Sunday, 8 June 2025
WORLD

เปิดยอดผู้เสียชีวิต 'กราดยิงคอนเสิร์ต' ในรัสเซีย พุ่ง 60 ศพ เจ็บ 145 คน ด้านสหรัฐฯ ยัน!! รู้ข่าวกรองล่วงหน้า จึงเตือนมะกันอพยพตั้งแต่ต้นเดือน

(23 มี.ค.67) ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุกลุ่มมือปืนบุกกราดยิงและวางเพลิงคอนเสิร์ตวงร็อคที่ชานกรุงมอสโกเมื่อวันศุกร์ (22 มี.ค.) เพิ่มเป็นไม่ต่ำกว่า 60 คน และมีผู้บาดเจ็บอีก 145 คน โดยกลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม (ไอเอส) ได้ออกมาประกาศอ้างความรับผิดชอบ ขณะที่สหรัฐฯ เผยได้รับข่าวกรองเตือนล่วงหน้าว่าจะมีเหตุโจมตีเกิดขึ้น และได้เตือนพลเมืองอเมริกันให้เดินทางออกจากรัสเซีย หรือหลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีการรวมคนจำนวนมากๆ ตั้งแต่ช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา

ในการโจมตีครั้งเลวร้ายที่สุดที่เกิดขึ้นกับรัสเซียนับตั้งแต่เหตุการณ์ที่พวกอิสลามิสต์จับครูและนักเรียนกว่า 1,000 คนเป็นตัวประกันที่โรงเรียนเบสลัน (Beslan School) เมื่อปี 2004 กลุ่มมือปืนได้สาดกระสุนเข้าใส่ประชาชนที่เข้าชมคอนเสิร์ตวง 'ปิกนิก' ซึ่งเป็นวงร็อคยุคโซเวียต ภายใน 'โครคัส ซิตี้ ฮอลล์' ซึ่งเป็นฮอลล์คอนเสิร์ตทางตะวันตกของกรุงมอสโกที่จุผู้เข้าชมได้ถึง 6,200 คน

ภาพจากคลิปวิดีโอที่ผ่านการยืนยันแล้วจะเห็นผู้คนเข้าไปนั่งในฮอลล์คอนเสิร์ต จากนั้นก็พากันวิ่งกรูไปยังทางออกต่างๆ ท่ามกลางเสียงปืนที่ดังขึ้นต่อเนื่องและเสียงหวีดร้องของผู้คน นอกจากนี้ยังมีคลิปที่กลุ่มชายฉกรรจ์กราดยิงเข้าใส่ฝูงชน และมีเหยื่อบางคนนอนแน่นิ่งจมกองเลือด

พนักงานสอบสวนรัสเซียออกมายืนยันตัวเลขผู้เสียชีวิต ณ ขณะนี้มากกว่า 60 คน ขณะที่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขรายงานยอดผู้บาดเจ็บอย่างน้อย 145 คน ในจำนวนนี้มีอยู่ราวๆ 60 คนที่อาการสาหัส

ทำเนียบเครมลินระบุว่า ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน กำลังติดตามข้อมูลอัปเดตสถานการณ์จากบรรดาหัวหน้าหน่วยงานความมั่นคง รวมถึง อเล็กซานเดอร์ บอร์ตนิคอฟ ซึ่งเป็นหัวหน้าหน่วยงานความมั่นคงกลางของรัสเซีย (FSB)

พนักงานสอบสวนรัสเซียยังได้เผยแพร่ภาพปืนไรเฟิลคาลาชนิคอฟอัตโนมัติ 1 กระบอกซึ่งเป็นอาวุธของกลุ่มคนร้าย รวมถึงเสื้อกั๊กที่มีกระสุนสำรอง และกระเป๋าที่เต็มไปด้วยเครื่องกระสุนอีกจำนวนมาก

สำนักข่าวอามัก (Amaq) ของกลุ่มไอเอสได้แถลงยืนยันผ่านเทเลแกรมว่า นักรบไอเอสอยู่เบื้องหลังเหตุโจมตีคอนเสิร์ตที่ชานกรุงมอสโก โดยได้ “สังหารและทำให้ผู้คนบาดเจ็บไปหลายร้อยคน รวมถึงสร้างความเสียหายรุนแรงต่อสถานที่ ก่อนจะถอนกำลังกลับสู่ที่ตั้งอย่างปลอดภัย”

สื่อรัสเซียบางสำนักได้เผยแพร่ภาพชาย 2 คนที่คาดว่าน่าจะเป็นกลุ่มคนร้ายขับขี่ยานพาหนะสีขาว โดยขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลว่ามือปืนถูกจับกุมได้หรือไม่อย่างไร เนื่องจากเจ้าหน้าที่ดับเพลิงต้องรับมือกับเหตุไฟไหม้รุนแรงที่เกิดขึ้น และหน่วยฉุกเฉินก็ต้องเร่งอพยพผู้ชมคอนเสิร์ตออกมา และมีรายงานว่าหลังคาคอนเสิร์ตฮอลล์บางส่วนพังถล่มลงมาด้วย

เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ คนหนึ่งออกมาให้ข้อมูลวานนี้ (22) ว่า รัฐบาลอเมริกันได้รับข่าวกรองยืนยันว่าเหตุการณ์นี้เป็นฝีมือกลุ่มไอเอสจริง และวอชิงตันเคยเตือนมอสโกล่วงหน้าไปแล้วหลายสัปดาห์ว่าอาจจะเกิดเหตุโจมตีขึ้น

“เราได้มีการแจ้งเตือนเจ้าหน้าที่รัสเซียไปแล้วอย่างเหมาะสม” เจ้าหน้าที่ผู้ไม่ประสงค์ออกนามระบุ และไม่ขอให้รายละเอียดเพิ่มเติม

เหตุกราดยิง โครคัส ซิตี้ ฮอลล์ ซึ่งอยู่ห่างจากทำเนียบเครมลินไปเพียง 20 กิโลเมตรเกิดขึ้นเพียงราวๆ 2 สัปดาห์ หลังจากที่สถานทูตสหรัฐฯ ประจำกรุงมอสโกได้ออกคำเตือนว่าจะมี 'กลุ่มหัวรุนแรงสุดโต่ง' วางแผนก่อเหตุโจมตีภายในกรุงมอสโก

ก่อนที่สถานทูตอเมริกันจะออกคำเตือนแค่ไม่กี่ชั่วโมง FSB ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักที่ดูแลงานด้านข่าวกรองต่อจากองค์กรสายลับ KGB ในยุคสหภาพโซเวียตของรัสเซีย ประกาศว่าสามารถสกัดแผนของเครือข่ายไอเอสในอัฟกานิสถานที่เตรียมโจมตีโบสถ์ยิวแห่งหนึ่งในกรุงมอสโก

FSB ระบุว่า เครือข่าย IS กลุ่มนี้ปฏิบัติการอยู่ในภูมิภาคคาลูกา (Kaluga) ของรัสเซีย โดยเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม ISIS-Khorasan ซึ่งมีเป้าหมายสถาปนารัฐคอลีฟะห์ที่ปกครองด้วยกฎหมายอิสลามขึ้นในพื้นที่แถบอัฟกานิสถาน ปากีสถาน เติร์กเมนิสถาน ทาจิกิสถาน อุซเบกิสถาน และอิหร่าน

ปูติน ได้ทำให้สงครามกลางเมืองซีเรียเปลี่ยนทิศทางด้วยการเข้าแทรกแซงในปี 2015 โดยช่วยหนุนหลังรัฐบาลประธานาธิบดี บาชาร์ อัล-อัสซาด ต่อสู้กับพวกฝ่ายค้าน รวมถึงกลุ่มไอเอสด้วย

คอลิน คลาร์ก ผู้เชี่ยวชาญจากศูนย์ Soufan Center ระบุว่า “ISIS-K จ้องหาโอกาสโจมตีรัสเซียมาตลอด 2 ปี และสื่อโฆษณาชวนเชื่อของพวกเขาก็มักจะมีการวิพากษ์วิจารณ์ ปูติน ด้วยเสมอ”

