Monday, 20 May 2024
WEEKEND NEWS

‘บิ๊กตู่’ สั่งทุกเหล่าทัพ หนุน 'รัฐบาล-กทม.' เต็มที่ ช่วยวิกฤตน้ำท่วม เสริมรถรับส่งประชาชนให้ทั่วถึง

(10 ก.ย.65) พล.อ.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวถึง สถานการณ์ฝนตกหนักสะสมต่อเนื่องในหลายพื้นที่ทั่วประเทศจากมรสุมพาดผ่าน เกิดมวลน้ำสะสมจำนวนมากไหลลงพื้นที่ต่ำและแม่น้ำสายหลัก ประกอบกับเขตเมืองที่ขยายตัวทับเส้นทางระบายน้ำ และเกิดการอุดตันของระบบระบายน้ำ เป็นเหตุให้พื้นที่ต่ำชุมชนเขตเมือง รวมทั้งพื้นที่ขวางเส้นทางระบายน้ำและพื้นที่ต่ำริมลำน้ำสายหลักได้รับผลกระทบหลายพื้นที่จังหวัด รวมทั้ง กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม สั่งการทุกเหล่าทัพ ยังคงความสนับสนุนรัฐบาล โดยกระจายกำลังพล เครื่องมือช่าง ยานพาหนะ ทั้งรถและเรือ อากาศยานไร้คนขับ เครื่องสูบน้ำและเรือดันน้ำ รวมทั้งชุดกู้ภัยและชุดแพทย์เคลื่อนที่ เข้าไปเสริมทำงานร่วมกับ หน่วยงานหลักโดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยของแต่ละจังหวัดและจิตอาสา ช่วยเหลือประชาชนในหลายพื้นที่ ทั้งพื้นที่วิกฤตที่น้ำป่าไหลหลากเกิดน้ำท่วมฉับพลัน พื้นที่เขตเมืองและชุมชนที่น้ำท่วมขังสูง เส้นทางที่ถูกตัดขาด บ้านเรือนประชาชนที่ชำรุดเสียหาย 

“ทุกเหล่าทัพ ที่มีหน่วยทหารในพื้นที่ ยังคงกระจายกำลังและเสริมกำลังเข้าไปช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่วิกฤตและพื้นที่ที่ได้รับความเสียหาย ทั้งการแจ้งเตือน ช่วยยกของขึ้นที่สูง อพยพประชาชนจากพื้นที่เสี่ยงเข้าพื้นที่ปลอดภัย การแจกสิ่งของบรรเทาทุกข์และจัดชุดแพทย์เคลื่อนที่เข้าดูแลประชาชนที่ยังอยู่ในพื้นที่ การจัดชุดครัวเคลื่อนที่และจัดทำอาหารกระจายแจกจ่าย การบรรจุกระสอบทรายจัดทำคันกั้นน้ำ การเปิดทางน้ำและเร่งระบายน้ำจากพื้นที่น้ำท่วมขังลงแม่น้ำสายหลัก การลอกสวะที่ขวางอุดตันทางน้ำในพื้นที่ การซ่อมแซมถนนที่ถูกตัดขาด เป็นต้น”

สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ทรงปรากฏพระองค์ในฐานะกษัตริย์ของสหราชอาณาจักร พร้อมมีพระราชดำรัสแรกอย่างเป็นทางการต่อพสกนิกร

สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 กษัตริย์องค์ใหม่ของสหราชอาณาจักร ทรงมีพระราชดำรัสต่อพสกนิกรเป็นครั้งแรกหลังขึ้นครองราชย์ต่อจากสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 พระมารดาผู้เสด็จสวรรคต

เอเอฟพีรายงานเมื่อวันเสาร์ที่ 10 กันยายน 2565 กล่าวว่า สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ทรงเสด็จมาประทับที่พระราชวังบักกิงแฮมในกรุงลอนดอนเมื่อวันศุกร์ โดยได้พบปะทักทายพสกนิกรที่มาร่วมไว้อาลัยต่อการสวรรคตของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2

หลังจากนั้นในช่วงบ่าย พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ทรงบันทึกเทปพระราชดำรัสแรกอย่างเป็นทางการในฐานะพระประมุของค์ใหม่ของสหราชอาณาจักรและเครือจักรภพ ที่ห้องวาดรูปสีน้ำเงิน (Blue Drawing Room) ของพระราชวังบักกิงแฮม

พระราชดำรัสซึ่งบันทึกไว้ล่วงหน้า ได้ออกอากาศทางโทรทัศน์ของสหราชอาณาจักร เมื่อเวลา 18:00 น. ตามเวลาท้องถิ่น (เที่ยงคืนวันเสาร์ ตามเวลาประเทศไทย) โดยมีใจความสรุปกล่าวว่า...

