Friday, 16 May 2025
SPECIAL

'เฟซบุ๊ก'​ ไฟเขียว!! ปล่อยพ่น​ 'คำเกลียดชัง-รุนแรง'​ กับรัสเซีย ชี้!! บางประเทศ​ ถึงขั้นขู่อาฆาต​ 'ปูติน-ทหารรัสเซีย' ได้

เฟซบุ๊กประกาศผ่อนคลายกฎข้อบังคับมาตรฐานชุมชนว่าด้วยคำพูดเกลียดชังยั่วยุใช้ความรุนแรงชั่วคราว โดยต่อไปนี้ผู้ใช้บริการในบางประเทศจะสามารถใช้ถ้อยคำยุยงข่มขู่อาฆาตกับทหารรัสเซียผู้รุกราน หรือแม้แต่ขู่อาฆาต "ปูติน" ได้

รายงานของเอเอฟพี/รอยเตอร์/ดิอินดีเพนเดนต์เมื่อ 11 มี.ค.65 กล่าวว่า บริษัท เมตาแพลตฟอร์มส์ ประกาศเปลี่ยนแปลงนโยบายเกี่ยวกับคำพูดที่แสดงความเกลียดชังเป็นการชั่วคราว โดยต่อจากนี้จะอนุญาตให้ผู้ใช้เฟซบุ๊กและอินสตาแกรมในบางประเทศ เรียกร้องให้ใช้ความรุนแรงกับชาวรัสเซียและทหารรัสเซียที่มีส่วนร่วมในการรุกรานยูเครนได้

เมตา​ ระบุในถ้อยแถลงว่า ผลจากการรุกรานยูเครนของรัสเซีย เมตา ยอมผ่อนปรนรูปแบบการแสดงออกทางการเมืองที่ปกติแล้วจะละเมิดกฎของเรา เช่น คำพูดรุนแรง อาทิ "รัสเซียผู้รุกรานจงพินาศ" แต่ "เรายังคงไม่อนุญาตการเรียกร้องอย่างน่าเชื่อถือให้ใช้ความรุนแรงต่อพลเรือนรัสเซีย"

ในอีเมลที่ชี้แจงต่อรอยเตอร์ เมตากล่าวด้วยว่า จะอนุญาตโพสต์ที่สาปแช่งประธานาธิบดี​ วลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย หรือประธานาธิบดีอเล็กซานเดอร์ ลูกาเชนโก ของเบลารุส แต่จะต้องไม่มีการอ้างถึงเป้าหมายรายอื่นหรือมีสิ่งบ่งชี้ที่น่าเชื่อถือ 2 อย่าง เช่น พิกัด หรือ​ วิธีการสังหาร

เอเอฟพีกล่าวว่า เมื่อเดือนกรกฎาคม 2564 เฟซบุ๊ก​ ก็เคยอนุญาตให้มีข้อยกเว้นเช่นนี้กับโพสต์ที่สาปแช่ง​ อยาตุลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน เช่น "คาเมเนอีจงพินาศ" ระหว่างที่เกิดการชุมนุมประท้วงในอิหร่านตอนนั้น

การเปลี่ยนแปลงนโยบายชั่วคราวของเฟซบุ๊ก​ จะมีผลกับประเทศ อาร์เมเนีย, อาเซอร์ไบจาน, เอสโตเนีย, จอร์เจีย, ฮังการี, ลัตเวีย, ลิทัวเนีย, โปแลนด์, โรมาเนีย, รัสเซีย, สโลวาเกีย และยูเครน

'อียู'​ จำนน!! หลังรับปากพา​ 'ยูเครน'​ เข้า​ 'นาโต'​ แต่ทำไม่ได้ ซ้ำร้าย!! ทำเสียโอกาสฟื้นสัมพันธไมตรีกับรัสเซีย

(11 มี.ค.65)​ สำนักข่าว Wion เผย​ นายโจเซป บอร์เรลล์ (Josep Borrell) รองประธานคณะกรรมาธิการสหภาพยุโรป ในฐานะผู้แทนระดับสูงของสหภาพยุโรปด้านการต่างประเทศและนโยบายความมั่นคง กล่าวว่า ตะวันตกทำพลาดที่ไปเสนอความเป็นสมาชิกภาพของนาโต (NATO membership) ให้แก่ประเทศยูเครน 

มีการวิเคราะห์จากหลายฝ่าย โดยเชื่อกันว่า สาเหตุที่รัสเซียเปิดฉากบุกโจมตียูเครน เป็นเพราะว่า นายวลาดิเมียร์ เซเลนสกีย์ (Volodymyr Zelensky) ประธานาธิบดียูเครน แสดงความพยายามในการเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของนาโต

นายโจเซป บอร์เรลล์ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า “ผมพร้อมที่จะยอมรับว่า เราทำผิดพลาดหลายประการ และเราสูญเสียโอกาสในการฟื้นสัมพันธไมตรีกับรัสเซีย...มีหลายครั้งที่เราควรจะทำได้ดีกว่านี้ มีหลายสิ่งที่เรานำเสนอแล้วไม่สามารถนำไปบรรลุผลให้สำเร็จได้ เช่น การให้คำมั่นสัญญาว่า ยูเครนกับจอร์เจียจะได้เป็นส่วนหนึ่งของนาโต...ผมคิดว่ามันเป็นความผิดพลาดที่เราไปให้คำมั่นสัญญาแต่กลับทำไม่ได้”

น่าเสียดาย!! Ghost of Kyiv (ปีศาจแห่งเคียฟ) ‘เสืออากาศ’ ที่มีอยู่แค่ในโลก Social ของยูเครน

กลายเป็นอีกปรากฏการณ์แห่งโลกอินเทอร์เน็ต เมื่อเรื่องราวของ Ghost of Kyiv ที่ถูกเผยแพร่เล่าลือกันในโลก Social Media ระหว่างที่ใครหลายคนกำลังติดตามข่าวสารการรบระหว่าง Russia กับ Ukraine 

