Sunday, 18 May 2025
WEEKEND NEWS

การรถไฟฯ ทำพิธีเชื่อมต่อสะพานรถไฟข้ามแม่น้ำแม่กลอง สะพานรถไฟแบบขึงแห่งแรกของประเทศไทย แลนด์มาร์คแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ของจังหวัดราชบุรี ในโครงการรถไฟทางคู่สายใต้ 

เมื่อวันที่  24 มิถุนายน 2565 ณ สถานที่ก่อสร้างสะพานฝั่งค่ายภาณุรังษี อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี นายจเร รุ่งฐานีย รองผู้ว่าการกลุ่มโครงสร้างพื้นฐาน การรถไฟแห่งประเทศไทย  และนายอุดม เพชรคุต รองผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี เป็นประธานในพิธีเชื่อมต่อสะพานรถไฟช่วงสุดท้ายข้ามแม่น้ำแม่กลอง สะพานรถไฟแบบขึงแห่งแรกในประเทศไทย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่เส้นทางสายใต้ ช่วงนครปฐม–หัวหิน โดยมีพลตรีวิกร เลิศวัชรา รองเจ้ากรมการทหารช่าง และนายดนุช ยนตรรักษ์ กรรมการผู้จัดการบริษัท เอ.เอส. แอสโซซิเอท เอนยิเนียริ่ง (1964) จำกัด พร้อมด้วยหน่วยงานจังหวัดราชบุรีเข้าร่วมพิธี 

นายจเร รุ่งฐานีย รองผู้ว่าการกลุ่มโครงสร้างพื้นฐาน การรถไฟฯ เปิดเผยว่า การสร้างสะพานรถไฟแบบขึงข้ามแม่น้ำแม่กลอง เป็นส่วนหนึ่งของโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ช่วงนครปฐม-หัวหิน สัญญาที่ 1 ช่วงนครปฐม – หนองปลาไหล โดยได้มีการสร้างสะพานรถไฟคู่ขนานกับสะพานรถไฟเดิมหรือสะพานรถไฟจุฬาลงกรณ์ เพื่อรองรับการให้บริการรถไฟทางคู่สายใต้ พร้อมกับมีการออกแบบด้วยเทคนิคทางวิศวกรรมพิเศษให้โครงสร้างสะพานรถไฟใช้คานขึง ที่มีตอม่ออยู่บนฝั่งแม่น้ำทั้ง 2 ฝั่ง แทนรูปแบบเดิมที่มีตอม่อกลางแม่น้ำ เนื่องจากก่อนที่จะมีการก่อสร้างสะพานรถไฟดังกล่าว การรถไฟฯ ได้ทำการสำรวจพื้นที่แล้วพบวัตถุระเบิดสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ขนาด 1,000 ปอนด์ จำนวน 7 ลูก จมอยู่ในแม่น้ำแม่กลองบริเวณใต้สะพานรถไฟจุฬาลงกรณ์ ตรงกับแนวเขตการก่อสร้างสะพานรถไฟ หากจะก่อสร้างสะพานในรูปแบบเดิม จำเป็นต้องมีการเคลื่อนย้ายวัตถุระเบิดออกจากพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งมีความเสี่ยงที่จะเป็นอันตราย ดังนั้น จึงได้ให้ผู้รับจ้างก่อสร้างโครงการฯ ปรับเปลี่ยนรูปแบบการก่อสร้างสะพานรถไฟใหม่ เพื่อไม่ให้เกิดความเสี่ยงจากวัตถุระเบิด จึงเป็นที่มาของรูปแบบการสร้างสะพานรถไฟแบบขึง (Extradosed Bridge) หรือ เรียกสั้นๆ ว่า “สะพานขึง”  ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการขอพระราชทานชื่อสะพาน 

'ทิพานัน' นำร่องพาวัยเก๋า 'เดิน ล่อง ท่องคลอง ณ จอมทอง' โชว์ศักยภาพด้านการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ฝั่งธน ต่อยอดและสร้างรายได้ให้ชุมชน ดัน 'ตะลิงปลิงแช่อิ่ม' เป็นซอฟต์พาวเวอร์ของดีกระตุ้นเศรษฐกิจเขตจอมทอง