"วันนี้ข้าพเจ้าพูดกับทุกท่านด้วยความรู้สึกเศร้าโศกอย่างสุดซึ้ง ตลอดชีวิตของสมเด็จพระนางเจ้าฯ ผู้เป็นมารดาอันเป็นที่รักของข้าพเจ้า ทรงเป็นแรงบันดาลใจและเป็นแบบอย่างแก่ข้าพเจ้าและสมาชิกทุกคนในครอบครัวของข้าพเจ้า พวกเราติดหนี้พระคุณของพระองค์อย่างมหาศาล จากความรัก, ความเสน่หา, การสั่งสอน, ความเข้าใจ และแบบอย่างการดำรงชีวิตของพระองค์"

“ควีนเอลิซาเบธทรงดำเนินชีวิตอย่างดี และยึดมั่นในคำสัญญาเหมือนประหนึ่งชะตาที่ต้องรักษาไว้ พวกเราทุกคนเสียใจอย่างสุดซึ้งกับการจากไปของพระองค์ และข้าพเจ้าจะอุทิศชีวิตเช่นเดียวกับพระมารดา เพื่อสานต่อคำสัญญาที่ให้ไว้กับพสกนิกรที่ว่า จักขอรับใช้ไปตลอดชีวิต"

"พวกเราได้รับรู้ว่า ไม่ใช่เพียงแค่พวกเราเท่านั้นที่เศร้าโศก แต่ยังมีผู้คนอีกมากมายในสหราชอาณาจักร, ทุกประเทศที่พระราชินีทรงเป็นพระประมุข, ในเครือจักรภพและทั่วโลก ที่เปี่ยมด้วยความรู้สึกขอบคุณอย่างสุดซึ้งต่อระยะเวลากว่า 70 ปีที่พระมารดาของข้าพเจ้าดำรงพระองค์ในฐานะราชินีผู้รับใช้มวลชนจากหลากหลายชาติ"

"ความทุ่มเทในฐานะราชินีผู้ไม่เคยหวั่นไหว ผ่านช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงและความก้าวหน้า ผ่านช่วงเวลาแห่งความสุขและการเฉลิมฉลอง และผ่านช่วงเวลาแห่งความโศกเศร้าและความสูญเสีย"

“ในชีวิตการรับใช้ของพระองค์ พวกเราได้เห็นการดำรงอยู่ของจารีตประเพณีควบคู่กับการยอมรับความก้าวหน้าด้วยความแน่วแน่ ซึ่งทำให้พวกเรายิ่งใหญ่ในฐานะประเทศชาติ อีกทั้งความรัก, ความชื่นชม และความเคารพในฐานะแรงบันดาลใจของสาธารณชน สิ่งเหล่านั้นคือจุดเด่นในรัชสมัยของพระองค์"

"ด้วยศรัทธาและค่านิยมที่เป็นดั่งแรงบันดาลใจ ข้าพเจ้าถูกเลี้ยงดูมาเพื่อทะนุถนอมความรับผิดชอบต่อผู้อื่น และเคารพในประเพณีอันล้ำค่า, เสรีภาพ, ความรับผิดชอบในประวัติศาสตร์อันเป็นเอกลักษณ์ของประเทศและระบบรัฐสภา ด้วยความเคารพอย่างสูงสุด"

"เช่นเดียวกับที่พระราชินีทรงยึดมั่นด้วยความจงรักภักดี บัดนี้ข้าพเจ้าก็สัญญากับตัวเองว่า ข้าพเจ้าจักรักษาหลักการตามรัฐธรรมนูญอันเป็นหัวใจของประเทศชาติไว้ตลอดเวลาที่เหลืออยู่อันพระเจ้าประทานแก่ข้าพเจ้า"