Ghost of Kyiv เป็นฉายาของนักบินเครื่องบินขับไล่แบบ MiG-29 ของยูเครนผู้หนึ่ง ซึ่งสามารถยิงเครื่องบินรบของรัสเซียตกถึงหกลำภายในวันแรกของสงคราม และได้รับการขนานนามว่า Ghost of Kyiv เหตุเพราะ Ghost of Kyiv สามารถบรรลุความเป็น ‘เสืออากาศ’ ได้ภายในวันเดียว (*** คำว่า ‘เสืออากาศ (Flying Ace)’ หมายถึงนักบินรบที่สามารถยิงเครื่องบินรบของศัตรูตกตั้งแต่ 5 ลำขึ้นไป)

เครื่องบินรบแบบ MiG-29 ของกองทัพอากาศยูเครน

ในวันแรกที่รัสเซียบุกยูเครน ข่าวลือที่ไม่ได้รับการยืนยันนี้ ก็ถูกแพร่กระจายไปทั่วอินเทอร์เน็ต โดยมีการเผยแพร่คลิปวิดีโอลงสื่อ Social Media กล่าวอ้างถึงเรื่องราวของนักบินรบ MiG-29 ชาวยูเครนผู้ลึกลับนายหนึ่ง ซึ่งสามารถสังหารเครื่องบินข้าศึก 6 ลำภายใน 30 ชั่วโมงแรกของสงคราม โดยเครื่องบินที่ถูกสอยร่วงนั้นเป็นเครื่องบินรบแบบ SU-35 จำนวน 2 ลำ, SU-25 จำนวน 2 ลำ, SU-27 จำนวน 1 ลำ และ MiG-29 อีกหนึ่งลำ และจากเหตุการณ์ดังกล่าว จึงส่งผลให้ประชาชนชาวยูเครนต่างพากันให้ฉายานักบินผู้นี้ว่า Ghost of Kyiv ที่เข้าโหมด ‘เสืออากาศภายในวันเดียว’ (Ace in a Day) คนแรกของศตวรรษที่ 21 เลยก็ว่าได้

ทว่า วิดีโอและภาพถ่ายส่วนใหญ่ที่แสดงให้เห็นการสู้รบในอากาศของเครื่องบินรบแบบ MiG-29 ของยูเครนที่แชร์บน Social Media กลับได้รับการพิสูจน์โดยผู้ตรวจสอบข้อเท็จจริงและนักวิจัยว่า...เก่า - ล้าสมัย และในบางกรณีก็มีการนำ Footage จากวิดีโอเกมจำลองการบินยอดนิยมกลับมาใช้ใหม่ 

นอกจากนี้แล้วรายงานเครื่องบิน MiG-29 ของยูเครนที่สามารถยิงเครื่องบินรัสเซียหลายลำตกตั้งแต่เริ่มการบุกรุก ก็ยังไม่ได้รับการยืนยันจากสื่อสากลใด ๆ อีกด้วย 

แต่ถึงกระนั้น เรื่องนี้ก็ไม่หลุดรอดและหยุดยั้งการเดินเครื่องโฆษณาชวนเชื่อจากสื่อของรัฐบาล และนักการเมืองยูเครนไปได้ เพราะพวกเขายังพยายามเผยแพร่เรื่องราวของ ‘Ghost of Kyiv’ ทางโลกออนไลน์ ด้วยหวังว่าจะเป็นการเสริมสร้างและเพิ่มเติมขวัญกำลังใจให้ชาวยูเครนเกิดแรงฮึดในการป้องกันประเทศ 

อาทิ วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2565 กระทรวงกลาโหมของยูเครน ก็ได้ปลุกกระแสข่าวลือด้วยการทวีตว่า Ghost of Kyiv อาจเป็นหนึ่งในอดีตนักบินนอกประจำการที่กลับมาสู้รบอีกครั้งหลังจากถูกรัสเซียรุกราน “นักบินทหารผู้มากประสบการณ์หลายสิบคน ยศตั้งแต่เรืออากาศเอกไปจนถึงนายพล ซึ่งก่อนหน้านี้ถูกปลดเป็นกองหนุนกำลังกลับสู่กองทัพอากาศ” และ “ใครจะไปรู้ว่า บางทีหนึ่งในนั้นอาจเป็นนักบิน MiG-29 ซึ่งชาว Kyiv มักได้เห็นบ่อย ๆ !"

ฉะนั้น ปรากฏการณ์ Ghost of Kyiv จึงเหมือนเป็นการปรับภาพให้ผู้คนทั่วโลกและชาวยูเครนเห็นว่า ความจริงแล้วรัสเซียยังไม่ได้สร้างความเหนือชั้นกว่าในการครองอากาศได้เลย

โดยทางด้านเจ้าหน้าที่กลาโหมระดับสูงของสหรัฐฯ ซึ่งไม่เปิดเผยชื่อ ก็ดูจะโหนกระแสเรื่องนี้อีกคำรบ โดยเขาได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวก่อนหน้านี้ด้วยว่า “การป้องกันทางอากาศของยูเครนยังคงใช้งานได้” และบนอากาศยัง “มีการสู้รบกันอย่างมีพลวัตสูงมากอยู่ (กองทัพอากาศยูเครนยังรับมือกับรัสเซียได้อยู่)” 

ยิ่งไปกว่านั้น การขาดข้อมูลที่ชัดเจนจากทั้งรัฐบาลรัสเซียและยูเครนเกี่ยวกับจำนวนตัวเลขความเสียหายและการบาดเจ็บล้มตาย ก็ดูเหมือนจะช่วยเพิ่มความลึกลับให้แก่ Ghost of Kyiv ได้ดียิ่งขึ้น โดยกระทรวงกลาโหมของยูเครนอ้างว่า กองกำลังของรัสเซียเกือบ 6,000 นายและเครื่องบิน 30 ลำถูกทำลายโดยกองกำลังของตนเมื่อเช้าวันพุธ ต่อมาในวันเดียวกัน กระทรวงกลาโหมของรัสเซียอ้างว่า ทหาร 500 นายเสียชีวิต แต่ไม่ได้เปิดเผยว่า มีเครื่องบินถูกทำลายหรือสูญหาย ซึ่งทำให้ The Ghost of Kyiv กลายเป็นขวัญและกำลังใจที่เพิ่มขึ้นในหมู่ชาวยูเครนที่ต่างเต็มใจจับอาวุธเข้าต่อต้านกองทัพรัสเซีย