น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ ประจำสำนักงานเลขาธิการนายกรัฐมนตรี อดีตผู้สมัครส.ส.กทม.เขตจอมทอง-ธนบุรี อดีตรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ตนได้จัดโครงการ 'เดิน ล่อง ท่องคลอง ณ จอมทอง' เพื่อให้ชุมชนตระหนักและมีส่วนรวมในการอนุรักษ์คลองธรรมชาติ ภูมิปัญญา ศิลปวัฒนธรรม การเกษตรและวิถีชีวิตของชุมชนริมคลอง พัฒนาศักยภาพด้านการท่องเที่ยวในเชิงสร้างสรรค์ สร้างโอกาสและต่อยอดรายได้ให้กับพี่น้องประชาชนในชุมชน เชื่อมโยงยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์ของไทยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ 

โดยกลุ่มเป้าหมายโครงการนี้ ได้นำผู้สูงอายุ วัยเก๋า! เข้าร่วมโครงการเนื่องจาก สังคมไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุเพื่อเป็นไอเดียให้กับลูกหลานพาคุณพ่อ คุณแม่ ปู่ย่า ตายายในครอบครัวมาเที่ยวในกรุงเทพฯ แบบวันเดย์ทริป หรือวันเดียวจบ ซึ่งผู้สูงอายุจะได้ความเพลิดเพลิน และไม่เหนื่อยกับการเดินทางมากเกินไป ที่สำคัญผู้สูงอายุส่วนใหญ่มีศักยภาพในการใช้จ่าย

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า โดยทริปนี้ได้พาคณะล่องเรือจากวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร (จอมทอง) เข้าชมวัดนางชี ซึ่งมีงานศิลปะการประดับมุกบนบานประตู หน้าต่างของญี่ปุ่นแบบนางาซากิ ผ่านวัดปากน้ำภาษีเจริญ ซึ่งเป็นแลนด์มาร์คย่านฝั่งธนบุรี  ชม 'พระพุทธธรรมกายเทพมงคล' พระองค์ใหญ่สูงเท่าตึก 20 ชั้นจากมุมมองที่สวยที่สุด จากนั้นมนัสการพระประธานปางทรงเครื่องจักรพรรดิราชวัดนางนองราชวรวิหาร  หรือ พระพุทธมหาจักรพรรดิ แวะรับประทานอาหารกลางวันภูมิใจการ์เด้น สวนลิ้นจี่โบราณอายุกว่า 100 ปี ริมคลองบางขุนเทียน จากนั้นเดินทางกลับวัดราลโอรสารามราชวรวิหาร 

"ในการมาครั้งนี้ ได้มีสินค้าชุมชนมาออกร้านขาย ที่พร้อมผลักดันเป็นของอร่อยย่านจอมทอง เป็นสินค้าของท้องถิ่นที่จะเตรียมผลักดัน ให้เป็นซอฟต์พาวเวอร์ของเขตจอมทอง คือ 'ตะลิงปลิงแช่อิ่ม' ให้เป็นเมนูยอดนิยม สูตรพิเศษที่เฉพาะเขตจอมทองเท่านั้น   เรียกว่าอิ่มบุญ อิ่มอร่อยและสุขใจสำหรับผู้สูงอายุได้เป็นอย่างดี" น.ส. ทิพานัน กล่าว 

ชื่นชม!! ‘พญาหงส์ อโยธยาไฟท์ยิม’ หลังเอาชนะนักชกสาวญี่ปุ่น คว้าเข็มขัดแชมป์ K-1 รุ่น 45 กก. มาครองได้สำเร็จ นับเป็นหญิงไทยคนแรกที่เป็นแชมป์ดังกล่าว