มาเรีย ซาคาโรวา โฆษกกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย ระบุว่า นี่คือ “การก่อการร้ายนองเลือด” ที่ผู้คนทั่วโลกสมควรร่วมกันประณาม

สหรัฐฯ รวมถึงบรรดาชาติในยุโรป กลุ่มรัฐอาหรับ และอดีตรัฐในสหภาพโซเวียต ต่างแสดงความตกตะลึงและส่งสารแสดงความเสียใจไปยังรัสเซียเกี่ยวกับเหตุโจมตีที่เกิดขึ้น ขณะที่ มีไคโล โปโดลยัค ที่ปรึกษาของประธานาธิบดียูเครน ยืนยันว่างานนี้เคียฟ 'ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง'

'เจ้าหญิงเคท' แถลงการณ์ผ่านคลิปวิดีโอ ทรงประชวรด้วยโรคมะเร็งระยะเริ่มต้น

เมื่อวานนี้ (22 มี.ค.67) เคเทอรีน เจ้าหญิงแห่งเวลส์ หรือเจ้าหญิงเคท พระชายาในเจ้าชายวิลเลียม แห่งราชวงศ์อังกฤษ ทรงแถลงผ่านคลิปวิดีโอ ว่า พระองค์ทรงป่วยเป็นมะเร็งระยะเริ่มต้น อยู่ระหว่างการรักษาด้วยเคมีบำบัด (คีโม)

เจ้าชายวิลเลียมและพระองค์เอง พยายามจัดการเรื่องนี้เป็นการส่วนตัว เพื่อทำความเข้าใจกับลูก ๆ อย่างเหมาะสม เวลานี้ต้องการเวลา พื้นที่ และความเป็นส่วนตัว

'ไอเอส' อ้างตัว 'กราดยิง' คอนเสิร์ตที่มอสโก ส่วนกลุ่มหนุนยูเครน' ปัดเอี่ยว ฟาก 'รัสเซีย' ลั่น!! "มันเป็นการโจมตีของผู้ก่อการร้าย" ปูตินรับทราบ

(23 มี.ค.67) คนร้ายกลุ่มหนึ่งเปิดฉากกราดยิงและขว้างระเบิดใส่การแสดงดนตรีร็อก ที่คอนเสิร์ตฮอลล์ชานกรุงมอสโก สังหารผู้เข้าชมไปอย่างน้อย 40 คน บาดเจ็บอีก 100 คน นอกจากนั้นยังวางเพลิงทำให้เกิดไฟไหม้ลุกลามภายในฮอลล์ ทั้งนี้ตามการปากคำของพวกเจ้าหน้าที่รัสเซียตลอดจนคลิปวิดีโอที่มีผู้นำออกเผยแพร่ทางโซเชียลมีเดีย ล่าสุด กลุ่ม 'รัฐอิสลาม' (ไอเอส) ออกมาแถลงอ้างตัวเป็นผู้ก่อเหตุคราวนี้

กลุ่มคนร้ายกลุ่มนี้ซึ่งสวมเครื่องแบบชุดลายพราง ได้บุกเข้าไปในอาคารดังกล่าว จากนั้นก็เปิดฉากกราดยิงและขว้างระเบิดมือ หรือไม่ก็เป็นระเบิดเพลิงที่ทำให้เกิดไฟไหม้ ตามปากคำของนักหนังสือพิมพ์ผู้หนึ่งที่ทำงานให้สำนักข่าวอาร์ไอเอ โนวอสตี ของทางการรัสเซีย ซึ่งอยู่ในที่เกิดเหตุ

เพลิงได้ลุกลามอย่างรวดเร็วไปทั่วหอแสดงดนตรี โครคัส ซิตี้ คอนเสิร์ต ฮอลล์ แห่งนี้ ที่ตั้งอยู่ในย่านชานเมืองคราสโนกอร์สก์ ทางตอนเหนือของเมืองหลวงรัสเซีย ซึ่งสามารถบรรจุผู้ชมได้หลายพันคน และใช้เป็นที่แสดงของศิลปินระหว่างประเทศระดับท็อปมาแล้วหลายรายการ ทั้งนี้ อาคารแห่งนี้นอกจากคอนเสิร์ตฮอลล์แล้ว ยังมีหอประชุม และโรงละคร โดยใช้ชื่อเรียกรวมๆ กันว่า โครคัส ซิตี้ ฮอลล์ นอกจากนั้น บริเวณใกล้ๆ ยังมีศูนย์การค้า ซึ่งเรียกกันว่า โครคัส ซิตี้ เช่นกัน

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า คนร้ายบุกเข้าไป ขณะที่วง 'ปิกนิก' ที่เป็นวงร็อกยุคโซเวียต กำลังจะเริ่มการแสดง โดยบัตรการแสดงคราวนี้ขายได้หมดเกลี้ยงทั้ง 6,200 ที่นั่ง

นอกจากนั้นมีสื่อรัสเซียบางเจ้ารายงานว่าได้เกิดการระเบิดขึ้นอีกเป็นครั้งที่ 2 รวมทั้งมีข่าวว่าคนร้ายบางคนยังคงปักหลักอยู่ภายในอาคาร โดยพยายามสร้างเครื่องกีดขวางกำบังตัวเอง

“จากข้อมูลข่าวสารในเบื้องต้น มีผู้ถูกสังหารเสียชีวิตไป 40 คน และอีกกว่า 100 คนได้รับบาดเจ็บ โดยเป็นผลจากการโจมตีของพวกผู้ก่อการร้ายภายในโครคัส ซิตี้ ฮอลล์” เป็นคำแถลงของสำนักงานเอฟเอสบี ที่เป็นหน่วยงานความมั่นคงของรัสเซีย ซึ่งอ้างอิงโดยสำนักข่าวอินเตอร์แฟกซ์ และสื่อรัสเซียรายอื่นๆ

พวกเจ้าหน้าที่รับผิดชอบของรัสเซียบอกว่า การสืบสวนสอบสวนโดยถือว่าเป็นคดี “ก่อการร้าย” เริ่มต้นขึ้นแล้ว และประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ได้รับรายงานข่าวเพิ่มเติมล่าสุดอย่างสม่ำเสมอ โฆษกทำเนียบเครมลิน ดมิตริ เปสคอฟ แถลงกับสื่อมวลชนรัสเซีย

ทางด้านหน่วยทหารรักษาดินแดนแห่งชาติของรัสเซียบอกว่า กำลังของตนได้เข้าไปอยู่ในที่เกิดเหตุ และกำลังค้นหาพวกคนร้าย ขณะที่ผู้สื่อข่าวเอเอฟพีรายหนึ่งระบุว่าเห็นพวกตำรวจพร้อมด้วยสุนัขนักดมกลิ่น ออกตรวจตรายวดยานต่างๆ ที่จอดอยู่ใกล้ๆ กับอาคารที่เกิดเหตุ

สำหรับกลุ่ม 'รัฐอิสลาม' ออกคำแถลงอ้างว่า พวกนักรบของตนได้โจมตี 'การชุมนุมใหญ่' บริเวณนอกกรุงมอสโก และ 'ได้ล่าถอยกลับมายังฐานของพวกเขาได้อย่างปลอดภัย'

ช่องข่าว บาซา แอน์ด มาช ทางแพลตฟอร์มเทเลแกรม ซึ่งมีความใกล้ชิดกับพวกหน่วยงานความมั่นคง ได้เผยแพร่คลิปวิดีโอแสดงให้เห็นเปลวไฟและควันโขมงลอยขึ้นมาจากอาคารแห่งนี้

ภาพอื่นๆ แสดงให้เห็นชาย 2 คน กำลังเดินอยู่ในฮอลล์ และมีคนอย่างน้อย 1 คนนอนอยู่บนพื้นใกล้ๆ กับทางเข้า นอกจากนั้นยังเห็นพวกผู้เข้าชมคอนเสิร์ตกำลังหลบซ่อนตัวอยู่ข้างใต้ที่นั่งหรือกำลังพยายามที่จะหลบหนี

พวกเจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคงที่สำนักข่าวอินเตอร์แฟกซ์สัมภาษณ์ ระบุว่ามีคนร้ายระหว่าง 2 ถึง 5 คน “สวมเครื่องแบบทางยุทธวิธีและถืออาวุธปืนอัตโนมัติ” เปิดฉากยิงใส่พวกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่บริเวณทางเข้า จากนั้นก็เริ่มกราดยิงภายในฮอลล์

“คนที่อยู่ข้างในฮอลล์ได้รับคำแนะนำให้หมอบอยู่กับพื้นเพื่อรักษาตัวเองไม่ให้ถูกยิงเป็นเวลาราว 15 ถึง 20 นาที” สื่อรัสเซียอ้างคำบอกเล่าของนักหนังสือพิมพ์อาร์ไอเอ โนวอสตี โดยเขาบอกด้วยว่า ผู้คนเริ่มคลานออกมาข้างนอก เมื่อได้รับแจ้งว่าปลอดภัย

ทางด้านกระทรวงเหตุฉุกเฉินของรัสเซีย โพสต์ข้อความทางช่องเทเลแกรมของตนว่า มีคนราว 100 คนหลบหนีออกมาได้ผ่านทางห้องใต้ถุนของฮอลล์ ขณะที่อีกหลายๆ คนหลบภัยพักพิงที่บริเวณใต้หลังคา

ทว่าประมาณหนึ่งในสามของอาคารแห่งนี้ทีเดียวที่เกิดไฟไหม้ สำนักข่าวทาสส์รายงาน

ด้านโฆษกกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย มาเรีย ซาคาโรวา แถลงว่า เหตุคราวนี้เป็น “การโจมตีอย่างนองเลือดของผู้ก่อการร้าย”

“ประชาคมระหว่างประเทศทั้งมวล ต้องประณามอาชญากรรมอันน่าขยะแขยงครั้งนี้” เป็นข้อความที่เธอโพสต์ทางเทเลแกรม

ด้านทำเนียบขาวของสหรัฐฯ จอห์น เคอร์บี โฆษกด้านความมั่นคง แถลงแสดงความเป็นห่วงบรรดาเหยื่อของการโจมตีกราดยิงอย่างเลวร้ายคราวนี้

ทางทำเนียบขาวบอกด้วยว่า ยังไม่มีสัญญาณใดๆ ในเฉพาะหน้านี้ ว่าเหตุคราวนี้เกี่ยวข้องกับการสู้รบขัดแย้งในยูเครน

สำหรับทำเนียบประธานาธิบดียูเครน กล่าวว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับการโจมตีนี้ ขณะที่ฝ่ายข่าวกรองทหารของยูเครนยังไม่ลืมที่จะเรียกเหตุการณ์คราวนี้ว่า เป็น 'การยั่วยุ' ของรัสเซีย รวมทั้งกล่าวหาว่าพวกหน่วยพิเศษของมอสโกอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้

ด้านกองกำลังอาวุธที่อ้างว่าเป็นชาวรัสเซียซึ่งสู้รบเพื่อยูเครน โดยใช้ชื่อว่า 'กองกำลังรัสเซียแห่งเสรีภาพ' และมีบทบาทรับผิดชอบก่อการโจมตีเข้าไปในพื้นที่ของรัสเซียซึ่งอยู่ใกล้ๆ ชายแดนยูเครนมาแล้วหลายครั้ง ในคราวนี้ได้ออกมาปฏิเสธเช่นกันว่า พวกตนไม่มีส่วนใด ๆ

กรุงมอสโกและเมืองใหญ่ของรัสเซียแห่งอื่นๆ เคยตกเป็นเป้าหมายการโจมตีของกลุ่มอิสลามิสต์ต่างๆ มาแล้วหลายครั้ง แต่ก็มีเหตุร้ายหลายกรณีเช่นกันที่ไม่ทราบมูลเหตุจูงใจทางการเมืองที่ชัดเจน

ก่อนหน้านี้ในเดือนนี้ สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำกรุงมอสโก ได้ออกคำเตือนพลเมืองของตนว่า “พวกสุดโต่งมีแผนการที่จะออกปฏิบัติการแล้ว โดยพุ่งเป้าหมายที่การชุมนุมขนาดใหญ่ๆ ในมอสโก” รวมทั้งงานคอนเสิร์ต

‘จีน’ ทดสอบ 'รถไฟในเมืองพลังงานไฮโดรเจน' ผลิตเองขบวนแรก วิ่งฉิว!! 160 กม./ชั่วโมง - เติมเชื้อเพลิงครั้งเดียววิ่งไกล 1,000 กม.

(22 มี.ค.67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า รถไฟในเขตเมือง ที่ขับเคลื่อนด้วยไฮโดรเจนซึ่งจีนพัฒนาขึ้นขบวนแรก วิ่งทดสอบเสร็จสิ้นด้วยความเร็ว 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เมื่อวานนี้ 21 มี.ค. ถือเป็นความคืบหน้าครั้งสำคัญในการประยุกต์ใช้พลังงานไฮโดรเจนในการขนส่งทางรถไฟ

โดยรถไฟดังกล่าวพัฒนาโดยซีอาร์อาร์ซี ฉางชุน เรลเวย์ วีฮีเคิลส์ จำกัด (CRRC Changchun Railway Vehicles) ในเมืองฉางชุน มณฑลจี๋หลินทางตะวันออกเฉียงเหนือของจีน โดยวิ่งทดสอบบนรางทดสอบของบริษัทฯ และผ่านกระบวนการตรวจสอบประสิทธิภาพการทำงานแบบเต็มระบบ ครอบคลุมครบฉากสถานการณ์ และหลากหลายระดับ

เมื่อเทียบกับรถไฟแบบดั้งเดิมที่อาศัยพลังงานจากเชื้อเพลิงฟอสซิลหรือระบบจ่ายไฟฟ้าแบบสายส่งเหนือหัว รถไฟในเขตเมืองขบวนนี้มีระบบพลังงานไฮโดรเจนในตัวซึ่งสามารถให้แหล่งพลังงานที่เข้มข้นและยาวนาน โดยมีระยะการเดินทางสูงสุดแบบเติมเชื้อเพลิงครั้งเดียวมากกว่า 1,000 กิโลเมตร

ทั้งนี้ ข้อมูลจากการทดสอบยังแสดงให้เห็นว่ารถไฟพลังงานไฮโดรเจนดังกล่าว ใช้พลังงานเฉลี่ย 5 กิโลวัตต์ชั่วโมงต่อกิโลเมตร ซึ่งเทียบเท่ากับรถไฟชั้นนำระดับโลก

‘แดนผู้ดี’ อ่วม!! คนอังกฤษ ‘ยากจนข้นแค้น’ สูงสุดในรอบ 30 ปี รัฐบาลเร่งใช้มาตรการช่วยพยุง หลังรัสเซียทำสงครามกับยูเครน

(22 มี.ค.67) สำนักข่าวบีบีซีรายงานอ้างอิงข้อมูลใหม่ของทางการอังกฤษที่เปิดเผยเมื่อวันที่ 21 มีนาคม ระบุว่า วิกฤตราคาพลังงานที่พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว หลังจากรัสเซียทำสงครามรุกรานยูเครน ได้ส่งผลให้ความยากจนสัมบูรณ์ (absolute poverty) หรือความยากจนข้นแค้นในอังกฤษเพิ่มขึ้นรุนแรงที่สุดในรอบ 30 ปี โดยชาวอังกฤษที่ตกอยู่ในภาวะยากจนสัมบูรณ์มีจำนวนเพิ่มขึ้นเป็น 12 ล้านคนในปี 2022-2023 หรือเพิ่มขึ้น 600,000 คน นั่นหมายความว่าอัตราความยากจนสัมบูรณ์ในอังกฤษขณะนี้อยู่ที่ 18% เพิ่มขึ้นมา 0.78 จุด