'ตร. เตือน' แก๊งคอลเซ็นเตอร์ไฮเทค ใช้ Deep Fake ตัดต่อคลิปตำรวจ หลอกเอาเงิน 

วันที่ 11 มี.ค. 2565 พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ตามที่ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้มีนโยบายให้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แจ้งเตือนและประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องประชาชนรู้เท่าทันถึงอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการสืบสวนจับกุมผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอดนั้น

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ตรวจสอบพบว่า แก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบจากเดิมที่นำคลิปวิดีโอจากการให้สัมภาษณ์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งสวมใส่หน้ากากอนามัย มาตัดต่อใส่เสียงของคนร้าย เพื่อทำการข่มขู่ผู้เสียหาย จนผู้เสียหายหลงเชื่อว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจริง และโอนเงินจำนวนมากให้กับคนร้าย นั้น

ปัจจุบัน ได้มีการพัฒนารูปแบบในการหลอกลวงพี่น้องประชาชน โดยการใช้เครื่องมือที่ทันสมัยมากขึ้นที่เรียกว่า Deepfake ซึ่งเป็นการใช้เทคโนโลยี Deep Learning ในการพัฒนาระบบปัญญาประดิษฐ์ ให้สามารถตัดต่อคลิปวิดีโอหรือภาพถ่ายของบุคคลหนึ่ง ให้สามารถขยับปากตามเสียงของบุคคลอื่นได้ ซึ่งแก๊งคอลเซ็นเตอร์ก็ได้ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดังกล่าว มาตัดต่อคลิปหรือภาพของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ให้พูดตามสิ่งที่คนร้ายพูด เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือในการหลอกลวงทรัพย์สินจากพี่น้องประชาชน 

ตำรวจเตือน!! ระวังมิจฉาชีพหลอกรับบริจาค อ้างช่วยสงครามและงานศพดาราดัง

(10 มี..65) ...ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ตามที่ พล...สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้มีนโยบายให้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แจ้งเตือนและประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องประชาชนรู้เท่าทันถึงอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการสืบสวนจับกุมผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอดนั้น

ด้วยในขณะนี้ ได้มีแก๊งมิจฉาชีพฉวยโอกาสโดยใช้เหตุการณ์ทั้งในประเทศและต่างประเทศที่อยู่ในความสนใจของพี่น้องประชาชน ไม่ว่าจะเป็นการเสียชีวิตของนักแสดงชื่อดัง น..ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ หรือแตงโม และเหตุการณ์สู้รบระหว่าง สหพันธรัฐรัสเซีย กับ ยูเครน โดยหลอกลวงพี่น้องประชาชนผ่านสื่อสังคมออนไลน์ ให้โอนเงินบริจาคโดยอ้างว่าจะนำไปช่วยเหลือในการจัดงานศพ หรืออ้างว่าจะนำไปช่วยเหลือผู้อพยพที่ได้รับความเดือดร้อนจากภัยสงคราม หรือการหลอกรับเงินอ้างว่าต้องการเงินมาช่วยเหลือในการขนย้ายทรัพย์สินออกจากพื้นที่สงครามแล้วจะแบ่งทรัพย์สินให้ เป็นต้น

"ผู้ช่วยฯต่อ ควง ผู้ช่วยฯโจ๊ก" นำทีม ศพดส.ตร. ลง พื้นที่ ภ.5 แถลงผลงาน ลุยจับขบวนการค้ามนุษย์ 3 เคสรวด 

เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2565 ที่กองบัญชาตำรวจภูธร ภาค 5 จว.เชียงใหม่ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์  หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร.,รอง ผอ.ศพดส.ตร.พล.ต.ท.ต่อศักดิ์  สุขวิมล  ผู้ช่วย ผบ.ตร.,รอง ผอ.ศพดส.ตร ได้ร่วมกันแถลงว่า จากนโยบายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) ให้ดำเนินการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ เพื่อยกระดับการจัดลำดับสถานการณ์การแก้ไขการค้ามนุษย์ในประเทศจาก Tier 2 watchlist เป็น Tier 1 นั้น    พล.ต.อ.สุวัฒน์  แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และพล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร.,ผอ.ศพดส.ตร. ได้สั่งการให้เร่งรัดดำเนินการสืบสวนจับกุมขบวนการ กลุ่มบุคคล หรือผู้ที่กระทำความผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ในทุกรูปแบบ  โดยมีการประสานความร่วมมือกับทุกภาคส่วน คือ ฝ่ายปกครอง พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และหน่วยงานเอกชนที่เกี่ยวข้องในพื้นที่อย่างใกล้ชิด  ซึ่งในห้วงที่ผ่านนี้ สามารถดำเนินการเข้าจับกุมกลุ่มผู้กระทำผิดได้จำนวน 4 คดี ดังนี้