‘พญาหงส์ อโยธยาไฟท์ยิม’ หรือ จันทกานต์ มโนบาล สร้างชื่อกระหึ่มอีกครั้ง หลังเอาชนะนักชกสาวชาวญี่ปุ่น MIYUU SUGAWARA คว้าเข็มขัด แชมป์ K-1 รุ่น 45 กิโลกรัม ได้สำเร็จ บนสังเวียนที่ประเทศญี่ปุ่น นับเป็นนักชกหญิงไทยคนแรกที่คว้าแชมป์รายการดังกล่าว

สำหรับ พญาหงส์ เป็นชาวจังหวัดบุรีรัมย์ เริ่มชกมวยมาตั้งแต่อายุ 9 ขวบ เป็นอดีตนักเรียนโรงเรียนกีฬานครราชสีมา ปัจจุบันเป็นนิสิตคณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

ชุมพร จัดแข่งขันวิ่งแหวกทะเลสู่เกาะพิทักษ์หลังสวนมินิมาราธอน ครั้งที่ 16

 วันที่ 26 มิถุนายน 2565 เวลา 06.00 น นายโชตินรินทร์ เกิดสม ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพรให้เกียรติมาเป็นประธานในพิธีเปิดงานการแข่งขันวิ่งแหวกทะเลสู่เกาะพิทักษ์ หลังสวนมินิมาราธอน ครั้งที่ ๑๖ ประจำปี ๒๕๖๕ร่วมกับพล.ต.ท.เทศา สิริวาโท อดี ต ผบช ภ 8 พล.ต.ท รณพงษ ทรายแก้ว อดีต รอง ผบช.ภ8 พล.ต.ต.วรรณรัตน คชรักษ อดีต ผบช.น ชาวหลังสวน  พลตำรวจตรี วิรุฬห์ สุวรรณวงศ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชุมพร  ว่าที่ร.ต.กิตติภพ รอดดอน นายอำเภอหลังสวน นายวิชัย อนันตเมฆนายกเทศบาลตำบลปากน้ำหลังสวน  สมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัดชุมพร แขกผู้มีเกียรติ และนักวิ่งที่เข้าร่วมการแข่ง จำวน ๕,๐๐๐ คน รวมทั้ง ๒ รายการการแข่งขัน

นายวิชัย อนันตเมฆ กล่าวว่า ในนามคณะกรรมการจัดการแข่งขันวิ่งแหวกทะเลสู่เกาะพิทักษ์ หลังสวนมินิมาราธอนครั้งที่๑๖ ประจำปี ๒๕๖๕ การจัดกิจกรรมวิ่งแหวกทะเลสู่เกาะพิทักษ์ในครั้งนี้ องค์การบริหารส่วน จังหวัดชุมพร ร่วมกับ อำเภอหลังสวน เทศบาลตำบลปากน้ำหลังสวน องค์การบริหารส่วนตำบลบางน้ำจืด หน่วยงานภาครัฐ และเอกชน ได้ดำเนินการจัดกิจกรรมดังกล่าวขึ้น ซึ่งครั้งนี้เป็นครั้งที่ ๑๖ ประจำปี ๒๕๖๕ โดย มีวัตถุประสงค์ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวของอำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร เพื่อส่งเสริมการออกกำลังกายหลีกเลี่ยงห่างไกลยาเสพติด เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์เพื่อส่งเสริมการเพิ่มรายได้ของประชาชนในท้องถิ่นและส่งเสริมให้ประชาชนในท้องถิ่นหวงแหนทรัพยากรธรรมชาติโดยเฉพาะนักวิ่งจากต่างจังหวัด ได้สัมผัสกับเส้นทางวิ่งที่แปลกไม่เหมือนที่ใดมีเส้นทางวิ่งที่โค้ง ลาดเอียง สูงชัน และพิเศษสุดคือต้องวิ่งข้ามทะเลไปยังจุดหมาย เส้นชัย ณ เกาะพิทักษ์ สำหรับกิจกรรมแข่งขันวิ่งแหวกทะเลสู่เกาะพิทักษ์ หลังสวนมินิมาราธอน ครั้งที่ ๑๖ ประจำปี ๒๕๖๕ โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากองค์การบริหารส่วนจังหวัดชุมพรเทศบาลตำบลปากน้ำหลังสวน องค์การบริหารส่วนตำบลบางน้ำจืด ซึ่ง กิจกรรมในครั้งนี้ แบ่งนักวิ่งออกเป็น  ประเภท ได้แก่ ประเภทมินิมาราธอน เส้นทางวิ่งประมาณ ๑๔ กิโลเมตร จุดเริ่มต้นจากเรือจำลองจักรีนฤเบศร สู่ เกาะพิทักษ์และประเภทฟันรัน เส้นทางวิ่งประมาณ ๓.๕ กิโลเมตร จุดเริ่มต้นจากศูนย์หมู่บ้าน หมู่ที่ ๑๓ ตำบลบางน้ำจืด สู่ เกาะพิทักษ์ ซึ่งผู้เข้าเส้นชัยทุกคนจะได้รับเหรียญที่ระลึกวิ่ง แหวกทะเลสู่เกาะพิทักษ์ สำหรับผู้เข้าเส้นชัย ลำดับที่ ๑ - ๑๐ ประเภทมินิมาราธอน ๑๔ กิโลเมตร และ ประเภทฟันรัน ๓.๕ กิโลเมตร จะได้รับถ้วยรางวัลเกียรติยศ และ รางวัลพิเศษเฉพาะนักวิ่งมินิมาราธอน รุ่นประชาชนทั่วไปทั้งชาย และหญิง รางวัลที่ ๑ ได้รับเงินสด ๕,๐๐๐ บาท รางวัลที่ ๒ ได้รับเงินสด ๓,๐๐๐ บาท รางวัลที่ ๓ ได้รับ เงินสด ๒,๐๐๐บาท รางวัลที่ ๔ ได้รับเงินสด ๑,๕๐๐ บาท และรางวัลที่ ๕ ได้รับ เงินสด ๑,๐๐๐ บาท