“และไม่ว่าทุกท่านจะอาศัยอยู่ในสหราชอาณาจักร หรือในอาณาจักรและดินแดนต่างๆ ทั่วโลก ไม่ว่าภูมิหลังหรือความเชื่อของทุกท่านจะเป็นอย่างไร ข้าพเจ้าจะพยายามรับใช้ด้วยความภักดี ด้วยความเคารพ และความรัก ดังที่ข้าพเจ้าได้รับการสั่งสอนมาตลอดชีวิต"

"นี่เป็นช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงสำหรับครอบครัวของข้าพเจ้า เพื่อเป็นเกียรติแก่คามิลลาผู้เป็นภริยาที่เคียงข้างและรับใช้สาธารณะอย่างซื่อสัตย์มาตั้งแต่การอภิเษกของเราเมื่อ 17 ปีที่แล้ว ข้าพเจ้าไว้วางใจในความรักของเธอ และจะเป็นเช่นนั้นตลอดไป ต่อจากนี้ภริยาผู้เป็นที่รักจะต้องรับภาระหน้าที่อันใหญ่หลวงในการช่วยเหลือและเป็นที่พึ่งพาให้กับข้าพเจ้า ข้าพเจ้าขอขอบคุณล่วงหน้ากับการอุทิศตนอย่างมั่นคงต่อหน้าที่ของเธอ"

'กรณ์' เผย 4 เหตุการณ์ 'รับเสด็จ-เข้าเฝ้า' ควีนเอลิซาเบธที่ 2 ยกเป็นความทรงจำอันลํ้าค่าอย่างมากในชีวิต

เมื่อ 9 ก.ย.65 นายกรณ์ จาติกวณิช ได้โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊ก 'กรณ์ จาติกวณิช – Korn Chatikavanij' ระบุว่า...

#QueenElizabeth II กับ ความทรงจำอันล้ำค่าของผม

นับเป็นความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของประชาคมโลกต่อการจากไปของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ขอน้อมถวายความอาลัย และเป็นกำลังใจให้เพื่อนชาวสหราชอาณาจักรทุกคนครับ

ผมเองได้มีโอกาสรับเสด็จและเข้าเฝ้าอยู่ 4 ครั้งในแต่ละช่วงบทบาทที่แตกต่างกันไป 

ครั้งแรกตอนผมอายุ 8 ขวบ ผมอยู่โรงเรียนสมถวิล ซอยมหาดเล็กหลวง ตอนนั้นปี 2515 พระองค์ท่านเสด็จเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ พวกเราถือธงชาติไทย-อังกฤษ ยืนรับเสด็จพร้อมเพรียง เมื่อขบวนเสด็จเคลื่อนผ่าน ผมและเพื่อนๆ ต่างชะเง้อมองพระพักตร์ริมหน้าต่างรถพระที่นั่ง ใจจริงตอนนั้นผมชะเง้อมองหาในหลวงของเรา แต่ท่านประทับในรถอยู่คนละฝั่ง (ความรู้สึกของเด็กอย่างผมตอนนั้นคือเสียใจอยู่เหมือนกัน) แต่มุมนั้นทำให้ผมมองเห็นควีนเอลิซาเบธชัดเจนมาก พระองค์ท่านทรงพระสรวลและโบกพระหัตถ์ทักทายเด็กๆ อย่างเราตลอดเส้นทาง

ต่อมาตอนอายุ 11 ขวบ ผมมาเรียนอังกฤษใหม่ๆ เป็นช่วงพระราชพิธีเฉลิมฉลอง Silver Jubilee ก็ได้ไปรับเสด็จริมถนนอีกครั้ง ตื่นเต้นดังเดิม แต่คนเยอะมากไม่เห็นอะไรเลย

ครั้งที่ 3 ตอนอายุ 18 ในฐานะหัวหน้านักเรียน (Head Boy) ของโรงเรียน Winchester College ในช่วงพิธีฉลองครบรอบ 600 ปีของโรงเรียน ครั้งนั้นโรงเรียนแจ้งว่า ผมจะได้ร่วมโต๊ะเสวยกับพระองค์ท่าน ตื่นเต้นและดีใจมากกว่าทุกครั้ง