 
คดีที่ 1  พื้นที่ อ.เมือง  จ.ลำปาง ก่อนจับกุม ชุดปฏิบัติการ TICAC ร่วมกับ มูลนิธิ HUG PROJECT และสภ.เมืองลำปาง  ร่วมกันสืบสวนจนกระทั่งทราบว่า มีผู้ใช้ทวิตเตอร์โพสต์โฆษณาขายบริการทางเพศ  โดยให้ผู้สนใจแอดไลน์สอบถามผ่านทางคิวอาร์โค้ดไลน์  และมีการโพสต์ภาพหญิงที่ขายบริการทางเพศ พร้อมให้ไอดีไลน์ติดต่อตรง  ซึ่งต่อมาชุดปฏิบัติการได้ทำการสืบสวนจนกระทั่งทราบว่ามีรูปแบบพฤติการณ์ในการกระทำความผิดคือ พ่อเล้าจะทำการโพสต์โฆษณาว่าสามารถจัดหาหญิงมาค้าประเวณีได้  แจ้งประกาศลงในทวิตเตอร์ เมื่อมีลูกค้าสนใจติดต่อเข้ามาผ่านไอดีไลน์ตามที่แจ้งไว้  พ่อเล้าจะส่งข้อมูลของหญิงที่จะมาให้บริการทางเพศให้ลูกค้าทราบ  โดยคิดค่าบริการทางเพศ ราคาประมาณครั้งละ 1,500 - 2,000 บาท ซึ่งลูกค้าจะโอนเงินเข้าบัญชีพ่อเล้า  หรือใช้วิธีจ่ายเป็นเงินสดให้กับเด็กหญิงที่ไปให้บริการ  จากนั้นพ่อเล้าจะทำการหักหัวคิว ไว้ประมาณ ครั้งละ 500 บาท  ซึ่งภายหลังสามารถพิสูจน์ทราบว่า  พ่อเล้า คือ เยาวชนชาย อายุ 16 ปีเศษ เป็นแอดมินของทวิตเตอร์ดังกล่าว ทำหน้าที่คอยชักชวนติดต่อหาลูกค้า พร้อมนำเด็กหญิงอายุไม่เกิน 15 ปี จำนวน 2 คน  มาส่งให้กับลูกค้า ในพื้นที่ อ.เมือง จ.ลำปาง ภายหลังสามารถทำการเข้าจับกุมพ่อเล้า  และเข้าช่วยเหลือคุ้มครองเด็กหญิง ได้จำนวน 2 คน  พร้อมขยายผลจับกุมกลุ่มผู้ซื้อประเวณีได้อีก จำนวน 12 คน โดยกลุ่มผู้ซื้อประเวณีมีทั้งข้าราชการ นักธุรกิจ และบุคคลทั่วไปในพื้นที่ใกล้เคียง  ได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว  

คดีที่ 2  พื้นที่ อ.ห้างฉัตร  จ.ลำปางก่อนจับกุม ชุดปฏิบัติการ ศพดส.ภ.5 ได้รับแจ้งจากผู้ปกครองของเด็กหญิงอายุประมาณ 14 ปีเศษ ว่าถูกชักชวนไปค้าประเวณี และอยากให้เข้ามาช่วยเหลือเด็ก จากนั้น ชุดปฏิบัติการ ศพดส.ภ.๕ ร่วมกับทีมสหวิชาชีพ    จ.ลำปาง และ สภ.ห้างฉัตร ได้ลงพื้นที่ไปช่วยเหลือคุ้มครองเด็กหญิงดังกล่าว และทำการสืบสวนเรื่อยมาจนกระทั่งทราบว่า ยังมีเด็กหญิง อายุ 13 ปีเศษ อีก 1 คน ที่มีพฤติกรรมถูกชักชวนไปค้าประเวณีเช่นกัน  จึงรีบเข้าไปช่วยเหลือคุ้มครองอีก 1 คน  ภายหลังจากการฟื้นฟูสภาพจิตใจเด็กทั้ง 2 คน ทำให้ทราบรูปแบบพฤติการณ์ในการกระทำความผิด คือ พ่อเล้า ซึ่งเป็นรุ่นพี่ที่รู้จักกันมาก่อน ของเด็กหญิงทั้ง 2 คน ได้เข้ามาชักชวนติดต่อให้ไปพักอาศัยอยู่ด้วยกัน  จากนั้นพ่อเล้าได้พูดจาโน้มน้าวเด็กหญิงว่า เมื่อมาอยู่ด้วยกันแล้วต้องช่วยกันทำมาหากิน  พร้อมกับแจ้งว่าให้เด็กหญิงทั้ง 2 ไปรับงานค้าประเวณี กับลูกค้าในลักษณะเพศสัมพันธ์หมู่ ที่โรงแรมในเขต อ.ห้างฉัตร  จ.ลำปาง  โดยพ่อเล้าได้มีการโพสต์เสนอขายประเวณีเด็กทั้ง 2 คน ผ่านทวิตเตอร์ เมื่อมีลูกค้าสนใจและติดต่อมายังพ่อเล้า พ่อเล้าจึงได้พาเด็กหญิงทั้ง 2 คน ไปส่งที่โรงแรม  หลังจากที่ลูกค้าร่วมประเวณีกับเด็กหญิงทั้ง 2 คนแล้ว จึงโอนเงินเข้าบัญชีของพ่อเล้า เป็นจำนวน 3,500 บาท โดยพ่อเล้าได้แบ่งเงินให้เด็กหญิงทั้ง 2 เพียงคนละ 300 บาทเท่านั้น  ภายหลังสามารถทำการเข้าจับกุม พ่อเล้า ซึ่งเป็นชายไทย อายุ 23 ปี พร้อมขยายผลจับกุมผู้ซื้อประเวณี ซึ่งเป็น ชายไทย อายุ 44 ปี นักธุรกิจ ในพื้นที่ จ.ลำปาง ได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
 

คดีที่ 3  พื้นที่ อ.ฝาง  จ.เชียงใหม่ ก่อนจับกุม ชุดปฏิบัติการฝ่ายปกครอง ร่วมกับ มูลนิธิ IMF ร่วมกันสืบสวนจนกระทั่งทราบว่า มีผู้ใช้ทวิตเตอร์โพสต์โฆษณาขายบริการทางเพศ  โดยหากมีผู้สนใจจะให้แอดไลน์ เพื่อส่งนัดหมายและส่งรายละเอียดของหญิงที่จะให้ไปค้าประเวณี  ซึ่งต่อมาชุดปฎิบัติการฝ่ายปกครอง ได้สืบสวนกระทั่งทราบว่ารูปแบบพฤติการณ์ในการกระทำความผิด คือ แม่เล้าจะทำการโพสต์โฆษณาว่าสามารถจัดหาหญิงมาค้าประเวณีได้  แจ้งลงในทวิตเตอร์ จากนั้นเมื่อมีลูกค้าสนใจจะติดต่อเข้ามาผ่านไอดีไลน์ตามที่แจ้งไว้  พร้อมมีการส่งข้อมูลของหญิงที่จะมาให้บริการทางเพศ  โดยคิดค่าบริการทางเพศ ราคาประมาณครั้งละ 2,000 - 3,000 บาท ซึ่งลูกค้าผู้ซื้อประเวณีจะโอนเงินเข้าบัญชีแม่เล้า  จากนั้นแม่เล้าจะทำการหักหัวคิว ไว้ประมาณ ครั้งละ 200 – 500 บาท แล้วโอนเงินต่อให้เด็กหญิงที่มาค้าประเวณี  ภายหลังชุดปฎิบัติการฝ่ายปกครอง , มูลนิธิ IMF และ สภ.ฝาง ได้ร่วมกันเข้าช่วยเหลือเด็กหญิง อายุ 16 ปีเศษ และ อายุ 14 ปีเศษ ที่มาค้าประเวณีตามคำสั่งของแม่เล้า  พร้อมกับสืบสวนจนพิสูจน์ทราบและทำการจับกุมแม่เล้า ซึ่งเป็น เยาวชนหญิง อายุ 15 ปีเศษ แอดมินของทวิตเตอร์ดังกล่าว ทำหน้าที่คอยชักชวน และติดต่อหาลูกค้า ได้ที่ จ.ปทุมธานี  และขณะนี้อยู่ในระหว่างการขยายผลจับกุมกลุ่มผู้ซื้อประเวณี