หนังสือพิมพ์ท้องถิ่น รายงานโดยอ้างเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลอินเดีย ระบุ ยอดขายน้ำมันรัสเซียที่ป้อนแก่อินเดีย เพิ่มขึ้นอย่างน้อย 50 เท่าในช่วง 3 เดือนหลังสุด และตอนนี้คิดเป็นสัดส่วน 10% ของปริมาณการนำเข้าทั้งหมดของอินเดียแล้ว

หนังสือพิมพ์อินเดีย บิสซิเนส รายงานโดยอ้างคำสัมภาษณ์ของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาล ระบุเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า "เวลานี้พวกเขาติดท็อปเท็นซัปพลายเออร์ของเรา"

ยอดขายน้ำมันรัสเซียที่ป้อนแก่อินเดีย เพิ่มขึ้นอย่างน้อย 50 เท่าในช่วง 3 เดือนหลังสุด และตอนนี้คิดเป็นสัดส่วน 10% ของปริมาณการนำเข้าทั้งหมดของอินเดียแล้ว

มาตรการคว่ำบาตรที่ตะวันตกกำหนดเล่นงานรัสเซีย เปิดโอกาสให้โรงกลั่นต่างๆ ของอินเดีย สั่งซื้อน้ำมันรัสเซียเพิ่มมากขึ้นในราคาที่ลดกระหน่ำ หลังจากชาติยุโรปบางประเทศปลีกตัวออกห่างจากน้ำมันดิบรัสเซีย

ก่อนหน้าความขัดแย้งเริ่มต้นขึ้น น้ำมันรัสเซียคิดเป็นสัดส่วนแค่ 0.2% ในปริมาณการนำเข้าทั้งหมดของอินเดีย อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่าแค่เพียงพฤษภาคมเดือนเดียว โรงกลั่นทั้งหลายของประเทศจัดซื้อน้ำมันดิบรัสเซียมากกว่า 25 ล้านบาร์เรล ซึ่งจากจำนวนดังกล่าว ส่งผลให้รัสเซียแซงหน้า ซาอุดีอาระเบีย กลายเป็นผู้จัดหาอุปทานน้ำมันป้อนแก่อินเดียรายใหญ่ที่สุดอันดับ 2 เป็นรองเพียง อิรัก เท่านั้น

