วงโซ่บัญชาการของมนุษย์เป็นสิ่งที่ขาดความยั้งคิดและอันตราย

เทด เหลียว สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ กล่าวเสริมว่า "เอไอนั้นน่าอัศจรรย์ มันกำลังจะเข้ามาช่วยสังคมในแนวทางต่างๆ มากมาย แต่มันสามารถฆ่าเราได้เช่นกัน" สมาชิกเดโมแครตจากแคลิฟอร์เนียระบุ ขณะที่เขาเป็นแกนนำคนสำคัญในการสนับสนุนร่างกฎหมายเอไอ เช่นเดียวกับสมาชิกเดโมแครตอีก 2 คน ได้แก่ ส.ส.เบเยอร์ จากเวอร์จิเนียและ ส.ว. เอ็ดเวิร์ด มาร์คีย์ จากแมสซาชูเซตส์

'มูเตลูไทย' ซอฟต์พาวเวอร์สุดโดนใจ 'ชาวเมียนมา-ชาวโลก' มาไทยทีไร 'ต้องแวะ-ต้องไหว้' กระจายรายได้ถ้วนหน้า

ในช่วงที่กระแสซอฟต์พาวเวอร์ไทยกำลังดังไปสู่สากลเอย่า เลยถือโอกาสมาเล่าหนึ่งในซอฟต์พาวเวอร์ที่หลายคนอาจจะรู้อยู่แล้ว แต่อีกหลายคนคาดไม่ถึงว่า (เฮ้ย...จริงดิ) 

แต่วันนี้เอย่าขอแนะนำ มูเตลูซอฟท์พาวเวอร์ไทยในแบบที่คนเมียนมาเขาชอบมากันสักเล็กน้อย เพราะปกติเราต้องยอมรับว่าคนไทยไปเที่ยวเมียนมาปีๆ หนึ่งจำนวนไม่น้อย ส่วนหนึ่งที่อยากไปคือ ไปไหว้พระ เที่ยวเจดีย์ ขอพรเทพทันใจ รวมถึงการไปดูดวงในเมียนมา ที่แม้ว่าหมอดูอีทีจะจากไปแล้ว แต่ก็ยังมีหมอดูคนอื่นๆ อีกหลายคนที่เป็นหมอดูยอดนิยมในเมียนมา 

แต่วันนี้เราจะละเรื่องนี้ไว้ก่อน และมาดูกันบ้างว่ามูเตลูที่เป็นซอฟต์พาวเวอร์ไทยสุดนิยมของคนเมียนมานั้นคืออะไร? ซึ่งเริ่มแรกก็หนีไม่พ้น 'พระพรหมเอราวัณ' ตรงแยกราชประสงค์ที่ต้องยกให้เป็นอันดับ 1 เพราะไม่ว่าชาติไหนๆ หรือนับถือศาสนาใดๆ ต่างก็มากราบไหว้ขอพรให้สมหวัง

ต่อมาคือ 'พระแก้วมรกต' ในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือวัดพระแก้ว ที่สาธุชนชาวอาเซียนโดยเฉพาะเมียนมามีความเชื่อในความศักดิ์สิทธิ์มากจนมีชื่อในภาษาพม่าว่า 'เมียตพะยา' และคนเมียนมาส่วนใหญ่ที่มาเที่ยวไทยก็อยากไปกราบสักการะเพื่อเป็นมงคลในชีวิตสักครั้ง

'กุมารทอง' เป็นหนึ่งในเครื่องลางของขลังที่มีความเชื่อในกลุ่มชาวจีนทั้ง จีนแผ่นดินใหญ่ จีนฮ่องกง รวมถึงจีนโพ้นทะเล โดยเชื่อว่าวิญญาณกุมารจะช่วยให้ธุรกิจของผู้บูชาร่ำรวยประสบความสำเร็จ

‘สายสมร ไชยสร’ ปธ.มวยลาว อัดคลิปขอโทษประเทศไทย ปมวิจารณ์ ‘มวยไทย’ เลียนแบบ ‘กุน ขแมร์’ ลั่น เรื่องนี้ขอรับผิดคนเดียว

(30 เม.ย.66) สายสมร ไชยสร ประธานสหพันธ์มวยลาวแห่งประเทศลาว ออกมาอัดคลิปขอโทษประเทศไทย หลังเจ้าตัวเคยออกมากล่าวว่า "มวยไทย" เลียนแบบ "กุน ขแมร์" ของประเทศกัมพูชา โดยตนขอรับผิดแต่เพียงผู้เดียว

ในช่วงที่ผ่านมามีดราม่าเกี่ยวกับประเด็น กุน ขแมร์ ที่กัมพูชา บรรจุเข้าแข่งขันลงในกีฬาซีเกมส์ แทนที่ของมวยไทย ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก โดยตอนนั้น สายสมร ไชยสร ประธานสหพันธ์มวยลาวแห่งประเทศลาว เป็นหนึ่งในบุคคลที่กล่าวว่า มวยไทย เลียนแบบโบกะตอร์ (มวยโบราณของเขมร) หรือ กุน ขแมร์


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top