ตร. เตือน! ระวังแก๊งคอลเซ็นเตอร์ อ้างค้างชำระค่าปรับจราจร หลอกเอาเงิน

พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ตามที่ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้มีนโยบายให้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แจ้งเตือนและประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องประชาชนรู้เท่าทันถึงอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการสืบสวนจับกุมผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอดนั้น

ในช่วงที่ผ่านมาอาชญากรรมในรูปแบบของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ นอกจากจะแอบอ้างเป็นตำรวจหรือหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย และอ้างว่าบัญชีธนาคารของท่านมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดต้องโอนเงินมาให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ หรืออ้างเอกสารราชการปลอมแล้ว สำนักงานตำรวจแห่งชาติพบว่าปัจจุบันได้พัฒนาการไปถึงการแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจโทรศัพท์หลอกว่าท่านค้างชำระค่าปรับจราจร หากไม่ชำระตอนนี้จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย เป็นเหตุให้มีพี่น้องประชาชนหลงเชื่อได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก

 

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงขอประชาสัมพันธ์ไปยังพี่น้องประชาชนว่าอย่าหลงเชื่อโอนเงินให้กับคนร้ายที่โทรศัพท์มาทวงถามให้ชำระค่าปรับจราจร เด็ดขาด ทั้งนี้ท่านสามารถตรวจสอบด้วยตนเองว่าท่านมีใบสั่งจราจรที่ค้างชำระค่าปรับหรือไม่  ผ่านทางเว็บไซต์ “ใบสั่งจราจรออนไลน์สำหรับประชาชน” https://ptm.police.go.th/ โดยท่านสามารถสมัครสมาชิกเพื่อ ตรวจสอบใบสั่ง โต้แย้งใบสั่ง และชำระค่าปรับ ได้โดยตรงผ่านทางเว็บไซต์ดังกล่าว

“บิ๊กโจ๊ก” แถลงยึดทรัพย์ขบวนการค้ามนุษย์ 4 จังหวัดกว่า 100 ล้านบาท

ที่ สภ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร รองผู้อำนวยการศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ (ศพดส.) แถลงผลการจับกุมขบวนการค้ามนุษย์และฐานความผิดที่เกี่ยวข้องในคดีฟอกเงิน มี พล.ต.ต.ปิยะพันธ์ ปิงเมือง เลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) พล.ต.ต.พนัญชัย ชื่นใจธรรม รอง ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.วัฒนา ยี่จีน รอง ผบช.ภ.7 พล.ต.ต.วันชัย ธารณธรรม ผบก.ภ.จ.ประจวบฯ ร่วมในการแถลงข่าว จากเมื่อวันที่ 23 มิ.ย.62 ตำรวจ ภ.8 ได้จับกุมขบวนการขนแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมาในพื้นที่ สภ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช และในวันที่ 6 ก.ย.64 สามารถจับกุมขบวนการขนแรงานต่างด้าวในพื้นที่ สภ.มาบอำมฤต จ.ชุมพร และ สภ.เขานิพันธ์ จ.สุราษฎร์ธานี และได้ดำเนินคดีในความผิดฐานค้ามนุษย์องค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ และ พ.ร.บ.คนเข้าเมือง

โดยมีการขนแรงงานชาวเมียนมาจากฝั่ง อ.แม่สอด จ.ตาก เพื่อไปส่งประเทศมาเลเซีย ต่อมาศาลจังหวัดทุ่งสงได้มีคำพิพากษาจำเลยที่ถูกจับกุมจำคุกผู้ต้องหา 6 ปี จากการสืบสวนพบเส้นทางการเงินที่เข้าข่ายคดีฟอกเงิน จึงรวบรวมหลักฐานขออนุมัติศาลอาญา  ออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มอีก 9 คน หมายจับศาล จ.ชุมพร 1 คน ในความผิดอาญาฟอกเงินและสมคบกันฟอกเงิน และขอหมายค้นศาลอาญาเข้าค้นเพื่อจับและยึดอายัดทรัพย์ผู้ต้องหาในพื้นที่ 4 จังหวัด 20 เป้าหมาย ในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ระนอง ภูเก็ต และปัตตานี 

ผลการตรวจค้นจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา 5 คน ผู้ต้องหาชาวเมียนมา 3 คน หลบหนีออกนอกประเทศกำลังติดตามจับกุมตัว ปปง.ได้สั่งอายัดบัญชีธนาคารของกลุ่มผู้ต้องหาทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ 25 บัญชี มีเงินหมุนเวียนในบัญชีรวมกว่า 680 ล้านบาท ยึดบ้านพร้อมที่ดิน 6 หลัง รถยนต์ 6 คัน รถจักรยานยนต์ 5 คัน อายัดเรือประมงผู้ต้องหาและหุ้นส่วนเพื่อตรวจสอบ 12 ลำ รถบรรทุกห้องเย็น 1 คัน สะพานปลา 1 แห่ง ทองรูปพรรณหนัก 37 บาท สมุดบัญชี 31 เล่ม กระเป๋าแบรนด์เนม นาฬิกาโรเล็กซ์ อาวุธปืน รวมมูลค่ากว่า 100 ล้านบาท