อินเดีย ชาติผู้บริโภคพลังงานรายใหญ่ที่สุดอันดับ 3 ของโลก ถูกตะวันตกกดดันอย่างหนักต่อกรณีที่พวกเขายังคงเดินหน้าจัดซื้อน้ำมันของรัสเซีย อย่างไรก็ตาม นิวเดลี เพิกเฉยต่อเสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังกล่าว โดยอ้างเหตุผลว่าการนำเข้าเหล่านี้คิดเป็นสัดส่วนเพียงเล็กน้อยในความจำเป็นทั้งหมดของประเทศ

ในเดือนพฤษภาคม กระทรวงพลังงานของรัสเซียระบุว่า "การจัดซื้อพลังงานจากรัสเซียยังคงคิดเป็นสัดส่วนเล็กจิ๋ว เมื่อเทียบกับการบริโภคโดยรวมของอินเดีย"

อย่างไรก็ดี รัฐบาลอินเดีย เรียกร้องให้แก้ปัญหาด้วยวิธีการทางการทูตในความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครน พวกเขาไม่ได้กำหนดมาตรการคว่ำบาตรเล่นงานมอสโก และแสดงจุดยืนงดออกเสียงในที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ ในญัตติประณามปฏิบัติการทางทหารของรัสเซีย

การสั่งซื้อน้ำมันรัสเซียที่เพิ่มขึ้นอย่างมากของอินเดีย มีขึ้นในขณะที่โลกตะวันตกกำหนดหาทางบั่นทอนแหล่งรายได้สำหรับทำสงครามของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ในนั้นรวมถึงกรณีที่ เจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังอเมริกา ระบุเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่แล้วว่า สหรัฐฯ อยู่ระหว่างพูดคุยกับแคนาดาและพันธมิตรอื่นๆ ในความพยายามหาทางจำกัดรายได้ทางพลังงานของรัสเซียเพิ่มเติม ด้วยการกำหนดเพดานราคาสำหรับน้ำมันรัสเซีย

'อรุณี' จี้รัฐเร่งแก้ค่าครองชีพ ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจให้ตรงจุด หลังสินค้าอุปโภคบริโภคพาเหรดขึ้นราคา แนะยอมรับความจริงทหารบริหารประเทศไม่ได้

ดร.อรุณี กาสยานนท์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า วิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นจากค่าครองชีพที่พุ่งสูงขึ้น ทั้งราคาน้ำมัน  ค่าไฟฟ้า สินค้าอุปโภคบริโภคปลายทางล้วนพาเหรดขึ้นราคา นับตั้งแต่ต้นปี 2565 จนถึงปัจจุบัน  น้ำมันเบนซินแก๊สโซฮอล์ 95 ปรับขึ้นแล้ว 28% ดีเซล บี 10 ปรับขึ้น 23%  ไข่ไก่ หมู แก๊สหุงต้มก็ปรับขึ้นเฉลี่ย 12-18%  รวมทั้งราคาข้าวสารถุง 5 กิโลกรัมปรับขึ้น 30 บาทหรือปรับขึ้น 18%  “ข้าวสารปรับเพิ่มขึ้นมากอย่างไม่เกรงใจชาวนา”  เพราะราคาข้าวเปลือกที่เกษตรกรขายได้ ณ วันที่ 5 มิถุนายน 2565 อยู่ที่ตันละ 9,000 บาท  และปีที่ผ่านมาราคาข้าวไทยราคาตกต่ำมากที่สุดในรอบ 10 ปี  ซึ่งตรงกันข้ามกับราคาปุ๋ยที่แพง  เพราะรัฐบาลไปไม่เป็น บริหารไม่ได้ ผู้รับกรรมคือประชาชนคนไทยทุกคน 