ทั้งนี้ความยากจนสัมบูรณ์เป็นมาตรการที่นายกรัฐมนตรีอังกฤษจะนำมาใช้เมื่อมีการอธิบายถึงรายงานของรัฐบาล โดยระบุว่าจะมีครอบครัวจำนวนมากตกอยู่ในความยากจนข้นแค้นอย่างแท้จริงมากกว่านี้ หากไม่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล เช่น มาตรการอุดหนุนค่าครองชีพ

นายเมล สไตรด์ รัฐมนตรีกระทรวงการทำงานและบำนาญของอังกฤษ ซึ่งเป็นหน่วยงานที่รวบรวมตัวเลขดังกล่าว ชี้ถึงมาตรการช่วยเหลือด้านค่าครองชีพของรัฐบาลอังกฤษซึ่งมากที่สุดในยุโรป มีมูลค่าเฉลี่ย 3,800 ปอนด์ต่อครัวเรือน ว่าหากปราศจากมาตรการเหล่านี้ การเพิ่มขึ้นของความยากจนสัมบูรณ์ในประเทศจะแย่ลงมากกว่านี้ถึง 3 เท่า

นายเมล สไตรด์ กล่าวอีกว่า การสนับสนุนที่ไม่เคยมีมาก่อนของรัฐบาลได้ช่วยป้องกันประชาชนในประเทศราว 1.3 ล้านคน จากการตกอยู่ในความยากจนได้ในปี 2022-2023 นอกจากนี้เขายังชี้ถึงการเพิ่มระดับบำนาญและสวัสดิการในปีนี้อีก 10% นั้นมีผลบังคับใช้หลังจากมีการรวบรวมตัวเลขข้อมูลความยากจนนี้แล้ว

รายงานยังระบุอีกว่า เด็กและผู้ใหญ่ในวัยทำงานที่ตกอยู่ในความยากจนในอังกฤษ เพิ่มขึ้นราว 300,000 คน จากตัวเลขนี้มีเด็กในอังกฤษ 1 ใน 4 ที่ตกอยู่ในความยากจนสัมบูรณ์ ซึ่งเพิ่มขึ้น 2% ถือว่าสูงที่สุดนับตั้งแต่ช่วงกลางทศวรรษ 1990 เป็นอย่างน้อย

'กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ' ยื่นฟ้อง Apple ปม 'ไอโฟน' ผูกขาดตลาดมือถือ ราคาแพง!! แถมสร้างความยุ่งยาก หากใครคิดเปลี่ยนไปใช้มือถือรายอื่น

(22 มี.ค. 67) เอเอฟพี รายงานว่า กระทรวงยุติธรรมสหรัฐอเมริกายื่นฟ้องร้อง แอปเปิล บริษัทคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือยักษ์ใหญ่ระดับโลกสัญชาติอเมริกัน เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 มี.ค. ในข้อกล่าวหาว่าไอโฟน ผูกขาดตลาดโทรศัพท์มือถืออย่างผิดกฎหมายด้วยการยับยั้งการแข่งขันและตั้งราคาสูงเกินไป

คดีดังกล่าวเป็นการฟ้องโดย 17 รัฐและพุ่งเป้าโจมตีไอโฟนซึ่งทำรายได้หลายแสนล้านดอลลาร์สหรัฐจากการผูกขาดตลาด และทำให้ผู้ใช้งานต้องเผชิญกับความยุ่งยากเมื่อเปลี่ยนการใช้งานจากไอโฟนเป็นโทรศัพท์มือถือยี่ห้ออื่น ๆ ที่มีราคาถูกกว่า

ข้อมูลจากเอกสารฟ้องร้องบางส่วนระบุว่า ผู้ใช้งานอุปกรณ์ของบริษัทแอปเปิลถูกบีบบังคับให้อยู่ในระบบนิเวศของแอปเปิลและต้องซื้ออุปกรณ์ของแอปเปิลซึ่งมีราคาแพง

นายเมอร์ริก การ์แลนด์ อัยการสูงสุดกล่าวว่า “ผู้บริโภคไม่ควรต้องจ่ายราคาที่สูงขึ้นเนื่องจากบริษัทฝ่าฝืนกฎหมายต่อต้านการผูกขาด หากปล่อยไว้โดยไม่มีใครทักท้วงแอปเปิลจะยังคงเดินหน้าการผูกขาดตลาดสมาร์ตโฟนต่อไป”

‘ลาว’ ลุยปรับขึ้น 'ภาษีมูลค่าเพิ่ม' จาก 7% เป็น 10% หวังหนุนงบประมาณรายรับ - พัฒนาเศรษฐกิจในประเทศ

(21 มี.ค.67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ทองลุน สีสุลิด ประธานาธิบดีลาว ออกรัฐบัญญัติที่กำหนดการปรับขึ้นอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) จากร้อยละ 7 เป็นร้อยละ 10 เพื่อสนับสนุนงบประมาณรายรับ และเกื้อหนุนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ

โดยรายงานระบุว่า รัฐบัญญัติประธานาธิบดีข้างต้น ฉบับออกวันอังคาร (19 มี.ค.) มีเป้าหมายปรับปรุงความสามารถจัดเก็บงบประมาณรายรับ เพื่อช่วยแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจและการเงินที่ลาวต้องเผชิญในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

ทั้งนี้ อัตราภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ 10 จะถูกบังคับใช้กับการทำธุรกรรมต่าง ๆ อาทิ การนำเข้า สินค้า การบริการทั่วไป การนำเข้าแร่ธาตุ และการใช้ไฟฟ้า โดยการปรับขึ้นครั้งนี้ส่งผลให้อัตราภาษีมูลค่าเพิ่มคืนสู่ระดับเดิมของปี 2010-2021

อนึ่ง ลาวปรับลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มเหลือร้อยละ 7 ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2022 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามกระตุ้นการฟื้นฟูเศรษฐกิจในยุคหลังการระบาดใหญ่ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19)

'ปูติน' มอบภารกิจใหม่ให้หน่วยสายลับ FBS หนุนธุรกิจรัสเซีย กรุยทางเปิดตลาดใหม่ สู้มาตรการคว่ำบาตรของโลกตะวันตก

วลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย หลังจากที่เพิ่งคว้าชัยชนะเลือกตั้งในรัสเซียอย่างถล่มทลายเมื่อวันที่ 18 มี.ค.67 ที่ผ่านมา ก็ทำงานต่อ ไม่รอแล้วนะ ด้วยการเรียกประชุมทีมจากหน่วยความมั่นคงกลาง (FSB) ต่อทันทีเพื่อมอบหมายภารกิจใหม่ล่าสุด นั่นก็คือ การตอบโต้มาตรการคว่ำบาตรของชาติตะวันตกและช่วยสนับสนุนกลุ่มธุรกิจรัสเซียขยายสู่ตลาดใหม่

การเรียกประชุมทีมด้านความมั่นคงนี้ เกิดขึ้นหลังจากมีการรับรองผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการเพียงวันเดียว และเป็นส่วนหนึ่งของงานประชุมประจำปีของ FSB หน่วยที่สืบทอดหน้าที่ของหน่วยสืบราชการลับ KGB ในอดีต ที่วลาดิมีร์ ปูติน เคยสังกัดอยู่ด้วย

และได้มอบหมายภารกิจใหม่ให้กับหน่วยด้านความมั่นคง ด้วยการหาหนทางสนับสนุนธุรกิจของชาวรัสเซียที่กำลังพัฒนากันอย่างเต็มที่ในตอนนี้ ให้สามารถต่อสู้กับอุปสรรค และความไม่เป็นมิตรอย่างเปิดเผยของชาติตะวันตกให้ได้ และหาช่องทางตลาดใหม่ๆ ให้กับธุรกิจของรัสเซีย นับเป็นการขยายขอบเขตหน้าที่ของหน่วยความมั่นคงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เกิดสงครามรัสเซีย - ยูเครน