โฆษก ตร. ยันคลี่คลายคดี 'แตงโม'​ ตรงไปตรงมา เตือน!! สร้างกระแสกุเรื่องเท็จ ทำสังคมสับสน ผิดกฎหมาย

(7 มี.ค.65)​ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ นำแถลงความคืบหน้า คดีการเสียชีวิตของ แตงโม นิดา หรือ “ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ ดาราสาว” พร้อมตอบคำถามสื่อมวลชน

โฆษก ตร. ระบุตอนหนึ่งว่า ยืนยันว่าตำรวจทำคดีนี้อย่างตรงไปตรงมา พร้อมเตือนกลุ่มคนที่กุเรื่องสร้างข่าวเท็จ สร้างความเสียหาย ทำให้สังคมสับสน

“เวลานี้มันเกิดกระแสการสร้างเรื่อง ที่จริงบ้าง เท็จบ้าง หรือไม่จริงเอาเสียเลย เรื่องนี้ทำให้สังคมเกิดความสับสน บางคนฉกฉวยโอกาส กุเรื่อง สร้างกระแสขึ้นมา เพื่อให้ตัวเองอยู่ในกระแสข่าวในขณะที่ทำอย่างนี้ ตัวเองได้ชื่อเสียง แต่สังคมเสียหาย เกิดความสับสน ที่สำคัญมันผิดกฎหมาย

หัวหน้าพรรคก้าวไกล ชี้ ยอดโควิดสะสมทะลุ 3 ล้าน หวั่นผู้ป่วยหนักอาจเพิ่มขึ้นสูงกว่าระลอกเดลตา แนะรัฐต้องรีบเตรียมการระบบสาธารณสุขให้พร้อมรับมือสถานการณ์

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์  หัวหน้าพรรคก้าวไกล โพสต์แฟนเพจเฟซบุ๊กระบุ ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ระดับการระบาดของโควิดสายพันธุ์โอมิครอนในประเทศไทยถือว่าสูงกว่าจุดสูงสุดของการระบาดในรอบเดลตาแล้ว และยอดผู้ป่วยโควิดสะสมในประเทศไทยก็แตะ 3 ล้านคนไปในวันที่ 5 ที่ผ่านมา ในโอกาสนี้ผมจึงขอให้บริบทกับสถานการณ์ที่เราเผชิญอยู่และฉากทัศน์ของการระบาดต่อไปข้างหน้า รวมถึงข้อเสนอของผมที่มีต่อรัฐบาล

สำหรับบริบทของสถานการณ์ในตอนนี้ จำนวนเคสการระบาดต่อวันสูงกว่าระลอกเดลตาแล้วก็จริง แต่ระดับความเลวร้ายของสถานการณ์จริงๆ มองที่ระดับความตึงเครียดต่อระบบสาธารณสุขครับ ในที่นี้คือจำนวนผู้ป่วยหนัก ในระลอกเดลตาวันที่มีผู้ป่วยหนักกำลังรักษามากที่สุดคือ 16 ส.ค. 2564 ที่มีผู้ป่วยหนัก 5,626 ราย มีผู้ใส่ท่อช่วยหายใจ 1,161 ราย เทียบกับในระลอกปัจจุบันที่ถึงแม้จะมีผู้ป่วยมากกว่า แต่มีผู้ป่วยหนัก 1,145 ราย ผู้ใส่ท่อช่วยหายใจ 366 ราย ถือว่าสถานการณ์ยังรุนแรงน้อยกว่าจุดสูงสุดของการระบาดช่วงเดลตาอยู่พอสมควร

ถัดมาคือบริบทของฉากทัศน์ที่รัฐบาลนำเสนอ สำหรับฉากทัศน์ตามแนวโน้มในปัจจุบัน จำนวนเคสยืนยันเพิ่มขึ้นต่อวันจะขึ้นไปสูงสุดที่ 40,000 - 50,000 เคส ในช่วงกลางเดือน เม.ย. สถานการณ์จำนวนผู้ป่วยหนักจะวิกฤติที่สุดประมาณ 2,000 คนที่ทำการรักษาอยู่ในช่วงต้นเดือน พ.ค. ซึ่งถือว่าความตึงเครียดต่อระบบสาธารณสุขยังน้อยกว่าระลอกเดลตาประมาณครึ่งหนึ่ง 

ส่วนในฉากทัศน์ที่เป็น Worst Case จำนวนเคสยืนยันเพิ่มขึ้นต่อวันจะขึ้นไปสูงที่สุดเพิ่มขึ้น 100,000 เคส ในขณะที่จำนวนผู้ป่วยหนักที่อยู่ระหว่างการรักษาจากชาร์ทที่ ศบค. นำเสนอจะขึ้นไปสูงขึ้น 6,000 และใส่ท่อช่วยหายใจ 1,600 ราย ซึ่งสูงกว่าจุดสูงสุดของเดลตาที่มีผู้ป่วยหนัก 5,626 ราย และใส่ท่อช่วยหายใจ 1,115 ราย เพราะฉะนั้นก็มีความเป็นไปได้ที่การระบาดจะสร้างความตึงเครียดต่อระบบสาธารณสุขมากกว่าระลอกเดลตาที่คนไทยล้มตายเหมือนใบไม้ร่วง ในขณะนั้นงบประมาณเตรียมความพร้อมด้านสาธารณสุขที่อนุมัติไปตั้งแต่ปลายปี 2563 เบิกจ่ายออกมาใช้รับมือโควิดช่วงที่รุนแรงที่สุดหรือมีผู้ป่วยหนักมากที่สุดได้เพียงแค่ 15% เท่านั้นเองในวันที่ 16 สิงหาคม 2564 หรือแปดเดือนหลังจากที่อนุมัติงบประมาณไปแล้ว จนแม้แต่โรงพยาบาลของกรมการแพทย์เองกลับต้องออกมาขอรับบริจาคเครื่องช่วยหายใจ 