โฆษกรัฐบาล ย้ำอย่าเชื่อเฟคนิวส์ ระบบเศรษฐกิจไทยอยู่ในภาวะวิกฤติ หวังดิสเครดิตลดความน่าเชื่อถือรัฐบาล เผยที่ประชุม IMF ทบทวนภาวะเศรษฐกิจของไทยประจำปี 2565 ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยรายงานธนาคารโลก (World Bank) ถึงแนวโน้มเศรษฐกิจโลกล่าสุดเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2565 ธนาคารโลกได้ประมาณการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจของหลายๆ ประเทศ แต่ไม่มีการประเมินว่าประเทศไทยอยู่ในช่วงวิกฤติ โดยได้ปรับลดประมาณการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจโลกในปีนี้ขยายตัวเพียงร้อยละ 2.9 ต่ำกว่าระดับคาดการณ์เมื่อเดือน มกราคม 2565 ที่คาดว่าจะเติบโตที่ร้อยละ 4.1 พร้อมทั้งคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจโลกจะเติบโตที่ร้อยละ 3.0 ในปี 2566 และคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจไทยปี 2565 โตที่ร้อยละ 2.9 จากที่คาดการณ์เมื่อเดือนมกราคม 2565 เติบโตที่ ร้อยละ 3.9 และคาดการณ์การเติบโตในปี 2566 ที่ร้อยละ 4.3 ซึ่งการปรับลดคาดการณ์ ของปี 2565 ดังกล่าว เกิดจากสงครามในยูเครนส่งผลกระทบต่อไทยและประเทศส่วนใหญ่ผ่านผลกระทบต่อการค้าโลกและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ราคาอาหารและเชื้อเพลิงที่สูงขึ้น ซึ่งกดดันให้อัตราเงินเฟ้อให้สูง

ทั้งนี้ รายงานของธนาคารโลกได้คาดการณ์เศรษฐกิจในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาและเศรษฐกิจเกิดใหม่ (Emerging Markets and Developing : EMDs) ว่าจะเติบโตที่ร้อยละ 3.4 ลดลงจากร้อยละ 6.6 เมื่อปีก่อน รวมทั้งได้คาดการณ์เศรษฐกิจสหรัฐจะขยายตัวเพียงร้อยละ 2.5 ในปีนี้ ลดลงจากระดับร้อยละ 5.7 เมื่อปีก่อนหน้า คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศที่ใช้สกุลเงินยูโร จะเติบโตที่ร้อยละ 2.5 ในปีนี้ เทียบกับระดับการเติบโตที่ร้อยละ 5.4 ในปีก่อน เช่นเดียวกับเศรษฐกิจจีน คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 4.3 ในปีนี้ ลดลงจากระดับร้อยละ 8.1 เมื่อปีก่อนหน้า ซึ่งเห็นได้ว่าทุกประเทศได้รับผลกระทบจากความท้าทายทางเศรษฐกิจเช่นเดียวกัน

“สร้างอนาคตไทย” แนะ รบ.อย่าแก้ปัญหาน้ำมันแพงแบบรูทีน ยกเป็นวาระแห่งชาติ แก้เชิงรุกให้ตอบโจทย์ความเดือดร้อนประชาชน