ก่อนเสด็จฯ ประมาณ 1 เดือน สำนักพระราชวังตรวจรายชื่อผู้ร่วมโต๊ะเสวย จากนั้นก็มีสายจากพระราชวังโทรตามหาตัวผมที่โรงเรียน ถามว่า ผมเป็นอะไรกับ Mr.Chatikavanij ที่เคยรับเสด็จเมื่อครั้งเยือนประเทศไทยปี 2515 ซึ่งท่านผู้นั้นคือคุณลุง ‘เกษม จาติกวณิช’ ผู้ก่อตั้งและผู้ว่าการไฟฟ้าฯ คนแรกของไทย ท่านได้รับเสด็จพระองค์ท่าน และพาเยี่ยมชมโครงการผลิตไฟฟ้าด้วยพลังน้ำตามโครงการพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่9 ของเรา 

เมื่อถึงวันงานพระองค์ท่านตรัสกับผมว่า 'when I was in Thailand, your uncle very kindly took care of me.' ถือเป็นความภาคภูมิใจของครอบครัวและวงศ์ตระกูลของเราอย่างมากครับ

ครั้งสุดท้าย ตอนนั้นอายุ 45 ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ครั้งนั้นประเทศไทยของเราได้รับเชิญเข้าร่วมประชุม G20 เป็นกรณีพิเศษเพื่อช่วยนำเสนอแนวทางในการแก้ปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจโลก ผมและนายกฯ อภิสิทธิ์ได้เข้าเฝ้า ร่วมกับผู้นำประเทศและรัฐมนตรีคลังจากประเทศชั้นนำของโลก ในพระราชวัง Buckingham Palace 

ดีลแห่งปี!! WHA&BYD จุดเริ่มจากความเชื่อมั่นที่ไทยต้องเป็นศูนย์กลาง EV สู่ดีลขายที่ผืนใหญ่ เพื่อตั้งโรงงานผลิตรถไฟฟ้าป้อนโลก

นับเป็นข่าวฮือฮาในช่วงสัปดาห์ เมื่อ WHA ปิดดีลขายที่ดินผืนใหญ่ 600 ไร่ให้ BYD ซึ่งเป็นย่างก้าวสำคัญที่จะดันไทยกลายเป็นศูนย์กลางผลิตรถยนต์ EV ได้อย่างจริงจัง จากการ BYD จะนำที่ดินผืนนี้มาตั้งเป็นโรงงานผลิตรถ EV รุกอาเซียน-ยุโรป

นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริษัท และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บมจ.ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น (WHA) เปิดเผยว่า บริษัทลงนามในสัญญาซื้อขายที่ดินครั้งใหญ่กับบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าชั้นนำ 'บีวายดี' (BYD) จำนวน 600 ไร่ ในนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ ระยอง 36 ซึ่งเป็นนิคมอุตสาหกรรมลำดับที่ 11 ของ WHA ตั้งอยู่ในทำเลยุทธศาสตร์ในโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC)

เธอกล่าวอีกด้วยว่า การซื้อขายที่ดินกับ บีวายดี ครั้งนี้ ซึ่งถือเป็นดีลที่ใหญ่ที่สุดในรอบ 20 ปี ของ WHA เน้นให้เห็นถึงกลยุทธ์ในการสนับสนุนโครงการอีอีซี และการดึงดูดอุตสาหกรรมเป้าหมาย (S-curve Industry) โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่

ด้วยการสนับสนุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) บริษัท บีวายดี (ประเทศไทย) จำกัด จะสร้างโรงงานผลิตรถยนต์นั่งไฟฟ้าพวงมาลัยขวาที่ใช้เทคโนโลยีใหม่ล่าสุด ในนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ ระยอง 36 โดยคาดว่าจะเริ่มผลิตได้ในปี 67 ด้วยกำลังการผลิตรถยนต์นั่งไฟฟ้าจำนวน 150,000 คัน/ปี เพื่อส่งออกไปยังประเทศต่างๆในกลุ่มอาเซียนและยุโรป

บีวายดี ก่อตั้งในประเทศจีน โดยมีประสบการณ์ด้านการผลิตยานยนต์พลังงานใหม่มานานกว่า 20 ปี โดยเมื่อเดือน เม.ย.65 บริษัทได้หยุดผลิตรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายในมาเน้นผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ (BEV) และรถยนต์ไฟฟ้าปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) แทน และเมื่อวันที่ 8 ส.ค.ที่ผ่านมา บีวายดี แต่งตั้งบริษัท เรเว่ ออโตโมทีฟ จำกัด ให้เป็นผู้แทนจำหน่าย BYD แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย และตั้งเป้ายอดขายปีแรกกว่า 10,000 คัน