ต้องยอมรับว่าสงครามยูเครน ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของรัสเซียอย่างหนัก จากการคว่ำบาตร และมาตรการกดดันทางการค้าของชาติตะวันตก แต่หลังจากผ่านมา 2 ปี เศรษฐกิจของรัสเซียเริ่มกลับมาฟื้นตัวได้อีกครั้ง โดยในปี 2023 ที่ผ่านมา GDP ของรัสเซียกลับมาโตได้ที่ 3.2% ในขณะเดียวกัน กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ยังประเมินว่าเศรษฐกิจรัสเซียจะมีโอกาสเติบโตได้อีก 2.6% ในปีนี้ (2024) นอกจากนี้อัตราการว่างงานในรัสเซียอยู่ในระดับต่ำเป็นประวัติการณ์ ส่งผลให้ค่าจ้างแรงงานพุ่งสูงขึ้น

รัสเซียสามารถรักษาเศรษฐกิจของตนให้เติบโตได้ด้วยการโยกธุรกรรมการค้า การลงทุนไปยังตลาดทางเลือกอื่น เช่น อินเดีย จีน และอิหร่าน และยังสร้างเส้นทางรถไฟเชื่อมต่อกับประเทศคู่ค้าเหล่านั้น เช่น โครงการ International North-South Transportation Corridor (INTSC) ที่เชื่อมเส้นทางการค้าระหว่างรัสเซีย - อิหร่าน - มหาสมุทรอินเดีย เข้าด้วยกัน แม้จะถูกเรียกว่าเป็น 'เส้นทางการค้าสำหรับพวกนอกคอก' (ประเทศที่โดนคว่ำบาตรจากชาติตะวันตก) ก็ตาม  

ปูตินยอมรับว่าการคว่ำบาตรของชาติตะวันตกสร้างปัญหา 'ชั่วคราว' ให้กับรัสเซียแต่เราต้องจัดการทุกอย่างให้จบได้อย่างแน่นอน 

ก็ต้องมาจับตาดูกันว่า ภารกิจด้านการช่วยเหลือเจ้าของกิจการรัสเซีย ที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการคว่ำบาตร กับ หาช่องทางตลาดใหม่ๆ ให้กับธุรกิจของรัสเซีย ที่ปูตินในมุมมองของอดีตสมาชิก KGB เก่า ได้เจาะจงมอบหมายให้กับ FSB ที่เป็นหน่วยสืบราชการลับ ไม่ใช่กระทรวงพาณิชย์ และ ไม่ใช่กระทรวงการต่างประเทศ จะมีทิศทางออกมาอย่างไร

‘อียู’ เล็งยึดทรัพย์ ‘รัสเซีย’ ไปซื้ออาวุธป้อนยูเครน ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

เมื่อวานนี้ (20 มี.ค.67) วังเครมลินชี้ว่าสหภาพยุโรป (อียู) จะละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน หากว่าพวกเขาใช้ยึดทรัพย์สินของรัสเซียที่อายัดไว้ นำไปจัดหาอาวุธป้อนแก่ยูเครน

ทั้งนี้ บรรดาประเทศสมาชิกอียูถกเถียงกันมานานหลายเดือนว่าจะทำอย่างไรกับทรัพย์สินของรัสเซียที่อายัดไว้ โดยที่ โจเซฟ บอร์เรล หัวหน้าฝ่ายนโยบายต่างประเทศ ผลักดันแผนการหนึ่งในวันพุธ (20 มี.ค.) ให้นำดอกเบี้ยที่ได้จากทรัพย์สินของรัสเซียที่อายัดไว้ นำไปป้อนแก่เคียฟ

"พวกประเทศยุโรปทราบดีว่าความเสียหายจากการตัดสินใจลักษณะนี้จะส่งผลกระทบอย่างไรกับเศรษฐกิจของพวกเขา ภาพลักษณ์ของพวกเขา ชื่อเสียงของพวกเขาในฐานะผู้รับประกันที่น่าเชื่อถือ" ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกวังเครามลินกล่าว "พวกเขาจะตกเป็นเป้าหมายของการดำเนินคดีไปอีกหลายทศวรรษ"

มาเรีย ชาคาโรวา โฆษกกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย กล่าวในวันพุธ (20 มี.ค.) ว่าหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่มอสโกจะต้องทำการตอบโต้การชิงทรัพย์และลักขโมยอย่างโจ่งแจ้งครั้งนี้

พวกเจ้าหน้าที่อียูประมาณการว่าข้อเสนอล่าสุดนี้ จะได้เงินทุนราว 3,000 ล้านยูโรต่อไป สำหรับนำไปช่วยเหลือยูเครน

ปัจจุบัน อียูอายัดทรัพย์สินต่างๆ ที่ธนาคารกลางรัสเซียถือครองอยู่ในสหภาพยุโรป อยู่ราว 200,000 ล้านยูโร ส่วนหนึ่งในมาตรการคว่ำบาตรลงโทษที่กำหนดเล่นงานมอสโก ต่อกรณีส่งทหารรุกรานยูเครนเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2022 โดยเงินทุนส่วนใหญ่ถือครองโดย Euroclear องค์กรที่ทำหน้าที่รับฝากหลักทรัพย์ ชำระราคาและส่งมอบหลักทรัพย์ระหว่างประเทศ ที่มีสำนักงานในเบลเยียม

ภายใต้แผนของอียู 90% ของเงินที่ดึงออกมาจากดอกเบี้ยจะถูกนำไปป้อนเข้าสู่กองทุนหนึ่งเพื่อใช้สำหรับเป็นทุนสำรองค่าใช้จ่ายด้านอาวุธสำหรับยูเครน ส่วนอีก 10% ที่เหลือ จะถูกป้อนเข้าสู่งบประมาณของอียู ซึ่งพวกเขาจะนำไปใช้เพิ่มศักยภาพอุตสาหกรรมป้องกันตนเองของยูเครน

ความพยายามผลักดันของอียูในการควานหางบประมาณเพิ่มเติมสำหรับยูเครน มีขึ้นในขณะที่แพ็กเกจสนับสนุนมูลค่า 60,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐจากอเมริกา ชาติผู้หนุนหลังรายใหญ่ที่สุดของเคียฟ ยังคงติดแหง็กอยู่ในสภาคองเกรส

ท่ามกลางอาวุธที่ลดน้อยถอยลงในสงครามที่ยืดเยื้อมานานกว่า 2 ปี ส่งผลให้กองกำลังยูเครนกำลังตกเป็นรองในแนวหน้าต่างๆ และประสบปัญหาในการสกัดการรุกคืบของรัสเซีย

รายงานข่าวระบุว่า พวกผู้นำอียูเตรียมหารือกันเกี่ยวกับข้อเสนอนี้ ณ ที่ประชุมซัมมิต ในบรัสเซลส์ ในวันที่ 21 มี.ค. และพวกเจ้าหน้าที่เชื่อว่าเงินจะเริ่มถูกส่งป้อนเข้าไปช่วยยูเครนในเดือนกรกฎาคม หากว่าสามารถบรรลุข้อตกลงอย่างรวดเร็

พวกเจ้าหน้าที่อียูยืนยันว่าแผนของเขาฟังดูเหมือนมีความชอบธรรมตามกฎหมาย เพราะว่าดอกเบี้ยที่อยู่ในเป้าหมายของพวกเขาเป็นรายได้จากการรับฝากสินทรัพย์ ผลจากมาตรการคว่ำบาตร และไม่ได้เป็นของรัสเซีย

สมาชิกบางชาติของอียู อย่างเช่นเยอรมนี มีความระมัดระวังอย่างยิ่งต่อความเคลื่อนไหวใดๆ ที่อาจบ่อนทำลายความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างแดนต่อระบบการเงินของยุโรป แต่ในขณะเดียวกัน บรัสเซลส์ก็ถูกกดดันจากยูเครนและสหรัฐฯ ให้ดำเนินการมากกว่าที่เป็นอยู่ และทำการยึดทรัพย์สินทั้งหมดของรัฐบาลรัสเซีย มูลค่า 200,000 ล้านยูโร