วันนี้ (26 มิ.ย.65) ที่ทำการพรรคสร้างอนาคตไทย พรรคสร้างอนาคตไทย นำโดย นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค พร้อมด้วย นายนริศ เชยกลิ่น โฆษกพรรค ร่วมแถลงข่าวเรียกร้องให้มีการแก้ปัญหาราคาน้ำมันแพงแบบบูรณาการ เสนอยกเรื่องน้ำมันเป็นวาระแห่งชาติ ชี้ ผลกระทบลากวงกว้าง ขณะที่ยังไม่เห็นนโยบายแก้ปัญหาที่ชัดเจนและตรงจุด ขณะที่ ดร.นพ.จรุง เมืองชนะ อดีตผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติ (องค์การมหาชน) จี้ รบ.ตระหนัก 5 ข้อสำคัญ อย่าประมาท หลังประกาศโควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่น นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า ปัญหาราคาน้ำมันแพงส่งผลกระทบอย่างทวีคูณ ขณะที่แนวนโยบายการแก้ปัญหาเรื่องนี้ยังขาดการบูรณาการและบริหารเชิงรุก พรรคสร้างอนาคตไทย จึงขอเสนอให้มีการยกเรื่องน้ำมันเป็นวาระแห่งชาติ เพื่อแก้ปัญหาแบบบูรณาการ เนื่องจากมองว่าราคาน้ำมันดิบยังคงไม่ลดลงง่ายๆ และจากข้อมูล การวิเคราะห์ของหน่วยงานในต่างประเทศชี้ว่ามีแนวโน้มของการแกว่งตัวไปถึงปีหน้าและบางสำนักคาดการณ์ จะไต่ระดับขึ้นไปแตะ 120-180 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ซึ่งรัฐบาลและกระทรวงพลังงานไม่ควรแก้ปัญหาแบบรูทันน เนื่องจากกลไกที่รัฐบาลมีอยู่ในวันนี้ ไม่เพียงพอต่อการแก้ปัญหา ทั้งกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงติดลบทะลุ 9 หมื่นล้านบาท ส่วนความหวังเรื่องขอให้โรงกลั่นนำส่งกำไรลดภาระกองทุนน้ำมันอาจทำได้ไม่ง่าย และอาจได้ไม่เท่าอย่างที่คิด ฉะนั้นวันนี้ กระทรวงพลังงานต้องมีแผนบูรณาการแก้ปัญหาเชิงรุก และแผนระยะยาวที่ชัดเจน 

นอกจากนี้ การแก้ปัญหาน้ำมันแพงอย่างเดียวไม่อาจตอบโจทย์ความเดือดร้อนของประชาชน ทางออกเดียวที่ต้องทำคือยกเรื่องนี้เป็นวาระแห่งชาติ แล้วบูรณาการแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนที่กระทบเป็นลูกโซ่จากปัญหาดังกล่าว โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องร่วมมือกัน เช่น กระทรวงพาณิชย์ต้องมีมาตรการเร่งด่วน ในการแก้ปัญหาสินค้าที่พาเหรดกันขึ้นราคา กระทรวงคมนาคมต้องวางมาตรการรองรับเรื่องภาคขนส่งสินค้า และการขนส่งสาธารณะของภาคประชาชน ขณะที่กระทรวงการคลังต้องพิจารณาเรื่องการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมัน และภาษีอื่นๆ เพิ่มเติมหรือไม่ และพร้อมต่อการแบกรับได้เท่าไร

“วันนี้การแก้ปัญหาเรื่องน้ำมันยังขาดการบูรณาการร่วมกัน ยังไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นต่อพี่น้องประชาชนได้ ผลกระทบเรื่องน้ำมันแพงมันเกี่ยวข้องกับปัญหาปากท้องประชาชน เชื่อมโยงกันเป็นลูกโซ่ ดังนั้น การแก้ปัญหาทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องร่วมมือกัน แต่วันนี้ ทั้งกระทรวงพลังงาน พาณิชย์ คลัง และคมนาคม ยังคงต่างคนต่างเดินเพราะปัญหาผลกระทบต่างๆ มาจากปัจจัยภายนอกที่ยากจะควบคุม หากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ร่วมมือกันก็ยากที่จะแก้ไขให้ตอบโจทย์ความเดือดร้อนของประชาชนได้” นายสนธิรัตน์ กล่าว

‘ทนายวันชัย’ ชี้ ตำแหน่งนายกฯไม่ใช่ของเล่น แนะ 'อุ๊งอิ๊ง' ยังมีเวลาอย่าชิงสุกก่อนห่ามหวังแลนด์สไลด์ หวั่นซ้ำรอยพ่อ - อา กระเด็นกระดอนไปคนละทาง