ด้านนายหลิว เสวียเลี่ยง ผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายขายประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก บริษัท บีวายดี ออโต้ อินดัสทรี จำกัด กล่าวว่า การเปิดโรงงานผลิตแห่งใหม่ในต่างประเทศที่นิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ ระยอง 36 ครั้งนี้ ถือเป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญในการขยายบริษัทของเราอย่างแท้จริง พร้อมเสริมว่า หลังจากที่ได้ทำการค้นหาและคัดเลือกอย่างละเอียด ประเทศไทยและนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ ระยอง 36 ได้กลายเป็นตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบ เนื่องจากทำเลที่ตั้งและชื่อเสียงของบริษัทในฐานะผู้พัฒนานิคมอุตสาหกรรมชั้นนำของภูมิภาค

“โครงการอีอีซีและนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ ระยอง 36 มีสิ่งที่เรามองหา ทั้งทำเลที่ตั้งอันโดดเด่น ทรัพยากรบุคคลที่มีคุณภาพ ระบบสาธารณูปโภคและบริการระดับเวิลด์คลาส รวมไปถึงการขนส่งและโครงสร้างพื้นฐานคุณภาพสูง นอกจากนั้นแล้ว ดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป ยังมีบทบาทสำคัญในการขยายคลัสเตอร์ยานยนต์ในอีอีซีด้วย สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับการลงทุนของบีวายดี และเราหวังว่าจะมีความสัมพันธ์ระยะยาวอันดีร่วมกับดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป ต่อไปในอนาคต”ผู้บริหาร บีวายดี กล่าว

นิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ ระยอง 36 เป็นนิคมอุตสาหกรรมแห่งใหม่ล่าสุดของดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป ในประเทศไทย ครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมด 1,281 ไร่ ตั้งอยู่ในทำเลยุทธศาสตร์ใกล้ทางหลวงหมายเลข 36 และ 3375 ในจังหวัดระยอง และห่างจากท่าเรือน้ำลึกมาบตาพุดเพียง 25 กม. ท่าเรือน้ำลึกแหลมฉบัง 31 กม. และสนามบินอู่ตะเภา 23 กม.

‘ชัยวุฒิ’ เปิดท่อร้อยสายมุดลงใต้ดินกลางเมืองหาดใหญ่ เร่งจัดระเบียบสายสื่อสาร เผยดำเนินการได้ตามเป้า เล็งผนึกเอกชนดัน ‘หนึ่งบ้านหนึ่งสายสื่อสาร’ สร้างความยั่งยืนในอนาคต

4 ก.ย.2565-นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมเร่งรัดการจัดระเบียบสายสื่อสารในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา บริเวณ ถ.กาญจนวนิช จาก หน้าเซ็นทรัลเฟสติวัล หาดใหญ่ ถึงหน้ามหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ จัดระเบียบสายสื่อสาร รื้อสายไม่ได้ใช้แล้ว มัดจัดระเบียบสายที่มีอยู่ให้เรียบร้อย ระยะทาง  2.5 กิโลเมตร, บริเวณ ถ.นวลแก้ว ที่กำลังดำเนินการจัดระเบียบสายสื่อสาร ระยะทาง 5.6 กิโลเมตร และบริเวณ ถ.ธรรมนูญวิถี คือพื้นที่ที่มีการนำสายไฟและสายสื่อสารลงท่อร้อยสายใต้ดินแล้วทั้งหมด ระยะทาง 2.2 กม.



นายชัยวุฒิ เปิดเผยว่า ที่ผ่านมากระทรวงดีอีเอสได้ประสานผู้ให้บริการเครือข่ายอินเตอร์เน็ตจัดระเบียบสายในถนนเส้นหลักทั่วประเทศ วันนี้มีโอกาสมาติดตามให้กำลังใจผู้ปฏิบัติงานพร้อมเร่งรัดการจัดระเบียบใน อ.หาดใหญ่ ซึ่งในภาพรวมสามารถดำเนินการได้ตามแผนและงบประมาณที่อนุมัติมาแล้วได้ดีมาก ยังเหลืออีกบางพื้นที่ที่กำลังดำเนินการอยู่ ทั้งนี้การจัดระเบียบสายสื่อสารเป็นการทำงานร่วมกันของผู้ให้บริการเครือข่ายเพื่อนำสายสื่อสารของทุกเจ้ามามัดรวมให้เรียบร้อย เดินสายใหม่ เก็บทิ้งสายเก่าทั้งสายเคเบิ้ล สายโทรศัพท์ที่ไม่ได้ใช้ จะทำให้ปริมาณสายสื่อสารบนเสาไฟลดลง เป็นระเบียบเรียบร้อยขึ้น ในจุดที่มีความหนาแน่นของผู้ใช้บริการและสายสื่อสารมาก เราก็จะนำลงท่อใต้ดิน โดย DES ประสานงานกับ กสทช. ที่เป็นหน่วยงานหลักในเรื่องนี้มาตลอด