ไร้เงาผู้ร่วมประมูลบ้านพัก ‘อองซาน ซูจี’ 150 ล้านเหรียญ ปิดการประมูลแบบเงียบเหงา ท่ามกลางนักข่าวหยิบมือ

(20 มี.ค.67) สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า บ้านพักริมทะเลสาบที่เคยใช้เป็นที่กักบริเวณนางอองซาน ซูจี อดีตผู้นำเมียนมา เปิดให้ประมูลแล้วในวันนี้ โดยมีราคาขั้นต่ำ 150 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่กลับไม่มีผู้เข้าร่วมการประมูลแม้แต่รายเดียว

รายงานระบุว่า บ้านพักสไตล์โคโลเนียล 2 ชั้น ซึ่งมีที่ดินขนาด 1.9 เอเคอร์ถูกประกาศขาย หลังจากนางอองซาน ซูจี และพี่ชายต่อสู้คดีเพื่อชิงความเป็นเจ้าของในทรัพย์สินดังกล่าวมายาวนานหลายทศวรรษ

ก่อนการประมูล มีฝูงคนขนาดเล็กมารวมตัวกันหน้าบ้านพักหลังดังกล่าวที่ตั้งอยู่บนถนนยูนิเวอร์ซิตี้ อเวนิว และอยู่ห่างจากสถานทูตสหรัฐเพียงไม่กี่ประตู โดยส่วนใหญ่เป็นนักข่าว

เจ้าหน้าที่เดินออกมาจากประตูบ้านแล้วประกาศเปิดการประมูลโดยตีระฆังเล็กสามครั้ง โดยเจ้าหน้าที่รับผิดชอบในการประมูลยกมือขึ้นเพื่อเริ่มการประมูล แต่กลับมีเพียงความเงียบเท่านั้น

“ไม่มีใครเสนอราคา” เจ้าหน้าที่ประกาศพร้อมตีระฆังอีกครั้งเพื่อปิดการประมูล

ทั้งนี้ นางอองซาน ซูจี ถูกทหารคุมขังในบ้านหลังนี้เป็นเวลาเกือบ 15 ปี หลังจากที่เธอเป็นที่รู้จักอย่างมากในระหว่างการเดินขบวนประท้วงครั้งใหญ่เพื่อต่อต้านรัฐบาลเผด็จการทหารในขณะนั้นเมื่อปี 2531

‘จีน’ พัฒนาวิธีรักษาอาการบาดเจ็บ 'เอ็น-กระดูก' แบบใหม่ สาเหตุสำคัญที่ทำให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตลดลง

เมื่อวานนี้ (19 มี.ค. 67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ทีมวิจัยของจีนได้พัฒนาโครงเลี้ยงเซลล์แบบหลายเซลล์ โดยใช้เซรามิกชีวภาพแบบอนินทรีย์สำหรับรักษาอาการบาดเจ็บบริเวณเส้นเอ็นและกระดูก

ข้อจำกัดของกิจกรรมการเคลื่อนไหวจากการสูญเสียโครงสร้างตามธรรมชาติ เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้กลุ่มผู้ป่วยที่มีอาการบาดเจ็บดังกล่าวมีคุณภาพชีวิตลดลง เพื่อแก้ปัญหานี้ ทีมวิจัยซึ่งนำโดยสถาบันเซรามิกแห่งเซี่ยงไฮ้ (SIC) สังกัดสถาบันบัณฑิตวิทยาศาสตร์จีน ได้ผสมอนุภาคนาโนแมงกานีสซิลิเกต (MS) เข้ากับเซลล์ที่เกี่ยวกับเส้นเอ็น/กระดูก เพื่อสร้างโครงเลี้ยงเซลล์แบบหลายเซลล์ชนิดปรับเปลี่ยนภูมิคุ้มกันร่างกาย และสร้างเนื้อเยื่อระหว่างเส้นเอ็นและกระดูก 

โครงเลี้ยงเซลล์แบบนี้ไม่เพียงแสดงกิจกรรมทางชีวภาพที่หลากหลายในหลอดทดลอง แต่ยังบรรลุการควบคุมการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกัน สร้างเนื้อเยื่อใหม่หลายเนื้อเยื่อ และฟื้นฟูการทำงานของกำลังกล้ามเนื้อในสัตว์ทดลองต่างๆ ที่ได้รับบาดเจ็บเส้นเอ็นไหล่ฉีกขาด

ด้าน อู๋เฉิงเถี่ย นักวิจัยจากสถาบันเซรามิกแห่งเซี่ยงไฮ้ กล่าวว่า การศึกษาครั้งนี้ให้แนวคิดใหม่ในการบรรลุการปรับเปลี่ยนภูมิคุ้มกันร่างกายและสร้างเนื้อเยื่อแบบบูรณาการของเส้นเอ็น-กระดูก และส่วนต่อประสานของเนื้อเยื่ออื่นๆ

อนึ่ง การศึกษาดังกล่าวได้รับการเผยแพร่ในวารสารไซแอนซ์ แอดวานซ์ (Science Advances) เมื่อไม่นานนี้

'รัฐบาลญี่ปุ่น' ดีเดย์!! เพิ่มทุนการศึกษาให้นักเรียนต่างชาติ ดึงดูดบุตรธิดาแรงงานที่ตั้งใจจะอยู่ในญี่ปุ่นอย่างถาวร

เมื่อวันที่ (18​ มี.ค.67)​ รัฐบาลญี่ปุ่นวางแผนที่จะขยายทุน​การศึกษา​ของนักศึกษามหาวิทยาลัยต่างชาติตั้งแต่เดือนเมษายน เพื่อให้โอกาสทางการศึกษาแก่บุตรธิดาของแรงงานต่างชาติในประเทศ​ ที่ตั้งใจจะอยู่ในญี่ปุ่นอย่างถาวร​

กระทรวงศึกษาธิการกำหนดให้ร่วมผู้รับทุนเป้าหมายที่พำนักอยู่ในประเทศกับผู้ปกครอง โดยมีเงื่อนไขว่าต้องสำเร็จการศึกษาระดับประถมศึกษา มัธยมศึกษาตอนต้น และมัธยมปลายในญี่ปุ่น และตั้งใจที่จะทำงานและพักอาศัยในญี่ปุ่น หลังจากสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยแล้ว

ทุนการศึกษาที่จัดสรรโดย Japan Student Services Organization ปัจจุบันมีให้เฉพาะพลเมืองญี่ปุ่นและชาวต่างชาติที่มีวีซ่าในฐานะผู้อยู่อาศัยถาวรพิเศษ ผู้อยู่อาศัยถาวร หรือผู้อยู่อาศัยระยะยาวที่ตั้งใจจะอยู่ในญี่ปุ่นอย่างถาวร

กระทรวงศึกษาธิการ วัฒนธรรม กีฬา วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีคาดว่านักเรียนประมาณ 500 ถึง 1,000 คนจะมีสิทธิได้รับทุนการศึกษาใหม่ ซึ่งมาในรูปแบบของเงินช่วยเหลือหรือเงินกู้

สมาชิกสภานิติบัญญัติจากพรรคเสรีประชาธิปไตย ซึ่งเป็นพรรครัฐบาล เรียกร้องให้รัฐบาลขยายการสนับสนุนด้านวิชาการสำหรับเด็กต่างชาติ ในขณะที่ประเทศมองหาแรงงานต่างชาติท่ามกลางจำนวนประชากรที่ลดลง

กลุ่มภาคประชาสังคม รวมถึงเครือข่าย Solidarity Network with Migrants Japan ขององค์กรพัฒนาเอกชน ยังได้เรียกร้องให้มีการขยายทุน​ โดยเห็นว่าลูกๆ ของแรงงานต่างชาติมักจะประสบปัญหาทางการเงิน