ตำรวจ เตรียมแจ้งข้อหาคดีแตงโม เพิ่มอีก 1 ราย พบทำลายหลักฐานสำคัญ โยนทิ้งลงน้ำ

6 มี.ค.2565-ที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 1 (บก.สส.ภ.1) ถนนวิภาวดีรังสิต เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนการเสียชีวิตของ แตงโม-นิดา พัชรวีระพงษ์ ดารานักแสดง ได้ประชุมเพื่อสรุปข้อมูลการสืบสวนสอบสวนในประเด็นต่างๆ ที่ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) สั่งการเพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบในสำนวนคดี และสอบปากคำพยานทั้ง 5 ที่อยู่บนเรืออีกครั้ง

มีรายงานว่า วันนี้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้เรียกทั้ง 5 คนมาสอบปากคำเพิ่มเติมอีกครั้งหลังจากเมื่อวันที่ 5 มี.ค. ได้นัดมาให้การไปแล้วรอบหนึ่ง ซึ่งยังมีประเด็นข้อสงสัยที่ต้องสอบเพิ่มขณะอยู่บนเรือ ซึ่งเดิมทีการให้ปากคำของพยานจะไปให้ปากคำที่ สภ.เมืองนนทบุรี แต่ครั้งนี้นัดมาให้ปากคำที่ บก.สส.ภ.1

'หญิงหน่อย' นำทัพคาราวานไทยสร้างไทยลงฝั่งธนฯ คนแห่เชียร์ให้เป็นนายกฯ แก้วิกฤตเศรษฐกิจ ย้ำนโยบายบำนาญประชาชน 3,000 บาท ยิงปืนนัดเดียวได้ประโยชน์ 4 อย่าง

เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2565 คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย นำทัพคาราวานสร้างไทย 77 จังหวัด ลงพื้นที่ฝั่งธนบุรี พร้อมด้วย นายสุธา ชันแสง ผู้บริหารพรรค และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. , ส.ก.ฝั่งธนบุรี เพื่อนำเสนอนโยบายสำคัญของพรรค ซึ่งบรรยากาศตลอดเส้นทางขบวนคาราวาน พี่น้องประชาชนให้การตอบรับเป็นอย่างดี มีการเชียร์กำลังใจ และนำอาหารเครื่องดื่มมามอบให้ รวมถึงขอถ่ายรูปกับคุณหญิงสุดารัตน์เป็นจำนวนมาก

นายสุธา กล่าวว่า หลังจากได้ลงพื้นที่ฝั่งธนบุรีติดกันกว่า 2 สัปดาห์ พบว่ามีพี่น้องประชาชนต่างชื่นชอบนโยบายบำนาญประชาชนเดือนละ 3,000 บาท เพราะตอบโจทย์พี่น้องประชาชนผู้สูงอายุ และคนวัยทำงาน พร้อมกับอยากให้เป็นคุณหญิงสุดารัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรี เพื่อเข้ามาบริหารประเทศแก้ไขปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจไทย

ท้าวเวสสุวรรณให้โชค!! ‘พระครูวัดดังนครพนม’ ถูกรางวัลที่ 1 รับ 18 ล้าน ตั้งโต๊ะแจกเงินชาวบ้าน – พร้อมบริจาคเงินรวม 17.8 ล้าน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริเวณหน้ารูปปั้นท้าวเวสสุวรรณ วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร อ.ธาตุพนม จ.นครพนม พระครูพนมปรีชากร หรือที่รู้จักกันในชื่อพระครูไก่ ตำแหน่งเลขานุการเจ้าอาวาสวัดพระธาตุพนม และผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร ได้ตั้งโต๊ะนำธนบัตรฉบับละ 500 บาท จำนวน 10 ปึก เป็นเงิน 500,000 บาท มาแจกจ่ายให้กับชาวบ้าน พ่อค้า แม่ค้า และประชาชนที่มาทำบุญที่วัดดังกล่าว เมื่อวันที่ 5 มีนาคมที่ผ่านมา เรียกเสียงฮือฮาจากผู้พบเห็นเป็นจำนวนมาก

โดยก่อนหน้านี้พระครูไก่ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว “PhrakruPhanom Prechakon” ระบุว่า “บุญรอบแรกผ่านไป 500,000 บาท รอบสองพรุ่งนี้เวลา 13.00 น. อีก 500,000 บาท” ส่งผลให้ผู้ติดตามเฟซบุ๊กดังกล่าว มีผู้คนแห่มากดไลค์และกดแชร์กัน ทั้งนี้ มีข่าวลือแพร่สะพัดกันทั่ววัดพระธาตุพนมฯว่า พระครูไก่ถูกลอตเตอรี่งวดวันที่ 1 มีนาคม 2565 หมายเลข 061905 จำนวน 3 ใบ มูลค่า 18 ล้านบาท ซึ่งหลังจากวันลอตเตอรี่ออก วันที่ 4 มี.ค.65 ก็ปรากฏภาพพระครูไก่นำธนบัตรฉบับละ 500 บาท ถวายเณรและแจกเจ้าหน้าที่ภายในโรงเรียนพระปริยัติธรรม วัดพระธาตุพนมฯ ในฐานะพระครูไก่ดำรงตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการนำมาโพสต์ ยิ่งทำให้ชาวบ้านเชื่อสนิทใจว่าท่านได้โชคก้อนใหญ่

ต่อมาเวลา 13.00 น. ของวันที่ 5 มีนาคม มีชาวบ้านกว่า 1,000 คน เข้าคิวต่อแถวยาวไปจนถึงหน้าประตูเข้า-ออกวัดด้านทิศตะวันออก เพื่อมารอบรับแจกเงินคนละ 500 บาท เป็นจำนวนเงิน 500,000 บาท ท่ามกลางแดดที่ร้อนอบอ้าว โดยมีชาวบ้านที่ทราบข่าวทยอยแห่มารับเงินอย่างต่อเนื่อง จนเงินที่เตรียมไว้หมด