‘ว่าที่ ผบ.ตร.’ เข้ม ส่ง ตร. PCT ลุยกวาดล้างปืนเถื่อนออนไลน์ ยึดได้ 422 กระบอก

วันที่ 4 ก.ย.65 ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. ผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (ศปอส.ตร.) หรือ PCT: Police Cyber Taskforce เปิดเผยผลการระดมกวาดล้างอาชญากรรมทางเทคโนโลยีฯ ยึดปืนเถื่อนออนไลน์ได้กว่า 400 กระบอก ว่า ปัจจุบันนี้การก่ออาชญากรรมมีลักษณะที่มีการใช้อาวุธปืนประทุษร้ายต่อชีวิต ร่างกาย ปล้น ชิงทรัพย์ ในลักษณะอุกอาจไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายเพิ่มมากขึ้น อาทิ เหตุกราดยิงร้านอาหารกลางเมืองอุบลราชธานี, เด็กช่างกลทำปืนลั่นใส่เพื่อน เป็นต้น ซึ่งหลายๆ เหตุการณ์เจ้าหน้าตำรวจได้สืบสวนขยายผลทราบว่าผู้ก่อเหตุซื้ออาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน ผ่านช่องทางออนไลน์ 

จึงได้สั่งการให้ระดมกวาดล้างอาชญากรรมทางออนไลน์ โดยเฉพาะการลักลอบขายอาวุธปืน ตั้งแต่วันที่ 24-31 ส.ค.65 โดย สามารถจับกุมผู้ต้องหาทั้งสิ้น 1,967 ราย แบ่งเป็นคดีอาวุธปืน 502 ราย พร้อมของกลางอาวุธปืน 422 กระบอก เครื่องกระสุน 6,903 นัด  ยาบ้า 6,257 เม็ด และยาไอซ์ 400 กรัม ในส่วนของ ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ จับกุมผู้ต้องหาทั้งสิ้น 183 ราย มูลค่าความเสียหาย 58 ล้านบาท จับบัญชีม้ากดเงิน จำนวน 350 หมาย ผู้ต้องหา 365 ราย

“มนัส โกศล” หัวหน้าพรรคแรงงานสร้างชาติ ปักธง เปิดประชุมใหญ่พร้อมสู้ศึกเลือกตั้ง

           ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ภายในห้องจัดเลี้ยงราชพฤกษ์  ร้านอาหารครัวบุญเลิศ ต.บางปูใหม่ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ พรรคแรงงานสร้างชาติได้มีการนำคณะสมาชิกพรรค เปิดประชุมใหญ่วิสามัญ ครั้งที่ 1 เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนลงสู้ศึกเลือกตั้ง โดยมีนโยบายคือ “มุ่งมั่นพัฒนา  สร้างชาติอย่างยั่งยืน” 

      ด้าน นายมนัส โกศล หัวหน้าพรรคแรงงานสร้างชาติ เปิดเผยว่า ในวันนี้ทางพรรคแรงงานสร้างชาติ ได้เปิดประชุมใหญ่วิสามัญ ครั้งที่ 1 โดยการประชุมครั้งนี้มีคณะสมาชิกพรรคได้เดินทางมาเข้าร่วมการประชุมครบทั้ง 4 ภาค ได้แก่ ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคอีสาน และภาคใต้ จำนวนกว่า 300 คน ประกอบกับ พรรคแรงงานสร้างชาติมีความพร้อมทุกด้าน โดยเฉพาะการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์และนโยบายพรรค พร้อมขับเคลื่อนสวัสดิการพื้นฐานอย่างทั่วถึง ปฏิรูปประกันสังคม ปรับปรุงกฎหมายแรงงาน ส่งเสริมการศึกษา การสร้างอาชีพ การส่งเสริมการจ้างงาน และหัวใจสำคัญประชาชนต้องได้รับการจ้างงานที่เป็นธรรม