โทรุ ทาคาฮาชิ สมาชิกแกนนำของกลุ่มกล่าวว่า เขายินดีกับแผนการของรัฐบาลที่จะขยายทุนการศึกษา แต่การกำหนดให้นักเรียนต้องสำเร็จการศึกษา 12 ปีในญี่ปุ่น มีแนวโน้มว่าจะเป็นเงื่อนไขที่เข้มงวดเกินไป เนื่องจากหมายความว่าเด็กๆ จะต้องอาศัยอยู่ในญี่ปุ่นก่อนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 จึงจะมีสิทธิ

“เราจะให้ความสนใจอย่างใกล้ชิดว่ารัฐบาลจะเคลื่อนไหวเพื่อผ่อนคลายกฎเกณฑ์ดังกล่าวหรือไม่” ทาคาฮาชิ กล่าว

ตามข้อมูลของกระทรวงแรงงาน​ จำนวนแรงงานต่างชาติในญี่ปุ่น ณ สิ้นเดือนตุลาคมปีที่แล้วพุ่งสูงถึง 2 ล้านคนเป็นครั้งแรก ทำลายสถิติแรงงานต่างชาติ 2,048,675 คน เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.4 จากปีก่อนหน้า

สอดคล้องกับข้อมูลของสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองของญี่ปุ่นที่เปิดเผยการเพิ่มขึ้นของแรงงานต่างชาติ ผู้ที่เข้าประเทศญี่ปุ่นด้วย ‘วีซ่าติดตามครอบครัว’ มีจำนวน 244,890 คน ณ สิ้นเดือนมิถุนายน พ.ศ.2566 เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.5 จากปีก่อนหน้า

‘ผู้จัดฟุตบอลฯ’ ในฮ่องกง ประกาศ ‘คืนเงินค่าบัตร’ แก่ผู้ชม หลังเกิดกระแสความไม่พอใจ เพราะไร้เงา ‘เมสซี’ ลงเตะ

(19 มี.ค.67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า คณะผู้จัดการแข่งขันฟุตบอลนัดกระชับมิตรในเขตบริหารพิเศษฮ่องกงของจีน ประกาศการคืนเงินค่าบัตรเข้าชม หลังจากเกิดกระแสความไม่พอใจอย่างมากเพราะไม่มีการปรากฏตัวของ ‘ลิโอเนล เมสซี’

ทั้งนี้ คำแถลงจากแท็ตเลอร์ เอเชีย (Tatler Asia) ระบุว่า “การคืนเงินร้อยละ 50” แก่ลูกค้าที่ซื้อบัตรเข้าชมผ่านช่องทางทางการ โดยลูกค้าบางส่วนได้จ่ายเงินสูงถึง 4,880 ดอลลาร์ฮ่องกง (ราว 2.2 หมื่นบาท) เพื่อเข้าชมการแข่งขันที่จัดขึ้นเมื่อ 6 สัปดาห์ก่อน

คณะผู้จัด เปิดเผยว่า กระบวนการคืนเงินจะใช้เวลา 30 วัน นับจากวันที่ 12 เม.ย. 2024 โดยลูกค้าที่ซื้อบัตรเข้าชมโดยตรงจากแท็ตเลอร์ เอเชีย ลิมิเต็ด ซึ่งรวมถึงบัตรเข้าชมจากผู้สนับสนุนและหุ้นส่วนการจัดงาน จะได้รับการติดต่อเพื่อแจ้งรายละเอียดการคืนเงิน

อนึ่ง เมสซีสร้างความไม่พอใจแก่แฟนคลับในฮ่องกง หลังจากไม่สามารถปรากฏตัวในการแข่งขันที่สโมสรอินเตอร์ ไมอามี เอาชนะสโมสรฮ่องกง ลีก เอ็กซ์ไอ ด้วยคะแนน 4 ต่อ 1 เมื่อวันที่ 4 ก.พ.

ด้าน เมสซี อธิบายภายหลังว่า สาเหตุมาจากอาการบาดเจ็บกล้ามเนื้อขาหนีบ แต่แฟนคลับชาวฮ่องกงจำนวนมากกลับรู้สึกไม่ประทับใจ หลังจากเขาลงเล่นนาน 30 นาที ระหว่างการแข่งขันนัดกระชับมิตรที่กรุงโตเกียวของญี่ปุ่นในอีกสามวันถัดมา

อึ้ง!! ‘หนุ่มไต้หวัน’ ลงทุนแช่ขาในน้ำแข็ง จนต้อง ‘ตัดขา’ หวังเคลมเงินประกัน 8 กรมธรรม์ 47 ล้านบาท

(19 มี.ค.67) จากเพจเฟซบุ๊ก ‘World Forum ข่าวสารต่างประเทศ’ ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับหนุ่มไต้หวัน ที่ลงทุนตัดขา 2 ข้าง หวังเคลมประกัน 8 กรมธรรม์ประมาณ 47 ล้านบาท (41.26 ดอลลาร์ไต้หวัน) โดยมีเนื้อหาดังนี้…

นักศึกษาชายวัย 24 ปี ชื่อ จาง หนาน และ เหลียว หนาน เพื่อนร่วมห้องสมัยเรียนมัธยม ขาดการติดต่อตอนขึ้นมหาลัย และกลับมาติดต่อกันอีกครั้ง โดย จาง หนาน มาทำงานในมหาวิทยาลัย ส่วน เหลียว หนาน ยังเรียนอยู่ ทั้งสองสมรู้ร่วมคิดจัดจากเคลมประกัน โดยแผนการได้เริ่มขึ้น
จาง หนาน ทำประกันชีวิตครั้งแรก หลายกรมธรรม์คุ้มครองสูงสุด 5 บริษัท 8 กรมธรรม์ เพื่อฉ้อโกง หวังเคลมเอาเงินประกัน

นักศึกษาชายอ้างว่าเขาขี่สกู๊ตเตอร์ ท่ามกลางอากาศหนาวจัด ในเดือน ม.ค.66 และเกิดอุบัติเหตุ ต้องตัดขาทั้งสองข้างจากอาการบวมน้ำเหลือง หิมะกัด ติดเชื้อ

>> ตามหาหลักฐาน

วันที่ 26 ม.ค.66 จาง หนาน และ เหลียว หนาน ได้ขับรถมอเตอร์ไซค์ไปซื้อน้ำแข็งแห้งในเขตซานชง เมืองนิวไทเป ตอนกลางคืนและกลับไปบ้านของ เหลียว หนาน ในเขตจงซานเมืองไทเป จากนั้นได้ให้ จาง หนาน นั่งบนเก้าอี้ และใช้สายรัดมัดติดเก้าอี้ และจุ่มขาแช่ลงไปในถังที่มีน้ำแข็งแห้ง ตั้งแต่ตี 2 ถึง 12.20 น. ของอีกวัน และได้มีการบันทึกคลิปและถ่ายรูปเหตุการณ์ไว้ ต่อมา 28 ม.ค.66 จาง หนาน ถูกส่งไปโรงบาลแผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลแมคเคย์เมโมเรียล กรุงไทเป หลังจากรักษานานกว่าหนึ่งสัปดาห์ ขาทั้งสองข้างของจาง ถูกตัดออกตั้งแต่ใต้เข่า

หลังจากนั้นได้เริ่มเคลมประกันจากเหตุผล ‘ทุพพลภาพ’ ได้เงิน 261,000 บาท จากบริษัทแรก
แต่บริษัทที่เหลือ 4 บริษัทหลอกได้ยาก ทำให้การเคลมไม่สำเร็จ บ.ประกันสังเกต จาง หนาน ซื้อกรมธรรม์ใกล้วันที่เกิดเหตุไม่นาน นำมาสู่การแจ้งความ