โดยเวลา 20.00 น. ของวันเดียวกัน พระครูไก่ได้โพสต์เฟซบุ๊ก แคปชั่นระบุว่า #บุญต่อบุญ พรุ่งนี้ว่าจะแจกเงินขวัญถุง 5 แสน ไม่น่าจะพอกับคณะญาติธรรม จึงเพิ่มอีก 3 แสน รวมเป็นเงิน 800,000 บาท เริ่มเวลา 13.00 น. อย่าลืมสวมหน้ากากอนามัยกันทุกคน และจะเตรียมเจลล้างมือไว้รอครับ… หลังโพสต์ออกไป มีผู้มาแสดงความคิดเห็นและแชร์กันจำนวนมาก

 

ผบ.ทร. ให้ทหารเรือทั้งกองทัพ ยึดหลัก "เหล็กในคนสำคัญกว่าเหล็กในเรือ" ในการฝึกกองทัพเรือ 2565

พลเรือเอก สมประสงค์ นิลสมัย ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้กล่าวในโอกาสเป็นประธาน ในพิธีเปิดการฝึกกองทัพเรือ ประจำปี 2565 บนเรือหลวงอ่างทอง ณ บริเวณท่าเรือแหลมเทียน ฐานทัพเรือสัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เมื่อ 3 มี.ค.65  มีใจความที่สำคัญว่า  “เป็นทราบกันดีว่า กำลังรบของกองทัพเรือ เป็นกำลังรบที่มีครบทั้งสี่มิติ คือผิวน้ำ ทางบก ทางอากาศ และใต้น้ำ ด้วยความหลากหลายของกำลังรบนี้ ทำให้กำลังพลทุกนายของกองทัพเรือ จำเป็นต้องมีความรู้ความสามารถ และมีความเชี่ยวชาญที่มากกว่าปกติ และที่มากกว่านั้นก็คือ ต้องมี “การประสานสอดคล้อง” ที่จะทำให้กำลังรบทุกมิติของเรา ประสานเป็นหนึ่งเดียวกัน เสริมประสิทธิภาพซึ่งกันและกัน ประกอบกำลังเป็น “กำลังทางเรือ” ที่พร้อมที่จะปกป้องอธิปไตยของชาติ จากภัยคุกคามในทุกมิติและทุกรูปแบบ 


     ในการนี้ กองทัพเรือ จึงได้จัดให้มีการฝึกประจำปี ของกองทัพเรือ ขึ้น เพื่อให้กำลังพลจากหน่วยต่าง ๆ ได้มีโอกาสฝึกร่วมกัน ในการปฏิบัติหน้าที่ตามสาขาปฏิบัติการต่างๆ และได้มีโอกาสทดสอบขีดความสามารถ ตามยุทธศาสตร์กองทัพเรือ ตลอดจนเป็นการเตรียมความพร้อม ทั้งด้านองค์บุคคล องค์วัตถุ และองค์ยุทธวิธี ซึ่งในปีนี้จะมีการฝึก ในหลายสาขาปฏิบัติการ ซึ่งผู้อำนวยการฝึกกองทัพเรือ ประจำปี 2565 ได้แจ้งให้ทราบแล้ว  


 สำหรับการฝึกกองทัพเรือ ในครั้งนี้ เป็นที่ทราบดีว่าอยู่ภายใต้ข้อจำกัดมากมาย ไม่ว่าจะเป็นข้อจำกัดจากงบประมาณในการฝึกที่มีจำกัด ยุทโธปกรณ์บางอย่างอาจมีสภาพไม่สมบูรณ์ ไม่เพียงพอ และที่สำคัญ ในห้วงเวลานี้คือ การระบาดของโควิด-19 อย่างไรก็ตาม ข้อจำกัดเหล่านี้เปรียบได้ว่าเป็นข้อจำกัด ที่อาจเกิดขึ้นได้ ในยามสงครามจริง ๆ เราจึงต้องทำการฝึกให้ได้ ซึ่งหมายถึง “ทหารเรือจะต้องบรรลุภารกิจ แม้ยามประเทศชาติจะมีข้อจำกัดใดๆ ก็ตาม” เราจำเป็นต้องฝึก เพื่อเป็นหลักประกันของความมั่นคง และการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ฝึกเพื่อแสดงถึงศักยภาพของกำลังพลที่มีความพร้อม หากมีภัยมาถึง ฝึกเพื่อป้องปรามให้กำลังที่จะเป็นภัยคุกคามต่อชาติเรา ให้มีความยับยั้งชั่งใจ สิ่งเหล่านี้คือคำตอบในภาพรวมที่ว่า เราฝึกเพื่อชาติและประชาชน และพี่น้องประชาชนคนไทย จะต้องได้รับประโยชน์ จากการฝึกของกองทัพเรือ ในครั้งนี้ 

ปธน.ยูเครนต่อสายคุยไบเดน ขอสหรัฐฯช่วย ทั้งเงินสนับสนุน - มาตรการคว่ำบาตรกดดันรัสเซีย

ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี เปิดเผยในวันอาทิตย์(6มี.ค.) ได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีโจ ไบเดน เพื่อหารือถึงการสนับสนุนทางการเงินและมาตรการคว่ำบาตรที่กำหนดเล่นงานรัสเซีย ในขณะที่ประเทศของเขาต้องเผชิญการโจมตีอย่างหนักหน่วง

"ในฐานะส่วนหนึ่งของการพูดคุยที่มีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผมได้สนทนาอีกครั้งกับ @POTUS(บัญชีทวิตเตอร์ของประธานาธิบดีสหรัฐฯ)" เซเลนสกีกล่าว "วาระต่างๆนั้น รวมไปถึงประเด็นด้านความมั่นคง การสนับสนุนทางการเงินสำหรับยูเครนและการเดินหน้าคว่ำบาตรรัสเซีย"

ในถ้อยแถลงของการพูดคุยที่ใช้เวลานานราว 30 นาที ทำเนียบขาวระบุว่าไบเดนเน้นย้ำถึงก้าวย่างต่างๆที่รัฐบาลของเขาและพันธมิตรได้ใช้ "เพื่อให้รัสเซียชดใช้มากยิ่งขึ้นต่อกรณีที่รุกรานยูเครน"


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top