        อีกทั้ง สมาชิกพรรคแรงงานสร้างชาติล้วนเป็นบุคลากรที่มีความรู้ มีความสามารถ พร้อมที่จะช่วยบริหารขับเคลื่อนเพื่อให้เกิดประโยชน์แก่พี่น้องประชาชนอย่างสูงสุดในทุกภาคส่วน ซึ่งทางพรรคแรงงานสร้างชาติมีนโยบาย 4 ด้านที่สำคัญและตนเองมองว่านโยบายทั้ง 4 ข้อนี้ ประชาชนสามารถจับต้องได้

        คือ 1.การปฎิรูปประกันสังคม 2.ปฎิรูปการเกษตร 3.พัฒนาแหล่งน้ำให้ครอบคลุมทั่วประเทศ และ 4.ปฎิรูปสิทธิประโยชน์ด้านสังคมและสุขภาพ โดยหัวใจสำคัญ ผู้ใช้แรงงานต้องมีธนาคารแรงงานและโรงพยาบาลประกันสังคมเกษตรกรต้องมีแหล่งน้ำเพื่อการเกษตรอย่างทั่วถึง       

กองทัพบก ส่งทหาร ร่วมกรมเจ้าท่า , กทม. เร่งกำจัดผักตบในคูคลองพื้นที่ กทม. ปริมณฑล เปิดทางไหลของน้ำ เตรียมพร้อมรับมือมวลน้ำจากเหนือ

เมื่อวันที่ 4 ก.ย.2565 จากการติดตามสถานการณ์น้ำและการแจ้งเตือนสภาพอากาศช่วงต้นเดือนกันยายน อย่างใกล้ชิด ล่าสุด พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้สั่งการให้ทุกหน่วยทหารของกองทัพบก ได้ประสานกับทุกภาคส่วน เร่งปฏิบัติตามบัญชาของ รมว.กลาโหม ที่ให้เตรียมการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมจากภาวะฝนตกหนักต่อเนื่อง น้ำหลากและเตรียมการรับมวลน้ำเหนือที่กำลังไหลลงสู่พื้นที่ภาคกลาง ลุ่มเจ้าพระยาโดยด่วน  เพื่อให้ทันต่อการป้องกันอุทกภัยและลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับประชาชน โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพมหานครซึ่งมีคู คลองและมีผักตบชวาจำนวนมาก อาจเป็นอุปสรรคและทำให้ประสิทธิภาพการระบายน้ำของคูคลองลดลง จะส่งผลให้เกิดปัญหาน้ำท่วมในแต่ละพื้นที่ได้

โดยขณะนี้ ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพบก ได้อำนวยการและขับเคลื่อนตามนโยบายเร่งด่วนดังกล่าว โดยมอบให้กองทัพภาคที่ 1 และหน่วยทหารที่รับผิดชอบพื้นที่บริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยา ประสานการปฏิบัติกับทุกหน่วยงานในจังหวัดเสี่ยงและ กทม.  ที่มีเรือเก็บขยะวัชพืชทางน้ำขนาดใหญ่ โดยกองทัพบกจะส่งกำลังพลและยุทโธปกรณ์ทางการช่างเข้าร่วมสนับสนุน เพื่อปฏิบัติการเก็บผักตบชวาเก็บวัชพืช เศษขยะในแม่น้ำ ลำคลองสายหลักในพื้นที่กทม., ปริมณฑล และจังหวัดริมเจ้าพระยา เพื่อทำให้แม่น้ำ ลำคลองสาขาต่างๆสามารถรองรับปริมาณน้ำจำนวนมากและเปิดทางไหลของน้ำในแม่น้ำให้สะดวกรวดเร็ว สอดคล้องกับปริมาณน้ำที่จะเพิ่มขึ้นในช่วงฤดูฝนนี้ 

'สุรนันทน์' นำทีมพรรคสร้่างอนาคตไทย พบปะพ่อค้าแม่ค้าที่ตลาดริมคลองเจริญกรุง 103

(4 ก.ย.65) นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ รองหัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย หัวหน้าทีมกรุงเทพ และนายพงศพัศ กตคุณวิสิทธิ์ ผู้ประสานงานพรรคเขตบางคอแหลม ยานนาวา นำทีมพรรคสร้่างอนาคตไทย พบปะพ่อค้าแม่ค้าที่ตลาดริมคลองเจริญกรุง 103