เมื่อวันที่ 26 มิ.ย. นายวันชัย สอนศิริ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) โพสต์เฟซบุ๊ก ‘ทนายวันชัย สอนศิริ’ ระบุว่า “แลนด์สไลด์...แล้วใครเป็นนายกฯ คำว่าแลนด์สไลด์ฟังดูแล้วมันคึกคัก ของขึ้น ปลุกพลังให้ฮึกเหิมได้จริง ๆ บนเวทีปราศรัยหาเสียง ส่วนจะแลนด์สไลด์จริงหรือไม่ วันลงคะแนนจะเป็นเครื่องพิสูจน์ แต่ก็เห็นพูดกันหลายเวที จะจริงจะหลอกหรือแกล้งหยอกกันว่านายกอุ๊งอิ๊ง เล่นเอาเจ้าตัวเขินสะเทินอายแบบแบ่งรับแบ่งสู้ ในฐานะหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย จะเดินตามแนวทางคุณอายิ่งลักษณ์ ซึ่งพรวดพราดแค่ 49 วันเท่านั้นก็เป็นนายกเลย ในที่สุดก็พิสูจน์กันมาแล้วมิใช่หรือ ว่าคนในครอบครัวไม่ว่าจะพ่อแม่พี่น้องลุงป้าน้าอา กระเด็นกระดอนไปคนละทิศละทางก็เพราะแลนด์สไลด์แล้วเอาคนในครอบครัวมาครอบนี่แหละ ถ้าดวงชะตาฟ้าลิขิตยังคิดและทำแบบเดิม เหตุการณ์แบบเดิมๆคงเกิดขึ้นอีก ทั้งครอบครัวตัวเอง และครอบครัวเพื่อไทยก็จะมีอันเป็นไปแบบแลนด์สไลด์ฟ้าถล่มแผ่นดินทลาย

อนุสรณ์ เห็นชอบเปิดพื้นที่ชุมนุมสาธารณะ กังวล คง พรก.ฉุกเฉิน

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี กทม.ออกประกาศพื้นที่ชุมนุมสาธารณะในกรุงเทพมหานครทั้ง 7 แห่ง ซึ่งมีผังชัดเจน ในพื้นที่กรุงเทพ 6 โซน แบ่งเป็น 7 จุด ว่า การเปิดพื้นที่ให้ประชาชนได้แสดงออกทางการเมืองเป็นเรื่องที่ดี บ้านเมืองที่มีความเป็นประชาธิปไตยต้องเปิดพื้นที่ภายใต้กรอบกฎหมาย ให้ประชาชนเข้าถึงสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกทางการเมือง รัฐบาลไม่ต้องกังวลหากมีการฝ่าฝืนกฎหมาย รัฐบาลก็สามารถบังคับใช้กฎหมายได้อยู่แล้ว แต่ที่พรรคเพื่อไทยกังวล คือการคงประกาศพรก.ฉุกเฉิน ทั้งที่ถ้าประสงค์จะคุมโรคระบาด สถานการณ์โควิดก็คลี่คลาย เตรียมถอดแมสก์ เปิดผับ เปิดบาร์ แต่การที่รัฐบาลคงพรก.ฉุกเฉิน อาจหวังคุมคนไม่ให้ออกมาแสดงออกทางการเมือง เพื่อรักษาอำนาจของรัฐบาลเอง ขณะนี้ประชาชนเดือดร้อนอย่างหนักจากวิกฤตค่าครองชีพแพง ค่าแรงถูก วิกฤตราคาพลังงานทั้งระบบ การเชิญชวนให้ประชาชนไปใช้เตามหาเศรษฐี เป็นการหนีจากปัญหาเก่า ไปสู่ปัญหาใหม่ ที่รัฐบาลไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ หากรัฐบาลยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินแล้ว รัฐบาลยังมีพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ควบคุมโรคที่จะใช้เป็นเครื่องมือในการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคได้ รัฐบาลไม่ต้องกังวล รัฐบาลจะคงพรก.ฉุกเฉินไว้ตลอดไปไม่ได้เพราะจะทำลายบรรยากาศการลงทุนการท่องเที่ยวทำลายบรรยากาศบ้านเมืองที่เป็นประชาธิปไตย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top