ศาลไต้หวันได้มีการตัดสินคดี วันที่ 14 มี.ค.67 จากข้อมูล สำนักงานสืบสวนกลางไต้หวัน พบความผิดปกติหลายอย่าง จาง หนาน ซื้อประกันวงเงินคุ้มครองสูงสุดไม่นาน และอ้างว่าหิมะกัดรุนแรงขณะเดินทาง ซึ่งไม่สมเหตุสมผล และในไต้หวันไม่เคยมีเหตุการณ์นี้ ทั้งนี้ ข้อมูลกรมอุตุนิยมวิทยาไต้หวันในวันเกิดเหตุ 26 ม.ค.66 อุณหภูมิ 6-17 องศาฯ ไม่หนาวพอที่จะเกิดหิมะกัด ร่องรอยขาของจางต้องอุณหภูมิติดลบหนัก

รวมทั้งภาพถ่ายแผลจากโรงพยาบาล ผิดปกติ ขาทั้ง 2 ข้างมีจุดร่องรอยเท่ากันในจุดที่เกิดแผล 
นอกจากนี้ ผลจากการค้นห้องพัก 15 มี.ค.66 พบถังและอุปกรณ์ในการจัดฉาก สรุปได้ว่าน่าจะเป็นอาการบาดเจ็บที่มนุษย์สร้างขึ้น สุดท้ายทั้งสองตกเป็นผู้ต้องหา ฉ้อโกงเงินประกัน และพยายามฉ้อโกงเงินประกัน ต้องขึ้นศาลรับโทษ

อย่างไรก็ตาม จากการสอบสวนยังพบแรงจูงใจการฉ้อโกง พบว่า เหลียว หนาน กำลังประสบปัญหาทางการเงินเนื่องจากการสูญเสียเงินสกุลเงินดิจิทัล จึงหลอกให้ จาง หนาน ลงนามตกลงกันว่าจะจ่ายเงิน 28 ล้านบาท ให้มากกว่าครึ่งหนึ่งของเงินประกัน

‘TikTok’ อ่วม!! โดน ‘อิตาลี’ ปรับเงิน 10 ล้านยูโร เหตุไม่ควบคุม ‘เนื้อหาอันตราย’ ต่อเยาวชน

(19 มี.ค.67) TikTok กำลังเผชิญกับปัญหาจากทุกทิศทาง ไม่ว่าจะเป็นคำถามจากการให้บริการในสหรัฐอเมริกา และล่าสุดทางการอิตาลีสั่งปรับเป็นเงิน 10 ล้านยูโร เนื่องจากไม่ได้ตรวจสอบเนื้อหาที่อาจเป็นอันตรายต่อผู้ใช้ที่อายุน้อยหรือผู้ใช้งานอื่นๆ อย่างเหมาะสม

แพลตฟอร์มที่มี ByteDance บริษัทแม่สัญชาติจีนเป็นเจ้าของกำลังเผชิญกับความล้มเหลวในการสร้างมาตรการปลอดภัยต่อและการปกป้องผู้เยาว์ที่ยังไม่สามารถแยกแยะเนื้อหาที่เหมาะสมได้ และอาจได้รับอิทธิพลจากพฤติกรรมการโน้มน้าวชักจูงจากกระแสไวรัล ตามรายงานของหน่วยงานต่อต้านการผูกขาดด้านการแข่งขันของอิตาลีหรือ AGCM

ทั้งนี้ หน่วยงานเฝ้าระวังดังกล่าวได้จับตามอง และกล่าวถึงวิดีโอไวรัลที่กำลังเป็นปัญหา โดยมีเนื้อหาในการท้าให้ผู้เข้าร่วมทำภารกิจที่เรียกว่า ‘French scar’ โดยเฉพาะ ผู้ใช้งานเยาวชน ด้วยการหยิกแก้มตัวเองเพื่อสร้างรอยช้ำบนโหนกแก้ม ในเนื้อหานี้ TikTok ไม่ได้มี ‘มาตรการที่เพียงพอ’ ในการควบคุมและจัดการ เพื่อให้แพลตฟอร์มเป็นพื้นที่ปลอดภัยสำหรับผู้ใช้งาน AGCM กล่าว หลังจากการสอบสวนในเรื่องนี้ที่เริ่มขึ้นเมื่อปีที่แล้ว

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นไม่ถึงหนึ่งเดือนหลังจากที่หน่วยงานกำกับดูแลของอิตาลีเรียกร้องให้ TikTok ระงับวิดีโอดังกล่าวออกจากแพลตฟอร์ม หลังจากภารกิจ ‘French scar’ ดังกล่าวส่งผลที่เป็นอันตรายและกลายเป็นประเด็นสำคัญที่สร้างความกังวลใจ และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ TikTok ถูกพิจารณาว่าไม่ปลอดภัย และถูกปรับจากการขาดประสิทธิภาพในมาตรการรักษาความปลอดภัยต่อผู้ใช้งาน

ทั้งนี้ ในปีที่ผ่านมา อังกฤษได้ปรับ TikTok เป็นเงินจำนวน เกือบ 16 ล้านเหรียญฐานใช้ข้อมูลของผู้ใช้งานที่เป็นเยาวชนในทางที่ไม่เหมาะสม และละเมิดข้อจำกัดอายุของผู้ใช้แพลตฟอร์ม

ด้านองค์กรอิสระดังกล่าวยังพบว่า ฟีเจอร์ ‘For you’ ของ TikTok สามารถกระตุ้นให้ผู้ใช้ที่เป็นเด็กเข้าสู่เนื้อหาที่เป็นอันตรายได้ โดยในเดือนกุมภาพันธ์ Eric Adams นายกเทศมนตรีนครนิวยอร์กฟ้อง TikTok พร้อมด้วยแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอื่นๆ เช่น Meta ในข้อหาเป็นต้นเหตุของวิกฤติสุขภาพจิตของเยาวชน

ผู้แทนจาก TikTok ออกมาให้ความเห็นว่า แม้ว่าจะมีหลายกรณีที่ TikTok ล้มเหลวในการทำให้แอปโซเชียลมีเดียปลอดภัยสำหรับผู้ใช้ทุกคน แต่ก็ไม่เห็นด้วยกับการเคลื่อนไหวของ AGCM ในอิตาลี

“เนื้อหาที่เรียกว่า 'French scar' มีการค้นหาเฉลี่ยเพียง 100 ครั้งต่อวันในอิตาลีก่อนที่จะมีการประกาศของ AGCM เมื่อปีที่แล้ว และทาง TikTok จำกัดการเปิดเผยเนื้อหานี้ไว้นานแล้วโดยกำหนดให้ผู้เข้าถึงเนื้อหาต้องมีอายุมากกว่า 18 ปี” โฆษกของ TikTok กล่าวกับ Fortune

TikTok กำลังตกอยู่ภายใต้แรงกดดันในตลาดที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งคือ สหรัฐฯ ซึ่งฝ่ายนิติบัญญัติลงมติเห็นชอบร่างกฎหมาย ที่มีอำนาจสั่งห้ามแพลตฟอร์มให้บริการในสหรัฐฯ โดยร่างกฎหมายดังกล่าวได้ผ่านการเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรซึ่งได้ผ่านการอนุมัติ และกำลังถูกพิจารณาจากวุฒิสภา โดยที่ผลลัพธ์ยังคงไม่แน่นอน

ในบรรดาข้อกังวลหลายประการนั้น มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเชื่อมโยงกับรัฐบาลจีน ซึ่ง TikTok ได้ปฏิเสธมาตลอด ความกังวลดังกล่าวทำให้รัฐบาลหลายแห่งสั่งห้ามให้มีการติดตั้งแพลตฟอร์มบนอุปกรณ์ของรัฐบาล

แม้ว่าอนาคตของ TikTok จะแขวนอยู่บนเส้นด้าย แต่ TikTok ก็เป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่ทรงอิทธิพลที่สุดโดยมีผู้ใช้มากกว่า 1 พันล้านคนทั่วโลกอย่างไม่ต้องสงสัย วิธีที่แพลตฟอร์มจะรับมือกับข้อร้องเรียนจากหน่วยงานต่างๆ โดยเฉพาะในด้านการขาดความปลอดภัยอาจชี้ให้เห็นทิศทางในอนาคตของการดำเนินงานของแพลตฟอร์ม


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top