นายพงศพัศ กล่าวว่า ตลาดแห่งนี้เป็นตลาดพื้นบ้านของพี่น้องชาวมุสลิมในเขตบางคอแหลม จะจัดเพียงเดือนละครั้งในเสาร์อาทิตย์แรกของเดือนเท่านั้น ซึ่งในวันนี้เป็นการเข้าสู่ปีที่ 10 ของตลาดแห่งนี้ ผู้มาเดินในตลาดแห่งนี้จะเป็นพี่น้องชาวไทยเชื้อสายมุสลิมและชาวไทยพุทธโดยเฉพาะพี่น้องชาวไทยเชื้อสายมุสลิมจะมาจากหลายๆ พื้นที่ในกรุงเทพมหานคร

นายสุรนันทน์ กล่าวว่า ชุมชนที่นี่จะเป็นโมเดลที่หลายๆ ชุมชนควรจะพัฒนาตาม เพราะปัจจุบัน ชุมชนเก่าแก่ริมคลองจะถูกละเลยไป ผมคิดว่าทุกฝ่ายทั้งระดับชาติและระดับท้องถิ่นควรที่จะร่วมมือกัน พัฒนาให้คลองสะอาด และสามารถพัฒนาวิถีชุมชนริมคลองให้กลับมาสวยงามได้

นายสุรนันทน์ ยังกล่าวว่า พรรคพร้อมที่จะส่งผู้สมัครครบ 400 เขต เราจะเป็นทางเลือกใหม่ มีความสัมพันธ์อันดีกับทุกฝ่าย ไม่จับมือกับใคร แต่ขอความเชื่อมั่นและสนับสนุนจากประชาชน เราจะไม่เข้าไปในกลุ่มขัดแย้งเดิม 

แฉ 'ลุงวี' ขอทานหลังโก่ง เป็นคนกัมพูชาหนีเข้าเมือง เคยโดนจับมาแล้ว ทำงานเป็นทีม รายได้อู้ฟู้เดือนเป็นแสน แถมพาเด็ก 10 เดือนขอทานด้วย เตรียมส่งกลับประเทศ

4 กันยายน 2565 หลังจากโลกออนไลน์แชร์คลิปวิดีโอ ชายหลังโก่งตระเวนขอทานในตลาดวัดศรีอมตะนคร อ.พานทอง จ.ชลบุรี สภาพร่างกายดูน่าสงสารเพราะหลังโก่ง เวลาเดินหัวจะพับมาถึงขา ซึ่งมีผู้แชร์จำนวนมาก ต่อมาเพจ กัน จอมพลัง ได้โพสต์ข้อความด้วยว่า ได้ประสานกับ พม.จ.ชลบุรี เข้าไปช่วยเหลือชายคนดังกล่าว ทราบว่า ชื่อลุงวี และมีการนำสิ่งของเข้าไปช่วยเหลือ 

จากนั้น เพจ กัน จอมพลัง โพสต์ข้อความเพิ่มเติมว่า "ไอ้ลุงวี สรุปผมถูกหลอก ลุงวี หลังโก่ง คือ แก๊งขอทานข้ามชาติ ที่หนีเข้าประเทศไทยตามตะเข็บชายแดน เคยถูกส่งกลับมา 3 ครั้ง มีรายได้เดือนนึงกว่า 100,000 บาท ในแก๊งมีหลายคนมีพฤติกรรมเข้าข่ายค้ามนุษย์มี การเอาเด็กอายุ 10 เดือนมานั่งขอทานด้วยเรื่องนี้แดงขึ้นมาเพราะผมประสานพัฒนาสังคมเข้าไปช่วยเหลือ แต่เค้าจำได้ว่าเคยส่งแก๊งนี้กลับประเทศหลายครั้ง และด้วยความที่เวรกรรมติดจรวด หลังจากเอาความน่าสงสารมาหลอกผมน้องเอกบางแสน และคนไทยผู้ใจดี ตอนนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าควบคุมตัวแก๊งที่ทุกคน และพาไปควบคุมตัวไว้ที่ ตม. ตอนนี้ผมรู้สึกอิหยังวะ ช่วยคนมาเยอะสุดท้ายตกเป็นเหยื่อเพราะความใจดีของตัวเอง"


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top